สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ผู้ไท,การเปลี่ยนแปลง,วิถีชีวิต,มุกดาหาร
Author สุวิทย์ ธีรศาศวัต, ณรงค์ อุปัญญ์
Title ครอบครัวกับการเปลี่ยนแปลง : กรณีชาติพันธุ์ผู้ไทย
Document Type บทความ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ผู้ไท ภูไท, Language and Linguistic Affiliations ไท(Tai)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 32 Year 2531
Source วัฒนธรรมกับการพัฒนา ทางเลือกของสังคมไทย สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ กรุงเทพฯ : กรมการศาสนา, หน้า 91-122.
Abstract

เมื่อมนุษย์อยู่รวมกันเป็นสังคมก็ย่อมเกิดเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้น เป็นการเคลื่อนไหวทางสังคม และส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามมา สำหรับผู้ไทยบ้านหนองโอใหญ่ก็เช่นกัน มีการอพยพจากประเทศลาวเข้ามาสู่ประเทศไทยและวัฒนธรรมไทย ก็ย่อมต้องปรับตัวให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ แต่ด้วยกระแสของโลกในปัจจุบันได้ก่อให้เกิดเป็นปัจจัยทั้งภายนอกและภายใน ยากที่ต้านทานได้จึงทำให้วิถีชีวิตของผู้ไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากตั้งแต่ระดับครอบครัว ดังนั้นสังคมของผู้ไทยจึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรคนในชุมชนก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางภาษาและประเพณีดั้งเดิมไว้ได้หลายอย่าง โดยเฉพาะพิธีเอาฮูปเอาฮอย การเฆี่ยนเขย และผีปู่ตา ให้อยู่คู่ไปกับโลกยุคโลกาภิวัตน์นี้ได้เป็นอย่างดี

Focus

ศึกษาวิถีชีวิตของผู้ไทย บ้านหนองโอใหญ่ ตำบลโนนยาง อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร ที่ปรับเปลี่ยนไปจากอดีตหลาย ๆ ด้าน เช่น โครงสร้างครอบครัว เศรษฐกิจ ประเพณี วัฒนธรรม และอธิบายสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงกับผลสืบเนื่องของการเปลี่ยนแปลงนั้น ๆ ( หน้า 91, 102,104,118-120)

Theoretical Issues

ผู้เขียนแสดงให้เห็นว่าวิถีชีวิตผู้ไทยที่บ้านหนองโอใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงไปในหลายด้าน คือ ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ชายเคยเป็นใหญ่ ปัจจุบันมีลักษณะที่มีความเสมอภาคมากขึ้น ส่วนในชีวิตประจำวัน เช่น อาหารการกินที่เคยพึ่งป่าหันมาพึ่งตลาดมากขึ้น ที่อยู่อาศัยมีลักษณะเปลี่ยนไป และในการรักษาโรคก็อาศัยบริการของแพทย์แผนปัจจุบันมากขึ้น ใช้ยาสมุนไพรและการรักษาแบบพื้นบ้านน้อยลง แต่ในเรื่องที่เกี่ยวกับประเพณีพิธีกรรมแล้ว ยังรักษาลักษณะดั้งเดิมไว้มาก ผู้เขียนได้พยายามอธิบายว่ามีเงื่อนไขที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 2 ประการคือ การเพิ่มขึ้นของประชากร และการปลูกพืชพาณิชย์ นำไปสู่การขยายพื้นที่การเกษตรและทำลายพื้นที่ป่าไม้ ผลที่ตามมาคือ รายได้จากภาคเกษตรไม่เพียงพอกับความต้องการของครัวเรือนที่บริโภคมากขึ้น นำไปสู้การเป็นแรงงานในภาคอุตสาหกรรม (104-120)

Ethnic Group in the Focus

ผู้ไทยซึ่งมีพัฒนาการมาจาก ผู้ไทยขาวและ ผู้ไทยดำ ที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ในแคว้นสิบสองจุไทย และถูกกวาดต้อน อพยพมาสู่ประเทศไทยหลายครั้ง ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีถึงสมัยรัชกาลที่ 3 ให้ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย บริเวณรอบ ๆ เทือกเขาภูพาน ปัจจุบันจึงมีชุมชนผู้ไทยกระจายอยู่ใน 494 หมู่บ้าน 33 อำเภอ 9 จังหวัด (หน้า 92-100,121)

Language and Linguistic Affiliations

ผู้ไทยบ้านหนองโอใหญ่ มีภาษาพูดอยู่ในตระกูลภาษาไทย ภาษาเขียนเป็นแบบภาษาไทยภาคกลางหรือไทยกรุงเทพฯ แต่ภาษาพูดนั้นจะใช้คำที่คล้ายกับของภาษาไทยอีสานมากกว่าภาษาไทยกรุงเทพฯ (100-102)

Study Period (Data Collection)

ไม่ระบุ

History of the Group and Community

ในอดีตนั้นผู้ไทยในแคว้นสิบสองจุไทย อยู่ภายใต้การดูแลของอาณาจักรล้านช้างร่มขาวหลวงพระบาง ต่อมาเกิดความอดอยากขึ้น ผู้นำจึงพาผู้คนอพยพมาขึ้นกับอาณาจักรล้านช้างร่มขาวเวียงจันทร์ สงครามระหว่างไทยและลาวทำให้ผู้ไทยถูกกวาดต้อนและอพยพมาสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี และภาคอีสานของไทย ผู้ไทยบ้านหนองโอใหญ่เป็นกลุ่มที่อพยพมาจากเมืองวังและเมืองคำอ้อ มาตั้งถิ่นฐานที่บ้านหนองสูงและบ้านคำชะอีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 (หน้า 94-100)

Settlement Pattern

ผู้ไทยรุ่นแรก ๆ ที่ถูกกวาดต้อนมาตั้งแต่สมัยธนบุรีจนถึงรัชกาลที่ 1 ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งเป็นการอพยพครั้งใหญ่ที่สุดได้กวาดต้อนผู้ไทยไปอยู่ภาคอีสาน ปัจจุบันมีอยู่ใน 9 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ หนองคาย อำนาจเจริญ อุดรธานี ยโสธร และร้อยเอ็ด มีลักษณะรวมกลุ่มกันหลายหมู่บ้านในบางอำเภอของจังหวัดเหล่านี้เท่านั้น (หน้า 95-98)

Demography

พ.ศ. 2538 บ้านหนองโอใหญ่มีประชากร 214 ครัวเรือน 960 คน เป็นผู้ไทยประมาณร้อยละ 99 (หน้า 100)

Economy

อาชีพหลักของผู้ไทยบ้านหนองโอใหญ่ในปัจจุบันยังคงเป็นการเกษตร แต่ก็ลดจำนวนลงเพราะคนรุ่นใหม่หันไปทำอาชีพนอกภาคเกษตรและอาชีพผสมมากขึ้น พื้นที่ทางการเกษตรส่วนใหญ่ใช้ทำนา รองลงไปคือปลูกพืชสวน ได้แก่ มะขามหวานและมะม่วง ส่วนพืชไร่นั้นปลูกหญ้ารูซี่และหญ้ากินนี่ บริโภคข้าวเหนี่ยวเป็นอาหารหลัก ในอดีตอาหารส่วนใหญ่มาจากป่าและแหล่งน้ำรอบ ๆ หมู่บ้านซึ่งมีอย่างอุดมสมบูรณ์ แต่ปัจจุบัน ธรรมชาติถูกทำลายลงไปมาก ชาวบ้านจึงมักซื้ออาหารตามร้านค้าและตลาดมากขึ้น ประชาชนส่วนใหญ่ของที่นี่มีฐานะปานกลางถึงค่อนข้างดี (หน้า 102-103)

Social Organization

สังคมผู้ไทยเดิมเป็นสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ เห็นได้จากภรรยาต้องกราบสามีก่อนนอนทุกคืน บางคนถึงกลับใช้ผมเช็ดเท้าให้สามี ภรรยาตื่นก่อนนอนทีหลัง เป็นครอบครัวขนาดใหญ่มีลูก 5-10 คน เมื่อแต่งานกันฝ่ายหญิงต้องไปอยู่บ้านฝ่ายชาย นอกจากมีลูกสาวคนเดียวฝ่ายชายต้องไปอยู่บ้านฝ่ายหญิง ซึ่งจะเรียกว่า "เขยซู" การแบ่งมรดกพี่ชายจะได้มากกว่าน้องชาย เพราะถือว่าเคยช่วยเลี้ยงดูน้อง และช่วยพ่อแม่ทำงานมากกว่าน้อง ยกเว้นลูกที่พ่อแม่อยู่ด้วยจะให้มรดกมากที่สุด นอกจากนี้สังคมผู้ไทยยังเป็นแบบช่วยเหลือ เกื้อกูลซึ่งกันและกันอีกด้วย (หน้า 104)

Political Organization

ผู้ไทยบ้านหนองโอใหญ่แยกการปกครองออกเป็น 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ 3 กับหมู่ 8 แต่ยังใช้ชื่อบ้านเดียวกัน มีผู้ใหญ่บ้านทำหน้าที่ดูแลและเป็นผู้นำชุมชน (หน้า 100)

Belief System

ผู้ไทยบ้านหนองโอใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา ซึ่งเห็นจากที่มีประเพณีการบวชเพื่อเป็นการสืบทอดศาสนาพุทธ แต่ชุมชนก็ยังคงมีความเชื่อดั้งเดิมอยู่คือการนับถือผี ได้แก่ ผีปู่ตาซึ่งเป็นผีประจำหมู่บ้าน หรือชุมชนและผีประจำตระกูลซึ่งเชื่อว่าผีเหล่านี้จะช่วยปกปักรักษาคนในชุมชนให้ปลอดภัยอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข อีกทั้งยังช่วยดลบันดาลให้ฝนตกตามฤดูกาลอีกด้วย นอกจากนี้ยังเชื่อว่าดินมีนางธรณีเป็นผู้ปกปักรักษา ในป่ามีผีป่า ต้นไม้ใหญ่มีรุกขเทวดา จึงไม่มีใครกล้าไปตัดไม้เหล่านั้น (หน้า 110-117)

Education and Socialization

ในบทความนี้ไม่กล่าวถึงด้านการศึกษาของผู้ไทยอย่างชัดเจนว่ามีระบบการศึกษาอย่างไร แต่กล่าวว่าความเท่าเทียมกันระหว่างชายหญิงที่มีมากขึ้นนั้น มีสาเหตุหนึ่งมาจากการได้รับการศึกษา ส่วนการขัดเกลาทางสังคมนั้น สำหรับชายยังมีประเพณีการบวช ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญของผู้ไทยที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน (หน้า 104-115)

