|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ยวน ตนเมือง ไทยวน ,พิธีกรรมเข้าทรง,พ่อผีพญาสี่เขี้ยว,บ้านสีคิ้ว,นครราชสีมา |
Author |
สุดาพร หงษ์นคร |
Title |
ประเพณีพิธีกรรมการเข้าทรงพ่อพญาสี่เขี้ยวของชาวไทยยวนบ้านสีคิ้ว ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ไทยวน ยวน ยวนสีคิ้ว คนเมือง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
(เอกสารฉบับเต็ม) |
Total Pages |
344 |
Year |
2539 |
Source |
หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาไทยคดีศึกษาเน้นมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม |
Abstract |
ไทยยวนสีคิ้วเป็นกลุ่มไทยยวนกลุ่มหนึ่งที่อาศัยอยู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลักฐานการอพยพเคลื่อนย้ายนั้นไม่ปรากฏ มีเพียงคำบอกเล่าจากร่างทรงพ่อพญาสี่เขี้ยวเท่านั้น พ่อพญาสี่เขี้ยวมีฐานะเป็นเสื้อบ้านเสื้อเมือง ผีบรรพบุรุษที่ไทยยวนสีคิ้วเคารพนับถือร่วมกัน พิธีกรรมการเข้าทรงของพ่อพญาสี่เขี้ยวเป็นการผสมผสานระหว่างความเชื่อในเรื่องผีบรรพบุรุษกับพุทธศาสนา พิธีกรรมดังกล่าวมีความสัมพันธ์อย่างยิ่งต่อวิถีชีวิตไทยยวนสีคิ้ว พิธีกรรมที่หน้าที่และบทบาทในสังคมไทยยวนสีคิ้ว เช่นการควบคุมคนในสังคมให้ประพฤติดี อยู่ในกรอบศีลธรรม ควบคุมคนผ่านพ่อพญาสี่เขี้ยวในฐานะเสื้อบ้านเสื้อเมืองที่ปกครองลูกบ้านหลานเมืองอย่างพ่อปกครองลูก ในขณะเดียวกันความเชื่อดังกล่าวยังเป็นเครื่องยึดโยงคนในสังคมไทยยวนสีคิ้วให้เกิดความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นกลุ่มชาติพันธ์ที่มีรากทางประวัติศาสตร์เช่นกัน ด้วยความสำคัญหลายประการของพ่อพญาสี่เขี้ยว ไทยยวนสีคิ้วจึงจัดงานเลี้ยงพ่อพญาสี่เขี้ยวขึ้นทุกปีช่วงวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6 มีการเซ่นสังเวย การเฉลิมฉลองและการแสดงมากมายที่บ่งบอกความเป็นไทยยวนสีคิ้ว เช่น การฟ้อนรำ ฟ้อนดาบ ด้วยเหตุนี้การเข้าทรงพ่อผีพญาสี่เขี้ยวซึ่งเป็นพิธีกรรมทางความเชื่อจึงมีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของไทยยวนสีคิ้วสืบมาจนกระทั่งปัจจุบัน |
|
Focus |
เน้นการศึกษาองค์ประกอบ ขั้นตอน ประเพณีพิธีกรรมการเข้าทรงพ่อผีพญาสี่เขี้ยวของไทยยวนบ้านสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเพณีพิธีกรรม การทรงเจ้าเข้าผีกับวิถีชีวิตของไทยยวนบ้านสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา (หน้า 7, 8 ) |
|
Theoretical Issues |
ผู้เขียนวิเคราะห์ให้เห็นบทบาทหน้าที่ของพิธีกรรมเข้าทรงพ่อผีพญาสี่เขี้ยวว่ามีหน้าที่ควบคุมสมาชิกในสังคมให้อยู่ในศีลธรรม และเป็นกลไกในการสร้างความสมานฉันท์ของกลุ่ม (ดู Abstract ประกอบ) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ไทยยวนบ้านสีคิ้ว หมายถึง คนไทยโยนกหรือไทยล้านนา ในภาคเหนือของประเทศไทย แต่ด้วยเหตุการณ์ผันผวนทางการเมืองในยุคสมัยแห่งอดีตกาล จึงได้ปรากฏว่ามีไทยยวนตั้งหลักแหล่งอยู่ร่วมกันที่บ้านสีคิ้ว ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา และผู้คนกลุ่มนี้ยังคงเรียกตนเองว่า "คนยวน" จนปัจจุบัน (หน้า 10, 11, 84, 85) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไทยยวนสื่อสารกันด้วยภาษาไทยยวนที่มีสำเนียงพูดห้วนกว่าทางเชียงใหม่ ไทยยวนบ้านสีคิ้วสำเนียงการพูดของตนเรียกว่า "ฟู่ยวน" ที่หมายถึงการพูดยวน ขณะเดียวกันภาษาไทยยวนของไทยยวนบ้านสีคิ้วจะมีบางคำที่รับมาจากภาษาไทยอีสาน ภาษาไทยโคราชและภาษาไทยภาคกลางเข้ามาปะปนมาก จนทำให้คำภาษาไทยยวนพื้นเมืองหลายคำตายไป (หน้า 85, 106) |
|
Study Period (Data Collection) |
เดือนมีนาคม พ.ศ.2537 เป็นต้นมา (หน้า 8) |
|
History of the Group and Community |
ผู้เขียนได้อ้างงานศึกษาประวัติศาสตร์ล้านนาของสรัสวดี อ๋องสกุล ว่าดินแดนล้านนาในปัจจุบันหมายถึง บริเวณ 8 จังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน และแม่ฮ่องสอน ที่มีประชากรคนพื้นเมืองเป็น "คนยวน" หรือ "โยนก" แต่เหตุแห่งการสงครามในสมัยก่อน เมื่อโจมตีบ้านเมืองได้จะมีการกวาดต้อนไพร่พลของข้าศึกมายังดินแดนของตนเพื่อเป็นกำลังพลทั้งทางด้านการปกครอง และเศรษฐกิจ จากหลักฐานจารึกพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ระบุถึงรัชสมัยสมเด็จพระราเมศวร เสวยราชสมบัติครั้งที่ 2 ได้มีการยกไปตีเมืองเชียงใหม่ และกวาดต้อนลาว (ครอบครัวไทยยวน) ลงมาพระนครเป็นจำนวนมาก โดยคำว่า "ลาว" ในทัศนะของคนภาคกลางหมายถึงคนไทยในภาคเหนือตลอดจนชาติพันธุ์กลุ่มต่างๆ ในภาคเหนือ เช่น ไทยลื้อ ไทยยอง ฯลฯ บรรดาพวกไทยยวนถูกกวาดต้อนอพยพไปทางภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงใต้ (จันทบุรี) ก็ได้ผสมสืบเผ่าพันธุ์กับชาวพื้นเมืองสืบเชื้อสายมาจนทุกวันนี้ สงครามการสู้รบทำให้พวกไทยยวนถูกกวาดต้อนอพยพบ่อยครั้งกระจายอยู่ที่ต่าง ๆ นอกดินแดนล้านนา รวมทั้งไทยยวนบ้านสีคิ้ว ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถหาหลักฐานมาอ้างอิงหรือสนับสนุนได้ว่าคนไทยยวนบ้านสีคิ้วมาจากไหน มาตั้งหลักแหล่ง ณ ที่ปัจจุบันได้อย่างไร แต่จากการสอบถามผู้อาวุโสหลายท่านได้คำตอบตรงกันว่า ตั้งมาแต่สมัยปู่ย่าตายาย และบางท่านยังกล่าวว่าไทยยวนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มากับพ่อพญาสี่เขี้ยว จากล้านนานานมาแล้วจนไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้ (หน้า 77, 78, 85) |
|
Settlement Pattern |
การตั้งถิ่นฐานจะตั้งตามแนวขนานของสายน้ำลำตะคอง ในแนวตะวันตกสู่ตะวันออก หมู่บ้านทางตะวันตกเรียกว่า "บ้านใต้" หมู่บ้านทางตะวันออกเรียกว่า "บ้านเหนือ" ส่วนอีกฝั่งของลำตะคองเป็นพื้นที่นา ซึ่งชาวบ้านจะสร้างบ้านเรือนอยู่รวมกันเป็นกลุ่มจัดพื้นที่รอบชุมชนเป็นพื้นที่ทางการเกษตร การติดต่อกันระหว่างบ้านเหนือและบ้านใต้จะผ่านเส้นทางคมนาคมและการแต่งงานระหว่างสองบ้าน อาชีพที่ชาวบ้านยังชีพคือการทำไร่ทำนาเป็นหลัก เมื่อถึงฤดูทำนาก็จะออกไปปลูกกระท่อมที่ปลายนาอาศัยตลอดฤดูกาลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว เมื่อต้องเดินทางไปกลับทุกวัน บ่อยครั้งจึงได้ตั้งบ้านเรือนเป็นหลักแหล่งถาวรอยู่ที่ทุ่งนา ต่อมาเมื่อเพิ่มจำนวนบ้านเรือนมากขึ้นกลายเป็นหมู่บ้านคือ บ้านโนนกุ่ม และบ้านถนนคด (หน้า 85, 86) (ลักษณะบ้านเรือนดูหัวข้อ Art and Crafts) |
|
Demography |
ไทยยวนสีคิ้วนิยมอยู่รวมกันเป็นสังคมใหญ่ เมื่อหมู่บ้านขยายตัวมีจำนวนครัวเรือนเพิ่มมากขึ้นมีประชากรมากขึ้น จึงมีไทยยวนกระจายอยู่ทั่วไปในพื้นที่อำเภอสีคิ้ว แต่บริเวณที่ไทยยวนสีคิ้วอยู่กันมากที่สุดมีดังนี้ - หมู่ที่ 2 บ้านใต้ 188 หลังคาเรือน ประชากรรวม 788 คน (ชาย 345 คน หญิง 443 คน) - หมู่ที่ 4 บ้านเหนือ 246 หลังคาเรือน ประชากรรวม 1,131 คน (ชาย 488 คน หญิง 643 คน) - หมู่ที่ 5 บ้านสีคิ้ว 125 หลังคาเรือน ประชากรรวม 572 คน (ชาย 248 คน หญิง 324 คน) - หมู่ที่ 6 บ้านโนนกุ่ม 353 หลังคาเรือน ประชากรรวม 1,164 คน (ชาย 570 คน หญิง 594 คน) - หมู่ที่ 9 บ้านกลาง 108 หลังคาเรือน ประชากรรวม 498 คน (ชาย 230 คน หญิง 268 คน) - หมู่ที่ 11 บ้านถนนคด 96 หลังคาเรือน ประชากรรวม 443 คน (ชาย 213 คน หญิง 230 คน) (หน้า 92) |
|
Economy |
ไทยยวนบ้านสีคิ้วยึดอาชีพการทำไร่ทำนาเป็นหลักและนิยมปลูกพืชผักสวนครัว ทำสวนผลไม้พื้นบ้านนานาชนิดไว้ใช้บริโภคในครัวเรือน หรือใช้แลกเปลี่ยนกันในชุมชน การทำนานิยมทำเพียงครั้งเดียวตามฤดูกาล โดยเริ่มต้นฤดูกาลเมื่อพิธีการเลี้ยงพ่อพญาสี่เขี้ยวประจำปีผ่านไป แต่ก่อนที่ชาวนาจะเริ่มลงมือหว่านกล้า ชาวนาจะต้องไปทำระหัดวิดน้ำเข้านา โดยทำฝายกั้นน้ำลำตะคอง เปิดให้น้ำไหลได้ช่องทางเดียว ปล่อยน้ำขังในนาเป็นอาทิตย์ แล้วจึงปรับพื้นที่เพื่อหว่านกล้า ส่วนที่เหลือเตรียมไถดะ ไถแปรปลูกข้าวต่อไป พอดำนาเสร็จจะเริ่มลงมือปลูกพืชไร่ประเภทถั่วลิสง มันสำปะหลัง ข้าวโพด อ้อย และปลูกพืชผักสวนครัวไว้บริโภคภายในครัวเรือน นอกจากนี้ ยังเลี้ยงสัตว์ เช่น วัว หมู ไก่ เพื่อขาย ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณบ้านสีคิ้วเป็นที่ตั้งที่ว่าการอำเภอสีคิ้วและสถานที่สำคัญทางราชการหลายแห่ง ทำให้การแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าเจริญเติบโต มีทั้งตลาดสดและร้านค้าปลีก ร้านค้าส่งเป็นจำนวนมาก (หน้า 86, 91, 94, 96) |
|
Social Organization |
เดิมไทยยวนสีคิ้วนิยมอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่อันประกอบไปด้วย พ่อแม่ลูกและเครือญาติที่อยู่ร่วมกันในชายคาเดียว แต่ปัจจุบันนิยมแยกเป็นครอบครัวเดี่ยว มีเพียงพ่อแม่ลูก ซึ่งปลูกบ้านในที่ดินผืนเดียวกับบ้านพ่อแม่ ดังนั้นความสัมพันธ์ภายในครอบครัวจึงเป็นความสัมพันธ์ในระบบเครือญาติ ที่ได้จากการแต่งงานกันของคนสองตระกูล มีการเคารพกันตามความอาวุโส และการเรียงลำดับญาติซึ่งบ่งบอกถึงความสำคัญและฐานะของบุคคลนั้น ๆ เมื่อหนุ่มสาวเข้าสู่วัยอันสมควรแก่การมีครอบครัว ฝ่ายชายจะไปแอ่วสาว อันเป็นประเพณีของไทยยวนที่บิดามารดาของฝ่ายหญิงจะให้เสรีภาพในการเลือกคู่ครองแก่ลูกสาว การแอ่วสาวนั้นจะไม่ไปแต่หัวค่ำเพราะอาจเป็นการรบกวนเจ้าของบ้าน โดยการแอ่วสาวนั้นฝ่ายชายจะไม่มีการล่วงเกินฝ่ายหญิงใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าถูกเนื้อต้องตัวถือว่า "ผิดผี" จะต้อง "เสียผี" ตามประเพณี ถ้าหนุ่มทำผิดผีแล้วสาวยินดีแต่งงานด้วยเรียกว่า "ใส่เอา" ถ้าสาวไม่ยินดีแต่งงานด้วยเรียกว่า "ใส่ไม่เอา" เมื่อใส่เอาแล้วจะประกอบพิธีแต่งงาน ฝ่ายเจ้าสาวจะเตรียมข้าวปลาอาหารรับแขก ฝ่ายชายจะเตรียมขันหมากอันประกอบไปด้วย ดาบ 1 เล่ม ขันหมาก 1 ชุด หีบไม้ 1 ใบ ผ้าห่มใหญ่ 1 ผืน และเงินใสผีตามที่ตกลงไว้ หลังจากมีครอบครัวและมีลูกแล้ว เมื่อลูกโตเป็นวัยรุ่นจะช่วยเหลืองานทางครอบครัว ลูกชายจะติดตามพ่อไปดูแลไร่นา ส่วนลูกสาวจะฝึกทอผ้าประเภทต่าง ๆ และเมื่อลูกชายมีอายุครบบวชเรียนจะต้องบวชเรียนก่อนมีครอบครัว โดยไทยยวนสีคิ้วจะถือว่าการบวชเรียนลูกชายเป็นอานิสงส์สูงสุดในชีวิต ชายผ้าเหลืองจะส่งให้ดวงวิญญาณของบุพการีไปสู่สวรรค์ ในขณะเดียวกันความเชื่อในพ่อพญาสี่เขี้ยวก็เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวของไทยยวนสีคิ้ว ชาวบ้านเกิดการรวมตัวเกิดความสามัคคีภายใต้ความเชื่อเรื่องเดียวกัน การเข้าทรงการทำนาย พิธีกรรมต่าง ๆ ภายใต้ความเชื่อพ่อพญาสี่เขี้ยวทำให้ชาวบ้านประพฤติดีอยู่ในกรอบศีลธรรมเป็นการจัดระเบียบสังคมทางหนึ่ง (หน้า 94, 96-97, 99) |
|
Political Organization |
กลุ่มไทยยวนส่วนใหญ่จะรวมกันอยู่เป็นกลุ่มเดียวกันในตำบลสีคิ้ว ซึ่งมี 15 หมู่บ้าน มีไทยยวนอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ 6 หมู่บ้าน คือ บ้านใต้หมู่ที่ 2 บ้านเหนือหมู่ที่ 4 บ้านสีคิ้วหมู่ที่ 5 บ้านโนนกุ่มหมู่ที่ 6 บ้านกลางหมู่ที่ 9 บ้านถนนคดหมู่ที่ 11 แต่ละหมู่บ้านมีผู้ใหญ่บ้านที่มาจากการเลือกตั้งทำหน้าที่ดูแลทุกข์สุขและประสานงานระหว่างอำเภอกับชุมชน ยกเว้นหมู่ที่ 2 ไม่มีผู้ใหญ่บ้านเพราะเป็นที่ตั้งของที่ทำการกำนันตำบลสีคิ้ว ดังนั้น กำนันจึงทำหน้าที่เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 อีกตำแหน่ง นอกจากการปกครองอันมาจากระบบการปกครองจากส่วนกลางแล้ว การปกครองที่อยู่บนพื้นฐานความเชื่อก็มีบทบาทสำคัญในหมู่บ้าน ความเชื่อเรื่องพ่อพญาสี่เขี้ยวมีหน้าที่บทบาทในการควบคุมความประพฤติของคนในชุมชน พ่อพญาสี่เขี้ยวในฐานะเสื้อบ้านเสื้อเมืองเปรียบเสมือนผู้ปกครองภายใต้ระบบพ่อปกครองลูก ที่จะดูแลลูกบ้านหลานเมืองทุกเรื่องให้ทำสิ่งที่ถูกที่ควร ผ่านพิธีกรรมการทรงเจ้าเข้าผี ผ่านระบบความคิดการปกครองเมืองสี่เขี้ยวที่มีพ่อพญาสี่เขี้ยวเป็นผู้ปกครอง (หน้า 93-94, 344) |
|
Belief System |
ไทยยวนบ้านสีคิ้วมีความเชื่อในพุทธศาสนาทุกหมู่บ้าน จะมีวัดเป็นศูนย์รวมของหมู่บ้านในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และเชื่อในเรื่องผีสางเทวดา เคารพในเรื่องผีบรรพบุรุษ ทั้งผีบรรพบุรุษที่สืบทอดโดยสายเลือด และผีบรรพบุรุษผู้นำกลุ่มชน คือพ่อพญาสี่เขี้ยว ซึ่งมีฐานะเป็นเสื้อบ้านเสื้อเมือง พ่อพญาสี่เขี้ยวเป็นดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ เป็นร่างเทพสามารถสถิตอยู่ได้ใน 32 ชั้นฟ้า 35 ชั้นดิน สามารถดลบันดาลให้ผู้บนบานศาลกล่าวประสบผลสำเร็จตามปรารถนา พระองค์แยกร่างออกเป็น 4 องค์คือ - องค์พญาร่มแก้ว อายุ 1,000 ปี รักษาเมืองทางทิศเหนือ (ศาลหัวบึง) - องค์พญาร่มเขียว อายุ 1,500 ปี รักษาเมืองทางทิศใต้ (ศาลบ้านโนนกุ่ม) - องค์พญาร่มขาว อายุ 1,200 ปี รักษาเมืองทางทิศตะวันออก (ศาลบ้านบุ่งลำใย) - องค์พญาแสนคำรามสิริชัยโย อายุ 2,600 ปี รักษาเมืองทางทิศตะวนตก (ศาลพ่อพญาสี่เขี้ยว) ทั้งนี้ เรื่องความเชื่อของไทยยวนสีคิ้วมีอยู่ 2 ระดับ คือระดับแรกเป็นการนับถือผีระดับบ้าน เนื่องจากเชื่อว่าเมื่อบุคคลในบ้านตายไปแล้ววิญญาณจะวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองทุกคนในบ้าน ชาวบ้านจะ "ตานขันข้าว" คือการนำอาหารหวานคาวจัดลงสำรับถวายพระภิกษุสงฆ์ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว นิยมตานขันข้าวในทุกๆ วันสำคัญทางศาสนา ผีบรรพบุรุษในระดับบ้านเรียกว่า "ผีปู่ย่า" ผู้ที่อยู่ร่วมวงศ์ตระกูลเดียวกันจะจัดพิธีเลี้ยงผีปู่ย่าร่วมกันในช่วงระหว่างเดือน 6 ของทุกปี ระดับที่สองเป็นการนับถือระดับเมืองผีบรรพบุรุษบ้านเมืองของไทยยวนสีคิ้วคือ "พ่อพญาสี่เขี้ยว" หรือดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของ "เจ้าพญาแสนคำรามสิริชัยโย" เจ้าเมืองเชียงแสนเมื่ออดีตกาลที่ไทยยวนบ้านสีคิ้วเชื่อว่าพระองค์ท่านทรงเป็นผู้นำลูกบ้านหลานเมืองจากเชียงแสนมาตั้งรกรากที่บ้านสีคิ้วในปัจจุบัน พ่อพญาสี่เขี้ยวดำรงสภาวะเป็นกายทิพย์ อันเนื่องจากการสั่งสมบารมีในภพวิญญาณหลายชั่วกัป หลายชั่วกัลป์ เมื่อถึงวันขึ้น 6 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี พระองค์จะเสด็จลงมาร่วมงานเลี้ยงพ่อพญาสี่เขี้ยวประจำปี ที่บริเวณสี่แยกตลาดสดอำเภอสีคิ้ว ในภาคเช้าจะมีการจัดเครื่องเซ่นสังเวย แล้วเชิญพ่อพญาสี่เขี้ยวประทับทรงรับเครื่องสังเวย พร้อมทั้งทำนายเหตุการณ์บ้านเมือง ส่วนในภาคค่ำมีพิธีสวดมนต์และก่อพระทราย ในการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์พระองค์จะทำผ่านร่างทรง ผู้ที่จะเป็นร่างทรงต้องเป็นผู้ที่ผีหรือจิตวิญญาณเลือกเอง โดยเลือกจากผู้คนในท้องถิ่นที่เคยมีกรรมผูกพันกันมาเมื่ออดีตชาติ ถ้าร่างทรงคนไหนปฏิบัติดีก็จะอยู่จนผู้นั้นสิ้นอายุขัย ถ้าหากปฏิบัติไม่ดำไม่เหมาะสมก็จะไม่อยู่ด้วย ร่างทรงของพ่อพญาสี่เขี้ยวมีทั้งหมด 7 คน ร่างทรงปัจจุบันคนที่ 7 ชื่อนางประทวน แกตขุนขาด คนที่เป็นร่างทรงนั้นต้องรักษาศีล เช่น ห้ามหลีกเลี่ยงเมื่อลูกบ้านหลานเมืองมาขอ ห้ามหลีกเลี่ยงเมื่อลูกบ้านหลานเมืองมาขอความช่วยเหลือ ห้ามกินอาหารที่บ้านงานศพ ห้ามกินไข่ ต้องถือปฏิบัติธรรม ให้จัดตั้งสักการะบูชาครูให้สวยงาม ปัจจุบันพ่อพญาสี่เขี้ยวลงประทับทรงทุกวันที่ลูกบ้านหลานเมืองมาหา ยกเว้นวันพระวันเดียว เพราะในวันพระดวงวิญญาณพ่อพญาสี่เขี้ยวต้องไปปฏิบัติธรรม การสักการะหรือบนบานนั้นต้องสักการะด้วย ดอกไม้ขาว เทียน 1 คู่ และธูป 9 ดอก และเมื่อสัมฤทธิ์ผลตามที่บนบานไว้ต้องรีบมาแก้บน เพราะพ่อพญาสี่เขี้ยวจะพูดเสมอว่าเป็นคนต้องมีสัจจะ โดยในการเข้าทรงนั้นเมื่อดวงวิญญาณพระองค์ประทับร่างทรงแล้วจะทักทายด้วย "คำยวน" หรือที่ไทยยวนสีคิ้วเรียกว่า "ฟู่ยวน" พระองค์พูดภาษาไทยได้บ้างแต่จะมีภาษาไทยเหนือแทรกตลอด จึงทำให้ลูกบ้านหลานเมืองรู้สึกเป็นกันเองสื่อสารด้วยภาษาที่เข้าใจ ทำให้เกิดความผูกพันเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวที่ชาวบ้านเคารพอยู่เสมอ (หน้า 88, 135-136, 139 -144, 156, 276) |
|
Education and Socialization |
ลูกหลานในหมู่บ้านสีคิ้วนิยมเรียนที่โรงเรียนไทยวัฒนาประชารัฐ ซึ่งเป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ และโรงเรียนมงคลกุลวิทยาซึ่งเป็นโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนแห่งแรกของบ้านสีคิ้ว ที่จัดสอนในระดับประถมศึกษา เด็ก ๆ ที่บ้านโนนกุ่มเข้าเรียนที่โรงเรียนบ้านโนนกุ่มและเด็ก ๆ บ้านถนนคดเรียนที่โรงเรียนบ้านถนนคด ส่วนในระดับมัธยมศึกษาจะมาเรียนรวมกันที่โรงเรียนบ้านสีคิ้ว "สวัสดิ์ผดุงวิทยา" หรือโรงเรียนมัธยมศึกษาใกล้บ้าน จนกระทั่งจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือ ปีที่ 6 แล้วจึงเข้าไปเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาในตัวจังหวัดนครราชสีมา (หน้า 93) |
|
Health and Medicine |
บริเวณที่ตั้งหมู่บ้านสีคิ้วมีสถานบริการทางด้านสาธารณสุขทั้งของรัฐและเอกชนอย่างทั่วถึง มีโรงพยาบาลชุมชนขนาด 90 เตียง 1 แห่ง สถานีอนามัยอำเภอ 1 แห่ง คลีนิคแพทย์เอกชน 1 แห่ง ร้านขายยาแผนปัจจุบัน 10 แห่ง ร้านขายยาแผนโบราณ 1 แห่ง นอกจากการรักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว ยังมีการรักษาด้วยการแพทย์แผนโบราณผ่านความเชื่อ โดยพ่อพญาสี่เขี้ยว ซึ่งจะรักษาโรคเช่นโรคปวดตามข้อต่างๆ ปวดขา ปวดท้อง เป็นต้น การให้บริการเริ่มขึ้นเมื่อผู้มารับบริการยกขัน 5 ถวายพ่อพญาสี่เขี้ยว แล้วพ่อพญาสี่เขี้ยวกล่าวถวายขัน 5 สักการะครูบาอาจารย์ จากนั้นให้ผู้ป่วย ยื่นมือให้ดู พระองค์จะวินิจฉัยโรคจากการตรวจเส้นลายมือ เช่น โรคปวดท้อง วิธีการรักษาเริ่มจากใช้มือกดเบาๆ เป่า 3 ครั้ง ทำการถูนวดบริเวณท้องผู้ป่วย พร้อมกับพร่ำเป่ามนต์คาถาเป็นระยะ ๆ แล้วเอาเทียนจุ่มลงไปในน้ำปูน นำมาขีดเขียนลงที่ท้องพร้อมพร่ำคาถา อมน้ำปูนเป่าลงบริเวณท้อง 3 ครั้ง เอาหมากพลูบุหรี่รวมกันในมือวนไปมาบนตัวผู้ป่วยตั้งแต่หัวจรดเท้า ปากพร่ำเรียกให้ผีร้ายออกไปจากร่าง ให้ผีร้ายมารับเครื่องเซ่น จากนั้นให้ญาติผู้ป่วยเอาเครื่องเซ่นไปวางไว้ข้างทางแพร่ง ต่อมาทำน้ำทิพย์ (น้ำมนต์) ให้ผู้ป่วยดื่ม (หน้า 93, 225) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
เรือนไทยยวนหรือเรือนกาแล เป็นบ้านเรือนทรงไทยหลังคาแหลมแบบทรงจั่วแต่มีความลาดเอียงน้อยกว่า มีกาแลติดบนยอดหลังคา ตัวเรือนเป็นทรงสูงสร้างด้วยไม้ฝาเรือนเป็นฝาปะกน บ้านทรงไทยยวนนิยมตั้งเสาเรือนและตัวบ้านเป็นทรงตรง บ้านแต่ละหลังจะมีชานเป็นตัวเชื่อม บันไดสร้างยื่นออกไปจากตัวบ้านเป็นบันไดถาวรมีหลังคาคลุม ในส่วนการแต่งกายนั้น ผู้หญิงนิยมนุ่งผ้าซิ่นยวนแล้วใช้ผ้าแพรคาดอก ต่อมาเปลี่ยนเป็นเสื้อคอกลม แขนกระบอกตามสมัยนิยม ส่วนผู้ชายนิยมนุ่งกางเกง "ลดป๊ก" ขายาว (ทางล้านนาเรียกว่า เตี่ยวสะตอ) และสวมเสื้อผ้าฝ้ายคอกลมแขนยาวมีผ้าสไบพาดไหล่ เรื่องอาหารนั้นไทยยวนสีคิ้วจะปรุงอาหารโดยใช้พืชผักที่ขึ้นในท้องถิ่น เช่น ยำเตา (ยำเทา - เทาเป็นตะไคร้นำจืดชนิดหนึ่ง) แกงบะหอย (หอยจูบ) ลาบจิ๊น (ลาบเนื้อ) (หน้า 89, 102, 104) |
|
Folklore |
ตำนานเกี่ยวกับพ่อพญาสี่เขี้ยวนั้นได้มาจากการบอกเล่าจากดวงวิญญาณพ่อพญาสี่เขี้ยวที่ประทับร่างทรง เล่าว่า พ่อพญาสี่เขี้ยวเป็นเจ้าเมืองเชียงแสนในอดีตเมื่อหลายพันปีมาแล้ว ในสมัยที่ยังไม่มีการรวมเป็นอาณาจักร "โยนกนครไชยศรีราชธานีศรีช้างแสน" พระองค์ประสูตเมื่อ จ.ศ.23 สวรรคตเมื่อ จ.ศ.115 พระบิดามีเชื้อสายยักษ์ พระมารดามีเชื้อสายนาคราช ในยุคสมัยนั้นเชียงแสนเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อุดมสมบูรณ์ ปกครองโดยพ่อปกครองลูก ต่อมาเกิดสงครามจากการโจมตีของฝรั่งเศส ทำให้บ้านเมืองแตกพ่าย เจ้าฟ้าทัตตาเทวัญ (พ่อพญาสี่เขี้ยว) จึงพาลูกบ้านหลานเมืองอพยพเดินทางหาที่ตั้งหลักแหล่งใหม่ จนกระทั่งมาเจอที่ปัจจุบันบริเวณริมลำตะคอง ต่อมาพระองค์นิมิตถึงพระอินทร์ พระองค์จึงรักษาเพศพรหมจรรย์แต่เกิดความต้องการเสวยเนื้อสัตว์อย่างมาก ระหว่างทางกลับเมืองเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่ง พระองค์จึงสั่งให้จับนำมาเสวย เมื่อเสวยเนื้อมนุษย์เข้าไปพระองค์กลายร่างเป็นยักษ์จนประชาชนหวาดกลัว หาทางจัดการจนเมื่อจัดการสำเร็จกลายร่างเป็นเจ้าฟ้าทัตตาเทวัญ เมื่อประชาชนเห็นเข้าเกิดเสียใจ จัดการฝังพระศพและถวายนามว่า "เจ้าพญาแสนคำรามสิริชัยโย" แต่เนื่องจากตอนเป็นยักษ์มีเขี้ยวงอก ชาวบ้านจึงเรียกว่า "พ่อพญาสี่เขี้ยว" จนทุกวันนี้ (หน้า 127-129, 132) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ไทยยวนสีคิ้วจะเรียกตัวเองว่า "คนยวน" ไม่เรียกว่า "คนเมือง" เหมือนทางเชียงใหม่ ในขณะเดียวกันพิธีทรงเจ้าเข้าผีของดวงวิญญาณพ่อพญาสี่เขี้ยว เป็นพิธีกรรมอย่างหนึ่งที่ตอกย้ำความเชื่อในสิ่งที่มีอำนาจเหนือธรรมชาติของกลุ่มชาติพันธุ์ไทยยวนสีคิ้วที่มีความผูกพันกับพ่อพญาสี่เขี้ยว ในฐานะเสื้อบ้านเสื้อเมือง งานพิธีกรรมดังกล่าวเป็นการแสดงความเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ไทยยวนสีคิ้ว ที่มีจุดร่วมทางประวัติศาสตร์ร่วมกัน ความรู้สึกร่วมกัน บ่งบอกอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ที่ยังคงดำรงอยู่ผ่านพิธีกรรมการทรงเจ้าเข้าผีพ่อพญาสี่เขี้ยว (หน้า 85, 293, 294) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
แผนที่ภาคอีสาน (หน้า 53) แผนที่จังหวัดนครราชสีมา (หน้า 59) แผนที่อำเภอสีคิ้ว (หน้า 67) แผนที่ไทยยวนนอกดินแดนล้านนา (หน้า 81) แผนที่หมู่บ้านไทยยวนสีคิ้ว (หน้า 87) ตารางจำนวนประชากรไทยยวนบ้านสีคิ้ว (หน้า 92) ตารางคำลำดับเครือญาติไทยยวนบ้านสีคิ้ว (หน้า 95-96) ตารางหมวดคำภาษาไทยยวนบ้านสีคิ้ว (หน้า 106-109) ตารางข้อแตกต่างระหว่างศาสนากับไสยศาสตร์ (หน้า 115) แผนภูมิแสดงความสัมพันธ์พุทธศาสนากับการทรงเจ้าเข้าผี (หน้า 126) - แผนผังประวัติพ่อพญาสี่เขี้ยว (เสวยภพมนุษย์) (หน้า 130) - แผนผังประวัติพ่อพญาสี่เขี้ยว (เสวยภพวิญญาณ) (หน้า 135) - แผนผังบ้านร่างทรง (หน้า 158) - แผนผังการจัดตำหนักคุณครูบาอาจารย์ของพ่อพญาสี่เขี้ยว (หน้า 61) - แผนผังการจัดที่สักการะสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (หน้า 167) - แผนผังการบริหารบ้านเมืองสี่เขี้ยว (หน้า 174) - แผนผังการจัดการเครื่องเซ่นบวงสรวงดวงวิญญาณพ่อพญาสี่เขี้ยวในงานเลี้ยงประจำปี (หน้า 198) - ตารางวันขึ้นหรือแรมที่ต้องห้าม (ดิถีต้องห้าม) (หน้า 208) - ตารางสรุปองค์ประกอบขั้นตอนประเพณีพิธีกรรมการเข้าทรงพ่อพญาสีเขี้ยวของชาวไทยยวนบ้านสีคิ้ว (หน้า 270 - 271) |
|
|