สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),,ภูมิปัญญา,การย้อมสีด้าย,วัสดุธรรมชาติ,เชียงราย
Author เพชร ธุระวร, นิรมล นะซอ, วันดี นะซอ
Title โครงการกระบวนการพัฒนาและสืบทอดภูมิปัญญาด้านการย้อมสีด้ายด้วยวัสดุธรรมชาติของผู้หญิงกะเหรี่ยงสะกอ ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ปกาเกอะญอ, Language and Linguistic Affiliations จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)
Location of
Documents
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Total Pages 81 Year 2544
Source สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
Abstract

          ชุมชนกะเหรี่ยงมีประวัติความเป็นมา ขนบธรรมเนียมประเพณีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาแต่ดั้งเดิม การถ่ายทอดองค์ความรู้และภูมิปัญญาต่าง ๆ มีการถ่ายทอดในรูปของเรื่องเล่า เพลงนิทานกล่อมนอนสอดแทรกองค์ความรู้ด้านการประพฤติปฏิบัติตนในสังคม เด็กชายและเด็กหญิงได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ต่าง ๆ จากบิดาและมารดาการย้อมสีด้ายด้วยวัสดุธรรมชาติเป็นหนึ่งในองค์ความรู้ดั้งเดิมที่สืบทอดกันมายาวนานในหมู่สตรีกะเหรี่ยงสะกอบ้านห้วยขม ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย ผู้วิจัยและกลุ่มเป้าหมายของโครงการกระบวนการพัฒนาและสืบทอดภูมิปัญญาด้านการย้อมสีด้ายด้วยวัสดุธรรมชาติได้ศึกษาเรียนรู้ภูมิปัญญาดั้งเดิม กระบวนการถ่ายทอดองค์ความรู้และได้ผสานสร้างองค์ความรู้ใหม่ ด้วยการทดลองย้อมสีด้ายด้วยทรัพยากรธรรมชาติโดยใช้พืชผักสมุนไพรพื้นบ้าน รวมถึงทำการตรวจสอบคุณภาพของสีย้อมตามขั้นตอนต่าง ๆ อีกทั้งยังศึกษากระบวนการผลิต การบริหารจัดการและการตลาดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอย่างเรียกได้ว่าครบวงจร ปัจจุบันการย้อมสีธรรมชาติ ไม่มีการเข้าป่าเพื่อจัดเก็บวัตถุดิบ แต่ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านห้วยขมใช้พืชสมุนไพรและพืชผักสวนครัวและผลไม้ที่ปลูกในชุมชนหรือพื้นที่ในรั้วบ้านและพื้นที่ทำกินให้เป็นประโยชน์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากธรรมชาติทั้งหมด เป็นการส่งเสริมอาชีพแก่ผู้สูงอายุและสตรีที่ว่างงานภายในชุมชน ทั้งยังได้องค์ความรู้ใหม่และกระบวนการขั้นตอนการย้อมสีด้ายด้วยวัสดุธรรมชาติ (ของผู้หญิงกะเหรี่ยงสะกอ)ที่มีความคงทนและความสดใสของสีที่สามารถสืบทอดสู่คนรุ่นหลังต่อไปได้

Focus

          เน้นศึกษาการถ่ายทอดองค์ความรู้และสืบทอดภูมิปัญญาการย้อมสีด้ายด้วยวัสดุธรรมชาติของผู้หญิงกะเหรี่ยงสะกอ

Theoretical Issues

          ไม่มีข้อมูล

Ethnic Group in the Focus

          กะเหรี่ยงสะกอ

Language and Linguistic Affiliations

          ใช้ภาษากะเหรี่ยง (หน้า36)

Study Period (Data Collection)

          1 ปี 5 เดือน (หน้า 35)

