|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
มอญ,ความเป็นอยู่,ประเพณี,วัฒนธรรม,เครื่องปั้นดินเผา,นนทบุรี |
Author |
อลิสา รามโกมุท |
Title |
เกาะเกร็ด : วิถีชีวิตชุมชนมอญริมแม่น้ำเจ้าพระยา |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มอญ รมัน รามัญ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic) |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
101 |
Year |
2542 |
Source |
กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, 2542 |
Abstract |
มอญ ได้ชื่อว่าเป็นชนชาติหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมอันโดดเด่น ครั้งหนึ่งชนชาติมอญเคยมีดินแดนเป็นของตนเอง ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศสหภาพพม่า แต่ความจำเป็นบางอย่างทำให้ต้องอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา และแม้จะเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทย รวมถึงแม้กระแสสังคมเมืองจะเข้ามาในกลุ่มชนของตน จนได้รับผลกระทบให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ต้องมีการแข่งกัน อีกทั้งกระทบไปถึงทัศนคติค่านิยมดั้งเดิมไปบ้างก็ตาม ท้ายที่สุดก็ยังคงสามารถประพฤติปฏิบัติตนตามขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมประเพณีของตนได้เป็นอย่างดี ซึ่งชุมชนมอญเกาะเกร็ด ถือเป็นตัวอย่างชุมชนมอญแห่งหนึ่ง ที่ยังคงมีการอนุรักษ์รักษาประเพณีวัฒนธรรมให้ชนรุ่นหลังได้สืบทอดต่อไป (หน้า 93-98) |
|
Focus |
วิถีชีวิตของชุมชนไทยเชื้อสายมอญเกาะเกร็ด มีความน่าสนใจสมควรแก่การศึกษาค้นคว้า และรวบรวมไว้ เนื่องจากยังคงมีวิถีชีวิตที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มเช่นเมื่อครั้งตั้งถิ่นฐานแต่แรกเริ่ม และยังคงสามารถรักษาวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมไว้ได้อย่างดี |
|
Ethnic Group in the Focus |
ชุมชนมอญเกาะเกร็ด ในเขตอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ในปัจจุบันมีผู้ใช้ภาษามอญน้อยลง โดยมากจะเป็นมอญสูงอายุที่ยังคงพูดภาษามอญระหว่างกันอยู่บ้าง แต่สำหรับการอ่านและเขียนภาษามอญนั้น จะยังคงมีใช้บ้างในเฉพาะบางกลุ่มอาทิเช่น นักวิชาการ, ผู้สนใจศึกษาประวัติศาสตร์วัฒนธรรมมอญ และพระสงฆ์เชื้อสายมอญบางรูป เป็นต้น (หน้า 34) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
