|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
มันนิ มานิ กอย คะนัง(ซาไก),ชอง,ยีน,ความสัมพันธ์ทางกายภาพ,ตรัง,จันทบุรี |
Author |
เยาวลักษณ์ วิลัย |
Title |
ลักษณะแฮปโพลไทป์ของยีนบีตาอี-โกลบินในชนเผ่าซาไกและชาวชอง |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มานิ มานิค โอรังอัสลี อัสลี จาไฮ, ชอง ตัมเร็จ สำแร,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic) |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(เอกสารฉบับเต็ม) |
Total Pages |
97 |
Year |
2538 |
Source |
หลักสูตรปริญญาวิทยาลัยมหาบัณฑิต ภาควิชาพฤกษศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract |
ศึกษาตัวอย่างเลือดเพื่อตรวจชนิดของฮีโมโกลบินซึ่งกลุ่มที่เป็นประชากรศึกษาเป็นซาไก 20 คนจากอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรังและชอง 76 คนที่อยู่ตำบลคลองพลู อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ซึ่งจากการศึกษาตัวอย่างเลือดระบุว่าซาไกมีต้นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชองกับชาวเขมรมีต้นกำเนิดเดียวกันคือมาจากคนเขมรส่วนน้อยหรือการแต่งงานข้ามกลุ่มกับคนไทย ซึ่งสันนิษฐานว่าชองมีต้นกำเนิดอย่างน้อยสองต้นกำเนิด (หน้า88,89) |
|
Focus |
ศึกษาความถี่ยีนบีตาอีโกลบินในชนเผ่าซาไก อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรังกับชาวชอง ตำบลคลองพลู อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี และศึกษาลักษณะแฮปโพลไทป์ของยีนบีตา-โกลบินในทั้งสองชนเผ่าโดยใช้เทคนิคซีอาร์เพื่อบอกถึงต้นกำเนิดหรือความสัมพันธุ์ของชาติพันธุ์ระหว่างกลุ่มชนต่างๆ (หน้า 2) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ซาไก (Sakai tribe) มีชื่อเรียกต่างๆ อาทิเช่น เซมัง โอรังอัสลี ดนัง เงาะป่า และซาไก สำหรับสาเหตุที่คนเรียกว่า ”เงาะป่า” สันนิษฐานว่า เนื่องมาจากซาไกผมหยิกคล้ายเปลือกเงาะและตั้งถิ่นที่อยู่ในป่าเขา นักวิชาการได้มีความคิดเห็นเกี่ยวกับซาไกหลายอย่างเช่นความคิดเห็นของ องอาจ รุ่งจันทร์ฉาย ระบุว่าซาไกคือชนชาติเชื้อสายนิกริโต ตระกูลออสโตร-เอเซียติก (Austro-Asiatic) ซึ่งอยู่ในภาคพื้นเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นชนพื้นเมืองกลุ่มแรกที่อพยพถิ่นที่อยู่จากอินเดียยุคโบราณโยกย้ายเข้ามาตกที่อยู่อาศัยบริเวณแหลมมลายู ในเวลาต่อมาเมื่อชาวมลายูได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบริเวณนี้ก็ได้ปราบปรามโดยได้บังคับให้อยู่ในการปกครองโดยได้เรียกชาติพันธุ์นี้ว่า “ซาไก” อันแปลว่า “ไพร่ คนใต้ปกครอง ผู้ไม่มีวัฒนธรรม” สำหรับนักวิชาการบางส่วนระบุว่าซาไกมีเชื้อสายของนิกริโตที่เป็นชาติพันธุ์ซึ่งอยู่ในทวีปเอเชียในหลายพื้นที่โดยได้แบ่งกลุ่มที่มีเชื้อสายนิกริโตออกเป็นกลุ่มย่อยดังนี้ 1) African Negroid กลุ่มนี้ตั้งรกรากอยู่ทวีปอัฟริกา 2) Oceanic Negroid กลุ่มนี้เป็นนิกริโตซึ่งเป็นลูกผสมในกลุ่มมองโกลอยด์ (Mongoloid) ออสตราลอยด์(Australojd) และนิกรอยด์ (Negroid) กลุ่มนี้จะมีพฤติกรรมและการดำเนินชีวิตใกล้เคียงกับพวกนิกรอยด์ ชาติพันธุ์นี้สันนิษฐานว่าอยู่ในอาณาจักรฟูนัน ประเทศจีน พวก Cuci กับพวก EUO ที่ตั้งถิ่นที่อยู่ในภูเขา Quang –binh ประเทศเวียดนาม (หน้า 1, 4 รูปภาพซาไก หน้า 8) ชอง (Chong tribe) ถูกจัดอยู่ในกลุ่มชาติพันธุ์ออสโตร-เอเชียติก ตระกูลมอญ-เขมร (หน้า 9) เมื่อก่อนจะอยู่ในบริเวณที่เป็นป่าเขากับบริเวณที่เป็นป่าระหว่างหุบเขาในเขตภาคตะวันออกเช่น ระยอง จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรีและในพื้นที่ของประเทศกัมพูชา ทุกวันนี้ชองอาศัยอยู่ในจังหวัดจันทบุรีมากที่สุดโดยจะอยู่เป็นจำนวนมากในอำเภอมะขามกับอำเภอโป่งน้ำร้อน ชองมีลักษณะรูปร่างเล็กผิวสีดำแดง เส้นผมหยิกหยอง ใบหน้าทรงสี่เหลี่ยม ขากรรไกรกว้าง จมูกแบน ริมฝีปากหนา ตาโปน (หน้า 10) (หน้า 12)(หน้า 86) (รูปภาพหน้า 14) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษาซาไก อยู่ในตระกูลภาษามอญ-เขมร บางครั้งเรียกว่ากลุ่มภาษาออสโตร -เอเซียติก (หน้า 9) ภาษาชอง ไม่มีภาษาเขียนมีเฉพาะภาษาพูด (หน้า 9)ทุกวันนี้ชองยังคงรักษาภาษาพูดเช่นชองที่อยู่ตำบลคลองพลูกับตำบลตะเคียนทอง อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี (หน้า 12) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ประวัติของซาไก ในยุคไพลไตซีน หรือประมาณ 11,000 ปีที่ผ่านมากลุ่มออสตราลอยด์ สาขาย่อยนิกริโต ซึ่งเป็นชาติพันธุ์เดียวกับ “เงาะ” ที่อยู่ในภาคใต้ในพื้นที่จังหวัดพันลุง ตรังของไทย ได้อพยพมาตั้งรกรากอยู่บริเวณที่ราบชายฝั่ง จากนั้นคนที่อพยพเข้ามาอยู่ในภายหลังได้คุกคามจนซาไกต้องไปอยู่ในเขตป่าเขา ทั้งนี้เมื่อประมาณ 25 ปีที่ผ่านมา จะมีเงาะตั้งที่อยู่อาศัยในบริเวณเทือกเขาบรรทัดในพื้นที่จังหวัดตรัง สตูล พัทลุงและอยู่ในเขตจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ในพ.ศ. 2520 มีคนพบซาไกอยู่ในพื้นที่จังหวัดสตูลที่อำเภอทุ่งหว้า และในจังหวัดยะลาในอำเภอธารโต อำเภอบันนังสตา และอำเภอเบตงระหว่างเขตแดนไทยกับประเทศมาเลเซีย (หน้า 4) ประวัติของชองในจังหวัดจันทบุรี งานเขียนระบุว่า ชองเคยอยู่ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีมาเนิ่นนานแล้วแต่ในภายหลังได้อพยพเข้าไปอยู่ในป่าเมื่อคนไทยได้เข้ามาปกครองเมืองจันทบุรีในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในทุกวันนี้ชองจะตั้งที่อยู่อย่างหนาแน่นในอำเภอมะขามกับอำเภอโป่งน้ำร้อน (หน้า 10 แผนที่หน้า 11) ซึ่งจากพงศาวดารจังหวัดจันทบุรีระบุว่า พ.ศ.900 -1800 จันทบุรีมีชื่อว่าเมืองควนบุรีบริเวณเมืองตั้งอยู่เชิงเขาสระบาป เมื่อพ.ศ.1900-200 ได้ย้ายเมืองมาตั้งอยู่บริเวณบ้านหัววังซึ่งอยู่เหนือวัดจันท์ กระทั่ง พ.ศ.1973 พระเจ้าอู่ทองทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยา ในเวลานั้นจันทบุรีมีฐานะเป็นเมืองขึ้น พ.ศ.2310 กรุงศรีอยุธยาได้เสียกรุงครั้งที่ 2 แก่พม่า พระเจ้าตากสินจึงยกทัพมาตีเมืองจันทบุรีเพื่อรวบรวมไพร่พลไปปราบพม่ากระทั่งสามารถกู้เอกราชได้สำเร็จ จากนั้นมาชองจึงย้ายที่อยู่ไปตั้งรกรากในพื้นที่อำเภอมะขาม โดยส่วนมากจะอยู่บริเวณลุ่มน้ำจันทบุรีเช่นหมู่บ้าน พญาบน แตงเม วังแซ้ม ขนุน ทุ่งสะพาน พลวง กระทิงดินแดง ทุ่งตาอิน ลำพัง พังแลง ตะเคียนทอง น้ำขุ่น เป็นต้น (หน้า 12 แผนที่หน้า 13) |
|
Demography |
ซาไก เคยมีผู้พบเห็นซาไกที่อยู่ในหลายพื้นที่ในจังหวัดภาคใต้ว่ามีประมาณ 200คน (หน้า 5) ประชากรในการศึกษามี 20 คนอยู่อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง (หน้า 44) ชอง ประชากรศึกษามี 76 คนอยู่ในพื้นที่ตำบลคลองพลู อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี (หน้า 44) |
|
Social Organization |
ซาไก สังคมของซาไกมักมีการอพยพที่อยู่บ่อยครั้งการย้ายที่อยู่จะมีหลายสาเหตุเช่น หากมีคนตายก็จะย้ายอย่างเร่งด่วนบางครั้งหากบริเวณที่อยู่เกิดความแห้งแล้งอาหารหายากก็จะอพยพไปอยู่ที่อื่น นอกจากนี้ซาไกยังรักความสงบไม่ชอบติดต่อกับคนต่างถิ่นหากเห็นก็จะหลบหน้าไม่ยอมพูดคุยด้วย (หน้า 5,6,89) ชอง ไม่มีข้อมูล |
|
Political Organization |
เมื่อพ.ศ.2520 กองกำลังฝ่ายรัฐบาลได้ทำการสู้รบกับกองกำลังพรรคคอมมิวนิสต์ที่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้โดยทางฝ่ายรัฐบาลได้จู่โจมทางอากาศจึงมีซาไกเสียชีวิตมากมาย ดังนั้นซาไกในจังหวัดพัทลุงและตรังจึงโยกย้ายไปอยู่ในบริเวณที่มีความปลอดภัยในพื้นที่อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูลและยะลา ส่วนซาไกอีกจำนวนหนึ่งได้อพยพเข้าไปอยู่ในพื้นที่ประเทศมาเลเซีย (หน้า 4) |
|
Belief System |
ประเพณีของชอง ไม่ได้ระบุรายละเอียดเพียงแต่บอกว่าประเพณีบางอย่างชองยังคงรักษาและสืบทอดกันมาจนถึงทุกวันนี้อาทิ ประเพณีแต่งงานลูกสาวคนโต ประเพณีการเล่นผีหิ้ง และอื่นๆ (หน้า 9,10,87) |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
ผลการศึกษา จากตัวอย่างเลือดทั้ง 2 กลุ่มคือซาไก 20 คน ที่อยู่ในพื้นที่อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง กับชอง 76 คนที่อยู่ในพื้นที่ศึกษาตำบลคลองพลู อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี ผลการศึกษาแบ่งออกเป็น 3 ตอนดังนี้ 1 ) ผลการตรวจหาชนิดของฮีโมโกลบิน โดยวิธีเซลลูโลส อะซีเตท อิเลคโตรโฟเรซีสแล้วตรวจวัดด้วยวิธีไมโครคอลัมน์ โครมาโตกราฟี พบว่า ชอง 76 คน มีปริมาณฮีโมโกลบินชนิด A2A 2.08-3.3 จำนวน 14 คนหรือ 18.4 % ปริมาณฮีโมโกลบิน EA ปริมาณ 25.7-35.4 จำนวน 33 คน หรือ 43.4% ปริมาณฮีโมโกลบิน EE ปริมาณ 75.3-83.3 จำนวน 29 คนหรือ 38.2 % ซาไก ปริมาณฮีโมโกลบิน A2A ปริมาณ 2.13-3.43 จำนวน 19 คน หรือ 95 % ปริมาณฮีโมโกลบินชนิด EA 30.24 จำนวน 1 คน หรือ % (ตารางหน้า 64) 2 ) ผลการตรวจสอบยีน HbE โดยวิธีเอเอสพีซีอาร์ โดยสุ่มตรวจจากชองทั้ง 3 กลุ่ม (ชนิด A2A, EA และ EE) เพื่อตรวจหายีนบีตาอีโกลบินโดยแยกเป็น 5 คน,21 คนและ 17 คนตามอันดับโดยพบว่าคนที่มีชนิดของฮีโมโกลบินเป็น EA หรือ EE นั้นสามารถเห็นชิ้นส่วนดีเอ็นเอขนาด 400 คู่เบสบนแผ่น agarose gel(12 %) แต่ในรายที่ชนิดของฮีโมโกลบินเป็น A2A จะไม่พบแถบชิ้นส่วน DNA ขนาด 400 คู่เบสเลย ส่วนซาไก พบคนที่มี HbE ชนิด EA 1 คน เมื่อนำมาตรวจหายีนบีตาอีโกลบินนั้นสามารถเห็นชิ้นส่วนดีเอ็นเอขนาด 400 bp บนแผ่นเจล อิเลคโตรโฟเรซีส (หน้า 65) 3) ผลการศึกษาลักษณะแฮปโพลไทป์ภายในกลุ่มยีนบีตา-โกลบิน พบว่า ซาไกยีนบีตาอี 1 โครโมโซม โดยมีแฮปโพลไทป์เป็นเฮเทอโรไซโกตจึงสามารถบอกได้ว่ายีนบีตาอีในซาไกมีต้นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชอง ยีนบีตาอีที่พบส่วนมากอยู่บนโครโมโซมชนิด FW3 จากการศึกษาบอกว่ายีนบีตาอีในชองกับชาวเขมรมีต้นกำเนิดเดียวกันโดยมียีนบีตาอีส่วนน้อยที่พบอยู่บนโครโมโซมชนิด FW2 เชื่อว่าเป็นยีนบีตาอีที่มาจากคนเขมรส่วนน้อยหรือการแต่งงานข้ามกลุ่มกับคนไทย (หน้า 88) ซึ่งจากการทดลองเชื่อว่ายีนบีตาอีโกลบินในชองมีอย่างน้อย 2 ต้นกำเนิด (หน้า 89) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
ตาราง จำนวนร้อยละของผู้ที่มี HbE ที่สำรวจในประชากรไทยแหล่งต่างๆ (หน้า 22) แสดงค่าคงที่ทางกายภาพ (หน้า 41) แสดงลำดับเบสของไพรเมอร์ในการทำ ASPCR (หน้า 52) แสดงนิวคลีโอไทด์ของไพรเมอร์และตำแหน่งของยีนภายในกลุ่มยีนบีดา-โกลบิน (หน้า 57) แสดงเอนไซม์ตัดจำเพาะและบัฟเฟอร์สำหรับการวิเคราะห์ดีเอ็นเอ (หน้า 60) แสดงผลการตรวจชนิดของฮีโมโกลบินในชาวชอง,ซาไก (หน้า 64) แสดงผลการศึกษาในซาไกและชาวชอง,เปรียบเทียบกับกลุ่มอื่นๆ (หน้า 70,84) รูป กลุ่มชนเผ่าซาไก (หน้า 8) จันทบุรีบางส่วนแสดงพื้นที่ที่ชาวชองเคยอาศัยอยู่ (หน้า 13) ชาวชอง ตำบลคลองพลู อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี (หน้า 14) แสดงกลุ่มยีนบีตา-โกลบิน ,กราฟแสดงการสังเคราะห์สายโพลีเปปไทด์ชนิดต่างๆของโมเลกุลฮีโมโกลบินตามระยะการเจริญเติบโต (หน้า 15) แสดงหลักการของโพลีเมอเรสเชนรีแอคชั่น (หน้า 19) ไดอะแกรมแสดงหลักการของ ASPCR(หน้า 24,27) โครงสร้างของยีนบีตา-โกลบิน (หน้า 52) แสดงตำแหน่งในกลุ่มยีนบีตา-โกลบิน (หน้า 56) การตรวจยีนบีตาอี (หน้า 66) แสดงผลการศึกษา (หน้า 68,69,72-76)แสดงผลการศึกษาในชนเผ่าซาไก,ชอง (หน้า 77-79)พงศาวลีแสดงการถ่ายทอดฮีโมโกลบินในชนเผ่าซาไก (หน้า 83) ไดอะแกรมแสดงการเกิด crossin-over ของโครโมโซมที่มี frameworks เหมือนกัน (หน้า 85) แผนภูมิ ขั้นตอนการศึกษา (หน้า 45) ขั้นตอนการเตรียมจีโนมิค ดีเอ็นเอ (หน้า 50) แสดงขั้นตอนการทำ ASPCR (หน้า 54) แสดงขั้นตอนการทำพีซีอาร์ (หน้า 59) แผนที่ อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง (หน้า 7) ตำบลคลองพลู อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี (หน้า 11) |
|
|