|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ลาหู่,เฮโรอีน,โสเภณี,จริยธรรม,ประเพณี,แม่ฮ่องสอน |
Author |
สนิท วงศ์ประเสริฐ |
Title |
ทัศนะที่มีต่อเฮโรอีน โสเภณี และแนวทางการฟื้นฟูจริยธรรม ศึกษากรณีชาวมูเซอ |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
- |
Ethnic Identity |
ลาหู่ ลาหู่ ละหู่ ลาฮู,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
68 |
Year |
2537 |
Source |
สถาบันวิจัยชาวเขา จังหวัดเชียงใหม่ กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม |
Abstract |
เนื้อหางานกล่าวถึงพฤติกรรมของมูเซอในหมู่บ้านวนาหลวงซึ่งเป็นหมู่บ้านมูเซอซึ่งเมื่อก่อนตั้งอยู่บนเขาสูงแล้วย้ายลงมาตั้งหมู่บ้านในบริเวณชาวเขากระทั่งมีมูเซอจากหมู่บ้านอื่นรวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชนเข้าไปทำงานด้านการพัฒนา กระทั่งมีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราวจับกลุ่มมั่วสุมเสพเฮโรอีน เล่นการพนันกระทั่งนำไปสู่การแต่งงานชั่วคราวซึ่งเป็นช่องว่างให้ชาติพันธุ์อื่นเข้ามาฉวยโอกาสแต่งงานกับหญิงมูเซอแล้วเสียค่าหย่าร้าง ซึ่งการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการค้าประเวณี ในการศึกษาสภาพสังคมของมูเซอเพื่อนำไปแก้ไขปัญหายาเสพติด การค้าประเวณีและเร่งฟื้นฟูจริยธรรมต่างๆให้กับมูเซอในหมู่บ้านกรณีศึกษา |
|
Focus |
ทำการศึกษาเพื่อให้เข้าใจบริบทของสังคมหมู่บ้านชาวเขาด้วยข้อมูลรอบด้าน เพื่อเชื่อมโยงกับพฤติกรรมจริยธรรมที่เผชิญกับเฮโรอินและการเป็นหญิงโสเภณีเพื่อนำข้อมูลมาอธิบายปรากฏการณ์ทางสังคมของชาวเขาที่มีวิถีชีวิตค่อนข้างคล้ายคลึงกันในสังคมหมู่บ้าน และเป็นแนวทางในการแก้ไขพฤติกรรมเพื่อฟื้นฟูจริยธรรม(หน้า 4) |
|
Ethnic Group in the Focus |
มูเซอ หมู่บ้านวนาหลวง หมู่ 3 ตำบลถ้ำลอด กิ่งอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน (หน้า 8) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
1 ธันวาคม 2536-30 กันยายน 2537 (หน้า 7) |
|
History of the Group and Community |
ประวัติหมู่บ้านวนาหลวง หมู่บ้านมูเซอแดง บ้านวนาหลวง ตำบลถ้ำลอด กิ่งอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน(ภาคผนวกหน้า 59) เมื่อก่อนนี้มีถิ่นฐานอยู่ที่บ้านแสนคำลือแต่ได้อพยพมาตามลำดับเหตุการณ์คือ ช่วง พ.ศ.2511-2520 ได้เกิดการสู้รบในประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นจึงทำให้ชาวเขาที่อาศัยอยู่บนภูเขาสูงที่อยู่ติดกับแนวชายแดนได้รับผลกระทบจึงย้ายที่อยู่เข้ามาอยู่ใกล้กับหน่วยงานของรัฐส่วนท้องถิ่น คือหมู่บ้านแสนคำลือ กระทั่ง พ.ศ.2519 ผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านประมาณ 10 ครัวเรือนได้ขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน หาที่อยู่ใหม่ซึ่งชาวบ้านตั้งชื่อตามลำธารที่ใกล้กับหมู่บ้านว่า “หมู่บ้านลึงค์หลวง” กระทั่ง พ.ศ.2527 จึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “ หมู่บ้านวนาหลวง” เมื่อรับนโยบายของรัฐคือให้ชาวเขาย้ายจากที่สูงลงมาอยู่เชิงเขาและในเวลาต่อมาได้มีหน่วยงานต่างๆทั้งของรัฐจากส่วนกลางและในท้องถิ่นรวมทั้งเอกชน (หน้า 10) มากกว่า 15 หน่วยงานเข้ามาทำหารพัฒนาหมู่บ้าน ดังนั้นจึงมีมูเซอที่อยู่ในหมู่บ้านต่างๆ รวมทั้งจากจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน (หน้า 11) กระทั่ง พ.ศ.2528 มีจำนวนบ้านเรือนในหมู่บ้าน 185 หลังคาเรือน ดังนั้นเมื่อมีคนมาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมากจึงทำให้เกิดการมั่วสุมโดยมีชาวบ้านและลูกจ้างของรัฐได้ค้าและเสพเฮโรอีน เล่นการพนัน ดื่มเหล้า และหาคู่ครองตามประเพณีของมูเซอและเปลี่ยนแปลงเป็นการค้าประเวณีโดยเฉพาะในบริเวณที่เป็นย่านร้านค้าของหมู่บ้าน ต่อมาในระหว่าง พ.ศ.2529-2532 จึงมีคนในหมู่บ้านเริ่มย้ายไปอยู่ที่อื่นเพราะว่าปัญหาการมั่วสุมอบายมุขต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นขัดต่อจารีตประเพณีที่เคยปฏิบัติกันมา ในปี พ.ศ.2532 ได้เกิดไฟไหม้หมู่บ้านเสียหายหลายหลังคาเรือน ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมูเซอเชื่อว่าเป็นเพราะคนในหมู่บ้านได้ทำผิดประเพณีเดิมที่เคยปฏิบัติกันมาจึงทำให้เทวราช “หงื่อซา”ไม่พอใจจึงได้ลงโทษ ดังนั้นจึงมีมูเซอย้ายกลับไปอยู่หมู่บ้านเดิมของตนหลายครัวเรือนและหน่วยงานที่เข้ามาทำงานได้การพัฒนาได้ย้ายออกจากหมู่บ้านอีกหลายหน่วยงานแต่ปัญหาเรื่องยาเสพติดและอบายมุขอื่นๆก็ยังคงอยู่ในหมู่บ้าน (หน้า 11) หลังจากปี พ.ศ.2533เรื่อยมา มูเซอจึงได้เรียนร้องให้หน่วยงานต่างๆเข้าไปดำเนินแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน (หน้า 12) |
|
Settlement Pattern |
บ้านมูเซอ ในหมู่บ้านวนาหลวงแบ่งออกเป็นแบบต่างๆดังต่อไปนี้ 1) บ้านคนฐานะดี มี 8 หลังคาเรือน (9%) สร้างด้วยไม้จริง 1 ถึง 2 ชั้น หลังคามุงกระเบื้อง ปูพื้นด้วยปูนซีเมนต์ 2) บ้านคนฐานะปานกลาง มี 17 ครัวเรือน (19%) ทำด้วยไม้จริงกับไม้ไผ่หลังคามุงสังกะสีเป็นบ้านแบบยกพื้น 3) บ้านคนฐานะไม่ดี มี 49 ครัวเรือน (55%) สร้างด้วยไม้ไผ่มุงหญ้าคาเป็นบ้านแบบยกพื้น 4) บ้านของคนที่ทำงานรับจ้างทั่วไป มี 15 ครัวเรือน (17%) บ้านทำด้วยไม้ไผ่หลังคามุงหญ้า ยกพื้น ( ตารางหน้า 17) |
|
Demography |
มูเซอบ้านวนาหลวง มีจำนวน 89 ครัวเรือนมีประชากรทั้งหมด 451 คน เป็นผู้ชาย 209 คนและผู้หญิง 242 คน เป็นคนที่เสพเฮโรอีน 64 คน และเป็นโสเภณี 11 คน (หน้า 13,ภาคผนวกหน้า 59) |
|
Economy |
อาชีพหลักของมูเซอบ้านวนาหลวงคือปลูกพืช เช่นข้าวนาดำ ข้าวไร่และพืชชนิดอื่นๆ เลี้ยงสัตว์ เช่น วัว ความ เพื่อขาย และมีอาชีพเสริมที่ผิดกฎหมายคือตัดไม้และค้าขายเฮโรอีน สำหรับการผลิตเฮโรอีนนั้น มูเซอปลูกฝิ่นในพื้นที่ที่อยู่ติดแนวชายแดน เมื่อได้ฝิ่นก็จะส่งไปแปรรูปเป็นเฮโรอีนที่โรงงานในต่างประเทศ เมื่อแปรรูปแล้วก็จะแบ่งกันคนละครึ่งระหว่างเจ้าของวัตถุดิบและคนที่แปรรูป สำหรับราคาเฮโรอีนที่ขายตามแนวชายแดนในงานเขียนบอกว่าขนาด 700 กรัมจะขายที่ราคา 40,000 บาทกับ 42,000 บาท ดังนั้นการค้าเฮโรอีนจึงทำให้มูเซอมีฐานะที่ต่างกัน ดังที่การศึกษาได้แสดงการครอบครองทรัพย์สินเครื่องใช้ในครัวเรือนเอาไว้ (หน้า 16,ตารางหน้า 17) |
|
Social Organization |
การแต่งงาน พิธีแต่งงานของมูเซอมีขั้นตอนเรียบง่ายไม่ซับซ้อน (หน้า 14) การประกอบพิธีจะนำไก่จำนวนสองตัวมาเลี้ยงผีที่บ้านผู้หญิงและเลี้ยงผีบรรพบุรุษและก็จะขอให้ ”เฒ่าแก่” หรือผู้อาวุโสเพื่อไปสู่ขอผู้หญิงกับพ่อแม่ การจัดพิธีแต่งงานจะจัดที่บ้านฝ่ายหญิง คนที่ประกอบพิธีจะเป็นคนสูงอายุในหมู่บ้าน สำหรับไก่ต้มและข้าวที่ผ่านการทำพิธีเซ่นไหว้ก็จะนำมาให้คนที่มาร่วมพิธีแต่งงานรับประทาน ขณะที่ประกอบพิธีนั้นคู่บ่าวสาว จะไม่อยู่ในงานแต่จะใช้ชีวิตเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา กระทั่งเวลากลางคืนเจ้าบ่าว เจ้าสาวก็จะเข้าห้องหอซึ่งเป็นบ้านของฝ่ายหญิง หากรวมเวลาตั้งแต่สู่ขอกระทั่งแต่งงานจะใช้เวลา 3 ถึง 4 ชั่วโมง (หน้า 15) การแต่งงานของมูเซอเมื่อแต่งงานไม่ยาก ก็เลิกไม่ยากเช่นกันสำหรับคู่สมรสจะมีอัตราเฉลี่ยการหย่าร้างไม่น้อยกว่า 2 ถึง 4 ครั้ง ซึ่งการหย่านั้นตามประเพณีของมูเซอถือว่าเป็นสิ่งผิด คนที่ขอหย่าจะถูกปรับจากหัวหน้าหมู่บ้าน 200-500 บาทจากนั้นก็จะนำเงินมาประกอบพิธีกรรมหย่าร้าง เมื่อประกอบพิธีแล้วทั้งชายหญิงที่เลิกกันนั้นก็จะมุ่งหาคู่ครองอีกครั้ง ซึ่งในภายหลังได้มีคนกลุ่มอื่นเข้ามาทำการเปลี่ยนจากค่าสินสอดและค่าปรับเมื่อหย่าร้างแล้วจ่ายเงินสดให้กับผู้หญิงเพื่อแต่งงานชั่วคราว การกระทำดังกล่าวก็เหมือนกับการค้าประเวณีซึ่งมูเซอเกรงว่าหญิงที่มีสามีหลายคนจะเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคเอดส์ (หน้า 15,25) ที่มาของปัญหาโสเภณีในหมู่บ้านมูเซอ เมื่อก่อนในหมู่บ้านมูเซอไม่เคยมีโสเภณี คำที่ใช้เรียกโสเภณีจะยืมมาจากภาษาไทยใหญ่ซึ่งเรียกโสเภณีว่า “แหม่ม่าล๊า” หมายถึง “ขนุนเน่า” อันสื่อความหมายว่า เน่า เสีย มีแมลงวันตอม มูเซอจะเรียกผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์กับผู้ชายหลายคนเพื่อแลกกับเงินทอง สำหรับการเป็นโสเภณีนั้น ในการศึกษาได้ระบุว่ามีที่มาดังต่อไปนี้ (หน้า 33) 1 ) การเห็นภาพการมีเพศสัมพันธุ์ตั้งแต่วัยเด็กจึงเลียนแบบ เด็กชายมูเซออายุประมาณ 10 ปี โดยมากจะเล่นการมีเพศสัมพันธ์กับเด็กหญิงที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน ในตอนที่เด็กผู้หญิงนอนหลับซึ่งเป็นพฤติกรรมเลียนแบบภาพการมีเพศสัมพันธ์ของพ่อแม่ที่นอนอยู่ใกล้ในตอนเป็นเด็ก สำหรับการเล่นการมีเพศสัมพันธ์แบบวัยผู้ใหญ่เด็กผู้หญิงก็จะตอบโต้เด็กผู้ชายอย่างแรงเข่นกัน ในการแต่งงานเด็กชายจะแต่งงานอายุต่ำกว่า 15 ปีและเด็กผู้หญิงจะแต่งงานอายุต่ำกว่า 13 ปี เมื่อแต่งแล้วก็จะช่วยพ่อแม่ทำงานต่างๆ สำหรับเด็กหญิงที่ยังไม่แต่งงานก็จะไปเกี้ยวพาราสีชายหนุ่มในเวลากลางคืนกับเด็กหญิงรุ่นพี่หรือเรียกว่า ” เชอะหามะเว ” ซึ่งมาจากคำว่า “เชอะหา ” หมายถึง “หนุ่มโสด” และ ” มะเว” คือการเกี้ยวหรือพูดคุยเชิงชู้สาว บางครั้งก็เรียกว่า “เกี้ยวหนุ่ม” (หน้า 33) 2) หญิงสาวและการแต่งงาน มูเซอแบ่งผู้หญิงออกเป็น 3 กลุ่มวัยดังนี้ 2.1 ) อายุ 13-14 ปี เรียก”ญ่ามีหาแอ๊”ซึ่งมาจากคำว่า “ญ่ามีหา” หมายถึงหญิงสาว “แอ๊” หมายถึง เล็กหรือน้อย การใช้ชีวิตประจำวันเด็กหญิงวัยเดียวกันจะช่วยกันแลกเปลี่ยนทำงานในไร่และจะไปเกี้ยวพาราสีเด็กหนุ่มในตอนกลางคืนด้วยกัน ซึ่งบางคนหากมีคนมาชอบพอก็จะได้แต่งงาน อันเป็นการได้แรงงานมาเพิ่มในครัวเรือน (หน้า 33) แต่ส่วนมากเมื่อแต่งงานแล้วก็มักทะเลาะกันและหย่าร้างเนื่องจากมีความเป็นเด็กซึ่งหลังจากเลิกร้างกันแล้วก็จะหาคู่สมรสใหม่ต่อไป (หน้า 34) 2.2 ) อายุ15-16 ปีเรียก “ญ่าหาอ่อก่าแล๊” ซึ่งมาจากคำว่า “ญ่ามีหา”หมายถึง”หญิงสาว”และ”อ่อก่าแล๊” หมายถึง ”กลาง” หรือสาวรุ่นกลางสาววัยนี้มักจะเคยแต่งงานมาแล้ว 1 ถึง 3 ครั้ง ถ้าหย่ามากกกว่านี้จะหาสามีในเผ่าเดียวกันลำบากแต่ผู้หญิงก็จะหาสามีให้ได้ในที่สุด (หน้า 34) 2.3 ) หญิงอายุตั้งแต่ 17 ปีขึ้นไปเรียก “ญ่ามีหาโหล” หมายถึงสาวใหญ่ ในวัยนี้จะแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง จะไม่ค่อยหาคู่สมรสที่เป็นเผ่าเดียวกันหญิงบางส่วนจะแต่งงานกับไทยใหญ่ สำหรับคนที่อ่านเขียนได้ก็จะไปทำงานในเมือง (หน้า 34) 3) โสเภณี ส่วนใหญ่จะเป็นหญิงอายุมากติดเฮโรอีนบางครั้งสามี พ่อแม่ติดยาเสพติดหญิงมูเซอหลายคนมักค้าประเวณีเป็นระยะเวลาหลายปีซึ่งมักเป็นที่รังเกียจของคนในหมู่บ้าน สำหรับหญิงที่ไม่ติดยาเสพติดบางครั้งอาจได้แต่งงานกับไทยใหญ่แล้วก็ยุติการเป็นโสเภณี (หน้า 34,ตารางหน้า 35,36) |
|
Political Organization |
ผู้นำหมู่บ้านและกรรมการหมู่บ้านได้มาจากหน่วยงานของรัฐเป็นผู้แต่งตั้ง ซึ่งประกอบด้วยฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แต่คนที่ได้รับการรับเลือกให้มาเป็นผู้นำหมู่บ้านนั้นยังมีข้อบกพร่องคือ เจ้าหน้าที่ของรัฐส่วนท้องถิ่นมักจะแต่งตั้งคนที่มีอายุน้อยมีฐานะดีหรือมีฐานะปานกลางมาเป็นกรรมการหมู่บ้าน ซึ่งคณะกรรมการบางส่วนยังไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่จะทำงานเพราะอ่านเขียนไม่ได้ (ตารางหน้า 23, 24) |
|
Belief System |
ประเพณีวัฒนธรรมมูเซอ จารีตประเพณีวัฒนธรรมหรือจริยธรรม มูเซอเรียกว่า”อ่อหิอ่อลอ” “อ่อหิอ่อค๊า”หรือ “อ่อหิอ่อก๊อ” ซึ่งเป็นความเชื่อของมูเซอที่ว่าคนที่ไม่ทำตามจารีตประเพณีสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะลงโทษ (หน้า 37) ซึ่งตามความเชื่อนั้นเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ทุกหนทุกแห่ง อยู่ในสิ่งมีชีวิตเช่นในคน สัตว์ แมลง ต้นไม้และสิ่งไม่มีชีวิตเช่น เครื่องมือต่างๆ อาวุธ ในบ้าน หมู่บ้าน แม่น้ำ ภูเขา ฯลฯสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตให้มีชีวิตหรือให้ตายและดูแลความประพฤติให้คนทำตามจารีตประเพณี ซึ่งมูเซอมีความเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ถ้าทำดีปฏิบัติตามจารีตประเพณีก็จะได้เกิดมาเป็นคนอีกครั้ง ถ้าทำผิดจารีตประเพณีก็จะเกิดเป็นสัตว์ แมลง และอื่นๆ เป็นต้น (หน้า 38) คนที่มีชู้จะกลัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากกว่าคู่ครองของตนจะทำร้าย เมื่อเป็นชู้คนที่ทำผิดจะให้ผู้นำหมู่บ้านทำพิธีของขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งถือว่าเป็นผู้เสียหายที่หนึ่งส่วนสามีหรือภรรยาของชู้จะเป็นอันดับสอง และคนในหมู่บ้านจะเป็นอันดับสุดท้าย คนที่ทำพิธีจะแบ่งสิ่งของที่ทำพิธีขอขมาเรียบร้อยแล้วก็จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจะให้สามีกับภรรยาชองชู้เรียกว่า “ แมะเฟ้อเช้วเว” ซึ่งมาจากคำว่า “แมะเฟ้อ” หมายถึง”หน้า” และ “เช้วเว “หมายถึง “ล้าง” หรือค่าล้างหน้า ส่วนที่สองจะเป็นค่าล้างหน้า(ล้างอาย) ให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน หลังประกอบพิธีก็ถือว่ายุติความบาดหมางแก่กัน โดยไม่ต้องขอขมาต่อคู่สมรสของคนที่เป็นชู้ (หน้า 38) ส่วนกรณีไฟไหม้หมู่บ้านเมื่อ พ.ศ.2532 หลังจากที่มูเซอมาตั้งหมู่บ้านอยู่เชิงเขาก็มีมูเซอจากหมู่บ้านอื่นและลูกจ้างของรัฐมามั่วสุมเสพยาเสพติด เล่นการพนันและแต่งงานแบบชั่วคราวกับมูเซอกระทั่งแปรเปลี่ยนเป็นการค้าประเวณี เมื่อเกิดไฟไหม้หมู่บ้านมูเซอเชื่อว่าเทวราชหงื่อซาโกรธจึงลงโทษเพราะมูเซอทำผิดประเพณีดั้งเดิม (หน้า 11) |
|
Education and Socialization |
คนที่มีอายุ 5 ปีขึ้นไป มีจำนวน 411 คน มีคนที่อ่านเขียนหนังสือได้จำนวน 117 คน (28%) โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มที่ได้รับการศึกษาในระดับประถมศึกษาจำนวน 83% ระดับมัธยมศึกษา 13 % และอาชีวะอีก 4% (หน้า 18) ในการศึกษาได้แบ่งอัตราการส่งบุตรเข้าเรียนตามฐานะการศึกษาดังนี้คนที่มีฐานะดี 8 ครัวเรือน ส่งลูกเรียนหนังสือ 8 ครัวเรือน(100%) ฐานะปานกลางมี 17 ครัวเรือนส่งลูกเรียนหนังสือ 16ครัวเรือน(94%)ไม่ส่งลูกเรียน 1 ครัวเรือน (6 %) คนที่ฐานะไม่ดี 49 ครัวเรือน ส่งลูกเรียน 39ครัวเรือน(80%)ไม่ส่งเรียน 7 ครัวเรือน (14%) และกลุ่มทำงานรับจ้าง 15 ครัวเรือน ส่งลูกเรียน 9 ครัวเรือน(60 %) ไม่ส่งลูกเรียน 3 ครัวเรือน(20 %) (ตารางหน้า 19) สำหรับครอบครัวที่เสพเฮโรอีนกับไม่เสพเฮโรอีนมีอัตราส่งลูกเข้าศึกษาในโรงเรียนดังนี้ ครัวเรือนที่ไม่เสพเฮโรอีนส่งลูกเรียน 45 คน ไม่ส่งเรียน 1 คนไม่มีลูกในวัยเรียน 2 คน และไม่มีลูก 2 คน รวม 50 คน และครอบครัวที่เสพเฮโรอีนที่ส่งลูกเรียนมีทั้งหมด 27 คน ไม่ส่งลูกเรียนมี 9 คน ไม่มีลูกในวัยเรียน 1 คน และไม่มีลูก 2 คน รวม 39 คน (หน้า 21) อย่างไรก็ดีในการศึกษาเล่าเรียนของเด็กนักเรียนนั้น เด็กยังไม่มีโอกาสได้เรียนตัวอย่างที่เห็นคือการเรียนต่อจากระดับประถมศึกษาปีที่ 1 จะลดลงกว่าครึ่งเมื่อขึ้นเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และจะลดลงตามลำดับกระทั่งเหลือน้อยกว่า 10 % เมื่อเรียนถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (หน้า 25) |
|
Health and Medicine |
สุขภาพ(การเสพเฮโรอีน) ในการเสพเฮโรอีนของมูเซอนั้นมีความเป็นมาคือ เมื่อก่อนมูเซอและชาติพันธุ์อื่นจะใช้ฝิ่นเป็นยาเพื่อรักษาอาการปวดหัวไม่สบายและแจกจ่ายให้กับคนที่มาช่วยงานศพ นอกจากนี้ยังใช้ฝิ่นเป็นค่าจ้างเมื่อจ้างทำงาน รวมทั้งแลกกับอาวุธปืนและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ส่วนเฮโรอีนมีการใช้ในประเทศเมื่อ พ.ศ.2502 และ พ.ศ.2527 เริ่มระบาดในหมู่บ้านกรณีศึกษา (หน้า 26,28) มูเซอเรียกเฮโรอีนว่า”พี่พู”หรือ”ฝิ่นขาว” บางครั้งก็เรียกว่า”ผงขาว”หรือผง คนที่ขายเฮโรอีนจะบอกมูเซอว่าเฮโรอีนเรียกว่า “หัวเชื้อฝิ่น” จะสูบแล้วอิ่มกว่าฝิ่น มีสรรพคุณรักษายามเป็นไข้ แก้ท้องร่วง ควันจะทำให้เด็กหยุดร้อง การเสพมูเซอจะทำตามคนเมือง สำหรับขั้นตอนต่างๆ เกี่ยวกับการสูบเฮโรอีนมีหลายขั้นตอนเช่น 1 ) ใส่ผงหรือเกล็ดในมวนบุหรี่โยใช้น้ำลายแตะที่มีผงครั้นไฟบุหรี่ไหม้ถึงบริเวณที่ ใส่ผงไฟก็จะไหม้เรียกว่า “สอย” (หน้า 27) 2) นำผงวางลงบนแผ่นกระดาษห่อบุหรี่ที่นำออกมาจากซองแล้วลนไฟที่บริเวณใต้กระดาษใช้หลอดดูดควันเรียก”สูบกระทง” (หน้า 27) 3) นำผงใส่กระบอกฉีดยาผสมน้ำฉีดเข้าเส้นเลือด(หน้า 27) 4) ใส่ผงในกระบอกฉีดยาแล้วแทงเข็มเข้าในเส้นเลือดแล้วดูเลือดเข้ากระบอกฉีด 2) ยาแล้วดึงเข็มเพื่อผสมผงเข้ากับเลือดแล้วฉีดเข้าเส้นเลือดเรียก “น๊อก” สำหรับคนที่เสพเฮโรอีนจะเสพตั้งแต่เช้าจนเข้านอนโดยจะเสพปริมาณ 0.25 กรัม-1 กรัมต่อวัน ในหมู่บ้านกรณีศึกษามีผู้เสพเฮโรอีน 64 คน สมรสแล้ว 51 คน(80%)เป็นโสดชายหรือหญิง 9 คน(14%) เป็นหม้ายชายหรือหญิง 4 คน( 6%) (หน้า 27,30) สำหรับคนเสพยาเสพติดแยกเป็น เฮโรอีน 47 คนหรือ 73 % เฮโรอีน 14 คน(22%)และฝิ่น 3 คน (5%) (หน้า 29) สำหรับค่าเสพเฮโรอีนจะมีค่าเฉลี่ยต่อคนต่อวันเท่ากับ 65 บาท ถ้าเป็นฝิ่นจะอยู่ระหว่าง 30-50 บาท ถ้าเสพทั้งเฮโรอีนและฝิ่นจะอยู่ที่ราคา 53 บาท คนที่เสพยาเสพติดจะมีค่าเฉลี่ย 55 บาทต่อคนต่อวัน คนในหมู่บ้านมี 64 คนจะใช้เงินเสพยาเสพติด 3,494 บาทต่อวันและเป็นเงิน 1,275,310 บาทต่อปี (ตารางหน้า 31) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
บทสนทนาความรู้เรื่องเอดส์เพื่อแปลเป็นภาษามูเซอ(แดง) เป็นความรู้เรื่องโรคเอดส์ที่จะแปลเป็นภาษามูเซอแดงโดยในแต่ละวรรคจะมีดนตรีของมูเซอประกอบ การร้องจะให้ชายหญิงร้องเพลงสลับกัน เพลงจะเล่าตั้งแต่การเริ่มของการแพร่ระบาดของโรคเอดส์จากคนที่อยู่ในเมืองมาสู่ชาวเขา การติดเชื้อเอดส์ติดได้สามทางคือการมีเพศสัมพันธ์ ทางเลือด ทางครรภ์มารดา วิธีป้องกันเช่นไม่เที่ยวโสเภณี ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น โรคเอดส์ไม่ติดต่อด้วยวิธีจับมือ ใช้เสื้อผ้าร่วมกัน ถ้าสงสัยว่าเป็นโรคเอดส์หรือไม่ ให้ไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาล ฯลฯ (ภาคผนวกหน้า 65-68) |
|
Folklore |
การละเล่นของมูเซอ แต่เดิมมูเซอมีการละเล่นต่างๆที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองก่อนที่มูเซอบางส่วนจะเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น กระทั่งไม่รู้จักการละเล่นบทเพลงและการเต้นรำของตนเองที่มีความสอดคล้องกับธรรมชาติและฤดูกาลเช่นการรำตามเพลงในจังหวะปลูกข้าว เกี่ยว นวด พัดข้าวและอื่นๆเพื่อเป็นการขอพรจากเทวราชหรือบทเพลงอื่นๆเช่น ชื่นชมความงามของผึ้งเต้นรำในไร่ข้าว , เม่นขุดมันเทศ (หน้า 41) อีเก่งกระโดด,เหยี่ยวคำราม,เสือตะปบและอื่นๆ (หน้า 42) ในช่วงวันปีใหม่ มูเซอในหมู่บ้านต่างๆจะเดินทางไประหว่างหมู่บ้านเพื่อนำเครื่องดำหัวไปดำหัวให้แก่กัน จากนั้นก็จะเล่นดนตรีและเต้นรำซึ่งเป็นการละเล่นเพื่อเป็นการประกอบพิธีกรรมของตน (หน้า 42) คำสอน มูเซอมีคำสอนในการดำรงชีวิตในวังคมเรียกว่า “ช้อม้อจุ่ยต้อค๊อ” ซึ่งมาจากคำว่า “ช้อม้อจุ่ย หมายถึง บรรพบุรุษ “ต๊อค๊อ”คือ”คำสอน” ตัวอย่างคำสอนเช่น ไม่ประกอบอาชีพเพาะปลูกขายหน้าชาวบ้าน หมายความว่างานที่ได้การยกย่องคือการทำไร วันหนึ่งเกียจคร้านเปรียบเสมือนหนึ่งเดือนสูญเสียไป ถ้านับถือบรรพบุรุษจะเป็นผู้มีบุญมีศีล เทวราชหงื่อซาจะอวยพรการทำมาหากินจะได้กินได้ดื่ม เป็นต้น (หน้า 40) นิทานเทวราชหงื่อซาของมูเซอ เรื่องมีอยู่ว่า นานมาแล้วเทวราชหงื่อซาได้เรียกชาติพันธุ์ต่างๆบนโลกเพื่อมารับศีลรับพรเพื่อความร่มเย็นเป็นสุข ครั้นถึงวันกำหนดชาติพันธุ์กลุ่มต่างๆได้เดินทางไปถึงก่อนเมื่อรับศีลแล้วก็เดินทางกลับ มีเพียงคนเมืองและมูเซอที่ไปช้ากว่ากลุ่มอื่นๆ ครั้นเดินทางไปถึงเมื่อเทวราชหงื่อซาให้ศีลให้พร คนเมืองก็นำตะกร้าที่ไม่มีรูรั่วใส่กลับบ้าน สำหรับมูเซอรับศีลรับพรโยใส่ในตะกร้าที่มีรูห่าง ครั้นเดินทางกลับแล้วพรของคนเมืองก็ยังอยู่เต็มตะกร้า ตอนทำนาก็ใส่ด้วยศีลและพรข้าวก็อุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้มากมาย ส่วนมูเซอพรก็หล่นร่วงขณะเดินทางกลับ เมื่อพรหล่นลงที่ใดต้นข้าวก็งอกงามและส่วนที่พรและศีลหล่นไม่มากข้าวก็ไม่เจริญงอกงาม (หน้า 42) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
มูเซอและลูกจ้างชั่วคราวของรัฐ ปัญหาเรื่องยาเสพติดและการค้าประเวณีในหมู่บ้านวนาหลวงนั้นมาจากการเสพเฮโรอีนและมั่วสุมเล่นการพนันของมูเซอและลูกจ้างชั่วคราวของรัฐบางส่วน เพราะหลังจากที่ผู้นำหมู่บ้านวนาหลวงมาตั้งหมู่บ้านบริเวณเชิงเขาตามนโยบายของรัฐบาล ดังนั้นจึงทำให้มูเซอจากหมู่บ้านอื่นเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านนอกจากนี้ยังมีลูกจ้างชั่วคราวของรัฐบางส่วนร่วมกับชาวบ้านได้ค้ายาเสพติดเฮโรอีนและมั่วสุมเล่นการพนัน และส่งเสริมการหาคู่ครองตามประเพณีของมูเซอกระทั่งมีการเปลี่ยนรูปแบบเป็นการค้าประเวณี ซึ่งการกระทำดังกล่าวจึงทำให้เกิดปัญหาต่างๆและขัดต่อประเพณีของมูเซอและยากต่อการแก้ไขในภายหลัง (หน้า 10-12) |
|
Social Cultural and Identity Change |
มูเซอที่เปลี่ยนไปนับถือศาสนาใหม่โดยมากมักจะหลงลืมวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของตนเองแต่จะไปรับเอาการเต้นรำที่เป็นของตะวันตก ขาดความภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเองและมีลักษณะเป็นปัจเจกชนมากขึ้น (หน้า 41) |
|
Map/Illustration |
แผนภูมิ กรอบแนวคิดในการวิจัย (หน้า 5) โครงสร้างประชากร (หน้า 13)โครงสร้างการศึกษา (หน้า 18) ผู้เสพสารเสพติด (หน้า 29) ตาราง สัดส่วนของฐานะทางเศรษฐกิจและการครอบครองทรัพย์สิน (หน้า 17) ฐานะทางเศรษฐกิจของชาวบ้านมีผลต่อการศึกษาของบุตร (หน้า 19) อัตราส่วนลดของเด็กนักเรียนชั้นประถามปีที่1-6 (หน้า 20) ครัวเรือนไม่เสพและเสพเฮโรอีนส่งบุตรไปโรงเรียน (หน้า 21)ตำแหน่งการศึกษา ฐานะเศรษฐกิจของคณะกรรมการหมู่บ้าน (หน้า 23) ผู้เสพติดเฮโรอีนแยกตามสัดส่วนกลุ่มอายุ (หน้า 30) ค่าใช้จ่ายเปรียบเทียบระหว่างเฮโรอีนและอุปโภคบริโภค (หน้า 31) สถานภาพและความหวังของหญิงโสเภณี(หน้า 35) ทัศนะของชาวบ้านที่มีต่อหญิงโสเภณี (หน้า 36) ทัศนะของผู้ไม่เสพและเสพเฮโรอีนมีต่อปัญหาและแนวทางแกไข (หน้า 46) |
|
|