Health and Medicine

ในอดีตผู้ไทยใช้ยารากไม้ซึ่งทำจากสมุนไพรในการรักษาอาการเจ็บป่วยและโรคร้าย มีหมอสมุนไพรหลายประเภท เช่น หมอฮะไม้ รักษาโรคทั่วไป หมอกระดูก รักษาเฉพาะโรคกระดูก หมอหมากไม้ รักษาเฉพาะไข้ป่า นอกจากนี้ยังมีหมออีกกลุ่มซึ่งใช้การเป่าคาถาในการรักษา เพราะเชื่อว่าอาการป่วยบางชนิดเกิดจากถูกผีทำร้าย หมอกลุ่มนี้ได้แก่ หมอเป่า หมอทรง หมอธรรม และหมอเหยา ปัจจุบัน หมอสมุนไพรเหลือน้อยมาก แต่ผู้ที่มีความรู้ยังคงมีอยู่บ้าง บ้านหนองโอใหญ่ปัจจุบันไม่มีหมอเป่าแล้ว หมอทรงและหมอธรรมนั้นไม่เคยมี แต่ผู้ไทยที่อื่นมี ที่นี่มีหมอเหยามากที่สุด คือมีถึง 9 คน (หน้า 108-109)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ด้านสถาปัตยกรรม ผู้ไทยมีการสร้างบ้าน 2 แบบ คือ แบบเรือนหลังคากะเทิบ และเรือนหลังคาหัวลอย ซึ่งบ่งบอกถึงฐานนะได้ คือ แบบแรกฐานะไม่ค่อยดี แบบที่สองฐานะดี มีลักษณะเป็นเรือนใต้ถุนสูง ใช้วัสดุธรรมชาติในการสร้าง ด้านเครื่องนุ่มห่มนั้นในอดีต หญิงผู้ไทยทุกคนจะทอผ้าเป็น ใช้สีย้อมผ้าจากธรรมชาติทั้งสิ้น เป็นงานที่ต้องใช้ความอดทน ประณีต และสติปัญญาในการคิดลายอย่างมาก (หน้า 106-108)

Folklore

ในพงศาวดารเมืองแถงกล่าวถึงตำนานการกำเนิดผู้ไทยว่า เกิดจากเทพสามีภรรยา 5 คู่ เมื่อหมดอายุบนสวรรค์จึงอธิษฐานจิตไปอยู่ในน้ำเต้า แล้วลอยมาตกบนภูเขาที่ทุ่งนาเตา เมื่อน้ำเต้าแตกออก เทพจึงกลายเป็นมนุษย์ 5 คู่ ต้นกำเนิดของมนุษย์ 5 เผ่าพันธุ์ คือ ข่าแจะ ผู้ไทย ลาวพุงขาว ฮ่อ(จีน) และแกว (ญวน) ซึ่งแยกย้ายกันไปตั้งรกรากในเวลาต่อมา (หน้า 92)

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ผู้ไทยมีความสำนึกในการรักษาเอกลักษณ์ของตน โดยเห็นได้จากการที่ผู้ไทยทุกรุ่นยังคงพูดภาษาผู้ไทยอยู่ และรักษาประเพณีฮีต 12 ประเพณีในรอบชีวิตไว้เป็นอย่างดี ส่วนประเพณีที่สำคัญและถือเป็นเอกลักษณ์ของชาวบ้านหนองโอใหญ่ คือ บุญพระเวส ที่มีการเอาฮูปเอาฮอยอยู่ด้วย ซึ่งการเอาฮูปเอาฮอยเพื่อส่งเสริมบุญพระเวสให้สนุกสนาน เนื้อหาของการเล่นนี้มีเรื่องเล่าอยู่ว่า นานมาแล้วอวัยวะเพศชายหญิงไม่ถูกกัน หนีหายไปไม่สนใจกัน มนุษย์จึงเดือดร้อน ฝนไม่ตก มนุษย์ไปเชิญเทพต่าง ๆ มาจับมัดทั้งสองไว้ด้วยกัน แต่บังเอิญถูกผีป่าเอาไปซ่อนฝังดินไว้ จึงเอาสุนัขของพรานเจตบุตรตามดมกลิ่นหาจนพบ อวัยวะเพศทั้งสองจึงกลับมาอยู่กับชายหญิงตามเดิม เมื่อชาวบ้านนำมาเล่นในประเพณีก็จะช่วยกันเตรียมเครื่องคาย 7 อย่าง คือ อวัยวะเพศชายทำด้วยต้นสบู่ดำ อวัยวะเพศหญิงทำด้วยหัวกล้วย จับมัดเป็นคู่ ๆ สร้อยแต่งตัวหมอ กระดองเต่าที่ตายแล้ว ขัน5(ดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่) เมล็ดฝ้าย เครื่องมือเสียงทาย 1 ชุด เริ่มด้วยการแห่รอบโบสถ์แล้วนำอวัยวะเพศจำลองไปฝังไว้ในจุดต่าง ๆ รุ่งขึ้นวันที่3 จึงเป็นวันเอาฮูปเอาฮอย ช่วยกันตามหาอวัยวะเพศที่ฝังไว้ มีการตีฆ้องกลองอึกทึกสนุกสนาน ให้คนสมมติเป็นสุนัข 2 ตัว ออกดมกลิ่นตามหา หมอเหยาทำพิธีเหยาทุกหลุมจนกว่าจะหาครบ คำเหยาล้วนแต่สัปดน ชาวบ้านหนองโอใหญ่จะบอกบุญไปยังผู้ไทยบ้านอื่น ๆ ด้วย การเอาฮูปเอาฮอยนี้ผู้ไทยบ้านอื่น ๆ เลิกไปหมดแล้ว แต่บ้านหนองโอใหญ่ยังคงรักษาไว้ และจะเห็นได้ว่าได้รับความร่วมมือจากคนทุกรุ่นในชุมชนเป็นอย่างดี (หน้า 112-113 ,120 )

