|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง,กะเหรี่ยง,ป่า,การใช้ป่า,ความเป็นอยู่,ชาวพื้นเมือง,เชียงใหม่ |
Author |
สุทัศน์ สุภาษี |
Title |
การใช้ผลิตภัณฑ์จากป่าของชุมชนชาวพื้นเมือง ม้ง และกะเหรี่ยง ในตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ |
Document Type |
อื่นๆ |
Original Language of Text |
- |
Ethnic Identity |
ม้ง, ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) |
Total Pages |
122 |
Year |
2546 |
Source |
วิทยานิพนธ์หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์การเมือง บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
กล่าวถึงการศึกษาปัจจัยทางสังคม วัฒนธรรม ประเพณี เศรษฐกิจ ที่มีผลต่อการใช้ผลิตภัณฑ์จากป่า ของชุมชนพื้นเมืองบ้านห้วยโป่ง หมู่ 11 ม้งบ้านขุนวาง หมู่ 12 และกะเหรี่ยงบ้านป่ากล้วยโป่งลมแรง ที่อยู่ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ว่าทั้งสามชุมชนนั้นมีการใช้ป่า เช่น การตัดไม้มาสร้างบ้าน ทำฟืน หรือเก็บของป่าและอนุรักษ์ป่าของคนในชุมชนอย่างไรเพื่อเป็นการอนุรักษ์ป่า และทำให้มีป่าไม้ใช้สอยต่อไปในวันหน้า |
|
Focus |
ศึกษาลักษณะทางกายภาพ เช่น สถานภาพทางภูมิศาสตร์ สังคม เศรษฐกิจอันมีผลต่อการเข้าไปใช้ผลิตภัณฑ์จากป่าของชุมชนพื้นเมือง ,ศึกษาภูมิปัญญาของชนเผ่าในการเข้าไปใช้ รักษา อนุรักษ์ การจัดการป่า และศึกษาถึงการดำรงชีพที่อาศัยผลิตภัณฑ์จากป่าของชุมชนพื้นเมือง ม้งและกะเหรี่ยง (หน้า 4) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ประชากรในกรณีศึกษาประกอบด้วย ม้ง บ้านขุนกลาง หมู่ 12 (หน้า 23,79) กะเหรี่ยง บ้านป่ากล้วยโป่งลมแรง หมู่ 17 (หน้า 23,80) ชาวพื้นเมือง บ้านห้วยโป่งหมู่ 11 ทั้งสามหมู่บ้านอยู่ในพื้นที่ ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ (หน้า 23, 78) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
|
Demography |
พื้นที่ทำการศึกษา ประกอบด้วยชุมชนพื้นเมือง ม้ง และกะเหรี่ยง หมู่ 11,12 และ 17 ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ มีจำนวนครัวเรือน 305 ครอบครัว มีจำนวนประชากร 1,475 คน (หน้า 4) ชาวพื้นเมือง หมู่ 11 บ้านห้วยโป่ง มีจำนวนหลังคาเรือน 102 จำนวนครัวเรือน 102 ครัวเรือน ประชากรหมู่บ้านมี 412 คน แบ่งเป็นผู้ชาย 195 คน ผู้หญิง 217 คน (หน้า 39,78) ม้ง บ้านขุนวางหมู่ที่ 12 มีจำนวนหลังคาเรือน 98 หลังคาเรือน 120 ครัวเรือน หมู่บ้านมีประชากร 713 คน ผู้ชาย 351 คน ผู้หญิง 362 คน (หน้า 40,79) กะเหรี่ยง หมู่ที่ 17 บ้านป่ากล้วย-โป่งลมแรง มีจำนวนหลังคาเรือน 77 หลังคาเรือน มีครอบครัว 83 ครอบครัว มีประชากรทั้งหมด 350 คน แบ่งออกเป็นผู้ชาย 186 คน ผู้หญิง 164 คน (หน้า 40,80) |
|
Economy |
ม้ง บ้านขุนกลางหมู่ 12 ม้งมีรายได้หลักคือขายพืชที่ปลูกให้กับโครงการหลวง กับแหล่งท่องเที่ยวและนำพืชผลผลิตไปขายที่ตลาดอำเภอจอมทองและขายให้กับนักท่องเที่ยว (หน้า 79,90) สำหรับพืชล้มลุกที่ปลูกขายเช่น เบญจมาศ เยอร์บีร่า กระหล่ำ และอื่นๆ สำหรับไม้ยืนต้นที่ปลุกเช่น ท้อ บ้วย พลับ และปลูกข้าวไร่เอาไว้กินในครัวเรือน (หน้า 42) มีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อเดือนเท่ากับ 1,167 บาทและมีได้เฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 5,000 บาท (หน้า 47,80 ตารางหน้า 48) กะเหรี่ยง บ้านป่ากล้วยโป่งลมแรงหมู่ 17 กะเหรี่ยงมีรายได้หลักจากการขายพืชเมืองหนาวให้โครงการหลวงอินทนนท์ และปลูกพืชขายให้นายทุนที่นำเมล็ดพืชและปุ๋ยมาให้ก่อนแล้วรับซื้อคืน และรับจ้างปลูกพืชให้ชุมชนม้ง นอกจากนี้ก็ทำงานรับจ้างและเลี้ยงสัตว์เช่น วัว หมู ไก่ เอาไว้ขาย สำหรับรายได้เฉลี่ยต่อปีมีรายได้อยู่ที่ 3,429 บาท (หน้า 81,90) และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่อคนเท่ากับ 1,167 บาท (หน้า 47) ชาวพื้นเมือง บ้านห้วยโป่ง หมู่ 11 มีรายได้หลักมาจากการปลูกพืช โดยในชุมชนปลูกพืชเชิงเดี่ยวเพื่อการค้า นอกจากนี้ก็มีรายได้จากการเก็บของป่ามาขายเรื่องจากชุมชนอยู่ใกล้ตัวเมือง (หน้า 78) สำหรับไม้ยืนต้นปลูกได้แก่ ลำไย มะม่วง ลิ้นจี่ ฝรั่ง ส่วนพืชล้มลุกที่ปลูกขายเช่น ถั่วเหลือง หอมหัวใหญ่ หอม กระเทียมและปลูกข้าวนาปีเอาไว้กินในครัวเรือน (หน้า 42) โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อเดือนคนละ 2,500 บาท (หน้า 47,79 ตารางหน้า 48) พืชที่ใช้เป็นอาหาร แบ่งออกเป็นที่นำมาเป็นอาหารโดยตรงและแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ได้ดังนี้ 1) พืชที่เป็นอาหารโดยตรง อาทิพืชวงหญ้า (Gramineae) ได้แก่ ข้าวไร่ ข้าวโพด ข้าวฟ่างและประเภทผักได้แก่ผักเฮียด ผักฮี้ ผักหวาน ผักฮ่าย ผักแปม ผักขี้ก๋วง ผักกันเถิง ผักหนาม ผักกูด เป็นต้นพืชที่นำเข้าจากที่อื่น ได้แก่ หอมญี่ปุ่น สุกินี่ แครอท สลัดคอท สลัดแก้ว ส่วนผลไม้ก็มีได้แก่ มะเม้า มะหลอด หนามไข่ปู ตะกร้อ คอแลน ฯลฯ (หน้า 35) 2) พืชที่ใช้ประโยชน์จากการคั้น มีหลายอย่างเช่น มะนาว มะกรูด อ้อยดำและอื่นๆ พืชที่นำมาสกัดเช่น งา มะพร้าว พืชที่เป็นอาหารและนำมาปรุงกับอาหารเช่น พริก จะค่าน ตะไคร้ ใบมะกรูด ดีปลี ขิง ข่า มะขามและอบเชย และอื่นๆ พืชที่นำมาบดทำแป้งเช่น กลอย หัวสาคู มันสำปะหลัง พืชที่นำมาทำน้ำตาลเช่น อ้อย เป็นสีผสมอาหารเช่น ใบเตยหอมนำมาย้อมจะมีสีเขียว และสีม่วงจากมะเม่า (หน้า 35) 3) พืชที่ใช้เป็นอาหารสัตว์ ได้แก่ ซังข้าวโพด ฟาง อ้อย หญ้าปล้อง ต้นกล้วย หญ้าขน ฯลฯ (หน้า 35) 4) พืชที่ใช้เป็นเครื่องดื่ม ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง อ้อย เป็นต้น (หน้า 35) |
|
Social Organization |
ม้ง บ้านขุนกลางหมู่ 12 ครอบครัวเป็นแบบครอบครัวขยาย ลักษณะทางสังคมไม่มีความเป็นเอกภาพและไม่ค่อยมีกิจกรรมด้านความเชื่อ ประเพณีและวัฒนธรรมร่วมกันเนื่องจากคนในหมู่บ้านนับถือศาสนาไม่เหมือนกันเช่นศาสนาพุทธ คริสต์ ผี (หน้า 79) กะเหรี่ยง บ้านป่ากล้วยโป่งลมแรงหมู่ 17 ครอบครัวเป็นแบบครอบครัวเดี่ยว ญาติพี่น้องมีความใกล้ชิดต่อกันชุมชนมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับป่าไม้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักด้านการทำงานอนุรักษ์ป่าไม้กว่าชาติพันธุ์อื่นที่สร้างบ้านเรือนอยู่บนพื้นที่สูง (หน้า 80) ชาวพื้นเมือง บ้านห้วยโป่ง หมู่ 11 ลักษณะครอบครัวเป็นแบบครอบครัวเดี่ยว สังคมมีความเป็นเอกภาพเพราะนับถือศาสนาพุทธ มีความเชื่อ ประเพณีและวัฒนธรรมเหมือนกัน พื้นที่อยู่อาศัยอยู่ภายนอกเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีเอกสารในการถือกรรมสิทธิ์ สภาพความเป็นอยู่ค่อนข้างดี (หน้า 78) |
|
Political Organization |
ชุมชนพื้นเมือง หมู่ 11 บ้านห้วยโป่ง กล่าวถึงกฎระเบียบของใช้ใช้ป่าของชุมชนพื้นที่ ซึ่งแม้ว่าจะมีกฎข้อบังคับแต่ไม่ได้ใช้เพราะไม่เคยมีคนกระทำผิด (หน้า 62) สำหรับข้อบังคับที่งานเขียนได้กล่าวถึงเช่น 1) ไม่ขายที่ดินที่ถือครองให้คนต่างถิ่นหรือต่างเผ่า 2) ไม่ขายผลิตผลจากป่าให้นายทุน 3) ถ้าจะนำไม้มาปลูกบ้าน ต้องขออนุญาตกับคณะกรรมการอนุรักษ์ป่า 4 ) ห้ามตัดไม้ขาย 5) ไม่ให้คนนอกชุมชนเข้ามาตัดไม้ในพื้นที่หมู่บ้าน เป็นต้น (หน้า 61) ชุมชนม้ง หมู่ 12 บ้านขุนวาง ชุมชนไม่มีกฎระเบียบเรื่องการใช้ป่าอย่างชัดเจน ในชุมชนจะให้คณะกรรมการอนุรักษ์ป่าเป็นตัวควบคุม อาทิ ต้องขออนุญาตก่อนจะตัดไม้มาปลูกบ้าน ไม่ให้คนต่างหมู่บ้านมาตัดไม้ ห้ามเผาป่า ฯลฯ (หน้า 62) ชุมชนกะเหรี่ยง หมู่ 17 บ้านป่ากล้วย-โป่งลมแรง ในชุมชนได้ตกลงเรื่องการใช้ป่าร่วมกันเช่น 1) ห้ามขายที่ดินที่ถือครองแก่คนต่างถิ่น 2) ไม่ขายผลิตผลจากป่าให้นายทุน 3) ไม่ขายผลผลิตจากป่าให้นายทุน 4) ไม่ให้ตัดไม้ขาย ฯลฯ (หน้า 62) |
|
Belief System |
ชาวพื้นเมือง หมู่ 11 บ้านห้วยโป่ง คนในหมู่บ้านนับถือศาสนาพุทธ ในหมู่บ้านมีวัด 1 แห่ง (หน้า 39,78 ตารางหน้า 41) ม้ง บ้านขุนวางหมู่ที่ 12 ม้งนับถือศาสนาคริสต์ ศาสนาพุทธ และนับถือผี ในหมู่บ้านมีโบสถ์คริสต์ 2 แห่ง และวัดอีก 1 แห่ง (หน้า 40 ,79 ตารางหน้า 41) กะเหรี่ยง หมู่ที่ 17 บ้านป่ากล้วย-โป่งลมแรง กะเหรี่ยงนับถือศาสนาคริสต์ ในหมู่บ้านมีโบสถ์ 1 แห่ง (หน้า 40,80 ตารางหน้า 41) พืชที่ใช้เป็นสัญลักษณ์เกี่ยวกับความเชื่อถือ ในงานเขียนระบุว่า ในพื้นที่กรณีศึกษาจะพบพืชที่เป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อ เช่นเป็นเครื่องรางของขลัง ป้องกันผีเป็นเครื่องหมายของความรู้ อาทิ ต้นโพธิ์ ต้นไทร อ้อยดำ ไผ่ ต้นกล้วย (หน้า 39) ปฏิทินความเชื่อ ประเพณี วัฒนธรรม ชาวพื้นเมือง หมู่ 11 บ้านห้วยโป่ง มกราคม วันปีใหม่ (ตารางหน้า 57) กุมภาพันธุ์ ประเพณีเดือน 4 (เป็ง) ถวายทานข้าวใหม่ (หน้า 57) มีนาคม ทำบุญเช่น ปอยน้อย บวชพระเณร ปอยหลวง และงานมงคลอื่นๆ เช่นจัดงานแต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น (ตารางหน้า 58) เมษายน ปีใหม่เมืองหรือวันสงกรานต์ 13 เม.ย.ทำความสะอาดบ้านเรือน 14 เม.ย.เตรียมอาหาร ทำบุญขนทรายเข้าวัด ก่อเจดีย์ทราย (หน้า 58) พฤษภาคม ทำพิธีแรกข้าว ทำสะตวง บอกแม่ธรณีให้มีช่วยดูแลรักษาข้าว ทำงานลงแขกเตรียมกล้านาปี เลี้ยงขวัญควาย วันวิสาขบูชา (ตารางหน้า 59) มิถุนายน ประกอบพิธีเลี้ยงผีเสื้อบ้าน เลี้ยงมิตรเมือง โดยจะทำ3 ปีต่อครั้ง กรกฎาคม บุญเข้าพรรษา สิงหาคม วันแม่ กันยายน - ตุลาคม บุญออกพรรษา (ตารางหน้า 59) พฤศจิกายน เดือนยี่ ช่วงนี้เป็นประเพณียี่เป็ง ทำบุญ ซุ้มประตูป่า ธันวาคม วันส่งท้ายปีเก่า (ตารางหน้า 60) ความเชื่ออื่นๆ วันอาทิตย์ไม่ให้ขึ้น” หลองข้าว”หรือ”ยุ้งข้าว” ไม่ให้สีข้าว (ตารางหน้า 60) ปฏิทินความเชื่อ ประเพณี วัฒนธรรม ม้ง หมู่ 12 บ้านขุนวาง มกราคม ทำพิธีไหว้ผีขุนน้ำ (ตารางหน้า 57) กุมภาพันธุ์ - มีนาคม - เมษายน วันเช็งเม็ง ไหว้บรรพบุรุษ ความเชื่อนี้รับมาจากจีน (หน้า 58) พฤษภาคม - มิถุนายน - กรกฎาคม - สิงหาคม - กันยายน - ตุลาคม - พฤศจิกายน ทำพิธีกินข้าวใหม่ สำหรับบ้านที่ปลูกข้าวจะประกอบพิธีและเลี้ยงอาหารพี่น้องเพื่อนฝูงเพื่อให้ชีวิตมีความร่มเย็นเป็นสุข (หน้า 60) ธันวาคม ในเดือนนี้กล่าวถึง “ด่งเซ็ง” หรือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ พื้นที่นี้ไม่ให้ใครเข้าไปตัดเพราะเชื่อว่าจะทำให้ได้รับเคราะห์หรือเสียชีวิต งานเขียนไม่ได้กล่าวถึงพิธีที่จัดในเดือนนี้ (ตารางหน้า 60) ความเชื่ออื่นๆ วันปีใหม่ไม่ให้สัมผัสของมีคม ไม่ว่าจะเป็นมีดหรือของมีคม อื่นๆ เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งอัปมงคล (ตารางหน้า 60) ปฏิทินความเชื่อ ประเพณี วัฒนธรรม กะเหรี่ยง หมู่ 17 บ้านป่ากล้วย-โป่งลมแรง มกราคม เดือนนี้กะเหรี่ยงเรียกว่า “เตอะเล” จะทำพิธีมัดมือปีใหม่ครั้งที่ 1 เดือนนี้จะห้ามจัดพิธีแต่งงาน กะเหรี่ยงเรียกว่าเป็นเดือนเสีย (ตารางหน้า 57) กุมภาพันธุ์ หรือเดือน“พแพ๊ะ”จะถางไร่กำจัดวัชพืชก่อนเพาะปลูกพิธีนี้เรียก ”ฟันข้าวไร่” ก่อนที่จะทำงานจะถางไร่เพียงเล็กน้อยพอเป็นพิธีแล้วจะกลับบ้านถ้าหลังจากทำงานถ้าฝันร้ายเช่นเจองูตรงบริเวณที่ถางไร่ก็จะย้ายไปปลุกพืชที่อื่น (หน้า 57) มีนาคม (หรือ “ที่คุ” ) ในเดือนนี้ถ้าตัดไม้สร้างบ้านจะตัดให้เหลือตอ ไม่ให้ตัดจนสั้นกุด ไม่ให้ปลูกบ้านในเดือนนี้เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีเคราะห์ (ตารางหน้า 58) เมษายน (ลาเซอ) เป็นเดือนส่งไฟ ใส่ข้าวไร่ จะทำพิธีตานข้าวเจ้าป่าเจ้าเขาในช่วงปลายเดือนก่อนปลูกข้าว (ตารางหน้า 58) พฤษภาคม (เดอะยา) ทำพิธีใส่ข้าวนาหรือกล้าข้าว ทำหนึ่งวันก่อนปลูกและจะไถนาก่อน 7 รอบ (หน้า 59) มิถุนายน (ลานัว) ประกอบพิธีปลูกแม่ข้าวหรือ “บือใหม่ป่า” โดยจะปลูกข้าวจำนวน 7 ต้น ปักไม้ 4 ต้น ในบริเวณพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัส (ตารางหน้า 59) กรกฎาคม(ลาเคาะ) ประกอบพิธีมัดมือครั้งที่ 2 และเลี้ยงแม่ข้าว สิ่งที่ต้องใช้เช่น ไก่ตัวผู้ ไก่ตัวเมียอย่างละตัว เหล้า 1 ขวด บ้านผีเพื่อวางข้าว1หลัง (หน้า 59) สิงหาคม (ลาคุ) - กันยายน (ซิหมือ) เรียกว่าเดือนผู้หญิงขยัน แต่ไม่บอกรายละเอียด (หน้า 59) ตุลาคม(ซิฉา) กะเหรี่ยงถือว่าเป็นเดือนผู้ชาย (หน้า 59) พฤศจิกายน(ลานอ) ทำพิธีกินหัวข้าวใหม่หรือ “เอาะบิโข่” โดยจะเก็บเกี่ยวข้าวแล้วเอามาต้มกับเหล้า จากนั้นก็จะเชิญผู้สูงอายุในหมู่บ้านมากิน (หน้า 60) ธันวาคม(ลาปรือ) ประกอบพิธีกินหัวข้าวใหม่ (หน้า 60) ความเชื่ออื่นๆ เชื่อเลข 3 กับ 7 เป็นเลขดีเป็นศิริมงคล (หน้า 60) |
|
Education and Socialization |
ชาวพื้นเมือง หมู่ 11 บ้านห้วยโป่ง ในหมู่บ้านมีโรงเรียน 1 แห่ง เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (หน้า 39 ตารางหน้า 41) ม้ง บ้านขุนวางหมู่ที่ 12 ในหมู่บ้านมีโรงเรียน 1 แห่ง เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง ปีที่ 6 และศูนย์เด็กเล็ก 1 แห่ง (หน้า 40 ตารางหน้า 41) กะเหรี่ยง หมู่ที่ 17 บ้านป่ากล้วย-โป่งลมแรง มีโรงเรียนประจำหมู่บ้าน 1 แห่ง เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึง ปีที่ 6 (หน้า 40 ตารางหน้า 41) |
|
Health and Medicine |
พืชที่เป็นยารักษาโรค พืชที่สามารถนำไปรักษาโรคได้โดยตรง และใช้ผสมกับพืชชนิดอื่น หรือสารอื่นหรือผ่านการสกัด ได้แก่ ดีปลี ตะใคร้ จะค่าน ต้นมะริดไม้ สะเดา กำลังเสือโคร่ง รางจืด ต้นยาสูบ และอื่นๆ (หน้า 39) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
พืชที่ใช้เป็นเครื่องนุ่งห่ม พืชที่เอามาทำเครื่องนุ่งห่ม คือพืชที่มีเส้นใย เช่นฝ้าย ซึ่งในกลุ่มกะเหรี่ยงนั้นยังทอผ้าใช้ในครัวเรือน สำหรับสีย้อมจะใช้เปลือกมะริดไม้ คำฝอย เปลือก ใบและผลมะเกลือ และอื่นๆ (หน้า 39) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Other Issues |
การจำแนกป่า แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้ 1) ป่าเบญจพรรณ หรือป่าผสมผลัดใบ (Mixed Deciduous Forest)เป็นต้นไม้ที่เกิดในความสูงไม่เกิน 700 เมตร ลักษณะเป็นป่าโปร่ง ต้นไม้ที่พบเช่น สัก แดง ประดู่ มะค่าโมง เก็ดแดง รกฟ้า ยมหิน สมอไทย มะเกลือ ส่วนไม้พื้นล่างเช่น หญ้า กก และไผ่ เป็นต้น (หน้า 30) 2) ป่าเต็งรัง (Dry Dipterocarp Forest) เป็นป่าที่อยู่ในพื้นที่ราบและภูเขาซึ่งอยู่ไม่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 700 เมตร ต้นไม้ที่พบจะเกิดบนดินดอน ทราย ดินลูกรัง ขาดความอุดมสมบูรณ์ เช่น เต็ง รัง พยอม เหียง พลวง มะค่าแต้ แสลงใจ มะขามป้อม (หน้า 31) 3) ป่าดิบแล้ง (Dry Evergreen Forest) คือต้นไม้ที่เกิดบริเวณที่ราบหุบเขาและไหล่เขา อากาศชุ่มชื้นเกิดในพื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 1,000 เมตร ต้นไม้ที่เจอเช่น ไม้ตระกูลยาง ยางขาว ตะแบก มะค่าโมง ตะเคียนดง สมพง กะบก สำหรับไม้ที่เกิดบริเวณด้านล่างจะเป็นเฟิร์น กาฝาก กล้วยไม้ และอื่นๆ (หน้า 31) 4) ป่าสนเขา (Coniferous Forest) ต้นไม้จะเกิดในระดับน้ำทะเลปานกลาง 600-1,000 เมตร ได้แก่ สนสามใบ สนสองใบ สำหรับไม้พื้นล่างคือไม้พุ่มเล็ก กับหญ้าต่างๆ (หน้า 31) 5) ป่าดิบเขา (Hill Evergreen Forest) เกิดในระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,000เมตรขึ้นไป เช่น ก่อเดือย ก่อตาหมู ก่อแป้น ทะโล้ ไม้พื้นล่างเช่น เฟิร์น กล้วยไม้ดิน มอสส์ เป็นต้น (หน้า 32) พืชที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ในชุมชนพื้นเมืองนิยมใช้ไม้เนื้อแข็งได้แก่ ไม้สัก เต็ง รัง ไม้กระยาเลย ฯลฯ สำหรับม้งกับกะเหรี่ยงชอบใช้ไม้สน เพราะเบาและมอดไม่กิน เป็นต้น (หน้า 36) |
|
Map/Illustration |
ตาราง
ข้อมูลทางภูมิศาสตร์การจัดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำและพื้นที่ป่า (หน้า 29) การจำแนกลักษณะพื้นที่ตามความลาดเทของดอยอินทนนท์ (หน้า 34) การใช้พลังงานเชื้อเพลิงของชุมชน (หน้า 36) ค่าเฉลี่ยการใช้ฟืน จำแนกตามระดับความสูงของถิ่นอาศัย (หน้า 38) ค่าเฉลี่ยการใช้ฟืน จำแนกตามเผ่า (หน้า 38) ข้อมูลพื้นฐานทางสังคมและโครงสร้างพื้นฐาน (หน้า 41) ปฏิทินเปรียบเทียบกิจกรรมการเกษตรในพื้นที่ (หน้า 43) ปฏิทินเปรียบเทียบการใช้ผลิตภัณฑ์จากป่าและการอนุรักษ์ (หน้า 45) ข้อมูลพื้นฐานทางรายได้ของครอบครัว (หน้า 48) สถานการณ์ความยากจนในประเทศไทย(หน้า 49) ปฏิทินเปรียบเทียบกิจกรรมความเชื่อ ประเพณีวัฒนธรรม(หน้า 57) ภาพ กรอบแนวคิดที่ใช้ในการศึกษา (หน้า 21) เปรียบเทียบการตั้งถิ่นฐานของชาติพันธุ์ที่สัมพันธ์กับระดับความสูง (หน้า 24) แสดงความสัมพันธ์ในเชิงระบบการเมือง (หน้า 65) แสดงความสัมพันธ์ของปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการสูญเสียและเสื่อมโทรม (หน้า 94) แสดงแบบจำลองกรอบแนวคิดด้านตัวชี้วัดความยากจน 7 ประการ (หน้า 96) ภาพถ่าย แผนที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ (หน้า 50) ภาพถ่ายดาวเทียมชุมชนพื้นเมืองบ้านห้วยโป่งหมู่ 11 (หน้า 51) แสดงชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ ชุมชนพื้นเมืองบ้านห้วยโป่ง หมู่ 11 (หน้า 52) ภาพถ่ายดาวเทียม ชุมชนม้งบ้านขุนวาง หมู่ 12 (หน้า 53 ) แสดงชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชุมชนม้ง บ้านแม่วาง หมู่ 12 (หน้า 54) ภาพถ่ายดาวเทียมชุมชนกะเหรี่ยงป่ากล้วยโป่งลมแรง หมู่ 17 (หน้า 55) แสดงชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ ชุมชนกะเหรี่ยงป่ากล้วยโป่งลมแรง (หน้า 56) ภาพกิจกรรมต่างๆ ของชุมชนที่ทำการศึกษา(หน้า 70-76) |
|
|