History of the Group and Community

          ประวัติของชนเผ่ากะเหรี่ยงต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย ตำบลแม่ยาวมีชนเผ่ากะเหรี่ยงอาศัยอยู่ 3 หมู่บ้าน จากการศึกษาประวัติชุมชนของแต่ละหมู่บ้านพบว่าทั้ง 3 หมู่บ้านเป็นเครือญาติกัน ประชากรส่วนใหญ่ย้ายมาจากเชียงใหม่ บางส่วนมาจากแม่ฮ่องสอน การย้ายมาตั้งถิ่นฐานมาพร้อมกับการประกาศศาสนาคริสต์ ทั้งสามชุมชน มีวัฒนธรรม ประเพณีและความเชื่อทางศาสนาเหมือนกัน และมีการติดต่อสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด (หน้า 15 – 16) และอยู่มานานกว่า 50 ปี (หน้า 35) ประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านห้วยขม ปี พ.ศ.2480 อาหม่อง สังคอยและขุน ดำรงเสมียนป่าไม้จังหวัดเชียงรายและลำปางได้ของสัมปทานป่าไม้ที่หัวแม่ยาว เมื่อได้รับสัมปทานแล้วยังขาดช้างลากไม้จึงไปหาพ่อเลี้ยงตุ๊โดะ เจ้าของช้างทำไม้ที่บ้าน แม่โต๋ ต.บ่อแก้ว อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ พ่อเลี้ยงจึงชักชวนคนมาสำรวจพื้นที่ได้พื้นที่บริเวณบ้านดอยในปัจจุบันเป็นที่อยู่อาศัยและพื้นที่โล๊ะป่าตองสำหรับเลี้ยงช้าง พ่อเลี้ยงตุ๊โดะพาครอบครัวซึ่งประกอบด้วย นางคำน้อย ภรรยา ลูกชาย 2 คน ลูกสาว 2 คนคือ แม่บัวเขียว ธุระวร พ่อมันดี ธุระวร แม่นาเล่ เสดวงชัย พ่อหล้า ธุระวรและผู้ที่ทำงานด้วย 3 คนคือ นายมูล บุญเป็น พ่อแกงแงงบิดาของนายพุธ วะรา และพ่อแยบุญ ธุระวร พร้อมกับช้างที่ไว้ชักลากไม้ 5 เชือกมาอาศัยอยู่บริเวณนั้น จนถึงสมัยสงคราม โลกครั้งที่ 2 ปี พ.ศ.2486 พ่อเลี้ยงตุ๊โดะ ได้พาครอบครัวอพยพไปอยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของต.แม่ยาว ซึ่งมี 9 หมู่บ้านมาตั้งถิ่นฐานสร้างบ้านอยู่ในเขตพื้นที่ รับผิดชอบในหมู่ที่ 9 คือบ้านทุ่งหลวง ซึ่งเป็นบริเวณบ้านสวนธารทองปัจจุบัน หลังจากพ่อเลี้ยงตุ๊โดะเสียชีวิต พ่อแยบุญแต่งงานกับบุตรสาวคนโตของพ่อเลี้ยงตุ๊โดะคือ แม่บัวเขียว แล้วอพยพครอบครัวมาอยู่ที่บ้านไทยใหญ่ (บ้านเงี้ยว บ้านห้วยขมหมู่ที่ 1 ในปัจจุบัน) ต่อมาบ้านห้วยขมได้แยกออกจากหมู่บ้านทุ่งหลวงเป็นหมู่ที่ 10 เมื่อปี พ.ศ.2490 มี 34 ครอบครัว อยู่ได้ไม่นานก็ต้องย้ายเพราะชาวไทยใหญ่ซึ่งนับถือศาสนา ต่างกันไม่ให้อยู่ด้วย พ่อแยบุญจึงอพยพครอบครัวมาอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยาว เป็นป้านห้วยขม หมู่ 10 และอยู่ที่นี่มาจนถึงปัจจุบัน นอกจากกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอญอและไทยใหญ่เข้ามาอยู่ในพื้นที่แล้ว เมื่อ พ.ศ. 2506 กลุ่มชาติพันธุ์อาข่าและลาหู่ก็ย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานบริเวณบ้านสองแควพัฒนา (อาโยะ) ต้นน้ำแม่ยาวซ้าย และที่บ้านจะแตะบริเวณต้นน้ำแม่ยาวขวา ต่อมาลาหู่บ้านห้วยชมภูได้แยกกลุ่มออกมาตั้งถิ่นฐานที่ ต้นน้ำห้วยนางกา บ้านสุขเกษม เมื่อปี พ.ศ.2542 ในเดือนเมษายน 2545 บ้านสองพัฒนาได้แยกออกมาตั้งถิ่นฐานแห่งใหม่ที่ห้วยนากา คือบ้านหนองผักหนาม ในปี พ.ศ.2527 บ้านห้วยขมได้แยกออกเป็นสองหมู่บ้านคือ หมู่บ้านห้วยขมนอก (หมู่ที่ 10) และหมู่บ้านห้วยขมใน (หมู่ที่ 1 ในปัจจุบัน) (หน้า 21 – 22)

Settlement Pattern

          ตำบลแม่ยาวมีชนเผ่ากะเหรี่ยงอาศัยอยู่ 3 หมู่บ้านคือ หมู่ที่ 2 บ้านรวมมิตร หมู่ที่ 10 บ้านห้วยขม และหมู่ที่ 12 บ้านแคววัวดำ (หน้า 15) พื้นที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแหล่งน้ำ สำคัญ 13 สาย (หน้า 16) มีการตั้งชุมชนในพื้นที่ราบระหว่างหุบเขา เป็นหมู่บ้านคนไทยพื้นราบและคนเมือง 10 หมู่บ้าน และมีชาวเขาตั้งถิ่นฐานบนภูเขาจำนวน 6 หมู่บ้าน 40 กลุ่มบ้าน (หน้า 18) เขตต้นน้ำแม่ยาวซ้ายเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของกลุ่มชาติพันธุ์อาข่า คือ บ้านสองแควพัฒนา (อาโยะ) เขตต้นน้ำแม่ยาวขวาเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของกลุ่มชาติพันธ์ลาหู่ คือ บ้านจะแตะ สำหรับบ้านห้วยขมมีกลุ่มบ้านอยู่ในความรับผิดชอบ 4 กลุ่มบ้าน บ้านห้วยขมได้แยก เป็นสองหมู่บ้านคือ หมู่บ้านห้วยขมนอก (หมู่ที่ 10) และหมู่บ้านห้วยขมใน (หมู่ที่ 1 ในปัจจุบัน) (หน้า 22) สำหรับการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนของชุมชนกะเหรี่ยงปัจจุบันมีทั้งแบบใหม่และแบบดั้งเดิม ส่วนใหญ่สร้างบ้านแบบถาวรทำด้วยไม้และปูน ชุมชน กะเหรี่ยงในตำบลแม่ยาว ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่นานกว่า 50 ปีและไม่มีแนวโน้มจะโยกย้าย ถิ่นฐาน (หน้า 25)

Demography

          ประชากรบ้านห้วยขม (เฉพาะหมู่บ้านหลักไม่รวมกลุ่มบ้านบริวาร) เป็นชุมชนกะเหรี่ยง มีจำนวนทั้งสิ้น 469 คน ชาย 246 คน หญิง 223 คน มีครัวเรือนทั้งสิ้น 122 ครัวเรือน (หน้า 23) มีประชากรที่ออกไปทำงานนอกชุมชน 93 คน ชาย 53 คน หญิง 40 คน (หน้า 24)

Economy

          ประชากรในตำบลแม่ยาวส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำไร่ท่ำสวน ทำนา รับจ้างและค้าขาย (หน้า 16) นอกจากนี้ยังเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวถึง 4 แห่งคือ ทัวร์ช้างกะเหรี่ยงบ้านรวมมิตร น้ำตกห้วยแม่ซ้าย โบราณสถานถ้ำพระ และหาดผา ขวาง (หน้า 17 -18) การประกอบอาชีพของกะเหรี่ยงสะกอบ้านห้วยขม มักทำนาควบคู่กับทำไร่ มีการปลูก ข้าวเพื่อบริโภคในครัวเรือนและจำหน่าย ทำไร่ข้าวโพด ไร่ขิงและไร่ข้าว ผู้ชายรับจ้าง เฝ้าสวนและทำงานในสวนให้นายทุน ผู้หญิงเป็นแม่บ้าน ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม รับจ้างทำงานตามห้างร้านในตัวเมืองเชียงรายและต่างจังหวัด นอกจากนี้ก็มีการปลูก ผักสวนครัวหาของป่าขายภายในชุมชน งานหัตถกรรมสิ่งทอ ค้าขายพืชผลทางการเกษตร และรับจ้างทั่วไปถือเป็นอาชีพเสริม (หน้า 30) สำหรับรายได้จากผลผลิต ทางการเกษตรแต่ละปีมีรายได้ไม่มากนัก เนื่องจากพื้นที่ทำกินของประชาชนมีจำกัด จึงมีการปลูกพืชหมุนเวียนตลอดทั้งปีและรับจ้างควบคู่ไปด้วย รายได้ครัวเรือนร้อยละ 80 มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (หน้า 32) หมู่บ้านห้วยขมมีพื้นที่ทั้งหมด 3,550 ไร่ เป็นพื้นที่ทำการเกษตร 1,330 ไร่ เป็นพื้นที่ ป่าสงวนแห่งชาติหรือสวนสักป่ารัฐบาล 2,100 ไร่ มีทรัพยากรแหล่งน้ำธรรมชาติที่ใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิต คือ แม่น้ำแม่ยาว และยังมีลำห้วยที่ประชาชนใช้ประโยชน์ ในการเกษตรอีก 3 สายคือ ลำห้วยวัด ลำห้วยปู่ไซ ลำห้วยชมภู นอกจากนี้ยังมีแหล่งน้ำใช้สำหรับการอุปโภคบริโภคในชุมชน เป็นแหล่งน้ำที่สร้างขึ้นเป็น บ่อน้ำบาดาล 2 แห่ง บ่อน้ำตื้น 10 แห่ง และประปา 2 แห่ง (หน้า 26 – 27) ส่วนแหล่งทรัพยากรป่าไม้มี ป่าไม้บริเวณดอยยาว ดอยหม่อนฮักและดอยบ่อเป็นแหล่งกำเนิดของแหล่งน้ำสาย ต่าง ๆ มีกระบวนการจัดการป่าไม้และการใช้ประโยชน์จากป่าไม้ คือ ใช้เป็นแหล่งวัสดุสร้างที่อยู่อาศัย เป็นแหล่งสมุนไพร เป็นแหล่งอาหาร เป็นแหล่งดูดซับน้ำและแหล่ง กำเนิดน้ำทำการเกษตร อย่างไรก็ดี ป่าไม้ก็ยังถูกทำลายเป็นจำนวนมากเพราะ มีการตัดไม้เพื่อการค้า โดยผู้ว่าจ้างคือเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ชาวบ้านไม่มีสิทธิ์ดูแลป่าอย่างเต็มที่ เพราะป่าไม้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ชาวบ้านจำนวนหนึ่งรับจ้างทำไม้ ชักลากไม้ (หน้า 29 – 30) ด้านสาธารณูปโภคของบ้านห้วยขม มีความพร้อมเกือบทุกด้าน ยกเว้นถนนภายในหมู่บ้านที่ยังไม่ได้มาตรฐาน ส่วนกลุ่ม บ้านบริวารทั้ง 5 กลุ่ม ยังไม่มีความสะดวกสบายด้านสาธารณูปโภค ไม่มีไฟฟ้าและประปาที่ดีพอ ยังใช้ประปาภูเขา ถนนที่เข้าหมู่บ้านทุกหมู่บ้านเป็นถนนลูกรังและ ถนนดินลำบากในการคมนาคม (หน้า 33) กระบวนการย้อมสีด้ายด้วยวัสดุธรรมชาติและกระบวนการพัฒนาการย้อมสี ด้ายธรรมชาติ วิธีการย้อมสีธรรมชาติของผู้หญิงกะเหรี่ยงมีการย้อม 2 แบบ คือ แบบย้อมร้อนและแบบย้อมเย็น หากใช้พืชสีส่วนราก แก่น เปลือกลำต้นและทุกส่วนของพืชจะใช้วิธีการย้อมร้อน หากใช้พืชสีส่วนใบ ผลจะใช้วิธีการย้อมเย็น ผู้หญิงกะเหรี่ยง นิยมย้อมสีธรรมชาติแบบย้อมร้อน เพราะเชื่อว่าคงทนดีกว่าการย้อมแบบย้อมเย็น กระบวนการย้อมสีธรรมชาติแบบดั้งเดิมแบ่งเป็น 4 ขั้นตอนใหญ่คือ 1. การเตรียมวัตถุ ดิบ (พืชสี) และการสกัดสี 2.การเตรียมด้ายสำหรับย้อม 3. การเตรียมน้ำข้าวจ้าวเพื่อเคลือบเส้นด้าย 4. ?? การย้อมสีแบบย้อมร้อนจะมีการใช้ครั่งสดเป็นส่วนประกอบ เพราะเชื่อว่าครั่งมีสารที่ช่วยสีให้ติดเนื้อด้ายและมีความคงทน (หน้า 38 - 41) สำหรับกระบวนการพัฒนาการย้อมสีด้ายด้วยวัสดุธรรมชาติให้มีความคงทนและมีความสดใสของสี มีการเตรียมการทดลองเพื่อพัฒนาคุณภาพการย้อมสี โดยทดลองย้อมสีด้าย 3 ชุดและมีการทดสอบความคงทนและความสดของสี ทั้งยังมีการทดลองผสมสีให้มีจำนวนมากขึ้นเพื่อพัฒนาสีให้ติดทนนานและมีสีสันสดใส กลายเป็นองค์ความรู้ใหม่ที่เกิดจากการเรียนรู้และค้นพบร่วมกันระหว่างผู้วิจัยและกลุ่มเป้าหมาย (หน้า 45 – 57) เป็นที่น่าสังเกตว่า การย้อมสีด้ายด้วยวัสดุธรรมชาติเป็นกระบวนการหนึ่งที่นำมาใช้ แก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ทั้งยังแก้ปัญหาความยากจนและการว่างงานของประชาชนในพื้นที่ได้อีกด้วย เพราะเป็นการใช้ ประโยชน์จากสิ่งที่อยู่รอบตัวหรือทรัพยากรธรรมชาติควบคู่กับการดูแล ปัจจุบันการ ย้อมสีธรรมชาติไม่มีการเข้าป่าเพื่อจัดเก็บวัตถุดิบ แต่ชุมชนกะเหรี่ยงบ้านห้วยขมจะใช้ พืชสมุนไพรและพืชผักสวนครัวและผลไม้ที่ปลูกในชุมชน หรือพื้นในรั้วบ้านและพื้นที่ ทำกินให้เป็นประโยชน์ ด้านต้นทุนการผลิตก็คุ้มค่ากับการดำเนินการ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ ได้จากธรรมชาติทั้งหมดและยังช่วยส่งเสริมอาชีพในชุมชน ผลการวิจัยพบว่าผู้ทำงานดังกล่าวเป็นผู้สูงอายุและสตรีในชุมชนที่ว่างงาน ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สีย้อมธรรมชาติด้วยวิธีการดังกล่าว จะได้กำไรหรือค่าแรงจากผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นวันละ 30 – 70 บาท ปัจจุบันกลุ่มมีกระบวนการบริหารจัดการทั้งด้านทุนและตลาด มีทุนหมุนเวียนสำหรับ การรับซื้อและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของสมาชิกจำนวน 5,000 บาท ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งองค์กรชุมชนชาวเขา ทางกลุ่มวางแนวทางการบริหารจัดการกองทุนโดยจัดให้มีตัวแทนกลุ่มทำหน้าที่ด้านการตลาด กำไรสุทธิจาก การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ร้อยละ 70 ให้ผู้ดำเนินงานด้านการตลาด ร้อยละ 20 เก็บไว้เป็นเงินกองทุนของกลุ่ม ร้อยละ 10 ใช้ในด้านสาธารณะกุศลของชุมชน (หน้า 58 - 60) ชุมชนในพื้นที่ดำเนินโครงการเฉพาะหมู่บ้านห้วยขม สามารถผลิตด้ายสีย้อมธรรมชาติ โดยเฉลี่ยวันละ 1 กิโลกรัม ใช้พืชสีในส่วนที่ใช้เปลือกไม้หรือใบไม้โดยรวมวันละ 2 – 3 กิโลกรัมต่อวัน แม้จะมีปริมาณการผลิตออกมาน้อยแต่ก็อยู่ในระดับที่พอดีกับกำลังการทอและความต้องการของตลาดที่มีอยู่ ทั้งยังพอเหมาะกับจำนวนวัตถุดิบที่มีอยู่ สำหรับปริมาณความต้องการรูปแบบผลิตภัณฑ์สีย้อมธรรมชาติของผู้บริโภคยังไม่มีความแน่นอน ผลิตภัณฑ์ที่ผู้ซื้อหรือผู้บริโภคนิยมมากคือ ผ้าที่มีความกว้างพอที่จะแปรรูปเองได้ตามต้องการ ซึ่งไม่สามารถผลิตได้เพราะใช้วิธีการทอผ้าด้วยกี่เอวซึ่งผลิตผ้า ได้กว้าง 18 นิ้ว ส่วนผู้ซื้อนิยมเสื้อที่มีรูปแบบตามลักษณะเสื้อกะเหรี่ยงดั้งเดิม แต่ประยุกต์สีและลวดลาย ผ้าปูโต๊ะ ผ้าหน้ากว้างสำหรับแปรรูปเองและย่าม (หน้า 64 –65)

Social Organization

          ไม่มีข้อมูล

Political Organization

          ไม่มีข้อมูล

Belief System

          ชาวบ้านบ้านห้วยขมนับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งนับถือมาก่อนที่จะมาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ปัจจุบัน มีประเพณี วัฒนธรรมต่างไปจากชนเผ่ากะเหรี่ยงที่นับถือผีหรือมีความเชื่อแบบดั้งเดิม กิจกรรมประเพณีทางศาสนาที่สำคัญคือ วันคริสต์มาสและวันขึ้นปีใหม่ รวมถึงวันนมัสการพระเจ้าก่อนลงมือทำการเพาะปลูก (กลางเดือนพฤษภาคมของทุกปี) สถานที่สำคัญทางศาสนาคือ โบสถ์ของคริสตจักรเยาวราษฎร์ สังกัดคริสตจักรภาคที่ 10 มูลนิธิสภาคริสตจักรแห่งประเทศไทย (หน้า 31- 32)

Education and Socialization

          ตำบลแม่ยาวมีโรงเรียนถึง 8 โรงเรียน เป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา (ป.1 – ป.6) จำนวน 6 โรงเรียน และเป็นโรงเรียนระดับอนุบาลถึง ม.3 จำนวน 2 โรงเรียน ทั้งยัง มีศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนจำนวน 9 แห่ง (หน้า 19) สำหรับสถานบริการของหน่วยงานเอกชนมี หอพักนักเรียนมูลนิธีฟื้นฟูชีวิตซีไนล์ในพื้นที่บ้านท่าหลุก หมู่ 16 เป็นสถานที่รองรับเด็กกำพร้าและให้การศึกษาแก่เด็กและเยาวชน (หน้า 20) นอกจากนี้ยังมีศูนย์วัฒนธรรมกระจกเงาตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านห้วยขม เป็นองค์กรที่ช่วยส่งเสริมการศึกษาอีกด้วย (หน้า 21) สำหรับหมู่บ้านห้วยขมมีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 1 แห่งเพื่อเตรียมความพร้อมให้เด็กก่อนวัยเรียน (หน้า 26) คนในชุมชนส่วนใหญ่ได้รับการศึกษาภาคบังคับ ประชากรในชุมชนอายุต่ำกว่า 40 ปี สามารถอ่านออกเขียนภาษาไทยได้ เด็กในหมู่บ้านส่วนใหญ่จะได้รับการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่วัยเรียน ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านห้วยขม ระดับอนุบาลและระดับประถมจะเรียนที่บ้านห้วยขม โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เด็กในหมู่บ้านระดับชั้นมัธยมจะไปเรียนที่โรงเรียนสหศาสตร์ศึกษา โรงเรียนเมืองเชียงราย โรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์ และโรงเรียนในสังกัดของศูนย์สงเคราะห์ชาวเขา แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมนัก เพราะโรงเรียนอยู่ไกลบ้าน สำหรับการศึกษาสายอาชีพมีเด็กเรียนที่วิทยาลัยเทคนิคเชียงราย วิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษก วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย วิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงราย นอกจากนี้ยังมีเยาวชนบางส่วนมีโอกาสเข้าศึกษาต่อที่สถาบันราชภัฏเชียงราย บางส่วนไปเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงและมหาวิทยาลัยพายัพ การศึกษาขั้นสูงสุดของชุมชนคือระดับปริญญาโท (หน้า 31) จากข้อมูลการศึกษาและการสอบถามพบว่า เด็กและเยาวชนส่วนหนึ่งจำเป็นต้อง ออกจากการศึกษาก่อนวัยอันควร เพราะเป็นเด็กกำพร้าและยากจน หรือพ่อแม่ ไม่มีเงินส่งเสีย อีกส่วนหนึ่งสมัครใจไม่ศึกษาต่อหันไปประกอบอาชีพรับจ้างและ หันไปเรียนการศึกษานอกระบบแทน (หน้า 33) การถ่ายทอดองค์ความรู้วิธีการย้อมสีด้ายจากวัสดุธรรมชาติ มีการถ่ายทอดความรู้ของชนเผ่ากะเหรี่ยงแบบดั้งเดิมที่บือพอบันทึกไว้ กระบวนการถ่ายทอดองค์ความรู้ของกะเหรี่ยงมีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมตามสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เดิมมีทั้งการเล่านิทานก่อนนอนให้เด็กฟังแล้วสอดแทรกองค์ความรู้ (แต้ะต่าเละเปลอ) การร้องเพลงกล่อมเด็กก่อนนอนแล้วสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและการรู้จัก ใช้ประโยชน์จากป่า (อึทา) เด็กชายและเด็กผู้หญิงได้รับการถ่ายทอดความรู้จากบิดา และมารดาจากครอบครัวไปสู่ระดับชุมชน แต่ปัจจุบันเด็กชายหญิงจะได้รับการศึกษา จากโรงเรียนตามหลักสูตร จากการดูโทรทัศน์และฟังเพลงตามสมัยนิยม (หน้า 67- 68) สำหรับการถ่ายทอดภูมิปัญญาของชาวกะเหรี่ยงปัจจุบัน มีทั้งการถ่ายทอดความรู้ภายในครัวเรือน และถ่ายทอดความรู้ตามความสนใจของเด็ก มีการถ่ายทอดความรู้ ควบคู่กับการประกอบพิธีทางความเชื่อดั้งเดิม เช่น ภูมิปัญญาด้านการต้มเหล้า ภูมิปัญญาด้านการดูแลรักษาป่า ภูมิปัญญาเกี่ยวกับเพลงพื้นบ้าน เป็นต้น อย่างไรก็ดี จากการดำเนินโครงการพบว่า เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจและไม่เห็นความสำคัญขององค์ความรู้หรือภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ แต่ก็ยังมีเด็กและเยาวชนผู้หญิงบางส่วนที่มีความสนใจและต้องการเรียนรู้ภูมิปัญญาด้านการย้อมสีและการ ทอผ้า แต่ขาดอุปกรณ์และทุนเพื่อฝึกหัดและเรียนรู้ ซึ่งกลายเป็นที่มาของ “โครงการเรียนรู้จากแม่” (หน้า 69)

Health and Medicine

          สาธารณสุขตำบลแม่ยาว บ้านห้วยขม มีสถานีอนามัยประจำตำบลถึง 4 แห่ง ให้ บริการฉีดวัคซีนเด็กและรักษาพยาบาลเบื้องต้น ชาวบ้านห้วยขมนิยมใช้บริการที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ แต่เดิมชาวบ้านห้วยขมส่วนใหญ่ซื้อบัตร สุขภาพบัตรละ 500 บาทต่อปี ทั้งยังมีบัตรสงเคราะห์ประเภทต่าง ๆ แต่ปัจจุบัน รัฐจัดโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าด้วยบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งต้องไป ใช้บริการที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ส่วนหนึ่งใช้บริการที่โรงพยาบาล โอเวอร์บรุ๊ค เพราะสะดวกในการเดินทางและเฝ้าไข้เพราะไม่ไกลจากชุมชนนัก (หน้า 25)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

          วัฒนธรรมการแต่งกายของชาวกะเหรี่ยง ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญประการหนึ่งให้ผู้หญิงกะเหรี่ยงต้องย้อมสีด้ายกันเอง การแต่งกายของชาวกะเหรี่ยงมีลักษณะแตกต่างกันชัดเจนระหว่างผู้หญิงสาว แม่บ้านและผู้ชาย กะเหรี่ยงตั้งแต่เด็กจนถึงวัยสาว นิยมแต่งกายด้วยชุดทรงกระบอก คอวี สีขาวยาวถึงข้อเท้า ผู้ชายแต่งกายด้วยเสื้อทรงกระบอกคอวี สีแดง ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วแต่งกายด้วยเสื้อทรงกระบอกสีดำ คอวี เสื้อผ้าของกะเหรี่ยงสมัยก่อนมีแค่ 3 สี คือ สีขาว ได้จากเส้นใยฝ้ายไม่ผ่านการย้อม สีดำได้จากใบฮ่อมหมักหรือเศษวัตถุดิบเหลือใช้หมักรวมกันนาน ๆ และสีแดงได้จากรากยอป่าและรากฝางเสน ต่อมามีการทดลองย้อมสีด้วยการลองผิดลองถูกมาตลอด จึงรู้จักใช้พืชสีย้อมด้ายเพิ่มขึ้นเป็น 6 สี คือ สีขาว สีเหลือง สีแดง สีเขียว สีน้ำตาลและสีดำ นอกจากนี้ผู้หญิงกะเหรี่ยงได้ทดลองและรู้จักสีธรรมชาติที่เป็นสีเดี่ยวจากพืชหลายชนิด เช่น สีเขียวอ่อนจากเปลือกต้นมะม่วง สีเทาจากใบฮ่อม สีม่วงจากลูกหว้า เผือกม่วง สีส้มจากเมล็ดคำแสด เปลือกลำต้นมะยม สีเหลืองจากแก่นขนุน ขมิ้นเป็นต้น (หน้า 36 - 37)

Folklore

          ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

          ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

          ไม่มีข้อมูล

Other Issues

-

Map/Illustration

          แผนที่หมู่บ้านห้วยขม / แผนที่แสดงการใช้ประโยชน์พื้นที่ / แผนภาพที่ 1 (หน้า 2)/แผนภาพที่ 2 (หน้า 3) / แผนภาพที่ 3 ภูมิปัญญาดั้งเดิมผสมผสานองค์ความรู้ใหม่ (หน้า 6 )/ ตารางแสดงข้อมูลประชากรในชุมชน (หน้า 23 – 24) / ภาพบ้านแบบสมัย ก่อนและบ้านแบบปัจจุบัน (หน้า 25)/ แผนที่แสดงที่ตั้งและเส้นทางการคมนาคม เข้าออกหมู่บ้านห้วยขม (หน้า 26) / ภาพโบสถ์คริสตจักรเยาวราษฎร์ (หน้า 32) /ภาพตารางแสดงการจำแนกพืชสีตามภาษากะเหรี่ยง,ภาพลายผ้า (หน้า 36) /ตารางสีและแหล่งสีจากพืช (หน้า 37) ภาพการสกัดสีและแยกเศษใบฮ่อมจากสีย้อม (หน้า 39) ภาพการเตรียมด้ายเพื่อนำไปย้อม, การเตรียมข้าวจ้าวสุกและน้ำแป้ง (หน้า 40) ภาพผ้าย้อม (หน้า 45) / ตารางบันทึกผลการทดสอบและเปรียบเทียบการตกของสี จากผ้าตัวอย่าง (หน้า 54 – 55) / ตารางผลการทดลองผสมสี (หน้า 57 – 58) / ภาพตารางแสดงจำนวนพื้นที่ (หน้า 62) /ตารางแสดงการใช้พืชสี กก./ปี/ครัวเรือน (หน้า 64) /แผนภาพวงจรการบริหารจัดการ (หน้า 66) / ตารางเปรียบเทียบการถ่ายทอดองค์ ความรู้สมัยดั้งเดิมเปรียบเทียบกับสมัยปัจจุบัน (หน้า 68)

Text Analyst ศมน ศรีทับทิม Date of Report 24 ก.ย. 2567
TAG ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง), ภูมิปัญญา, การย้อมสีด้าย, วัสดุธรรมชาติ, เชียงราย, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง