|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ผู้ไท,การเปลี่ยนแปลง,วิถีชีวิต,มุกดาหาร |
Author |
สุวิทย์ ธีรศาศวัต, ณรงค์ อุปัญญ์ |
Title |
ครอบครัวกับการเปลี่ยนแปลง : กรณีชาติพันธุ์ผู้ไทย |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ผู้ไท ภูไท,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
32 |
Year |
2531 |
Source |
วัฒนธรรมกับการพัฒนา ทางเลือกของสังคมไทย สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ กรุงเทพฯ : กรมการศาสนา, หน้า 91-122. |
Abstract |
เมื่อมนุษย์อยู่รวมกันเป็นสังคมก็ย่อมเกิดเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้น เป็นการเคลื่อนไหวทางสังคม และส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามมา สำหรับผู้ไทยบ้านหนองโอใหญ่ก็เช่นกัน มีการอพยพจากประเทศลาวเข้ามาสู่ประเทศไทยและวัฒนธรรมไทย ก็ย่อมต้องปรับตัวให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ แต่ด้วยกระแสของโลกในปัจจุบันได้ก่อให้เกิดเป็นปัจจัยทั้งภายนอกและภายใน ยากที่ต้านทานได้จึงทำให้วิถีชีวิตของผู้ไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากตั้งแต่ระดับครอบครัว ดังนั้นสังคมของผู้ไทยจึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรคนในชุมชนก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางภาษาและประเพณีดั้งเดิมไว้ได้หลายอย่าง โดยเฉพาะพิธีเอาฮูปเอาฮอย การเฆี่ยนเขย และผีปู่ตา ให้อยู่คู่ไปกับโลกยุคโลกาภิวัตน์นี้ได้เป็นอย่างดี |
|
Focus |
ศึกษาวิถีชีวิตของผู้ไทย บ้านหนองโอใหญ่ ตำบลโนนยาง อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร ที่ปรับเปลี่ยนไปจากอดีตหลาย ๆ ด้าน เช่น โครงสร้างครอบครัว เศรษฐกิจ ประเพณี วัฒนธรรม และอธิบายสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงกับผลสืบเนื่องของการเปลี่ยนแปลงนั้น ๆ ( หน้า 91, 102,104,118-120) |
|
Theoretical Issues |
ผู้เขียนแสดงให้เห็นว่าวิถีชีวิตผู้ไทยที่บ้านหนองโอใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงไปในหลายด้าน คือ ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ชายเคยเป็นใหญ่ ปัจจุบันมีลักษณะที่มีความเสมอภาคมากขึ้น ส่วนในชีวิตประจำวัน เช่น อาหารการกินที่เคยพึ่งป่าหันมาพึ่งตลาดมากขึ้น ที่อยู่อาศัยมีลักษณะเปลี่ยนไป และในการรักษาโรคก็อาศัยบริการของแพทย์แผนปัจจุบันมากขึ้น ใช้ยาสมุนไพรและการรักษาแบบพื้นบ้านน้อยลง แต่ในเรื่องที่เกี่ยวกับประเพณีพิธีกรรมแล้ว ยังรักษาลักษณะดั้งเดิมไว้มาก ผู้เขียนได้พยายามอธิบายว่ามีเงื่อนไขที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 2 ประการคือ การเพิ่มขึ้นของประชากร และการปลูกพืชพาณิชย์ นำไปสู่การขยายพื้นที่การเกษตรและทำลายพื้นที่ป่าไม้ ผลที่ตามมาคือ รายได้จากภาคเกษตรไม่เพียงพอกับความต้องการของครัวเรือนที่บริโภคมากขึ้น นำไปสู้การเป็นแรงงานในภาคอุตสาหกรรม (104-120) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ผู้ไทยซึ่งมีพัฒนาการมาจาก ผู้ไทยขาวและ ผู้ไทยดำ ที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ในแคว้นสิบสองจุไทย และถูกกวาดต้อน อพยพมาสู่ประเทศไทยหลายครั้ง ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีถึงสมัยรัชกาลที่ 3 ให้ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย บริเวณรอบ ๆ เทือกเขาภูพาน ปัจจุบันจึงมีชุมชนผู้ไทยกระจายอยู่ใน 494 หมู่บ้าน 33 อำเภอ 9 จังหวัด (หน้า 92-100,121) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ผู้ไทยบ้านหนองโอใหญ่ มีภาษาพูดอยู่ในตระกูลภาษาไทย ภาษาเขียนเป็นแบบภาษาไทยภาคกลางหรือไทยกรุงเทพฯ แต่ภาษาพูดนั้นจะใช้คำที่คล้ายกับของภาษาไทยอีสานมากกว่าภาษาไทยกรุงเทพฯ (100-102) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ในอดีตนั้นผู้ไทยในแคว้นสิบสองจุไทย อยู่ภายใต้การดูแลของอาณาจักรล้านช้างร่มขาวหลวงพระบาง ต่อมาเกิดความอดอยากขึ้น ผู้นำจึงพาผู้คนอพยพมาขึ้นกับอาณาจักรล้านช้างร่มขาวเวียงจันทร์ สงครามระหว่างไทยและลาวทำให้ผู้ไทยถูกกวาดต้อนและอพยพมาสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี และภาคอีสานของไทย ผู้ไทยบ้านหนองโอใหญ่เป็นกลุ่มที่อพยพมาจากเมืองวังและเมืองคำอ้อ มาตั้งถิ่นฐานที่บ้านหนองสูงและบ้านคำชะอีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 (หน้า 94-100) |
|
Settlement Pattern |
ผู้ไทยรุ่นแรก ๆ ที่ถูกกวาดต้อนมาตั้งแต่สมัยธนบุรีจนถึงรัชกาลที่ 1 ไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งเป็นการอพยพครั้งใหญ่ที่สุดได้กวาดต้อนผู้ไทยไปอยู่ภาคอีสาน ปัจจุบันมีอยู่ใน 9 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ หนองคาย อำนาจเจริญ อุดรธานี ยโสธร และร้อยเอ็ด มีลักษณะรวมกลุ่มกันหลายหมู่บ้านในบางอำเภอของจังหวัดเหล่านี้เท่านั้น (หน้า 95-98) |
|
Demography |
พ.ศ. 2538 บ้านหนองโอใหญ่มีประชากร 214 ครัวเรือน 960 คน เป็นผู้ไทยประมาณร้อยละ 99 (หน้า 100) |
|
Economy |
อาชีพหลักของผู้ไทยบ้านหนองโอใหญ่ในปัจจุบันยังคงเป็นการเกษตร แต่ก็ลดจำนวนลงเพราะคนรุ่นใหม่หันไปทำอาชีพนอกภาคเกษตรและอาชีพผสมมากขึ้น พื้นที่ทางการเกษตรส่วนใหญ่ใช้ทำนา รองลงไปคือปลูกพืชสวน ได้แก่ มะขามหวานและมะม่วง ส่วนพืชไร่นั้นปลูกหญ้ารูซี่และหญ้ากินนี่ บริโภคข้าวเหนี่ยวเป็นอาหารหลัก ในอดีตอาหารส่วนใหญ่มาจากป่าและแหล่งน้ำรอบ ๆ หมู่บ้านซึ่งมีอย่างอุดมสมบูรณ์ แต่ปัจจุบัน ธรรมชาติถูกทำลายลงไปมาก ชาวบ้านจึงมักซื้ออาหารตามร้านค้าและตลาดมากขึ้น ประชาชนส่วนใหญ่ของที่นี่มีฐานะปานกลางถึงค่อนข้างดี (หน้า 102-103) |
|
Social Organization |
สังคมผู้ไทยเดิมเป็นสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ เห็นได้จากภรรยาต้องกราบสามีก่อนนอนทุกคืน บางคนถึงกลับใช้ผมเช็ดเท้าให้สามี ภรรยาตื่นก่อนนอนทีหลัง เป็นครอบครัวขนาดใหญ่มีลูก 5-10 คน เมื่อแต่งานกันฝ่ายหญิงต้องไปอยู่บ้านฝ่ายชาย นอกจากมีลูกสาวคนเดียวฝ่ายชายต้องไปอยู่บ้านฝ่ายหญิง ซึ่งจะเรียกว่า "เขยซู" การแบ่งมรดกพี่ชายจะได้มากกว่าน้องชาย เพราะถือว่าเคยช่วยเลี้ยงดูน้อง และช่วยพ่อแม่ทำงานมากกว่าน้อง ยกเว้นลูกที่พ่อแม่อยู่ด้วยจะให้มรดกมากที่สุด นอกจากนี้สังคมผู้ไทยยังเป็นแบบช่วยเหลือ เกื้อกูลซึ่งกันและกันอีกด้วย (หน้า 104) |
|
Political Organization |
ผู้ไทยบ้านหนองโอใหญ่แยกการปกครองออกเป็น 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ 3 กับหมู่ 8 แต่ยังใช้ชื่อบ้านเดียวกัน มีผู้ใหญ่บ้านทำหน้าที่ดูแลและเป็นผู้นำชุมชน (หน้า 100) |
|
Belief System |
ผู้ไทยบ้านหนองโอใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา ซึ่งเห็นจากที่มีประเพณีการบวชเพื่อเป็นการสืบทอดศาสนาพุทธ แต่ชุมชนก็ยังคงมีความเชื่อดั้งเดิมอยู่คือการนับถือผี ได้แก่ ผีปู่ตาซึ่งเป็นผีประจำหมู่บ้าน หรือชุมชนและผีประจำตระกูลซึ่งเชื่อว่าผีเหล่านี้จะช่วยปกปักรักษาคนในชุมชนให้ปลอดภัยอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข อีกทั้งยังช่วยดลบันดาลให้ฝนตกตามฤดูกาลอีกด้วย นอกจากนี้ยังเชื่อว่าดินมีนางธรณีเป็นผู้ปกปักรักษา ในป่ามีผีป่า ต้นไม้ใหญ่มีรุกขเทวดา จึงไม่มีใครกล้าไปตัดไม้เหล่านั้น (หน้า 110-117) |
|
Education and Socialization |
ในบทความนี้ไม่กล่าวถึงด้านการศึกษาของผู้ไทยอย่างชัดเจนว่ามีระบบการศึกษาอย่างไร แต่กล่าวว่าความเท่าเทียมกันระหว่างชายหญิงที่มีมากขึ้นนั้น มีสาเหตุหนึ่งมาจากการได้รับการศึกษา ส่วนการขัดเกลาทางสังคมนั้น สำหรับชายยังมีประเพณีการบวช ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญของผู้ไทยที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน (หน้า 104-115) |
|
Health and Medicine |
ในอดีตผู้ไทยใช้ยารากไม้ซึ่งทำจากสมุนไพรในการรักษาอาการเจ็บป่วยและโรคร้าย มีหมอสมุนไพรหลายประเภท เช่น หมอฮะไม้ รักษาโรคทั่วไป หมอกระดูก รักษาเฉพาะโรคกระดูก หมอหมากไม้ รักษาเฉพาะไข้ป่า นอกจากนี้ยังมีหมออีกกลุ่มซึ่งใช้การเป่าคาถาในการรักษา เพราะเชื่อว่าอาการป่วยบางชนิดเกิดจากถูกผีทำร้าย หมอกลุ่มนี้ได้แก่ หมอเป่า หมอทรง หมอธรรม และหมอเหยา ปัจจุบัน หมอสมุนไพรเหลือน้อยมาก แต่ผู้ที่มีความรู้ยังคงมีอยู่บ้าง บ้านหนองโอใหญ่ปัจจุบันไม่มีหมอเป่าแล้ว หมอทรงและหมอธรรมนั้นไม่เคยมี แต่ผู้ไทยที่อื่นมี ที่นี่มีหมอเหยามากที่สุด คือมีถึง 9 คน (หน้า 108-109) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ด้านสถาปัตยกรรม ผู้ไทยมีการสร้างบ้าน 2 แบบ คือ แบบเรือนหลังคากะเทิบ และเรือนหลังคาหัวลอย ซึ่งบ่งบอกถึงฐานนะได้ คือ แบบแรกฐานะไม่ค่อยดี แบบที่สองฐานะดี มีลักษณะเป็นเรือนใต้ถุนสูง ใช้วัสดุธรรมชาติในการสร้าง ด้านเครื่องนุ่มห่มนั้นในอดีต หญิงผู้ไทยทุกคนจะทอผ้าเป็น ใช้สีย้อมผ้าจากธรรมชาติทั้งสิ้น เป็นงานที่ต้องใช้ความอดทน ประณีต และสติปัญญาในการคิดลายอย่างมาก (หน้า 106-108) |
|
Folklore |
ในพงศาวดารเมืองแถงกล่าวถึงตำนานการกำเนิดผู้ไทยว่า เกิดจากเทพสามีภรรยา 5 คู่ เมื่อหมดอายุบนสวรรค์จึงอธิษฐานจิตไปอยู่ในน้ำเต้า แล้วลอยมาตกบนภูเขาที่ทุ่งนาเตา เมื่อน้ำเต้าแตกออก เทพจึงกลายเป็นมนุษย์ 5 คู่ ต้นกำเนิดของมนุษย์ 5 เผ่าพันธุ์ คือ ข่าแจะ ผู้ไทย ลาวพุงขาว ฮ่อ(จีน) และแกว (ญวน) ซึ่งแยกย้ายกันไปตั้งรกรากในเวลาต่อมา (หน้า 92) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ผู้ไทยมีความสำนึกในการรักษาเอกลักษณ์ของตน โดยเห็นได้จากการที่ผู้ไทยทุกรุ่นยังคงพูดภาษาผู้ไทยอยู่ และรักษาประเพณีฮีต 12 ประเพณีในรอบชีวิตไว้เป็นอย่างดี ส่วนประเพณีที่สำคัญและถือเป็นเอกลักษณ์ของชาวบ้านหนองโอใหญ่ คือ บุญพระเวส ที่มีการเอาฮูปเอาฮอยอยู่ด้วย ซึ่งการเอาฮูปเอาฮอยเพื่อส่งเสริมบุญพระเวสให้สนุกสนาน เนื้อหาของการเล่นนี้มีเรื่องเล่าอยู่ว่า นานมาแล้วอวัยวะเพศชายหญิงไม่ถูกกัน หนีหายไปไม่สนใจกัน มนุษย์จึงเดือดร้อน ฝนไม่ตก มนุษย์ไปเชิญเทพต่าง ๆ มาจับมัดทั้งสองไว้ด้วยกัน แต่บังเอิญถูกผีป่าเอาไปซ่อนฝังดินไว้ จึงเอาสุนัขของพรานเจตบุตรตามดมกลิ่นหาจนพบ อวัยวะเพศทั้งสองจึงกลับมาอยู่กับชายหญิงตามเดิม เมื่อชาวบ้านนำมาเล่นในประเพณีก็จะช่วยกันเตรียมเครื่องคาย 7 อย่าง คือ อวัยวะเพศชายทำด้วยต้นสบู่ดำ อวัยวะเพศหญิงทำด้วยหัวกล้วย จับมัดเป็นคู่ ๆ สร้อยแต่งตัวหมอ กระดองเต่าที่ตายแล้ว ขัน5(ดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่) เมล็ดฝ้าย เครื่องมือเสียงทาย 1 ชุด เริ่มด้วยการแห่รอบโบสถ์แล้วนำอวัยวะเพศจำลองไปฝังไว้ในจุดต่าง ๆ รุ่งขึ้นวันที่3 จึงเป็นวันเอาฮูปเอาฮอย ช่วยกันตามหาอวัยวะเพศที่ฝังไว้ มีการตีฆ้องกลองอึกทึกสนุกสนาน ให้คนสมมติเป็นสุนัข 2 ตัว ออกดมกลิ่นตามหา หมอเหยาทำพิธีเหยาทุกหลุมจนกว่าจะหาครบ คำเหยาล้วนแต่สัปดน ชาวบ้านหนองโอใหญ่จะบอกบุญไปยังผู้ไทยบ้านอื่น ๆ ด้วย การเอาฮูปเอาฮอยนี้ผู้ไทยบ้านอื่น ๆ เลิกไปหมดแล้ว แต่บ้านหนองโอใหญ่ยังคงรักษาไว้ และจะเห็นได้ว่าได้รับความร่วมมือจากคนทุกรุ่นในชุมชนเป็นอย่างดี (หน้า 112-113 ,120 ) |
|
Social Cultural and Identity Change |
เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในด้านต่าง ๆ เป็นอย่างมากกับผู้ไทยบ้านหนองโอใหญ่ ได้แก่ ขนาดครอบครัวเล็กลง จากที่เคยมีลูก 5-10 คน ก็มีเพียง 1-2 คน ความเท่าเทียมกันระหว่างชายหญิงมีมากขึ้น เนื่องจากการศึกษาและบทบาทในการทำมาหากินของภรรยามีมากขึ้น วัสดุจากธรรมชาติที่ใช้ในการสร้างบ้านหายากจึงเปลี่ยนมาใช้สังกะสี กระเบื้อง และเสาคอนกรีตแทน ยังมีการทอผ้าอยู่แต่ใช้ด้ายจากโรงงานไม่ได้ทำเองดังเช่นเมื่อก่อน และผู้ไทยในหมู่บ้านเกือบทั้งหมดนิยมซื้อเสื้อผ้าแบบสำเร็จรูปใช้ หญิงอยู่ไฟลดจำนวนลง เพราะปัจจุบันไปคลอดที่โรงพยาบาล แต่เดิมบวช 4 พรรษา ปัจจุบันเหลือเพียง 1 พรรษาหรือ 7 วันเท่านั้น คนรุ่นใหม่มีความใช่เรื่อง ผีป่า รุกขเทวดา นางธรณี น้อยลงจึงมีการทำลายธรรมชาติมากขึ้น ความสัมพันธุ์ของคนในสังคมเปลี่ยนไปจากที่เคยช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกันได้เป็นอย่างดี มาเป็นการว่าจ้างโดยใช้เงินเป็นตัวเชื่อมแทน (หน้า 104-109, 111, 115-122) |
|
Map/Illustration |
แผนที่เส้นทางการอพยพของผู้ไทย อำเภอหนองสูง และอำเภอคำชะอี (หน้า 93) แผนที่แสดงการตั้งถิ่นฐานของผู้ไทยในภาคอีสาน (หน้า 94) ตารางที่ 1 เปรียบเทียบภาษาผู้ไทย ไทยอีสาน และไทยกรุงเทพฯ (หน้า 101) ตัวอย่างเปรียบเทียบคำในภาษาผู้ไทย ไทยอีสาน และไทยกรุงเทพฯ (หน้า 101-102) ตารางที่ 2 อาชีพของหัวหน้าครัวเรือน 3 รุ่น (หน้า 103) |
|
|