สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ลาหู่,เฮโรอีน,โสเภณี,จริยธรรม,ประเพณี,แม่ฮ่องสอน
Author สนิท วงศ์ประเสริฐ
Title ทัศนะที่มีต่อเฮโรอีน โสเภณี และแนวทางการฟื้นฟูจริยธรรม ศึกษากรณีชาวมูเซอ
Document Type รายงานการวิจัย Original Language of Text -
Ethnic Identity ลาหู่ ลาหู่ ละหู่ ลาฮู, Language and Linguistic Affiliations จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)
Location of
Documents
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 68 Year 2537
Source สถาบันวิจัยชาวเขา จังหวัดเชียงใหม่ กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
Abstract

เนื้อหางานกล่าวถึงพฤติกรรมของมูเซอในหมู่บ้านวนาหลวงซึ่งเป็นหมู่บ้านมูเซอซึ่งเมื่อก่อนตั้งอยู่บนเขาสูงแล้วย้ายลงมาตั้งหมู่บ้านในบริเวณชาวเขากระทั่งมีมูเซอจากหมู่บ้านอื่นรวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชนเข้าไปทำงานด้านการพัฒนา กระทั่งมีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราวจับกลุ่มมั่วสุมเสพเฮโรอีน เล่นการพนันกระทั่งนำไปสู่การแต่งงานชั่วคราวซึ่งเป็นช่องว่างให้ชาติพันธุ์อื่นเข้ามาฉวยโอกาสแต่งงานกับหญิงมูเซอแล้วเสียค่าหย่าร้าง ซึ่งการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการค้าประเวณี ในการศึกษาสภาพสังคมของมูเซอเพื่อนำไปแก้ไขปัญหายาเสพติด การค้าประเวณีและเร่งฟื้นฟูจริยธรรมต่างๆให้กับมูเซอในหมู่บ้านกรณีศึกษา

Focus

ทำการศึกษาเพื่อให้เข้าใจบริบทของสังคมหมู่บ้านชาวเขาด้วยข้อมูลรอบด้าน เพื่อเชื่อมโยงกับพฤติกรรมจริยธรรมที่เผชิญกับเฮโรอินและการเป็นหญิงโสเภณีเพื่อนำข้อมูลมาอธิบายปรากฏการณ์ทางสังคมของชาวเขาที่มีวิถีชีวิตค่อนข้างคล้ายคลึงกันในสังคมหมู่บ้าน และเป็นแนวทางในการแก้ไขพฤติกรรมเพื่อฟื้นฟูจริยธรรม(หน้า 4)

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

มูเซอ หมู่บ้านวนาหลวง หมู่ 3 ตำบลถ้ำลอด กิ่งอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน (หน้า 8)

Language and Linguistic Affiliations

ไม่มี

Study Period (Data Collection)

1 ธันวาคม 2536-30 กันยายน 2537 (หน้า 7)

