|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ออแรนายู มลายูมุสลิม มุสลิมมลายู,มาเลย์-มุสลิม,ศาสนาอิสลาม,การเคลื่อนไหวทางการเมือง,ประเทศไทย |
Author |
Surin Pitsuwan |
Title |
Islam and Malay Nationalism : A Case Study of the Malay-Muslims of Southern Thailand |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเนเชี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
297 |
Year |
2528 |
Source |
Charoon Wit Press, Bangkok 1985. |
Abstract |
ผู้เขียนวิทยานิพนธ์นำเสนอบทบาทมาเลย์-มุสลิมทางภาคใต้ของประเทศไทย ใช้ศาสนาอิสลามเพื่อความเป็นอิสระทางเชื้อชาติ วัฒนธรรม และการปกครองตนเอง นโยบายการปกครองของรัฐไทยต่อมาเลย์-มุสลิม และผลที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวโดยใช้ความรุนแรง การก่อจลาจล และการเปลี่ยนมาให้ความสนใจทางศาสนาและดำเนินตามกฏข้อบังคับอย่างเคร่งครัด รวมถึงการให้ความสนับสนุนในการดำเนินการจากต่างประเทศทั้งต่อรัฐไทยและมาเลย์-มุสลิม |
|
Focus |
วิทยานิพนธ์เล่มนี้เน้นการศึกษาบทบาทความเคลื่อนไหวทางศาสนาของกลุ่มมาเลย์-มุสลิม ไปสู่ความเป็นอิสระในการปกครองตนเอง (ดูที่ Abstract) |
|
Theoretical Issues |
ในงานนี้ ผู้เขียนต้องการศึกษากระบวนการต่อสู้ของมาเลย์มุสลิมในภาคใต้ของไทยเพื่อการดำรงอยู่ของวัฒนธรรมของกลุ่มฯ ซึ่งเกิดขึ้นช่วงหลัง ค.ศ. 1902 ที่ได้ถูกผนวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐไทยอย่างเป็นทางการ (หน้า 4) และในการต่อสู้นี้ มาเลย์-มุสลิม ได้อาศัยสัญลักษณ์ทางศาสนาแบบเดียวกับที่ Max Weber เรียกว่า "ความเป็นผู้นำโดยประเพณี" แต่ผู้นำมาเลย์มุสลิมมียุทธวิธีที่หลากหลาย คือตามบริบทพัฒนาการทางการเมืองของรัฐไทย ที่ว่าหากระบบการเมืองเป็นระบบปิด พวกเขาก็อาศัยกิจกรรมใต้ดินเพื่อธำรงจิตสำนึกทางวัฒนธรรมไว้ แต่เมื่อระบบการเมืองเปิดโอกาสให้กลุ่มบุคคลต่าง ๆ มีส่วนร่วม พวกเขาก็หันมาสู้ผ่านระบบการเลือกตั้ง โดยพยายามเลือกนักการเมืองที่เป็นตัวแทนของกลุ่มในสภาผู้แทนราษฎร สาระสำคัญเดิมคือการเป็นอิสระทางวัฒนธรรม (หน้า 5) ผู้เขียนต้องการอธิบายให้เห็นว่า จะเข้าใจสาเหตุที่มาของการต่อสู้เคลื่อนไหวเพื่อความเป็นอิสระทางวัฒนธรรมดังกล่าว ต้องเข้าใจลักษณะสำคัญของสังคม มาเลย์ - มุสลิม ที่ปัญหาเรื่องความขัดแย้งเชิงอำนาจระหว่างผู้นำทางศาสนาและผู้นำทางการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ ในแง่ที่ว่าอำนาจชนิดไหนมีความชอบธรรมกันแน่ (หน้า 8) และความขัดแย้งนี้จะรุนแรงขึ้นในกรณีของมาเลย์ - มุสลิมในไทย ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยและอยู่ภายใต้รัฐ ซึ่งมีโลกทรรศน์แบบพุทธเป็นสำคัญ และผู้มีอำนาจทางการเมืองส่วนใหญ่ เป็นพุทธศาสนิกชน และมีนโยบายควบคุมชุมชนทางศาสนา (หน้า 11) ซึ่งรวมชุมชนมุสลิมด้วย โดยอาศัยแนวคิดของ Greet's (1968) ที่ว่า ในสังคมอิสลามกระบวนการทำให้ศาสนาบริสุทธิ์มักจะควบคู่กันไปกับจิตสำนึกทางการเมือง และแนวคิดของ Tambiah ที่ว่าในสังคมพุทธนิกายเถรวาทอย่างประเทศไทย อำนาจรัฐมักได้รับการสนับสนุนจากผู้นำทางศาสนา และทำให้เกิดความราบรื่นทางสังคมและการเมือง แต่เมื่อขยายออกไปผนวกมุสลิม ก็จะเกิดการต่อต้าน ซึ่งเกิดจากจิตสำนึกทางการเมืองที่มาจากการทำศาสนาให้บริสุทธิ์ดังที่ได้กล่าวแล้ว ผลลัพธ์ คือ การเกิดชาติพันธุ์นิยม (หน้า 14-15) |
|
Ethnic Group in the Focus |
กลุ่มมาเลย์-มุสลิม ทางภาคใต้ของประเทศไทย (หน้า 3) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
กลุ่มมาเลย์-มุลสิม ส่วนใหญ่ใช้ภาษามาเลย์ในการติดต่อสื่อสารในชุมชน (หน้า 32) ในปี 1981 รัฐได้เปิดโรงเรียนตามระบบการศึกษาทำให้มีการเรียนภาษาไทยเกิดขึ้น (หน้า 19) แต่ไม่ปรากฏการอธิบายและให้ข้อมูลระบบภาษาและการจำแนกตระกูลภาษา |
|
Study Period (Data Collection) |
ปี 1902-1985 (เป็นการศึกษาข้อมูลทางเอกสาร) |
|
History of the Group and Community |
ผู้เขียนกล่าวถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของกลุ่มมุสลิมว่าได้เข้ามาในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายหลังจากกลุ่มฮินดูและพุทธศาสนา โดยส่วนใหญ่จะมีอาณาบริเวณทางตอนใต้และหมู่เกาะต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย สำหรับกลุ่มมาเลย์มุสลิมในประเทศไทยนั้นในอดีตได้รับอิสระในการปกครองตนเอง แต่ในช่วงยุคอาณานิคมและระยะเวลาต่อมารัฐบาลไทยได้พยายามควบคุมการปกครองเหนือกลุ่มมาเลย์มุสลิมโดยรวมหัวเมืองปัตตานีเป็นส่วนหนึ่งของรัฐไทย ในราวปี ค.ศ.1902 เป็นต้นมาได้เกิดการต่อต้าน เนื่องจากกลุ่มมาเลย์มุสลิมภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุด ปี ค.ศ. 1945 อังกฤษได้ให้เอกราชต่อมาเลเซียส่งผลให้กลุ่มมาเลย์มุสลิมในประเทศไทยเรียกร้องเพื่อนำไปสู่การปกครองตนเองอย่างอิสระเสรี ทำให้รัฐบาลไทยต้องเข้าควบคุมโรงเรียนสอนศาสนาผู้นำทางศาสนาและเปลี่ยนแปลงโรงเรียนสอนศาสนาทำให้เกิดการสูญเสียเอกลักษณ์ทางชาติพันธุ์และก่อให้เกิดปัญหาความรุนแรง การประท้วงและการก่อจลาจลจนเกิดการแตกแยกเป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดนขึ้นและส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลสังคมและวัฒนธรรมของมาเลย์มุสลิมจนถึงปัจจุบัน (หน้า 27-63) |
|
Demography |
กลุ่มมาเลย์-มุสลิม มีประชากร 2.84% ของประชากรในประเทศไทย 74.7% อาศัยอยู่ใน 4 จังหวัดภาคใต้ (ข้อมูลสถิติประชากรในปี 1979 ประเทศไทยมีประชากร 45 ล้านคน สำรวจโดยกระทรวงมหาดไทย 31 ธันวาคม 1979) (หน้า 16) และตารางแสดงจำนวนประชากรใน 4 จังหวัดภาคใต้ (หน้า 17) |
|
Economy |
ทรัพยากรธรรมชาติทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ เหมืองแร่ การประมง ผลผลิตทางการเกษตร ข้าว ยางพารา โดยทั่วไปกลุ่มมาเลย์-มุสลิมเป็นเจ้าของที่ดินขนาดเล็ก และเป็นลูกจ้างในธุรกิจต่างๆ ของคนจีน ซึ่งกลุ่มพ่อค้าคนจีนที่อาศัยอยู่ภายในตัวเมืองเป็นคนกลางในการรับซื้อผลผลิตและเป็นนายทุนทำให้ผลกำไรส่วนใหญ่ตกอยู่ที่คนจีนมากกว่ามาเลย์-มุสลิม (หน้า 19-22) |
|
Social Organization |
กลุ่มมาเลย์-มุสลิม เป็นกลุ่มสังคมชนบท ซึ่งจะติดต่อกับสังคมเมืองเฉพาะในเรื่องธุรกิจ การค้า อาจกล่าวได้ว่าเป็นชุมชนปิดจากภายนอก เพราะความแตกต่างทางด้านภาษาในการติดต่อ ศาสนาเป็นส่วนช่วยในการจัดระเบียบทางสังคมและช่วยสร้างความสัมพันธ์ภายในชุมชน และไม่ให้กลุ่มคนที่ไม่ใช่มุสลิมเข้าไปในชุมชน นอกจากจะมีการเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามแล้ว ผู้นำทางศาสนามีตำแหน่งที่สูงกว่าผู้นำทางการเมืองภายในชุมชน (หน้า 22-26) |
|
Political Organization |
ระบบการเมืองและศาสนาของมาเลย์-มุสลิม มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์และดำเนินการควบคู่กันไป (หน้า 116) ทางวัฒนธรรมกลุ่มมาเลย์-มุสลิม ถือเป็นส่วนหนึ่งของโลกอิสลาม แต่ในระบบการเมืองกลุ่มมาเลย์-มุสลิม เป็นส่วนหนึ่งภายใต้ระบบการปกครองของรัฐไทย (หน้า 23) เกิดกลุ่มการเมืองที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน จำนวน 3 กลุ่ม คือ 1. The National Liberation Front of Patani (NLFP) 2. The Liberation front of Republic Patani (LFRP) 3. The Patani United Liberation Organization (PULO), and Guerrilla Warfare (หน้า 226-240) และได้กล่าวถึงประวัติศาสตร์การเคลื่อนไหวทางการเมืองสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ช่วงเวลา ดังนี้ คือ 1. รัฐบาลไทยรวม 4 จังหวัดภาคใต้ (ปัตตานี,ยะลา,สตูล และนราธิวาส) เป็นส่วนหนึ่งของรัฐไทย ในปี ค.ศ.1902-1922 ก่อให้เกิดการต่อต้านในระยะเวลาต่อมา 2. ในปี ค.ศ.1922-1945 รัฐบาลไทยประกาศใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญไทยต่อกลุ่มมาเลย์มุสลิมส่งผลกระทบให้เกิดการขัดแย้งและไม่สอดคล้องกับแนวคิดของกลุ่มมาเลย์มุสลิมทำให้กลุ่มคนมาเลย์มุสลิมหันกลับไปใช้แบบแผนพิธีแบบดั้งเดิมเพื่อต่อต้านกฎหมาย 3. ปี ค.ศ.1945 (ปีสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2) - 1957 การได้รับเอกราชของประเทศมาเลเซียจากอังกฤษ ทำให้รัฐบาลไทยพยายามที่จะมีบทบาทและควบคุมกฎหมายอิสลาม ส่งผลให้เกิดการต่อต้านอย่างรุนแรงจนก่อให้เกิดการจลาจล โดยผู้นำทางศาสนา มาเลย์มุสลิมหนึ่งพันคน อพยพไปมาเลเซีย 4. ปี ค.ศ.1957-1973 การได้รับเอกราชของมาเลเซียส่งผลให้เกิดการต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราชของกลุ่ม มาเลย์ - มุสลิม ในประเทศไทย รัฐบาลเข้าควบคุมโรงเรียนสอนศาสนาซึ่งเป็นโรงเรียนสอนศาสนาและความรู้ให้กับมุสลิมและเปลี่ยนโรงเรียนสอนศาสนาให้กลายเป็นโรงเรียนเหมือนกับโรงเรียนเอกชน ก่อให้เกิดปัญหาการเรียนรู้ศาสนาอิสลาม และห้ามเรียนภาษามาเลย์ -อารบิก ให้เรียนตามระดับการศึกษาแบบโรงเรียนไทย 5. ปี ค.ศ.1973-1982 ผลจากการเปลี่ยนแปลงโรงเรียนสอนศาสนาทำให้เกิดการสูญเสียเอกลักษณ์ทางชาติพันธ์และก่อให้เกิดปัญหาความรุนแรงในกลุ่มมาเลย์-มุสลิม การสูญเสียความรู้ความเข้าใจในศาสนาอิสลามและเกิดกลุ่มใหม่ขึ้น เช่น The Communist Party of Malaya และ The Communist Party of Thailand. (หน้า 272-276) |
|
Belief System |
กลุ่มมาเลย์-มุสลิม ทางภาคใต้ของประเทศไทยนับถือศาสนาอิสลามนิกาย The Shafici of Sonni (Orthodox) Islam ซึ่งมุสลิมส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับถือนิกายนี้ (หน้า 16) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ผู้นำทางศาสนาต้องการให้กลุ่มมาเลย์-มุสลิมแต่งตัวในรูปแบบประเพณีนิยม (หน้า 91) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ความสัมพันธ์ระหว่างมาเลย์-มุสลิม ทางภาคใต้ของไทยกับรัฐบาลไทย เป็นประเด็นหลักนโยบายการปกครองที่รัฐไทยทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง จนทำให้มาเลย์-มุสลิมใช้ศาสนาสร้างความแข็งแกร่งและความเป็นเชื้อชาตินิยมเข้ามาต่อต้าน (หน้า 15) ซึ่งปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอาจจะก่อให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ในกลุ่มประเทศสมาชิก ASEAN (The Association of Southeast Asian Nations) เนื่องจากกลุ่มมาเลย์-มุสลิมทางภาคใต้มีความสัมพันธ์กับประเทศมุสลิมทั้ง มาเลเซีย อินโดนีเซีย (หน้า 5-6) รวมถึงประเทศมุสลิมในตะวันออกกลาง |
|
Social Cultural and Identity Change |
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมไทยไปสู่ความเป็นรัฐชาติ และการรวมอำนาจเพื่อป้องกันการแบ่งแยกดินแดนส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาต่อกลุ่มมาเลย์-มุสลิม (หน้า 1) |
|
Map/Illustration |
ตารางแสดงจำนวนประชากรใน 4 จังหวัดภาคใต้ (หน้า 17) |
|
|