เกาะเกร็ดเป็นชุมชนที่มีผู้อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ซึ่งเกาะแห่งนี้เกิดขึ้นจากการขุดขยายคลองลัดเกร็ดน้อยที่อยู่เหนือบ้านปากเตร็จ เพื่อใช้เป็นเส้นทางลัดในการเดินทางโดยเรือขึ้นล่องระหว่างกรุงศรีอยุธยา กับปากน้ำ หรือปากทะเลสู่อ่าวไทย เกาะเกร็ดนี้แต่เดิมเรียกว่า เกาะศาลากุน จนเมื่อปากเกร็ดได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอแล้วจึงเปลี่ยนชื่อเกาะมาเป็น เกาะเกร็ด มอญเกาะเกร็ดนี้ ส่วนใหญ่เป็นชาวมอญที่อพยพมาจากเมืองเมาะตะมะ นอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่อพยพมาจากเมืองหงสาวดี และเมืองอื่นๆ ในดินแดนที่เคยเป็นอาณาจักรมอญในประเทศพม่าอีกด้วย (หน้า 1-3) ชุมชนมอญปากเกร็ดนี้ ยังเป็นชุมชนริมน้ำแห่งหนึ่งที่มีความสำคัญในอดีต ทั้งนี้เพราะเป็นชุมชนที่อยู่ใกล้ด่านปากเกร็ด และด่านขนอน ซึ่งเป็นด่านสำหรับตรวจและเก็บภาษีสินค้าที่ขึ้นล่องผ่านด่าน อีกทั้งยังเป็นชุมชนที่อยู่ใกล้ปากคลองลัดเกร็ดซึ่งมีลักษณะเป็นอ่าวใหญ่ ที่มีเรือสามารถจอดพักได้ ด้วยเหตุนี้ชุมชนปากเกร็ดจึงพัฒนาเป็นชุมชนใหญ่เรื่อยมา จนเป็นที่รู้จักกันดีทั้งในหมู่ชาวไทย และชาวต่างประเทศโดยเฉพาะที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา (หน้า 10 – 11) |
|
Settlement Pattern |
การตั้งบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของประชากรบริเวณเกาะเกร็ด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั้น ส่วนใหญ่จะตั้งบ้านเรือนบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา เหมือนวิถีชีวิตชาวไทยทั่วไปที่นิยมตั้งบ้านเรือนอยู่ริมน้ำ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้น้ำสำหรับอุปโภคและบริโภค รวมไปถึงการใช้เป็นเส้นทางคมนาคม นอกจากนี้อีกลักษณะหนึ่งของการตั้งบ้านเรือนของมอญเกาะเกร็ด คือ การตั้งบ้านเรือนแบบกระจายตามพื้นที่เกษตรกรรม หรือริมทางเดินสาธารณะใกล้กับสถานที่ที่สำคัญต่างๆ เป็นต้น (หน้า 9) |
|
Demography |
ประชากรบนเกาะเกร็ดนั้นมีทั้งสิ้นประมาณ 5,946 คน โดยเป็นชายประมาณ 2,890 คน และหญิงประมาณ 3,056 คน ซึ่งประชากรที่ตั้งถิ่นฐานอยู่บนเกาะเกร็ดนั้นมีมากมายหลายเชื้อชาติ ได้แก่ ไทย, จีน, มอญ และพวกที่นับถือศาสนาอิสลาม จากการศึกษาพบว่า ประชากรที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ในหมู่ที่ 1, 6 และ 7 จะเป็นเชื้อชาติมอญร้อยละ 43 ของประชากรทั้งหมด สำหรับหมู่ที่ 2, 3, 4 และ 5 เป็นประชากรเชื้อชาติไทย และจีน ซึ่งมีถึงร้อยละ 42 ของประชากรทั้งหมด อีกร้อยละ 15 ที่เหลือนั้นเป็นประชากรที่นับถือศาสนาอิสลาม ที่จะตั้งบ้านเรือนอยู่เฉพาะบริเวณริมแม่น้ำ (หน้า 5-7) |
|
Economy |
ส่วนใหญ่สภาพเศรษฐกิจของตำบลเกาะเกร็ดปัจจุบัน มักจะขึ้นอยู่กับภาคการเกษตร ซึ่งโดยทั่วไปประชาชนบนเกาะเกร็ดจะเป็นชาวสวนที่เน้นการทำสวนผลไม้ยืนต้นเป็นหลัก และทำสวนผัก รองลงมาเป็นอุตสาหกรรม ที่จะเน้นเฉพาะอุตสาหกรรมในครัวเรือนซึ่งอุตสาหกรรมที่สร้างชื่อเสียงให้เกาะเกร็ดเป็นที่รู้จักคือ การผลิตเครื่องปั้นดินเผาประเภทต่างๆ ทั้งเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และของที่ระลึกต่างๆ นอกจากนี้ยังมีประชากรบางส่วนที่มีอาชีพทำงานด้านหัตกรรมสานเข่งปลาทู รวมไปถึงการมีอาชีพค้าขายที่จะรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรไปขายทั้งในและนอกชุมชน (หน้า 9) |
|
Belief System |
มอญถือว่าเป็นชนชาติที่ได้ชื่อว่ามีวัฒนธรรมความเชื่อเกี่ยวกับผีมากชาติหนึ่ง ที่ยึดถือปฎิบัติตามคติความเชื่อขนบธรรมเนียมประเพณีอย่างเคร่งครัดจะสังเกตได้ว่าวัฒนธรรมประเพณีเกี่ยวกับชีวิตของชาวมอญจะต้องมีผีเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเสมอ ซึ่งจะเห็นได้จากการแสดงความนับถือผีในลักษณะการเคารพบูชา การละเว้นการกระทำต่างๆ อันเป็นการไม่เคารพผีที่ตนนับถือ หรือทำให้ผีไม่พอใจ เป็นต้น จากคติความเชื่อและการนับถือผีของมอญข้างต้น จึงทำให้เกิดประเพณีการรำผี หรือประเพณีการรำเจ้าพ่อเกิดขึ้น (หน้า 54-55) นอกจากนี้มอญยังมีประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ คือ - พิธีกรรมเกี่ยวกับการทำเครื่องปั้นดินเผา การทำเครื่องปั้นดินเผาเป็นวิถีชีวิตประจำวันและเป็นรายได้หลักของมอญเกาะเกร็ด การทำพิธีบูชาผีจึงเป็นการเพื่อขอให้ผีช่วยบันดาลให้เครื่องปั้นดินเผาได้ผลดีไม่เกิดความเสียหาย พิธีกรรมเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผาของมอญเกาะเกร็ดมี 2 พิธีคือ พิธีไหว้เตา เป็นพิธีบูชาเตา โดยในวันปิดปากเตาเจ้าของเตาจะนำเครื่องไหว้คือ ดอกไม้ ธูปเทียน ทองคำเปลว ข้าวคลุกถั่วงา วางไว้ปากเตาใกล้ช่องฟืนเป็นการบูชาเตาหรือแม่ย่านางเตา หลักจากนั้นทุกเย็นจะต้องจุดธูปเทียนไหว้เตาทุกวันจนถึงวันเปิดเตา พิธีเซ่นเตา เป็นพิธีบูชาเตาหรือแม่ย่านางเตาในขณะที่เร่งไฟ โดยมีเครื่องบูชา 3 ประเภท คือ เสื้อผ้า เครื่องหอม อาหาร โดยเจ้าของเตาจะนำผ้าไปพาดไว้ที่เตา ดอกไม้ธูปเทียนวางบูชาปีกหูช้างทั้งสองข้างและปากเตา พรมน้ำอบและเจิมแป้งที่เตาพร้อมกับอธิษฐานให้เครื่องปั้นที่เผาในเตานี้ได้ผลดี วางเครื่องบูชาไว้สักพัก จึงถือว่าเสร็จพิธี โดยมีความเชื่อว่าพิธีดังกล่าวเกิดจากในอดีตเจ้าของเตาต้องการให้มีผีเฝ้าเตาไม่ให้เครื่องปั้นเกิดความเสียหาย จึงมีการจับเด็กใส่เข้าไปในเตาเพื่อกลายเป็นผีเตา จึงเกิดพิธีเพื่อบูชาผีเตาขึ้นในเวลาต่อมา โดยเดิมนั้นเจ้าของเตาจะต้องทำพิธีไหว้เตาและพิธีเซ่นเตาทุกครั้งที่มีการเผาเครื่องปั้น แต่ในปัจจุบันเพียงนำดอกไม้และธูปปักไว้ที่หน้าเตาเพื่อเป็นการไหว้เตาเท่านั้น (หน้า 14-32) - พิธีต่างๆ ในวัฎจักรชีวิต มอญเกาะเกร็ดมีระเบียบแบบแผนประเพณีกำหนดไว้ทุกช่วงสำคัญของชีวิต ซึ่งทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด การเกิด มอญมีประเพณีปฏิบัติตั้งแต่การตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอด ซึ่งขณะตั้งครรภ์ผู้หญิงมอญจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและข้อห้ามหลายประการ โดยมอญเชื่อว่าพระพรหมเป็นผู้ลิขิตดวงชะตาชีวิตของมนุษย์โดยเขียนไว้ที่หน้าผาก เมื่อเด็กเกิดมาจึงต้องมีการจัดทำพิธีเพื่อเป็นการบอกกล่าวให้ผีเรือนทราบว่ามีเด็กเกิดใหม่และเป็นสิริมงคลต่อเด็กด้วย การโกนผมไฟ มีการทำพิธีเมื่อเด็กครบ 3 เดือนจะโกนผมออกไม่หมดเหลือไว้เล็กน้อย จากนั้นปั้นดินเป็นลูกเล็กๆ วางรวมกับผมที่โกนออกและหญ้าแพรกห่อด้วยใบบอนแล้วนำไปฝังไว้ใต้ต้นโพธิ์ การโกนจุก เด็กหญิงและชายมอญจะโกนจุกในระหว่างที่เด็กมีอายุเป็นเลขคี่ เริ่มตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป แต่มีข้อแม้ว่าระหว่างที่แม่เด็กกำลังตั้งครรภ์โกนจุกไม่ได้ การโกนจุกจะทำที่วักโดยพระสงฆ์จะโกนให้เด็กผู้ชาย มัคนายกโกนให้เด็กผู้หญิง การบวช เด็กผู้ชายต้องทำพิธีอุปสมบทเมื่ออายุครบ 21 ปี ถือเป็นการทำขวัญครั้งที่ 2 โดยการบวชนาคก่อนวันบวชเป็นพระภิกษุ 1 วัน วันบวชเป็นพระภิกษุก็ทำพิธีในพระอุโบสถเป็นการเสร็จพิธี การปลูกบ้าน มอญส่วนใหญ่เริ่มด้วยการปลูกเรือนหอซึ่งจะต้องเตรียมปลุกให้เสร็จก่อนแต่งงาน โดยก่อนจะปลุกบ้านจะต้องดูรูปร่างที่ดินที่จะปลูกบ้าน รวมถึงวันปลูก ทิศทางและลักษณะบ้านเรือนด้วย เพราะมีความเชื่อว่าหากสามารถปลูกบ้านตามข้อกำหนดที่มีก็จะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขและความเจริญด้วย การแต่งงาน ประเพณีแต่งงานของมอญเกาะเกร็ดมีลักษณะคล้ายกับประเพณีแต่งงานของไทยมาก เพียงแต่จะไม่ทำบุญเลี้ยงพระในวันแต่งงานเพราะถือว่าการแต่งงานไม่ใช่กิจของสงฆ์ การทำศพ หากเสียชีวิตปกติญาติจะอาบน้ำเย็นและน้ำอุ่น รีดเอาของเสียออกจากร่างกายแล้วแต่งตัวให้ศพตามประเพณี แล้วนำไปประกอบพิธีตามศาสนา ส่วนการตายแบบไม่ดีจะไม่มีการเผาต้องฝังอย่างเดียวและต้องรีบฝังอย่างเร่งด่วน ไม่มีการทำบุญเลี้ยงพระ จะทำทานด้วยอาหารดิบ งานศพพระสงฆ์ การปลงศพพระภิกษุโดยเฉพาะพระชั้นผู้ใหญ่จะมีการสร้างปราสาทเป็นที่ประดิษฐานศพและจุดไฟโดยการจุดจากลูกหนูแทน และยังมีประเพณีการแย่งศพซึ่งเกิดจากต้องการทำนายชะตาบ้านเมืองในอดีต มอญร้องไห้ กระทำในพิธีฌาปนกิจศพพระภิกษุสงฆ์หรือผู้สูงอายุมากๆ โดยหญิงสูงอายุชาวมอญจะทำหน้าที่ร้องดอดครวญพรรณนาถึงคุณงามความดีของผู้ตาย (หน้า 57-70) - ประเพณีทางศาสนาและเทศกาล นอกจากนี้มอญยังมีพระเพณีเกี่ยวเนื่องในศาสนาที่มีการสืบปฏิบัติมาตั้งแต่บรรพบุรุษที่สำคัญหลายประเพณี คือ วันอัฏฐมีบูชา ชาวมอญมีประเพณีการทำบุญในวันถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้ารัยกว่า “จอง เฟี๊ยจย๊าจก์กรอย” เป็นการทำบุญต่อเนื่องจากวันวิสาขบูชา วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 จะมีการมีเทศน์พระปฐมสมโพธิ และมีการเลี้ยงพระจนถึงวันแรม 8 ค่ำเดือน 6 วันออกพรรษา จะมีการทำบุญในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 โดยในวันนี้มอญจะทำบุญตักบาตรที่ริมน้ำหน้าวัดสำคัญ ชาวมอญเรียกว่า “ตักบาตรพระร้อย” หรือ “ตักบาตรเรือ” และมีกี่จัดการละเล่นสนุกสนานทั้งวันทั้งคืน นอกจากประเพณีเนื่องในศาสนาแล้วมอญยังมีประเพณีการทำบุญเนื่องในเทศกาลต่างๆ ด้วย สงกรานต์ ในเทศการสงกรานต์มอญเกาะเกร็ดมีกิจกรรมที่ปฏิบัติตั้งแต่ช่วงเวลาก่อนวันสงกรานต์จนถึงวันสงกรานต์หลายประเพณี เช่น ส่งขนมกะละแม หุงข้าวแช่และแห่ข้าวแช่ สรงน้ำพระ แห่หงส์ธงตะขาบ ก่อเจดีย์ทราย แห่ปลา แห่น้ำหวาน ทำบุญกลางบ้านและการตักบาตรน้ำผึ้ง โดยมีการทำบุญเนื่องในเทศการสงกรานต์ถึง 3 วัน ดดยเทศการสงกรานต์เป็นการทำบุญที่สำคัญที่สุดของชาวมอญ (หน้า 71-98) จากผลการศึกษาจะพบว่า วิถีชีวิตของชาวมอญแต่ละชุมชนจะมีความเชื่อและข้อปฏิบัติตามประเพณีต่างๆ เกือบจะเหมือนกันทุกประการ ยกเว้นแต่ข้อปฏิบัติปลีกย่อยในบางประเพณีเท่านั้น แต่ปัจจุบันสังคมมอญต่างๆปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมลดลง เนื่องจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป มอญรุ่นใหม่ส่วนใหญ่เห็นว่า คติความเชื่อและประเพณีบางอย่างเป็นเรื่องล้าสมัยและทำให้เลิกปฏิบัติไป ส่วนประเพณีพิธีกรรมบางอย่างที่ถือปฏิบัติอยู่นั้น ก็ถูกปรับเปลี่ยนรูปแบบไปให้เหมาะสมกับสภาพสังคมมากขึ้น (หน้า 14 -32 และ หน้า 57 – 90) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ชุมชนมอญเกาะเกร็ด เป็นแหล่งวัฒนธรรมมอญที่สำคัญแห่งหนึ่งในประเทศไทยที่มีความเจริญทางวัฒนธรรมหลายด้าน อาทิเช่น ด้านนาฎดุริยางคศิลป์ ด้านหัตถศิลป์ และด้านวัฒนธรรมประเพณี ซึ่งมอญเกาะเกร็ดนี้จะมีชื่อเสียงเด่นในเรื่องการรำมอญ การบรรเลงดนตรีปี่พาทย์มอญ และการทำเครื่องปั้นดินเผา โดยการทำเครื่องปั้นดินเผาของมอญเกาะเกร็ดนี้ จะมีลักษณะเฉพาะเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนเครื่องปั้นที่ใดๆ อีกด้วย โดยเครื่องปั้นดินเผาบ้านเกาะเกร็ดจะเป็นเครื่องปั้นดินเผาประเภทเนื้อเครื่องดินไม่เคลือบ มีความพรุนตัวมาก (Earthenware) สีส้มอ่อนจนถึงสีแดง และแต่เดิมนั้นเครื่องปั้นดินเผาของเกาะเกร็ด จะทำจากดินเหนียวที่เกาะเกร็ดผสมกับทรายแม่น้ำที่หาได้ทั่วไปในแม่น้ำเจ้าพระยา และเผาในเตาเผาแบบประทุนที่ชาวบ้านเรียกว่า “เตาหลังเต่า” สำหรับปัจจุบันนี้เนื่องด้วยดินเหนียวที่มีคุณภาพบริเวณเกาะเกร็ดเริ่มหายากมากขึ้น ช่างปั้นจึงต้องสั่งซื้อมาจากนอกเกาะเกร็ด และส่วนใหญ่จะไม่เผาในเตาเผาแบบประทุนแบบเดิม ทั้งนี้เพราะเตาเริ่มเก่าและชำรุดมากยากแก่การบูรณะหรือสร้างขึ้นใหม่ ช่างปั้นจึงเปลี่ยนเป็นใช้เตาลักษณะแบบ “เตาจีน” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “เตาแมงป่อง” ซึ่งจะใช้เผากระถาง หรือของขนาดใหญ่ และ “เตาถัง” ที่จะใช้สำหรับเผาเครื่องปั้นดินเผาขนาดเล็ก เป็นต้น นอกจากนี้เรื่องอาหารพื้นบ้านของชาวมอญ และการแต่งกายยังเป็นอีกจุดหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมประเพณีของชาวมอญได้เป็นอย่างดีเช่นกัน (หน้า 15 และ 32 – 54) |
|
Folklore |
แม้ปัจจุบันมอญจะไม่มีประเทศเป็นของตนเอง ต้องอาศัยอยู่ในดินแดนของประเทศอื่นๆ ก็ตาม แต่ชาวมอญถือได้ว่าเป็นชนชาติที่ยึดถือและปฏิบัติตามคติความเชื่อขนบธรรมเนียมประเพณีของชนชาติตนอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะเห็นได้ตั้งแต่ประเพณีเกี่ยวกับชีวิตที่เริ่มตั้งแต่การตั้งครรภ์, การเกิด, การโกนจุก, การบวช, การแต่งงาน จนถึงการทำศพ อีกทั้งการปฏิบัติประเพณีอย่างเคร่งครัดของมอญเกาะเกร็ดนั้น ยังแสดงให้เห็นในประเพณีเนื่องในเทศกาลต่างๆ , เนื่องในวันสำคัญพุทธศาสนา และเนื่องในความเชื่อเรื่องผี และสิ่ง ลี้ลับ เป็นต้น (หน้า 56) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
สภาพสังคมมอญเกาะเกร็ดแต่เดิม จะเป็นสังคมที่ค่อนข้างสงบ ประชาชนมีวิถีชีวิตเรียบง่าย แต่เมื่ออำเภอปากเกร็ดฝั่งแผ่นดินใหญ่เริ่มพัฒนา ก็ส่งผลให้เกาะเกร็ดเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตามไปด้วย รวมไปถึงในเรื่องคติค่านิยมความเชื่อดั้งเดิมของชาวมอญ ซึ่งส่วนใหญ่เห็นว่าคติความเชื่อดั้งเดิมนั้นเป็นสิ่งที่งมงายไร้เหตุผล โดยเฉพาะความเชื่อในเรื่องผี จึงเลิกปฏิบัติกัน แต่อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีการอนุรักษ์ประเพณีบางอย่างที่ปฏิบัติสืบทอดกันมา จากกระแสวัฒนธรรมของสังคมเมือง และภาวะเศรษฐกิจที่แปรเปลี่ยนดังกล่าว นับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้สภาพสังคมที่เคยสงบมีวิถีชีวิตที่ราบเรียบของชุมชนมอญเกาะเกร็ดกำลังจะหมดไป กลายเป็นสังคมที่ต้องแข่งขันกันเพื่อความอยู่รอดเหมือนเช่นสังคมเมืองมากขึ้น (หน้า 93-98) |
|
Map/Illustration |
ผู้วิจัยได้มีการนำเสนอข้อมูลด้วยการใช้ตารางและรูปภาพเป็นส่วนหนึ่งในการศึกษาครั้งนี้ ซึ่งประกอบด้วย ตาราง : -ตารางที่ 1 แสดงเนื้อที่ และจำนวนครัวเรือนของตำบลเกาะเกร็ด (หน้า 7) รูปภาพ : -ภาพที่ 1 เส้นทางการเดินเรือจากปากอ่าว ถึงกรุงศรีอยุธยา ระหว่างปีพ.ศ. 2228 – 2229 (หน้า 1) -ภาพที่ 2 ชุมชนมุสลิมที่เกาะเกร็ด (หน้า 5) -ภาพที่ 3 ชุมชนชาวไทย และชาวมอญที่เกาะเกร็ด (หน้า 5) -ภาพที่ 4 แผนผังเกาะเกร็ดในปัจจุบัน (หน้า 6) -ภาพที่ 5 สภาพแวดล้อมวิถีชุมชนเกาะเกร็ดในปัจจุบัน (หน้า 8) -ภาพที่ 6 แผนที่เขียนโดยชาวฮอลันดา เมื่อพ.ศ. 2193 แสดงแม่น้ำเจ้าพระยา และสถานที่สำคัญสองฝั่งแม่น้ำตั้งแต่ปากอ่าวไทย ถึงกรุงศรีอยุธยา (หน้า 10) -ภาพที่ 7 ปลายคลองลัดเกร็ดน้อยตรงมุมวัดปรมัยยิกาวาส หรือวัดปาดอ่าว (หน้า 11) -ภาพที่ 8 หม้อน้ำดินเผาสลักลายของเกาะเกร็ด (หน้า 14) -ภาพที่ 9 เครื่องปั้นดินเผาสลักลายของเกาะเกร็ด (หน้า 16) -ภาพที่ 10 โรงปั้นครกในปัจจุบัน (หน้า 16) -ภาพที่ 11 การนวดดินและการปั้นภาชนะดินเผา โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นเครื่องทุ่นแรง (หน้า 17) -ภาพที่ 12 การปั้นครก (หน้า 20) -ภาพที่ 13 การปั้นดินเผาขนาดเล็ก (หน้า 20) -ภาพที่ 14 การขึ้นรูป (หน้า 21) -ภาพที่ 15 การแกะสลักลาย (หน้า 21) -ภาพที่ 16 ลักษณะเตาถัง (หน้า 23) -ภาพที่ 17 เตาประทุน หรือเตาหลังคาเต่าของเกาะเกร็ดที่เลิกใช้งานแล้ว (หน้า 23) -ภาพที่ 18 การเผาเครื่องปั้นในเตาถัง โดยใช้เศษกระเบื้องปิดคลุมขณะเผา (หน้า 23) -ภาพที่ 19 ช่องใส่ฟืน ที่แนวสันหลังคาเตาจีน (หน้า 23) -ภาพที่ 20 ลักษณะเตาเผาแบบประทุน (หน้า 24) -ภาพที่ 21 การจัดเรียงของเข้าเตาเผา (หน้า 25) -ภาพที่ 22 ปีกนก หรือหูช้างของเตาหลังเต่า (หน้า 25) -ภาพที่ 23 ทางมะพร้าวที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในปัจจุบัน (หน้า 26) -ภาพที่ 24 กระถางที่เผาสุกแล้วในเตาจีน พร้อมที่จะนำออกจากประตูเตา (หน้า 26) -ภาพที่ 25 ช่องระบายความร้อนที่ท้ายเตา (หน้า 27) -ภาพที่ 26 การปิดปากเตาเผา (หน้า 27) -ภาพที่ 27 การขนภาชนะดินเผาที่สุกแล้วออกจากเตาเผา เรียกว่า ออกเตา (หน้า 27) -ภาพที่ 28 ช่องวางดอกไม้ ธูป เทียน สำหรับบูชาเตา (หน้า 29) -ภาพที่ 29 การไหว้เตาในปัจจุบัน (หน้า 30) -ภาพที่ 30 การจำหน่ายเครื่องปั้นดินเผาที่เกาะเกร็ดในปัจจุบัน (หน้า 31) -ภาพที่ 31 เครื่องเคาะจังหวะของวงดนตรีมอญ ที่ทำจากไม้ไผ่ท่อนยาว และวงปี่พาทย์มอญ (หน้า 37) -ภาพที่ 32 นางปรุง วงศ์จำนงศ์ ครูสอนมอญรำที่เกาะเกร็ด (หน้า 40) -ภาพที่ 33 มอญรำ หรือ รำมอญ (หน้า 41) -ภาพที่ 34 การใช้มือดีดลูกสะบ้า เป็นท่าหนึ่งของการเล่นสะบ้าของชาวมอญเกาะเกร็ด (หน้า 42) -ภาพที่ 35 การเล่นสะบ้าด้วยท่าต่างๆ ของเด็กชาวมอญชุมชนวัดม่วง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี (หน้า 42) -ภาพที่ 36 อาหารมอญ (หน้า 48) -ภาพที่ 37 ข้าวแช่ อาหารที่นิยมทำรับประทานในเทศกาลสงกรานต์ (หน้า 48) -ภาพที่ 38 ต้นหน่อกะลา ที่ชาวมอญเกาะเกร็ดนิยมนำมาทำประกอบอาหารต่างๆ (หน้า 50) -ภาพที่ 39 หญิงชาวมอญสาธิตการประกอบอาหาร โดยใช้หน่อกะลาเป็นส่วนประกอบ (หน้า 50) -ภาพที่ 40 การแต่งกายของหญิงชายชาวมอญ (หน้า 53) -ภาพที่ 41 เครื่องประดับมวยผมของหญิงชาวมอญ เรียกว่า กะหล่ำ (หน้า 54) -ภาพที่ 42 ศาลเจ้าพ่อเกษแก้วไชยฤทธิ์ (หน้า 55) -ภาพที่ 43 การบวช (หน้า 59) -ภาพที่ 44 เรือนไทย และเรือนฝากระดานของชาวไทย และชาวมอญที่เกาะเกร็ด (หน้า 61) -ภาพที่ 45 โจ้ง-เนียะ หรือ เตียงชนะ (หน้า 64) -ภาพที่ 46 เปิง-หะ-มาว ในพิธีศพชาวมอญเกาะเกร็ดในปัจจุบัน (หน้า 65) -ภาพที่ 47 เชิงตะกอนในอดีตก่อนที่จะมีการสร้างเมรุเผาศพ (หน้า 66) -ภาพที่ 48 ปราสาทเผาศพพระไตรสรณธัช (มาลัย บุปผทาโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดปรมัยยิกาวา (หน้า 69) -ภาพที่ 49 ประชาชนนำอาหารไปใส่บาตรในเรือ และใส่บาตรที่ลูกศิษย์วัดนำขึ้นมารับบนฝั่ง ในประเพณีตัดบาตรเรือที่หน้าวัดปรมัยยิกาวาส (หน้า 73) -ภาพที่ 50 พระสงฆ์จากวัดต่างๆ ที่อยู่ใกล้อำเภอปากเกร็ด นั่งเรือมาบิณฑบาตในประเพณีตักบาตรเรือที่หน้าวัดปรมัยยิกาวาส (หน้า 74) -ภาพที่ 51 เรือที่นำพระสงฆ์มาบิณฑบาตในประเพณีตักบาตรเรือที่เกาะเกร็ด (หน้า 75) -ภาพที่ 52 ประเพณีทำบุญเลี้ยงพระในวันออกพรรษาที่วัดปรมัยยิกาวาส (หน้า 76) -ภาพที่ 53 ประเพณีตักบาตรดอกไม้ที่วัดปรมัยยิกาวาส (หน้า 77) -ภาพที่ 54 โรงทานสำหรับทำบุญเลี้ยงพระ และเลี้ยงข้าวแช่ (หน้า 80) -ภาพที่ 55 หม้อข้าวแช่ และสำรับข้าวแช่ (หน้า 80) -ภาพที่ 56 ขบวนแห่ข้าวแช่ (หน้า 81) -ภาพที่ 57 กับข้าวแช่หรือเครื่องเคียงของข้าวแช่ (หน้า 81) -ภาพที่ 58 บ้านสงกรานต์ (หน้า 82) -ภาพที่ 59 หัวหน้าครอบครัวจุดธูปเชิญท้าวกบิลพรหมลงมาเสวยข้าวแช่ (หน้า 82) -ภาพที่ 60 หญิงชาวมอญเตรียมน้ำไปสรงพระพุทธรูปและพระสงฆ์ที่วัดปรมัยยิกาวาส (หน้า 83) -ภาพที่ 61 แห่พระพุทธรูปมาสู่โรงพิธี (หน้า 83) -ภาพที่ 62 โรงพิธีสรงน้ำพระ (หน้า 84) -ภาพที่ 63 น้ำที่ประชาชนเทผ่านรางจะไหลลงมารดองค์พระพุทธรูปที่ตั้งอยู่ในโรงพิธี (หน้า 84) -ภาพที่ 64 ประชาชนเทน้ำผ่านรางสรงให้ไหลลงมารดองค์พระสงฆ์ (หน้า 84) -ภาพที่ 65 ขบวนแห่หางหงส์ธงตะขาบ (หน้า 85) -ภาพที่ 66 เสาหงส์ซึ่งจะตั้งอยู่ประจำวัดของมอญ (หน้า 86) -ภาพที่ 67 หางหงส์ หรือธงตะขาบ ที่นำไปผูกไว้ที่เสาหงส์ หลังจากที่ขบวนแห่มาถึงวัด (หน้า 86) -ภาพที่ 68 ประเพณีก่อพระเจดีย์ทรายในช่วงสงกรานต์ (หน้า 87) -ภาพที่ 69 ชาวมอญทุกเพศทุกวัยจัดขบวนแห่น้ำหวาน ไปถวายพระสงฆ์ตามวัดต่างๆ (หน้า 89) -ภาพที่ 70 ชาวมอญจะนำน้ำผึ้งรินใส่บาตร หรือภาชนะที่ทางวัดจัดไว้โดยเฉพาะ (หน้า 90) -ภาพที่ 71 ชาวมอญตักบาตรอาหารคาวหวานและข้าวต้มลูกโยนในวันประเพณีตักบาตรน้ำผึ้ง (หน้า 91) |
|
|