History of the Group and Community

ประวัติหมู่บ้านวนาหลวง หมู่บ้านมูเซอแดง บ้านวนาหลวง ตำบลถ้ำลอด กิ่งอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน(ภาคผนวกหน้า 59) เมื่อก่อนนี้มีถิ่นฐานอยู่ที่บ้านแสนคำลือแต่ได้อพยพมาตามลำดับเหตุการณ์คือ ช่วง พ.ศ.2511-2520 ได้เกิดการสู้รบในประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นจึงทำให้ชาวเขาที่อาศัยอยู่บนภูเขาสูงที่อยู่ติดกับแนวชายแดนได้รับผลกระทบจึงย้ายที่อยู่เข้ามาอยู่ใกล้กับหน่วยงานของรัฐส่วนท้องถิ่น คือหมู่บ้านแสนคำลือ กระทั่ง พ.ศ.2519 ผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านประมาณ 10 ครัวเรือนได้ขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน หาที่อยู่ใหม่ซึ่งชาวบ้านตั้งชื่อตามลำธารที่ใกล้กับหมู่บ้านว่า “หมู่บ้านลึงค์หลวง” กระทั่ง พ.ศ.2527 จึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “ หมู่บ้านวนาหลวง” เมื่อรับนโยบายของรัฐคือให้ชาวเขาย้ายจากที่สูงลงมาอยู่เชิงเขาและในเวลาต่อมาได้มีหน่วยงานต่างๆทั้งของรัฐจากส่วนกลางและในท้องถิ่นรวมทั้งเอกชน (หน้า 10) มากกว่า 15 หน่วยงานเข้ามาทำหารพัฒนาหมู่บ้าน ดังนั้นจึงมีมูเซอที่อยู่ในหมู่บ้านต่างๆ รวมทั้งจากจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน (หน้า 11) กระทั่ง พ.ศ.2528 มีจำนวนบ้านเรือนในหมู่บ้าน 185 หลังคาเรือน ดังนั้นเมื่อมีคนมาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมากจึงทำให้เกิดการมั่วสุมโดยมีชาวบ้านและลูกจ้างของรัฐได้ค้าและเสพเฮโรอีน เล่นการพนัน ดื่มเหล้า และหาคู่ครองตามประเพณีของมูเซอและเปลี่ยนแปลงเป็นการค้าประเวณีโดยเฉพาะในบริเวณที่เป็นย่านร้านค้าของหมู่บ้าน ต่อมาในระหว่าง พ.ศ.2529-2532 จึงมีคนในหมู่บ้านเริ่มย้ายไปอยู่ที่อื่นเพราะว่าปัญหาการมั่วสุมอบายมุขต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นขัดต่อจารีตประเพณีที่เคยปฏิบัติกันมา ในปี พ.ศ.2532 ได้เกิดไฟไหม้หมู่บ้านเสียหายหลายหลังคาเรือน ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมูเซอเชื่อว่าเป็นเพราะคนในหมู่บ้านได้ทำผิดประเพณีเดิมที่เคยปฏิบัติกันมาจึงทำให้เทวราช “หงื่อซา”ไม่พอใจจึงได้ลงโทษ ดังนั้นจึงมีมูเซอย้ายกลับไปอยู่หมู่บ้านเดิมของตนหลายครัวเรือนและหน่วยงานที่เข้ามาทำงานได้การพัฒนาได้ย้ายออกจากหมู่บ้านอีกหลายหน่วยงานแต่ปัญหาเรื่องยาเสพติดและอบายมุขอื่นๆก็ยังคงอยู่ในหมู่บ้าน (หน้า 11) หลังจากปี พ.ศ.2533เรื่อยมา มูเซอจึงได้เรียนร้องให้หน่วยงานต่างๆเข้าไปดำเนินแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน (หน้า 12)

Settlement Pattern

บ้านมูเซอ ในหมู่บ้านวนาหลวงแบ่งออกเป็นแบบต่างๆดังต่อไปนี้ 1) บ้านคนฐานะดี มี 8 หลังคาเรือน (9%) สร้างด้วยไม้จริง 1 ถึง 2 ชั้น หลังคามุงกระเบื้อง ปูพื้นด้วยปูนซีเมนต์ 2) บ้านคนฐานะปานกลาง มี 17 ครัวเรือน (19%) ทำด้วยไม้จริงกับไม้ไผ่หลังคามุงสังกะสีเป็นบ้านแบบยกพื้น 3) บ้านคนฐานะไม่ดี มี 49 ครัวเรือน (55%) สร้างด้วยไม้ไผ่มุงหญ้าคาเป็นบ้านแบบยกพื้น 4) บ้านของคนที่ทำงานรับจ้างทั่วไป มี 15 ครัวเรือน (17%) บ้านทำด้วยไม้ไผ่หลังคามุงหญ้า ยกพื้น ( ตารางหน้า 17)

Demography

มูเซอบ้านวนาหลวง มีจำนวน 89 ครัวเรือนมีประชากรทั้งหมด 451 คน เป็นผู้ชาย 209 คนและผู้หญิง 242 คน เป็นคนที่เสพเฮโรอีน 64 คน และเป็นโสเภณี 11 คน (หน้า 13,ภาคผนวกหน้า 59)

Economy

อาชีพหลักของมูเซอบ้านวนาหลวงคือปลูกพืช เช่นข้าวนาดำ ข้าวไร่และพืชชนิดอื่นๆ เลี้ยงสัตว์ เช่น วัว ความ เพื่อขาย และมีอาชีพเสริมที่ผิดกฎหมายคือตัดไม้และค้าขายเฮโรอีน สำหรับการผลิตเฮโรอีนนั้น มูเซอปลูกฝิ่นในพื้นที่ที่อยู่ติดแนวชายแดน เมื่อได้ฝิ่นก็จะส่งไปแปรรูปเป็นเฮโรอีนที่โรงงานในต่างประเทศ เมื่อแปรรูปแล้วก็จะแบ่งกันคนละครึ่งระหว่างเจ้าของวัตถุดิบและคนที่แปรรูป สำหรับราคาเฮโรอีนที่ขายตามแนวชายแดนในงานเขียนบอกว่าขนาด 700 กรัมจะขายที่ราคา 40,000 บาทกับ 42,000 บาท ดังนั้นการค้าเฮโรอีนจึงทำให้มูเซอมีฐานะที่ต่างกัน ดังที่การศึกษาได้แสดงการครอบครองทรัพย์สินเครื่องใช้ในครัวเรือนเอาไว้ (หน้า 16,ตารางหน้า 17)

Social Organization

การแต่งงาน พิธีแต่งงานของมูเซอมีขั้นตอนเรียบง่ายไม่ซับซ้อน (หน้า 14) การประกอบพิธีจะนำไก่จำนวนสองตัวมาเลี้ยงผีที่บ้านผู้หญิงและเลี้ยงผีบรรพบุรุษและก็จะขอให้ ”เฒ่าแก่” หรือผู้อาวุโสเพื่อไปสู่ขอผู้หญิงกับพ่อแม่ การจัดพิธีแต่งงานจะจัดที่บ้านฝ่ายหญิง คนที่ประกอบพิธีจะเป็นคนสูงอายุในหมู่บ้าน สำหรับไก่ต้มและข้าวที่ผ่านการทำพิธีเซ่นไหว้ก็จะนำมาให้คนที่มาร่วมพิธีแต่งงานรับประทาน ขณะที่ประกอบพิธีนั้นคู่บ่าวสาว จะไม่อยู่ในงานแต่จะใช้ชีวิตเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา กระทั่งเวลากลางคืนเจ้าบ่าว เจ้าสาวก็จะเข้าห้องหอซึ่งเป็นบ้านของฝ่ายหญิง หากรวมเวลาตั้งแต่สู่ขอกระทั่งแต่งงานจะใช้เวลา 3 ถึง 4 ชั่วโมง (หน้า 15) การแต่งงานของมูเซอเมื่อแต่งงานไม่ยาก ก็เลิกไม่ยากเช่นกันสำหรับคู่สมรสจะมีอัตราเฉลี่ยการหย่าร้างไม่น้อยกว่า 2 ถึง 4 ครั้ง ซึ่งการหย่านั้นตามประเพณีของมูเซอถือว่าเป็นสิ่งผิด คนที่ขอหย่าจะถูกปรับจากหัวหน้าหมู่บ้าน 200-500 บาทจากนั้นก็จะนำเงินมาประกอบพิธีกรรมหย่าร้าง เมื่อประกอบพิธีแล้วทั้งชายหญิงที่เลิกกันนั้นก็จะมุ่งหาคู่ครองอีกครั้ง ซึ่งในภายหลังได้มีคนกลุ่มอื่นเข้ามาทำการเปลี่ยนจากค่าสินสอดและค่าปรับเมื่อหย่าร้างแล้วจ่ายเงินสดให้กับผู้หญิงเพื่อแต่งงานชั่วคราว การกระทำดังกล่าวก็เหมือนกับการค้าประเวณีซึ่งมูเซอเกรงว่าหญิงที่มีสามีหลายคนจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคเอดส์ (หน้า 15,25) ที่มาของปัญหาโสเภณีในหมู่บ้านมูเซอ เมื่อก่อนในหมู่บ้านมูเซอไม่เคยมีโสเภณี คำที่ใช้เรียกโสเภณีจะยืมมาจากภาษาไทยใหญ่ซึ่งเรียกโสเภณีว่า “แหม่ม่าล๊า” หมายถึง “ขนุนเน่า” อันสื่อความหมายว่า เน่า เสีย มีแมลงวันตอม มูเซอจะเรียกผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์กับผู้ชายหลายคนเพื่อแลกกับเงินทอง สำหรับการเป็นโสเภณีนั้น ในการศึกษาได้ระบุว่ามีที่มาดังต่อไปนี้ (หน้า 33) 1 ) การเห็นภาพการมีเพศสัมพันธุ์ตั้งแต่วัยเด็กจึงเลียนแบบ เด็กชายมูเซออายุประมาณ 10 ปี โดยมากจะเล่นการมีเพศสัมพันธ์กับเด็กหญิงที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน ในตอนที่เด็กผู้หญิงนอนหลับซึ่งเป็นพฤติกรรมเลียนแบบภาพการมีเพศสัมพันธ์ของพ่อแม่ที่นอนอยู่ใกล้ในตอนเป็นเด็ก สำหรับการเล่นการมีเพศสัมพันธ์แบบวัยผู้ใหญ่เด็กผู้หญิงก็จะตอบโต้เด็กผู้ชายอย่างแรงเข่นกัน ในการแต่งงานเด็กชายจะแต่งงานอายุต่ำกว่า 15 ปีและเด็กผู้หญิงจะแต่งงานอายุต่ำกว่า 13 ปี เมื่อแต่งแล้วก็จะช่วยพ่อแม่ทำงานต่างๆ สำหรับเด็กหญิงที่ยังไม่แต่งงานก็จะไปเกี้ยวพาราสีชายหนุ่มในเวลากลางคืนกับเด็กหญิงรุ่นพี่หรือเรียกว่า ” เชอะหามะเว ” ซึ่งมาจากคำว่า “เชอะหา ” หมายถึง “หนุ่มโสด” และ ” มะเว” คือการเกี้ยวหรือพูดคุยเชิงชู้สาว บางครั้งก็เรียกว่า “เกี้ยวหนุ่ม” (หน้า 33) 2) หญิงสาวและการแต่งงาน มูเซอแบ่งผู้หญิงออกเป็น 3 กลุ่มวัยดังนี้ 2.1 ) อายุ 13-14 ปี เรียก”ญ่ามีหาแอ๊”ซึ่งมาจากคำว่า “ญ่ามีหา” หมายถึงหญิงสาว “แอ๊” หมายถึง เล็กหรือน้อย การใช้ชีวิตประจำวันเด็กหญิงวัยเดียวกันจะช่วยกันแลกเปลี่ยนทำงานในไร่และจะไปเกี้ยวพาราสีเด็กหนุ่มในตอนกลางคืนด้วยกัน ซึ่งบางคนหากมีคนมาชอบพอก็จะได้แต่งงาน อันเป็นการได้แรงงานมาเพิ่มในครัวเรือน (หน้า 33) แต่ส่วนมากเมื่อแต่งงานแล้วก็มักทะเลาะกันและหย่าร้างเนื่องจากมีความเป็นเด็กซึ่งหลังจากเลิกร้างกันแล้วก็จะหาคู่สมรสใหม่ต่อไป (หน้า 34) 2.2 ) อายุ15-16 ปีเรียก “ญ่าหาอ่อก่าแล๊” ซึ่งมาจากคำว่า “ญ่ามีหา”หมายถึง”หญิงสาว”และ”อ่อก่าแล๊” หมายถึง ”กลาง” หรือสาวรุ่นกลางสาววัยนี้มักจะเคยแต่งงานมาแล้ว 1 ถึง 3 ครั้ง ถ้าหย่ามากกกว่านี้จะหาสามีในเผ่าเดียวกันลำบากแต่ผู้หญิงก็จะหาสามีให้ได้ในที่สุด (หน้า 34) 2.3 ) หญิงอายุตั้งแต่ 17 ปีขึ้นไปเรียก “ญ่ามีหาโหล” หมายถึงสาวใหญ่ ในวัยนี้จะแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง จะไม่ค่อยหาคู่สมรสที่เป็นเผ่าเดียวกันหญิงบางส่วนจะแต่งงานกับไทยใหญ่ สำหรับคนที่อ่านเขียนได้ก็จะไปทำงานในเมือง (หน้า 34) 3) โสเภณี ส่วนใหญ่จะเป็นหญิงอายุมากติดเฮโรอีนบางครั้งสามี พ่อแม่ติดยาเสพติดหญิงมูเซอหลายคนมักค้าประเวณีเป็นระยะเวลาหลายปีซึ่งมักเป็นที่รังเกียจของคนในหมู่บ้าน สำหรับหญิงที่ไม่ติดยาเสพติดบางครั้งอาจได้แต่งงานกับไทยใหญ่แล้วก็ยุติการเป็นโสเภณี (หน้า 34,ตารางหน้า 35,36)

Political Organization

ผู้นำหมู่บ้านและกรรมการหมู่บ้านได้มาจากหน่วยงานของรัฐเป็นผู้แต่งตั้ง ซึ่งประกอบด้วยฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แต่คนที่ได้รับการรับเลือกให้มาเป็นผู้นำหมู่บ้านนั้นยังมีข้อบกพร่องคือ เจ้าหน้าที่ของรัฐส่วนท้องถิ่นมักจะแต่งตั้งคนที่มีอายุน้อยมีฐานะดีหรือมีฐานะปานกลางมาเป็นกรรมการหมู่บ้าน ซึ่งคณะกรรมการบางส่วนยังไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่จะทำงานเพราะอ่านเขียนไม่ได้ (ตารางหน้า 23, 24)

Belief System

ประเพณีวัฒนธรรมมูเซอ จารีตประเพณีวัฒนธรรมหรือจริยธรรม มูเซอเรียกว่า”อ่อหิอ่อลอ” “อ่อหิอ่อค๊า”หรือ “อ่อหิอ่อก๊อ” ซึ่งเป็นความเชื่อของมูเซอที่ว่าคนที่ไม่ทำตามจารีตประเพณีสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะลงโทษ (หน้า 37) ซึ่งตามความเชื่อนั้นเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ทุกหนทุกแห่ง อยู่ในสิ่งมีชีวิตเช่นในคน สัตว์ แมลง ต้นไม้และสิ่งไม่มีชีวิตเช่น เครื่องมือต่างๆ อาวุธ ในบ้าน หมู่บ้าน แม่น้ำ ภูเขา ฯลฯสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตให้มีชีวิตหรือให้ตายและดูแลความประพฤติให้คนทำตามจารีตประเพณี ซึ่งมูเซอมีความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ถ้าทำดีปฏิบัติตามจารีตประเพณีก็จะได้เกิดมาเป็นคนอีกครั้ง ถ้าทำผิดจารีตประเพณีก็จะเกิดเป็นสัตว์ แมลง และอื่นๆ เป็นต้น (หน้า 38) คนที่มีชู้จะกลัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากกว่าคู่ครองของตนจะทำร้าย เมื่อเป็นชู้คนที่ทำผิดจะให้ผู้นำหมู่บ้านทำพิธีของขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งถือว่าเป็นผู้เสียหายที่หนึ่งส่วนสามีหรือภรรยาของชู้จะเป็นอันดับสอง และคนในหมู่บ้านจะเป็นอันดับสุดท้าย คนที่ทำพิธีจะแบ่งสิ่งของที่ทำพิธีขอขมาเรียบร้อยแล้วก็จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจะให้สามีกับภรรยาชองชู้เรียกว่า “ แมะเฟ้อเช้วเว” ซึ่งมาจากคำว่า “แมะเฟ้อ” หมายถึง”หน้า” และ “เช้วเว “หมายถึง “ล้าง” หรือค่าล้างหน้า ส่วนที่สองจะเป็นค่าล้างหน้า(ล้างอาย) ให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน หลังประกอบพิธีก็ถือว่ายุติความบาดหมางแก่กัน โดยไม่ต้องขอขมาต่อคู่สมรสของคนที่เป็นชู้ (หน้า 38) ส่วนกรณีไฟไหม้หมู่บ้านเมื่อ พ.ศ.2532 หลังจากที่มูเซอมาตั้งหมู่บ้านอยู่เชิงเขาก็มีมูเซอจากหมู่บ้านอื่นและลูกจ้างของรัฐมามั่วสุมเสพยาเสพติด เล่นการพนันและแต่งงานแบบชั่วคราวกับมูเซอกระทั่งแปรเปลี่ยนเป็นการค้าประเวณี เมื่อเกิดไฟไหม้หมู่บ้านมูเซอเชื่อว่าเทวราชหงื่อซาโกรธจึงลงโทษเพราะมูเซอทำผิดประเพณีดั้งเดิม (หน้า 11)

Education and Socialization

คนที่มีอายุ 5 ปีขึ้นไป มีจำนวน 411 คน มีคนที่อ่านเขียนหนังสือได้จำนวน 117 คน (28%) โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มที่ได้รับการศึกษาในระดับประถมศึกษาจำนวน 83% ระดับมัธยมศึกษา 13 % และอาชีวะอีก 4% (หน้า 18) ในการศึกษาได้แบ่งอัตราการส่งบุตรเข้าเรียนตามฐานะการศึกษาดังนี้คนที่มีฐานะดี 8 ครัวเรือน ส่งลูกเรียนหนังสือ 8 ครัวเรือน(100%) ฐานะปานกลางมี 17 ครัวเรือนส่งลูกเรียนหนังสือ 16ครัวเรือน(94%)ไม่ส่งลูกเรียน 1 ครัวเรือน (6 %) คนที่ฐานะไม่ดี 49 ครัวเรือน ส่งลูกเรียน 39ครัวเรือน(80%)ไม่ส่งเรียน 7 ครัวเรือน (14%) และกลุ่มทำงานรับจ้าง 15 ครัวเรือน ส่งลูกเรียน 9 ครัวเรือน(60 %) ไม่ส่งลูกเรียน 3 ครัวเรือน(20 %) (ตารางหน้า 19) สำหรับครอบครัวที่เสพเฮโรอีนกับไม่เสพเฮโรอีนมีอัตราส่งลูกเข้าศึกษาในโรงเรียนดังนี้ ครัวเรือนที่ไม่เสพเฮโรอีนส่งลูกเรียน 45 คน ไม่ส่งเรียน 1 คนไม่มีลูกในวัยเรียน 2 คน และไม่มีลูก 2 คน รวม 50 คน และครอบครัวที่เสพเฮโรอีนที่ส่งลูกเรียนมีทั้งหมด 27 คน ไม่ส่งลูกเรียนมี 9 คน ไม่มีลูกในวัยเรียน 1 คน และไม่มีลูก 2 คน รวม 39 คน (หน้า 21) อย่างไรก็ดีในการศึกษาเล่าเรียนของเด็กนักเรียนนั้น เด็กยังไม่มีโอกาสได้เรียนตัวอย่างที่เห็นคือการเรียนต่อจากระดับประถมศึกษาปีที่ 1 จะลดลงกว่าครึ่งเมื่อขึ้นเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และจะลดลงตามลำดับกระทั่งเหลือน้อยกว่า 10 % เมื่อเรียนถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (หน้า 25)

Health and Medicine

สุขภาพ(การเสพเฮโรอีน) ในการเสพเฮโรอีนของมูเซอนั้นมีความเป็นมาคือ เมื่อก่อนมูเซอและชาติพันธุ์อื่นจะใช้ฝิ่นเป็นยาเพื่อรักษาอาการปวดหัวไม่สบายและแจกจ่ายให้กับคนที่มาช่วยงานศพ นอกจากนี้ยังใช้ฝิ่นเป็นค่าจ้างเมื่อจ้างทำงาน รวมทั้งแลกกับอาวุธปืนและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ส่วนเฮโรอีนมีการใช้ในประเทศเมื่อ พ.ศ.2502 และ พ.ศ.2527 เริ่มระบาดในหมู่บ้านกรณีศึกษา (หน้า 26,28) มูเซอเรียกเฮโรอีนว่า”พี่พู”หรือ”ฝิ่นขาว” บางครั้งก็เรียกว่า”ผงขาว”หรือผง คนที่ขายเฮโรอีนจะบอกมูเซอว่าเฮโรอีนเรียกว่า “หัวเชื้อฝิ่น” จะสูบแล้วอิ่มกว่าฝิ่น มีสรรพคุณรักษายามเป็นไข้ แก้ท้องร่วง ควันจะทำให้เด็กหยุดร้อง การเสพมูเซอจะทำตามคนเมือง สำหรับขั้นตอนต่างๆ เกี่ยวกับการสูบเฮโรอีนมีหลายขั้นตอนเช่น 1 ) ใส่ผงหรือเกล็ดในมวนบุหรี่โยใช้น้ำลายแตะที่มีผงครั้นไฟบุหรี่ไหม้ถึงบริเวณที่ ใส่ผงไฟก็จะไหม้เรียกว่า “สอย” (หน้า 27) 2) นำผงวางลงบนแผ่นกระดาษห่อบุหรี่ที่นำออกมาจากซองแล้วลนไฟที่บริเวณใต้กระดาษใช้หลอดดูดควันเรียก”สูบกระทง” (หน้า 27) 3) นำผงใส่กระบอกฉีดยาผสมน้ำฉีดเข้าเส้นเลือด(หน้า 27) 4) ใส่ผงในกระบอกฉีดยาแล้วแทงเข็มเข้าในเส้นเลือดแล้วดูเลือดเข้ากระบอกฉีด 2) ยาแล้วดึงเข็มเพื่อผสมผงเข้ากับเลือดแล้วฉีดเข้าเส้นเลือดเรียก “น๊อก” สำหรับคนที่เสพเฮโรอีนจะเสพตั้งแต่เช้าจนเข้านอนโดยจะเสพปริมาณ 0.25 กรัม-1 กรัมต่อวัน ในหมู่บ้านกรณีศึกษามีผู้เสพเฮโรอีน 64 คน สมรสแล้ว 51 คน(80%)เป็นโสดชายหรือหญิง 9 คน(14%) เป็นหม้ายชายหรือหญิง 4 คน( 6%) (หน้า 27,30) สำหรับคนเสพยาเสพติดแยกเป็น เฮโรอีน 47 คนหรือ 73 % เฮโรอีน 14 คน(22%)และฝิ่น 3 คน (5%) (หน้า 29) สำหรับค่าเสพเฮโรอีนจะมีค่าเฉลี่ยต่อคนต่อวันเท่ากับ 65 บาท ถ้าเป็นฝิ่นจะอยู่ระหว่าง 30-50 บาท ถ้าเสพทั้งเฮโรอีนและฝิ่นจะอยู่ที่ราคา 53 บาท คนที่เสพยาเสพติดจะมีค่าเฉลี่ย 55 บาทต่อคนต่อวัน คนในหมู่บ้านมี 64 คนจะใช้เงินเสพยาเสพติด 3,494 บาทต่อวันและเป็นเงิน 1,275,310 บาทต่อปี (ตารางหน้า 31)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

บทสนทนาความรู้เรื่องเอดส์เพื่อแปลเป็นภาษามูเซอ(แดง) เป็นความรู้เรื่องโรคเอดส์ที่จะแปลเป็นภาษามูเซอแดงโดยในแต่ละวรรคจะมีดนตรีของมูเซอประกอบ การร้องจะให้ชายหญิงร้องเพลงสลับกัน เพลงจะเล่าตั้งแต่การเริ่มของการแพร่ระบาดของโรคเอดส์จากคนที่อยู่ในเมืองมาสู่ชาวเขา การติดเชื้อเอดส์ติดได้สามทางคือการมีเพศสัมพันธ์ ทางเลือด ทางครรภ์มารดา วิธีป้องกันเช่นไม่เที่ยวโสเภณี ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น โรคเอดส์ไม่ติดต่อด้วยวิธีจับมือ ใช้เสื้อผ้าร่วมกัน ถ้าสงสัยว่าเป็นโรคเอดส์หรือไม่ ให้ไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาล ฯลฯ (ภาคผนวกหน้า 65-68)

Folklore

การละเล่นของมูเซอ แต่เดิมมูเซอมีการละเล่นต่างๆที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองก่อนที่มูเซอบางส่วนจะเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น กระทั่งไม่รู้จักการละเล่นบทเพลงและการเต้นรำของตนเองที่มีความสอดคล้องกับธรรมชาติและฤดูกาลเช่นการรำตามเพลงในจังหวะปลูกข้าว เกี่ยว นวด พัดข้าวและอื่นๆเพื่อเป็นการขอพรจากเทวราชหรือบทเพลงอื่นๆเช่น ชื่นชมความงามของผึ้งเต้นรำในไร่ข้าว , เม่นขุดมันเทศ (หน้า 41) อีเก่งกระโดด,เหยี่ยวคำราม,เสือตะปบและอื่นๆ (หน้า 42) ในช่วงวันปีใหม่ มูเซอในหมู่บ้านต่างๆจะเดินทางไประหว่างหมู่บ้านเพื่อนำเครื่องดำหัวไปดำหัวให้แก่กัน จากนั้นก็จะเล่นดนตรีและเต้นรำซึ่งเป็นการละเล่นเพื่อเป็นการประกอบพิธีกรรมของตน (หน้า 42) คำสอน มูเซอมีคำสอนในการดำรงชีวิตในวังคมเรียกว่า “ช้อม้อจุ่ยต้อค๊อ” ซึ่งมาจากคำว่า “ช้อม้อจุ่ย หมายถึง บรรพบุรุษ “ต๊อค๊อ”คือ”คำสอน” ตัวอย่างคำสอนเช่น ไม่ประกอบอาชีพเพาะปลูกขายหน้าชาวบ้าน หมายความว่างานที่ได้การยกย่องคือการทำไร วันหนึ่งเกียจคร้านเปรียบเสมือนหนึ่งเดือนสูญเสียไป ถ้านับถือบรรพบุรุษจะเป็นผู้มีบุญมีศีล เทวราชหงื่อซาจะอวยพรการทำมาหากินจะได้กินได้ดื่ม เป็นต้น (หน้า 40) นิทานเทวราชหงื่อซาของมูเซอ เรื่องมีอยู่ว่า นานมาแล้วเทวราชหงื่อซาได้เรียกชาติพันธุ์ต่างๆบนโลกเพื่อมารับศีลรับพรเพื่อความร่มเย็นเป็นสุข ครั้นถึงวันกำหนดชาติพันธุ์กลุ่มต่างๆได้เดินทางไปถึงก่อนเมื่อรับศีลแล้วก็เดินทางกลับ มีเพียงคนเมืองและมูเซอที่ไปช้ากว่ากลุ่มอื่นๆ ครั้นเดินทางไปถึงเมื่อเทวราชหงื่อซาให้ศีลให้พร คนเมืองก็นำตะกร้าที่ไม่มีรูรั่วใส่กลับบ้าน สำหรับมูเซอรับศีลรับพรโยใส่ในตะกร้าที่มีรูห่าง ครั้นเดินทางกลับแล้วพรของคนเมืองก็ยังอยู่เต็มตะกร้า ตอนทำนาก็ใส่ด้วยศีลและพรข้าวก็อุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้มากมาย ส่วนมูเซอพรก็หล่นร่วงขณะเดินทางกลับ เมื่อพรหล่นลงที่ใดต้นข้าวก็งอกงามและส่วนที่พรและศีลหล่นไม่มากข้าวก็ไม่เจริญงอกงาม (หน้า 42)

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

มูเซอและลูกจ้างชั่วคราวของรัฐ ปัญหาเรื่องยาเสพติดและการค้าประเวณีในหมู่บ้านวนาหลวงนั้นมาจากการเสพเฮโรอีนและมั่วสุมเล่นการพนันของมูเซอและลูกจ้างชั่วคราวของรัฐบางส่วน เพราะหลังจากที่ผู้นำหมู่บ้านวนาหลวงมาตั้งหมู่บ้านบริเวณเชิงเขาตามนโยบายของรัฐบาล ดังนั้นจึงทำให้มูเซอจากหมู่บ้านอื่นเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านนอกจากนี้ยังมีลูกจ้างชั่วคราวของรัฐบางส่วนร่วมกับชาวบ้านได้ค้ายาเสพติดเฮโรอีนและมั่วสุมเล่นการพนัน และส่งเสริมการหาคู่ครองตามประเพณีของมูเซอกระทั่งมีการเปลี่ยนรูปแบบเป็นการค้าประเวณี ซึ่งการกระทำดังกล่าวจึงทำให้เกิดปัญหาต่างๆและขัดต่อประเพณีของมูเซอและยากต่อการแก้ไขในภายหลัง (หน้า 10-12)

Social Cultural and Identity Change

มูเซอที่เปลี่ยนไปนับถือศาสนาใหม่โดยมากมักจะหลงลืมวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของตนเองแต่จะไปรับเอาการเต้นรำที่เป็นของตะวันตก ขาดความภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเองและมีลักษณะเป็นปัจเจกชนมากขึ้น (หน้า 41)

Other Issues

ไม่มี

Map/Illustration

แผนภูมิ กรอบแนวคิดในการวิจัย (หน้า 5) โครงสร้างประชากร (หน้า 13)โครงสร้างการศึกษา (หน้า 18) ผู้เสพสารเสพติด (หน้า 29) ตาราง สัดส่วนของฐานะทางเศรษฐกิจและการครอบครองทรัพย์สิน (หน้า 17) ฐานะทางเศรษฐกิจของชาวบ้านมีผลต่อการศึกษาของบุตร (หน้า 19) อัตราส่วนลดของเด็กนักเรียนชั้นประถามปีที่1-6 (หน้า 20) ครัวเรือนไม่เสพและเสพเฮโรอีนส่งบุตรไปโรงเรียน (หน้า 21)ตำแหน่งการศึกษา ฐานะเศรษฐกิจของคณะกรรมการหมู่บ้าน (หน้า 23) ผู้เสพติดเฮโรอีนแยกตามสัดส่วนกลุ่มอายุ (หน้า 30) ค่าใช้จ่ายเปรียบเทียบระหว่างเฮโรอีนและอุปโภคบริโภค (หน้า 31) สถานภาพและความหวังของหญิงโสเภณี(หน้า 35) ทัศนะของชาวบ้านที่มีต่อหญิงโสเภณี (หน้า 36) ทัศนะของผู้ไม่เสพและเสพเฮโรอีนมีต่อปัญหาและแนวทางแกไข (หน้า 46)

Text Analyst ภูมิชาย คชมิตร Date of Report 12 ต.ค. 2563
TAG ลาหู่, เฮโรอีน, โสเภณี, จริยธรรม, ประเพณี, แม่ฮ่องสอน, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง