|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ออแรนายู มลายูมุสลิม มุสลิมมลายู,มลายูมุสลิม,สังคม,เศรษฐกิจ,วัฒนธรรม,ลิเกฮูลู,ปัตตานี |
Author |
สุธี เทพสุริวงค์ |
Title |
วิถีและพลังของลิเกฮูลูในจังหวัดปัตตานี |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
- |
Ethnic Identity |
มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเนเชี่ยน |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
86 |
Year |
2546 |
Source |
สถาบันวัฒนธรรมศึกษากัลยาณิวัฒนา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี |
Abstract |
กล่าวถึงวิถีชีวิตของผู้แสดงลิเกฮูลูในจังหวัดปัตตานี ซึ่งในการแสดงลิเกฮูลูนั้นได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสังคมเนื่องจากในคณะลิเกฮูลูบางส่วนจะมีหัวหน้าคณะเป็นโต๊ะครู โต๊ะอิหม่าม ได้นำหลักคำสอนศาสนาอิสลามไปสอดแทรกในเนื้อหาการร้อง เพื่อให้ความรู้กับผู้ชมรวมทั้งส่งเสริมด้านจริยธรรม คุณธรรมเพื่อให้สังคมเกิดความร่มเย็น จากการศึกษาระบุว่าการแสดงลิเกฮูลูนั้นมีส่วนสำคัญในการทำให้สังคมเกิดความมั่นคงเนื่องจากทำให้คนในครอบครัวเกิดความภาคภูมิใจและเป็นการหารายได้เข้ามาจุนเจือครอบครัวจึงทำให้ครอบครัวอยู่อย่างมีความสุขเพราะมีรายได้เข้ามาเสริมอาชีพเกษตรกรรมที่ทำเป็นอาชีพหลักดั้งเดิมอยู่แล้วและเป็นการอนุรักษ์การแสดงท้องถิ่นในจังหวัดปัตตานี และจังหวัดชายแดนภาคใต้ |
|
Focus |
ศึกษาวิถีชีวิตของผู้แสดงลิเกฮูลู พลังความสามารถของลิเกฮูลูที่มีต่อชุมชนและสังคมและวิเคราะห์อนาคตของลิเกฮูลูในจังหวัดปัตตานี (หน้า 2) |
|
Ethnic Group in the Focus |
กลุ่มตวอย่างในการศึกษาเป็นหัวหน้าคณะลิเกฮูลู 14 คน และคณะลูกคู่ จำนวน 13 คณะ รวม 25 คน ที่อยู่ในจังหวัดปัตตานี (หน้า 3,25,50 รายชื่อผู้ให้สัมภาษณ์ หน้า 26-30,69-71) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ส่วนมากประชาชนกว่า 80% ในชนบท ของจังหวัดปัตตานีนับถือศาสนาอิสลาม ในชีวิตประจำวันจะพูดภาษามลายูและพูดภาษาไทยไม่ค่อยได้ จึงทำให้เกิดปัญหาด้านการสื่อสารการได้ชมลิกูฮูลูจึงเป็นเรื่องเข้าใจได้สะดวกและง่ายกว่าฟังวัทิยุ ดูโทรทัศน์หรืออ่านหนังสือพิมพ์ (หน้า 58) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ประวัติลิเกฮูลู ลิเกฮูลูหรือดิเกฮูลู แต่เดิมเรียกว่า”ปันตนอินัง”(ต่อมาได้เปลี่ยนมาเรียกลิเกฮูลู) ที่กลันตัน เรียกว่า “ลิเกบารัต” หรือ ”บาฆะ” หมายถึง “ลิเกตะวันตก” ส่วนในปัตตานีเรียก “ลิเกฮูลู” หมายถึง ”ลิเกเหนือ” (หน้า 18,19) ในประเทศมาเลเซียเรียกลิเกว่า ”ดิเกร์” (ภาษาเปอร์เซีย) แปลตามความหมายได้สองอย่างคือ เพลงสวดสรรเสริญพระเจ้าซึ่งจะขับร้องในงานเทศกาลวันกำเนิดพระนบี หรืองานเมาลิด มุสลิมเรียกการสวดนี้ว่า ”ดิเกร์เมาลิด” และอีกความหมายเรียกว่า “ลิเกฮูลู” หมายถึงกลอนเพลงโต้ตอบที่ร้องกันเป็นกลุ่มคณะ (หน้า 18) ความเป็นมาของลิเกฮูลูนั้นมีข้อสันนิษฐานด้วยกันหลายอย่างเช่นลิเกฮูลูมาจากการละเล่นของคนป่าเผ่าซาไกซึ่งมีชื้อเรียกตามภาษามลายูว่า “มะนอฆอออแฆสาแก” หมายถึง “โนราห์คนซาไก” ซึ่งมีเครื่องดนตรีที่ทำจากท่อนไม้ไผ่ นำมาเจาะปล้องออกให้หมดทั้งสองด้าน แล้วด้านหนึ่งจะปล่อยไว้เป็นช่องว่าง ส่วนอีกด้าน จะนำเปลือกหรือกาบไม้ หุ้มหรือเสียบอีกด้าน การเล่นก็จะนำไม้หรือใช้มืออุดด้านที่หุ้มก็จะมีเสียงจากนั้นก็จะเล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้แล้วก็ร้องเพลงโต้ตอบกันไปมา สันนิษฐานว่าเครื่องดนตรีที่ทำจากกระบอกไม้ไผ่ในเวลาต่อมานั้นกลายเป็นรำมะนาและบานอ (หน้า 18,32) อีกข้อสันนิษฐานระบุว่า ในสมัยพระยาปกครอง 7 หัวเมือง มีการแสดง ”ละไป” (ลิเกฮูลู) คือการร้องลำตัดภาษาอาหรับ ในภายหลังได้มีการปรับเปลี่ยนมาเป็นลิเกฮูลู โดยร้องเป็นภาษาพื้นเมืองเล่นประกอบเครื่องดนตรีรำมะนา (หน้า 18) สำหรับที่มาของชื่อ “ฮูลู”นั้น ในพจนานุกรม Kamus Dewan ระบุว่า “ฮูลู” มีหลายความหมายเช่น ศีรษะ,บริเวณต้นน้ำ,จุดเริ่มต้น,ด้านอาวุธและหมู่บ้านในชนบท สำหรับลิเกฮูลูนั้นคาดว่ามาจากชื่อสถานที่ที่ มีการแสดงครั้งแรกที่บริเวณเหนือลำน้ำที่เป็นต้นน้ำของแม่น้ำปัตตานีที่เรียกว่า “ฮูลู” (ทิศเหนือเรียก”ฮูลู” ส่วนบริเวณทิศใต้ของลำน้ำเรียก “ฮิเล”) สำหรับทิศเหนือ (ฮูลู) คาดว่าเป็นพื้นที่อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี และอำเภอบันนังสตา อำเภอเบตง จังหวัดนะลา เป็นที่เกิดของการเล่นลิเกฮูลู (หน้า 18) |
|
Demography |
จังหวัดปัตตานีมีประชากรทั้งหมด 624,946 คน แบ่งเป็นผู้ชาย 308,536 คน ผู้หญิง 316,410 คน จำนวนครัวเรือนมี 129,863 หลังคาเรือน(จากข้อมูล 30 กันยายน 2545 หน้า 11) |
|
Economy |
เศรษฐกิจ หัวหน้าคณะลิเกฮูลูทำอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก โดยมีรายได้เฉลี่ย 20,000-300,000 บาทต่อปี และแสดงลิเกฮูลูมีรายได้ประมาณ 30,000-70,000 บาทต่อปี สำหรับรายจ่ายส่วนมากจะเป็นค่าอาหาร เสื้อผ้า ซ่อมแซมบ้านที่อยู่อาศัย เฉลี่ยระหว่าง 20,000-110,000 บาทต่อปี เกือบทุกครัวเรือนจะมีเครื่องอำนวยความสะดวก ได้แก่ โทรทัศน์ พัดลม ตู้เย็น รถจักรยานยนต์และอื่นๆ (บทคัดย่อ,43) สำหรับอัตราการรับงานแสดงหัวหน้าคณะลิเกฮูลูจะมีงานแสดง 20 ถึง 25 ครั้งต่อเดือน (หน้า 53) คณะลูกคู่ลิเกฮูลูส่วนมากทำงานรับจ้างโดยมีรายได้เฉลี่ย 10,000-68,000 บาทต่อปี และแสดงลิเกฮูลูมีรายได้ประมาณ 5,000-180,000 บาทต่อปี สำหรับรายจ่ายส่วนมากเป็นค่าอาหาร เสื้อผ้า ซ่อมแซมบ้าน เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 10,000-50,000 บาทต่อปี เกือบทุกครัวเรือนจะมีเครื่องอำนวยความสะดวก เช่น โทรทัศน์ พัดลม ตู้เย็น ฯลฯ (บทคัดย่อ หน้า 34-35,43,61) |
|
Social Organization |
วิถีชีวิตของลิเกฮูลูทางด้านสังคม ในครอบครัวที่มีสามีทำอาชีพแสดงลิเกฮูลู ก็จะมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันโดยคนในครอบครัวก็จะให้การสนับสนุนทั้งในทางตรงและทางอ้อม เช่นจัดสถานที่ให้เพื่อฝึกซ้อม ในครอบครัวที่สามีแสดงลิเกฮูลูเมื่อไปแสดงหรือฝึกซ้อมภรรยาที่อยู่ที่บ้านก็จะทำงานบ้านทุกอย่าง ดูแลลูกเพื่อไม่ให้สามีเกิดความกังวลระหว่างไปทำการแสดง ข้อดีของลิเกฮูลูคือ ทำให้ครอบครัวมีรายได้และสร้างชื่อเสียงให้กับครอบครัว (หน้า 45) สามีที่มีอาชีพแสดงลิเกฮูลูเมื่อมีเวลาว่างก็จะทำงานอาชีพหลักและอาชีพรองช่วยเหลือครอบครัวนอกจากนี้ก็จะพาครอบครัวไปเยี่ยมญาติพี่น้องปีละครั้งเป็นอย่างน้อยและพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจเดือนละครั้ง สำหรับการแสดงลิเกฮูลูนั้นส่วนมากทำให้ไม่เกิดปัญหาครอบครัว เนื่องจากส่วนมากครอบครัวของนักแสดงลิเกฮูลูมักจะเป็นแบบผัวเดียวเมียเดียว (หน้า 46) การแสดงลิเกฮูลูก็มีข้อดีคือทำให้สังคมเกิดความเข้มแข็งทำให้คนในสังคมเกิดความความสามัคคี (หน้า 49) และเป็นการส่งเสริมด้านสังคมรวมทั้งเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น (หน้า 53) ช่วยทำให้เยาวชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ห่างไกลยาเสพติด (หน้า 59,62,63) |
|
Political Organization |
ลิเกฮูลูส่วนมากไม่สนใจตำแหน่งทางการเมืองไม่ว่าจะอยู่ระดับใดก็ตาม ส่วนกิจกรรมด้านการเมืองของชุมชนนั้นผู้แสดงลิเกฮูลู ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเช่นเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไปลงคะแนนเลือกตั้ง รวมทั้งเป็นคณะกรรมการต่างๆที่มีอยู่ในชุมชน (บทคัดย่อ,62) ในจำนวนผู้ให้สัมภาษณ์ 25 คนมีลิเกฮูลูที่มีตำแหน่งการเมืองท้องถิ่น คือเป็นผู้ใหญ่บ้าน 2 คน และเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน 2 คน หรือคิดเป็นจำนวน 16 % ของผู้ให้สัมภาษณ์ (หน้า 49-51) |
|
Belief System |
ความเชื่อและศาสนา ประชากรในจังหวัดปัตตานีแบ่งตามการนับถือศาสนาได้ดังนี้ นับถือศาสนาอิสลาม 498,847 คน หรือ 80.68 % นับถือศาสนาพุทธ 118,020 คน หรือ 19.09 % และนับถือศาสนาคริสต์ 1,401 คน หรือ 0.23 % (หน้า 11) ลิเกฮูลูกับวัฒนธรรมความเชื่อ ด้านวัฒนธรรมความเชื่อ ลิเกฮูลูมีประโยชน์ต่อชุมชนคือในการแสดงได้นำหลักคำสอนของศาสนาอิสลามมาสอดแทรกในเนื้อหาเพื่อให้ความรู้กับผู้ชมจึงทำให้เกิดความรู้ ส่งเสริมคุณธรรมทำให้สังคมเกิดสันติสุข (บทคัดย่อ) เนื่องจากมุสลิมในจังหวัดปัตตานีให้ความสนใจลิเกฮูลูซึ่งประกอบด้วยผู้ลิเกฮูลู 100 % เป็นมุสลิม (หน้า 51) และสามารถนำคำสอนของศาสนา มาใช้ในการแสดงเพื่อสั่งสอนคนในชุมชนให้เป็นคนดี นอกจากนี้การแสดงลิเกฮูลูยังเป็นการส่งเสริมศาสนาได้อีกทางหนึ่ง (หน้า 52) นอกจากนี้หัวหน้าคณะลิเกฮูลูอีกหลายคนยังเป็นโต๊ะครู โต๊ะอิหม่าม ฉะนั้นเมื่อมีการแสดงจึงทำให้ผู้แสดงได้ใช้หลักธรรมคำสอนให้ความรู้กับผู้ชมเพื่อให้เกิดความเพลิดเพลินใจได้ความรู้ และส่งเสริมจริยธรรม คุณธรรมไปด้วย (หน้า 58,59,62) ประเพณีท้องถิ่น ในจังหวัดปัตตานีมีประเพณีและการละเล่นต่างๆ ดังนี้ ประเพณีเจ้าหลิมกอเหนี่ยว ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนอ้าย ตามจันทรคติของจีนโดยจัดเป็นประจำทุกปี ประเพณีชักพระ จัดที่อำเภอโคกโพธิ์ ประเพณีแห่พระอีก๋ง จัดโดยคนไทยพุทธในอำเภอสายบุรี งานฮารีรายอ เป็นงานเฉลิมฉลองการเลิกถือศีลอดของมุสลิม ประเพณีแห่ลาซัง(บูยอบือแน) พิธีฉลองนาหรือซังข้าวทุกวันนี้จัดอยู่ที่ตำบลควน อำเภอปานาเระ (หน้า 14) |
|
Education and Socialization |
ในจังหวัดปัตตานีประกอบด้วยโรงเรียนตั้งแต่ก่อนระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษา มีสถานศึกษา 429 แห่ง ประกอบด้วยครู 7,157 คน นักเรียน 162,439 คน เมื่อเทียบอัตราส่วนของจำนวนนักเรียนกับจำนวนครูคิดเป็น 23ต่อ 1 คน (หน้า 11) |
|
Health and Medicine |
สถานพยาบาลและสุขภาพอนามัย ในจังหวัดมีโรงพยาบาล 12 แห่ง จำนวน 700 เตียง ประกอบด้วยแพทย์ 89 คน ทันตแพทย์ 29 คน พยาบาล 445 คน เภสัชกร 50 คน สถานีอนามัยมี 128 แห่ง สถานบริการสาธารณสุข 3 แห่ง ส่วนข้อมูลด้านสุขภาพ พ.ศ. 2545 ระบุว่าว่ามีอัตราการเกิด 12.75 ต่อประชากรพันคน อัตราการตาย 3.19 ต่อประชากรพันคน (หน้า 12) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
การแต่งกายของลิเกฮูลู มีการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยคือในอดีตจะแต่งตัวเหมือนคนทั่วไปโดยจะโพกศีรษะ สวมเสื้อคอกลม สวมโสร่ง บางโอกาสก็จะเหน็บขวานเพื่อทำให้คู่ต่อสู้เกิดความยำเกรง ภายหลังได้แต่งตัวเหมือนการเล่นสิละ(ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่าชุดเป็นอย่างไร) จะต่างกันคือไม่เหน็บกริช บางครั้งก็เหน็บขวาน ทุกวันนี้แต่งตัวเหมือนคนมุสลิมหรือชุดสมัยนิยม (หน้า 19) เมื่อแสดงบนเวทีลูคู่จะสวมชุดเหมือนกันเสื้อผ้าสีสดใส หัวหน้าคณะจะแต่งตัวไม่เหมือนคนอื่นเพื่อเป็นจุดเด่นของการแสดง (หน้า 24) องค์ประกอบของคณะลิเกฮูลู มีส่วนประกอบที่สำคัญ 2 ส่วนคือผู้ขับกลอนลิเกฮูลู กับคณะลูกคู่ลิเกฮูลู ทั้งสองส่วนนี้จะแยกอิสระต่อกันผู้ว่าจ้างลิเกฮูลูจะจ้างผู้ขับกลอนลิเกฮูลูหรือ”หัวหน้าคณะ” ใดก็ได้ หรือจะไปจ้างคณะลูกคู่ลิเกฮูลูมาเล่นก็ได้ไม่ต้องจ้างพร้อมกัน (หน้า 21,25) ผู้ขับกลอน (กาโระ) ลิเกฮูลู หรือ “หัวหน้าคณะ” ส่วนมากอยู่คนเดียวอย่างอิสระเมื่อจะแสดงก็จะเลือกคณะลูกคู่มาร่วมการแสดง ในการแสดงแต่ละครั้งผู้ขับกลอนจะมีสองฝ่ายคือฝ่ายผู้โต้และผู้ตอบ สำหรับผู้โต้จะทำหน้าที่ตั้งหัวข้อเพื่อประชันไหวพริบ ส่วนผู้ตอบจะทำหน้าที่ตอบหัวข้อที่ผู้โต้ได้ถามไว้ การตอบโต้หากทำได้ดีก็จะทำให้เกิดความรู้และผู้ชมเพลิดเพลิน ในการแสดงเจ้าภาพจะจ้างผู้โต้และผู้ตอบคนละคณะหรือจะให้ลิเกฮูลูหาผู้โต้และผู้ตอบเอง (หน้า 21) คณะลูกคู่ลิเกฮูลู แบ่งเป็น 3 ประเภทดังนี้ 1) ผู้แสดงประกอบจังหวะลีลา มี 8-12 คน มีหน้าที่แสดงลีลาประกอบเมื่อนักร้องร้องเพลงและเป็นผู้ร้องรับในช่วงแสดง 2) ผู้ร้องเพลงหรือนักร้อง บางครั้งอาจเป็นผู้เล่นดนตรีหรือผู้แสดงประกอบจังหวะลีลา 3) นักดนตรี มี 5-8 คน ในจำนวนส่วนหนึ่งเป็นผู้แสดงประกอบจังหวะลีลา (หน้า 21) รูปแบบการแสดง แบ่งออกเป็นเป็น 3 ประเภทคือ 1) การแสดงเพื่อสร้างความสนุกสาน ลูกคู่ของคณะจะนั่งล้อมลงหันหน้าเข้าหากันส่วนคนร้องโต้ตอบกับนักดนตรีจะอยู่นอกวง เพื่อความสนุกแสดงจึงต้องอยู่คนละคณะ (ภาพหน้า 23) 2) เพื่อสาธิตการแสดงลิเกฮูลู การแสดงผู้โต้ ผู้ตอบและลูกคู่อาจจะเป็นคณะเดียวกันหรือต่างคณะ การแสดงก็เพื่อเป็นการสาธิตที่หน่วยงานของรัฐเป็นผู้ว่าจ้าง (เรื่องและภาพหน้า 23) 3) การแข่งขันในเทศกาล ซึ่งจัดเพื่อการแข่งขันเป็นประจำทุกปีเช่นงานกาชาดจังหวัดปัตตานี การนั่งแสดงบนเวที ลูกคู่จะนั่งเรียงแถวหันหน้าไปทางเวที ส่วนนักร้องและนักดนตรีจะนั่งรวมกลุ่มทางด้านหลังลูกคู่ สำหรับหัวหน้าคณะจะนั่งทางด้านข้างของคณะ โดยการนั่งจะเหมือนกันทั้งสองคณะ เนื้อหาการร้องเป็นแนวสร้างสรรค์ทำให้เกิดความสงบสุข เช่นการห่างไกลยาเสพติด ฯลฯ (เรื่องและภาพ หน้า 24) ขั้นตอนในการแสดง ในแต่ละทีมของคณะลิเกฮูลูจะนั่งแยกเป็นสองกลุ่ม โดยจะเริ่มการแสดงดังต่อไปนี้ 1) เริ่มด้วยการโหมโรง โดยเล่นเครื่องดนตรีที่ประกอบด้วย รำมะนา 2 ใบและฆ้อง การโหมโรงนั้นมี 3 จังหวะคือจังหวะแรกเรียก “ตาโบะ” จังหวะที่สองคือ “ปันตง” จะตีเป็นเพลงโดยไม่ขับร้อง และจบที่เพลง”แจนอ”ก็คือจบการโหมโรง (หน้า 24) 2) ร้องเพลงปันตงครั้งที่ 1 หนึ่งเพลง โดยจะร้องเพลงลิเกฮูลู แบบดั้งเดิมโดยเป็นเนื้อหาในหัวข้อที่เตรียมมา (หน้า 25) 3) หัวหน้าคณะลิเกฮูลูขับกลอนกาโละเบิกทางหรือ “กาโระแยะกี” เพื่อกล่าวสวัสดีกับเจ้าภาพ ประธานพิธีรวมทั้งผู้ชมโดยจะด้นเป็นกลอนสด 4) นักร้องลิเกฮูลูร้องเพลง เพลงที่ร้องอาจเป็นเพลงลูกทุ่งหรือเพลงที่แต่งเองโดยจะร้องเพลงสลับกันระหว่างผู้โต้กับผู้ตอบอีกทีมหนึ่ง 5) หัวหน้าคณะร้องเพลงปันตงครั้งที่ 2 เนื้อหาเดียวกันกับการร้องครั้งแรก 6) หัวหน้าคณะขับกาโระ ในหัวข้อการแสดงและโต้ตอบกับอีกฝ่าย 7) หัวหน้าคณะฝ่ายตรงข้ามขับ”วาปุลัน” ซึ่งเป็นเครื่องเตือนว่ายุติการแสดงลิเกฮูลู (หน้า 25) เครื่องดนตรีลิเกฮูลู รำมะนาใหญ่ (ชื่อมลายู “บานออีบู”) ทำหน้าที่ควบคุมจังหวะเครื่องดนตรีทุกชิ้นในวงลิเกฮูลู รำมะนาใหญ่เป็นเครื่องดนตรีที่สำคัญที่สุดในสามชิ้นนับตั้งแต่อดีตที่มีการเล่นลิเกฮูลู ซึ่งในเวลานั้นใช้เครื่องดนตรีเพียงสามชิ้นเท่านั้น (หน้า 22) รำมะนาเล็ก (บานออาเนาะ) มีหน้าที่ในการตบแต่งจังหวะของรำมะนาใหญ่และเป็นหนึ่งในสามของเครื่องดนตรีที่เล่นในวงลิเกฮูลู ฆ้อง (ชื่อมลายู ”โฆง”) มีความสำคัญในการบังคับจังหวะของการเล่นเครื่องดนตรีทุกชิ้นและเป็นหนึ่งในสามของเครื่องดนตรีดั้งเดิม ฉิ่ง (อาเนาะอาแย) เล่นเสริมเครื่องดนตรีอื่นเพื่อให้เกิดความไพเราะชวนฟังในการเล่น การเช่นฉิ่งจะเล่นในช่วงที่นักร้องร้องเพลงและเวลาหัวหน้าคณะร้องปันตงหรือบทกวีภาษามลายูซึ่งนำเสนอวิถีชีวิตของคนในชุมชนมาเล่าสู่ผู้ฟัง ลูกแซ็ก (ชื่อมลายู ”เวาะลอมา”) ทำหน้าที่เพิ่มความไพเราะในการเล่นลิเกฮูลูและจะเล่นในช่วงการร้องเพลง แต่จะไม่เล่นในเวลาที่มีการขับ(กาโระ)ลิเกฮูลู (หน้า 22) ฉาบ (กายูตือโปะ) เมื่อเล่นก็จะช่วยเสริมให้เสียงปรบมือของลูกคู่ดังชัดเจนมากขึ้นและเล่นในขณะขับลิเกฮูลู โหม่ง (ชื่อมลายู ”ม่อง”) มีความสำคัญคือเล่นเพื่อตบแต่งเสียงดนตรีเพื่อให้เข้าจังหวะเมื่อร้องเพลง ขลุ่ย (ปูลิง) ในวงจะมีหรือไม่มีก็ไม่เป็นไร สมัยก่อนจะเล่นซออู้ แต่ทุกวันนี้เปลี่ยนมาเป่าขลุ่ย ข้อดีคือเพิ่มความไพเราะขณะเล่นลิเกฮูลู(หน้า 19,22) การละเล่นศิลปะการแสดง การละเล่นชนิดอื่นในจังหวัดปัตตานีได้แก่ รองแง็ง เป็นศิลปะการเต้นรำของมุสลิม สิละ(ซีละ) ศิลปะการป้องกันตัวชนิดหนึ่ง มะโย่ง คือละครของมุสลิม ทั้งหมดได้บอกข้อมูลเพียงสั้นๆโดยไม่ได้ระบุรายละเอียดในส่วนอื่นไว้ในงานเขียน (หน้า 14) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
ตาราง หน่วยการปกครอง (หน้า 10)ประชากรและครอบครัว (หน้า 11) อาชีพและรายได้ต่อปี,รายจ่ายต่อปีของหัวหน้าคณะลิเกฮูลู (หน้า 34,36) จำนวนครอบครัวของหัวหน้าคณะ,คณะลูกคู่ลิเกฮูลูที่มี เครื่องอำนวยความสะดวก (หน้า 37,41) อาชีพ รายได้,รายจ่ายต่อปี (หน้า 38,40) เศรษฐกิจ,สถานภาพทางการเมืองของผู้แสดงลิเกฮูลู (หน้า 43,50) แผนที่ จังหวัดปัตตานี (หน้า 17) ภาพ การแสดงลิเกฮูลู (หน้า 23,24) ภาพการสัมภาษณ์หัวหน้าคณะลิเกฮูลู,การแสดงลิเกฮูลู การฝึกเยาวชน ,แผ่นวีซีดีลิเกฮูลู,ต้นซากอกือเนอรี เชื่อว่าถ้ากินใบสดเสียงจะดี,การแข่งขันลิเกฮูลูและอื่นๆ (หน้า 74-86) |
|
|