Social Cultural and Identity Change

เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในด้านต่าง ๆ เป็นอย่างมากกับผู้ไทยบ้านหนองโอใหญ่ ได้แก่ ขนาดครอบครัวเล็กลง จากที่เคยมีลูก 5-10 คน ก็มีเพียง 1-2 คน ความเท่าเทียมกันระหว่างชายหญิงมีมากขึ้น เนื่องจากการศึกษาและบทบาทในการทำมาหากินของภรรยามีมากขึ้น วัสดุจากธรรมชาติที่ใช้ในการสร้างบ้านหายากจึงเปลี่ยนมาใช้สังกะสี กระเบื้อง และเสาคอนกรีตแทน ยังมีการทอผ้าอยู่แต่ใช้ด้ายจากโรงงานไม่ได้ทำเองดังเช่นเมื่อก่อน และผู้ไทยในหมู่บ้านเกือบทั้งหมดนิยมซื้อเสื้อผ้าแบบสำเร็จรูปใช้ หญิงอยู่ไฟลดจำนวนลง เพราะปัจจุบันไปคลอดที่โรงพยาบาล แต่เดิมบวช 4 พรรษา ปัจจุบันเหลือเพียง 1 พรรษาหรือ 7 วันเท่านั้น คนรุ่นใหม่มีความใช่เรื่อง ผีป่า รุกขเทวดา นางธรณี น้อยลงจึงมีการทำลายธรรมชาติมากขึ้น ความสัมพันธุ์ของคนในสังคมเปลี่ยนไปจากที่เคยช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกันได้เป็นอย่างดี มาเป็นการว่าจ้างโดยใช้เงินเป็นตัวเชื่อมแทน (หน้า 104-109, 111, 115-122)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มี

Map/Illustration

แผนที่เส้นทางการอพยพของผู้ไทย อำเภอหนองสูง และอำเภอคำชะอี (หน้า 93) แผนที่แสดงการตั้งถิ่นฐานของผู้ไทยในภาคอีสาน (หน้า 94) ตารางที่ 1 เปรียบเทียบภาษาผู้ไทย ไทยอีสาน และไทยกรุงเทพฯ (หน้า 101) ตัวอย่างเปรียบเทียบคำในภาษาผู้ไทย ไทยอีสาน และไทยกรุงเทพฯ (หน้า 101-102) ตารางที่ 2 อาชีพของหัวหน้าครัวเรือน 3 รุ่น (หน้า 103)

Text Analyst สุมาลี ทับมรินทร์ Date of Report 25 ก.ย. 2567
TAG ผู้ไท, การเปลี่ยนแปลง, วิถีชีวิต, มุกดาหาร, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง