|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
พวน ไทยพวน ไทยพวน,พิธีบุญกำฟ้า,สิงห์บุรี |
Author |
ยุรี ใบตระกูล |
Title |
พิธีบุญกำฟ้าของลาวพวน : กรณีศึกษาหมู่บ้านพวน ตำบลบางน้ำเชี่ยว อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ไทยพวน ไทพวน คนพวน,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
144 |
Year |
2537 |
Source |
หลักสูตรมานุษยวิทยาหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract |
พิธีบุญกำฟ้าเป็นพิธีกรรมโบราณที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของลาวพวนที่คงอยู่ สัญลักษณ์ในพิธีกรรมเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าเป็นพิธีกรรมแห่งความอุดมสมบูรณ์ โดยพิธีกรรมสะท้อนให้เห็นถึงโครงสร้าง และการจัดระเบียบทางสังคม ชีวิตความเป็นอยู่ในสังคมเกษตรกรรมที่ต้องพึ่งพาอาศัยธรรมชาติ และพิธีกรรมยังสะท้อนให้เห็นโครงสร้างทางเครือญาติและการตั้งถิ่ฐานบ้านเรือนหลังการสมรส และการให้ความสำคัญกับญาติทางฝ่ายหญิงเป็นหลัก อีกทั้งพิธีกรรมยังสะท้อนให้เห็นความเชื่อที่ประกอบด้วยพุทธศาสนา ลัทธิพราหมณ์ และความเชื่อดั้งเดิม นอกจากนี้พิธีกรรมยังมีบทบาทในการยึดเหนี่ยวให้ลาวพวนมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งในระดับบุคคลและระดับชุมชน |
|
Focus |
ศึกษารายละเอียดของพิธีบุญกำฟ้า และผลที่มีต่อการจัดระเบียบสังคมของลาวพวน ตลอดจนบทบาทหน้าที่ของพิธีในฐานะที่เป็นการแสดงถึงเอกลักษณ์ของลาวพวน (หน้า 5) |
|
Theoretical Issues |
ผู้เขียนได้อาศัยแนวทฤษฎีโครงสร้างการหน้าที่ของ Dukheim และแนวคิดสัญลักษณ์นิยมของ Victor Turner โดยผู้เขียนพยายามแสดงให้เห็นว่า พิธีบุญกำฟ้า ของลาวพวนในชุมชนบ้านพวนสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตดั้งเดิมของลาวพวนที่ผูกพันอยู่กับการเพาะปลูก ซึ่งต้องพึ่งพาอาศัยธรรมชาติเป็นหลัก แต่ลาวพวนมองธรรมชาติเหล่านี้ว่ามีพลังอำนาจในรูปลักษณ์ของผี วิญญาณ และเทพารักษ์ ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือให้สามารถประสบความสำเร็จในการเพาะปลูกได้ หากได้มีการเซ่นไหว้และบูชาอย่างเหมาะสม (หน้า 91) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำพิธีบุญกำฟ้าที่บูชาและขอบคุณผีฟ้าซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งต่าง ๆ ของที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรม เช่น รวงข้าว เคียว เกวียน ไซ เป็นสัญลักษณ์ของการเกษตรกรรม ส่วนเครื่องที่นำมาบวงสรวงจะเป็นพืชผลการเกษตร เช่น กล้วย มะพร้าว และส้ม สื่อถึงความต้องการความอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ กฎเกณฑ์พฤติกรรมในระหว่างพิธีกรรมเป็นความประณีต เรียบร้อย และความสมานฉันท์ของชุมชน ซึ่งตอกย้ำด้วยการเผาข้าวหลามกินร่วมกันเป็นสัญลักษณ์ของความเหนียวแน่น พิธีบุญกำฟ้าจึงทำหน้าที่สำคัญในชุมชนคือ สนองตอบต่อความจำเป็นของสมาชิก และสืบทอดความคิด ความเชื่อ และสะท้อนวิถีชีวิตดั้งเดิม ส่งเสริมความสมานฉันท์ของชุมชน (หน้า 92-99) |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ปัจจุบัน ลาวพวนจะพูดภาษาพวนกันเฉพาะในหมู่ลาวพวนด้วยกัน โดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่ เมื่อมีการติดต่อกับคนภายนอกจะใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร เด็กรุ่นใหม่จึงพูดภาษาพวนปนกับภาษาไทย (หน้า 50) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ประวัติความเป็นมาของบ้านพวนไม่ปรากฏแน่ชัด มีเพียงการเล่าต่อ ๆ กันมาว่าเป็นลาวพวนที่อพยพมาจากเวียงจันทร์ พวนที่ตั้งถิ่นฐานที่หมู่บ้านนี้จะเรียกบ้านพวนว่า บ้านเญ่อ (บ้านใหญ่) มีการแบ่งเป็นคุ้มบ้าน 6 คุ้ม ซึ่งทั้งหมดนี้เรียกว่า บ้านพวน เป็นชื่อที่ทางการตั้งขึ้น เมื่อมีถนนตัดผ่านหมู่บ้านจึงถูกแยกออกเป็น 2 หมู่บ้าน ส่วนที่แยกออกมาเรียกกันว่า บ้านเม่อ (หน้า 21) |
|
Settlement Pattern |
ลักษณะการตั้งบ้านเรือนของบ้านพวนจะปลูกติดกัน มีรั้วแบ่งอาณาเขตของตน แต่ละอาณาเขตจะประกอบไปด้วยกลุ่มเครือญาติ 2 - 4 หลังคาเรือน บ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นบ้านทรงธรรมดา มีลักษณะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวมุงด้วยหลังคาสังกะสี มีใต้ถุนบ้านไว้เป็นที่พักผ่อน เก็บอุปกรณ์ทำนาทำไร่ บ้านเรือนจะกระจุกและกระจายตัวระหว่างริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองส่งน้ำ ในชุมชนมีโรงเรียน สถานีอนามัย สำนักงานสุขาภิบาล และสำนักงานประถมศึกษา (แผนที่หน้า 19, 20) |
|
Demography |
หมู่บ้านพวนประกอบด้วย 287 ครัวเรือน มีจำนวนประชากรทั้งหมด 1577 คน เป็นชาย 730 คน และหญิง 847 คน ประชากรในหมู่บ้านมีทั้งคนลาว ไทย และจีน คนพวนเป็นคนท้องถิ่นในหมู่บ้าน ส่วนคนไทยและจีนเข้ามาโดยการแต่งงานกับคนพวนในหมู่บ้าน (หน้า 22) |
|
Economy |
ในอดีตพวนจะประกอบอาชีพทำนาเป็นหลัก ซึ่งพวนถือว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของกลุ่ม ปัจจุบันเมื่อสภาพเศรษฐกิจของหมู่บ้านเปลี่ยนแปลงไป คนรุ่นใหม่จึงหันมาประกอบอาชีพอื่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาชีพรับราชการร้อยละ 33.45 รองลงมาเป็นอาชีพรับจ้างร้อยละ 31.36 อาชีพค้าขายร้อยละ 14.29 และอาชีพเลี้ยงสัตว์ร้อยละ 12.19 ส่วนอาชีพทำนาเหลือเพียง ร้อยละ 8.17 เท่านั้น (หน้า 23-24) |
|
Social Organization |
ในอดีตลักษณะครอบครัวของพวนจะเป็นครอบครัวแบบขยาย (Extended) ในครอบครัวหนึ่งจะประกอบไปด้วยสมาชิกตั้งแต่ 2 ชั่วคนขึ้นไป ลาวพวนจะนิยมแต่งงานในหมู่พวกเดียวกัน พิธีการแต่งงานของลาวพวนจะไม่มีการแห่ขันหมาก แต่จะมีการ แห่เขย ไปบ้านเจ้าสาว แสดงให้เห็นถึงการตั้งถิ่นฐานโดยการให้ความสำคัญทางฝ่ายหญิง แต่หากลูกสาวคนเล็กแต่งงานและนำสามีเข้ามาอยู่ในบ้าน ลูกสาวคนโตก็จะต้องแยกครอบครัวของตนจึงทำให้เกิดครอบครัวเดี่ยวขึ้น แม้ว่าการแต่งงานจะยึดการตั้งถิ่นฐานของฝ่ายหญิงเป็นหลัก แต่ฝ่ายหญิงก็ต้องเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของสามี ทำให้เกิดนามสกุลซึ่งมิได้มีต้นตระกูลอยู่ในบ้านพวน อย่างไรก็ตามแม้ว่าหนุ่มสาวหลายคู่จะแต่งงานกับคนนอกกลุ่มมากขึ้น แต่ความสัมพันธ์ในระดับครอบครัวยังคงมีความผูกพันกันเหมือนเดิม ด้วยการนำบุตรมาให้ตายายหรือเครือญาติทางฝ่ายหญิงเลี้ยงดู (หน้า 33) |
|
Political Organization |
การปกครองของหมู่บ้านพวนจะมีการเลือกผู้ใหญ่บ้านและกำนันที่สืบเชื้อสายพวนเป็นหลัก ซึ่งจะเลือกจากความสามารถในการทำงานติดต่อกับทางการ และให้ความช่วยเหลือเพื่อนบ้าน การเลือกผู้นำจะไม่คำนึงถึงเพศ ในปัจจุบันหมู่บ้านพวนจึงมีผู้ใหญ่บ้านที่เป็นคนพวน และมีกำนันผู้หญิงที่เป็นคนพวนด้วย ภายในหมู่บ้านมีการรวมกลุ่มเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีทั้งกลุ่มที่เป็นทางการ เช่น กลุ่มสหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มที่ไม่เป็นทางการ เช่น กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มร่วมสุขพัฒนา กลุ่มกรรมการหมู่บ้าน และกรรมการวัด (หน้า 22) |
|
Belief System |
ลักษณะของพวนโดยทั่วไปเป็นผู้ที่เคร่งครัดในศาสนา มีการทำบุญที่วัดอย่างสม่ำเสมอ ในหมู่บ้านพวนมีวัดอยู่ 2 แห่งคือ วัดอุตตมะพิชัย และวัดกุฎีทองซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีบุญกำฟ้า นอกจากชาวบ้านจะนับถือพุทธศาสนาเป็นส่วนใหญ่แล้ว ภายในหมู่บ้านยังมีความเชื่อในเรื่องผีต่าง ๆ ลาวพวนเป็นผู้ยึดมั่นในขนบประเพณี และถือเป็นเครื่องเสริมสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในหมู่ลาวพวน ประเพณีบางอย่างจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับประเพณีของไทย เช่น การบวช การตาย ส่วนประเพณีที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของลาวพวน ได้แก่ ประเพณีบุญข้าวจี่ ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้หนุ่มสาวได้พบปะกัน ประเพณีบุญข้าวหลาม ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีทำบุญหมู่บ้าน ประเพณีแห่นางแมว ประเพณีบ้องไฟ บุญเข้าพรรษา ประเพณีสาร์ทพวน ถือเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว ประเพณีเทศน์มหาชาติ ประเพณีตักบาตรเทโว ประเพณีกวนข้าวทิพย์ โดยมีความเชื่อว่าการบริโภคข้าวทิพย์จะทำให้เกิดสิริมงคลแก่ตนเอง และเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้กับตนเองด้วย ประเพณีลงข่วง เป็นการเปิดโอกาสให้หนุ่มสาวได้พบปะพูดคุยกัน ประเพณีบุญกำฟ้า เป็นพิธีกรรมโบราณพิธีกรรมเดียวที่มีบทบาทสำคัญต่อวิถีชีวิตของลาวพวน โดยเฉพาะในด้านความอุดมสมบูรณ์และเป็นสิ่งที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของลาวพวนที่ยังคงอยู่ หากปีใดไม่จัดงานบุญกำฟ้าขึ้น พวนเชื่อว่าปีนั้นจะเกิดความแห้งแล้งและเกิดฟ้าผ่าขึ้นในหมู่บ้าน พิธีกำฟ้าถือปฏิบัติมาตั้งแต่อยู่เมืองลาว ลาวพวนจะทำบุญกำฟ้าหลังฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว ยึดเอาวันที่ได้ยินเสียงฟ้าร้องครั้งแรกเป็นวันกำฟ้า อย่างไรก็ดีลาวพวนที่หมู่บ้านพวนจะยึดเอาวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ทุกปี เป็นวันกำฟ้าเพราะเป็นฤดูกาลที่ว่างจากงาน ถือเป็นการเฉลิมฉลองภายหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยว และเป็นการเตรียมฤดูกาลเพาะปลูกครั้งต่อไป การประกอบพิธีบุญกำฟ้าแยกตามความเชื่อออกเป็น 3 ส่วนคือ พิธีกรรมที่เกี่ยวกับความเชื่อทางพุทธศาสนาคือ พิธีบุญ ที่กระทำโดยพระสงฆ์เป็นผู้ประกอบพิธี พิธีกรรมเกี่ยวกับความเชื่อในเรื่องการนับถือผีคือ การเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษ ผีในเครื่องมือเครื่องใช้ การแห่แม่โพสพ ประกอบพิธีโดยชาวบ้าน และพิธีกรรมที่เกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์คือ การบวงสรวงเทวดาประกอบพิธีโดยผู้อาวุโสของหมู่บ้านที่รู้เรื่องเกี่ยวกับพิธีกรรม ก่อนถึงวันประกอบพิธีกรรมคือในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 พวกผู้ชายพวนจะเข้าไปตกแต่งสถานที่เพื่อใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรม และทำการสร้างศาลเพียงตา จัดลานเผาข้าวหลามทิพย์ และจัดเตรียมสถานที่สำหรับพระสงฆ์ที่จะมาเทศน์ ในวันขึ้น 2 ค่ำ เดือน 3 ก่อนที่จะถึงวันกำฟ้า เรียก วันสุกดิบ ชาวบ้านจะมีพิธีที่สำคัญในการทำบุญกำฟ้า 4 อย่างคือ พิธีแห่แม่โพสพ พิธีบวงสรวงเทวดา พิธีเปิดงานกำฟ้า และพิธีบูชาแม่เตาไฟและบันได นอกจากนี้ยังต้องมีการเผาข้าวหลามเพื่อที่จะนำข้าวหลามไปประกอบพิธีร่วมกันที่วัด เช้าของวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 ถือว่าเป็นวันกำฟ้า ซึ่งจะมีพิธีกรรมที่สำคัญ 2 อย่างคือ พิธีตักบาตรข้าวหลาม และการเซ่นไหว้ศาลบรรพบุรุษ ในวันกำฟ้าพวนจะถือเป็นวันที่ทุกคนหยุดงานพักผ่อนอยู่กับบ้าน ห้ามจับอุปกรณ์การเกษตร และห้ามจับของมีคม (หน้า 54-55, 58-60, 63, 66) |
|
Education and Socialization |
ในหมู่บ้านมีโรงเรียนประจำหมู่บ้านจำนวน 2 แห่ง เป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ส่วนอีกแห่งหนึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนจัดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ส่วนระดับการศึกษาของประชาชนในหมู่บ้านพวนนี้ ส่วนใหญ่จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาความเจริญทางด้านการศึกษาได้เข้าสู่หมู่บ้านมากขึ้น เด็กรุ่นใหม่ส่วนใหญ่จะศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษา และเกือบทุกครอบครัวจะมีลูกหลานเข้ามาศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาทั้งในจังหวัดและในกรุงเทพฯ (หน้า 22-23) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
การแต่งกายของลาวพวนทั้งชายและหญิงจะแบ่งเป็นชุดที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และชุดที่ใช้ในโอกาสพิเศษ เช่น งานประเพณี พิธีต่าง ๆ ชุดที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ถ้าชายหญิงในรุ่นปัจจุบันจะแต่งกายเหมือนคนในเมืองทั่วไป ส่วนชายสูงอายุจะใส่กางเกงยาวแค่น่อง เสื้อคอกลมมีผ้าขาวม้าคาดเอว ส่วนหญิงสูงอายุจะสวมเสื้อคอกระเช้า นุ่งผ้าถุงลายดอก สำหรับงานประเพณีต่าง ๆ ชายสูงอายุจะใส่กางเกงผ้าพื้นสีเข้มขายาว เสื้อเชิ้ตสีขาวและมีผ้าขาวม้าคาดเอว หญิงวัยกลางคนจะนุ่งผ้าถุงสีฉูดฉาดมีเชิง และใส่เสื้อลูกไม้สีต่างๆ ส่วนหญิงชราจะใส่เสื้อลูกไม้สีขาวแขนยาวหรือแขนสั้น ผ้าถุงลายดอก มีผ้าพื้นขาวห่มเฉียงทับเสื้อ ส่วนในงานพิธีบุญกำฟ้าพวนไม่ว่าจะเป็นคนแก่ สาว หรือเด็ก จะมีการแต่งกายที่พิเศษกว่างานบุญอื่นๆ ด้วยการแต่งชุดพื้นบ้านในอดีต เครื่องใช้ไม้สอยของลาวพวนส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการประกอบอาชีพทั้งในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งมีลักษณะเป็นเครื่องสานที่ทำด้วยไม้ไผ่ และเครื่องใช้บางชนิด ได้แก่ ไซ ข้อง หมวกชาวนา เกวียน ลาวพวนจะนำมาใช้ในการประกอบพิธีบุญกำฟ้า ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญ (หน้า 50-53) |
|
Folklore |
หนังสือพวนเก่าแก่ได้บันทึกตำนานและมูลเหตุที่ทำให้เกิดประเพณีกำฟ้าว่า เจ้าผู้ครองเมืองพวนได้ร่วมกับเจ้าผู้ครองเมืองเวียงจันทร์ ทำศึกกับเมืองหลวงพระบางและได้ชัยชนะ เจ้าเมืองพวนจึงไม่เคารพต่อเจ้าเมืองเวียงจันทร์ดังที่เคยปฏิบัติมา จึงถูกนำตัวไปประหารชีวิตด้วยหอก แต่เกิดเหตุมหัศจรรย์ขึ้น ด้ามหอกได้ถูกฟ้าผ่าขาดสะบั้นลง เจ้าเมืองเวียงจันทร์จึงให้เจ้าเมืองพวนกลับไปครองนครตามเดิม ประชาชนสันนิษฐานว่าฟ้าคงมีเทพเจ้าคุ้มครองป้องกันผู้ที่ไม่มีความผิด จึงนำเครื่องเซ่นสังเวยมาบูชา โดยกำหนดวันเกิดฟ้าผ่านั้นเป็นวันจัดงานซึ่งตรงกับวันขึ้น 3 ค่ำ ของทุกปี ไทยพวนบ้านบางน้ำเชี่ยวได้สืบเชื้อสายต่อมาจึงยึดถือการจัดงานประเพณีตามบรรพบุรุษ อีกตำนานหนึ่งเล่าว่า พระมหากษัตริย์พวนพระองค์หนึ่งประชวรหนัก โหรทำนายว่าต้องถือศีลกินเพลถึง 7 วัน จึงจะหายจากโรคได้ และในขณะเดียวกันพสกนิกรจะต้องหยุดประกอบกิจการงานและสิ่งเอิกเกริกทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้เมื่อถึงเดือน 3 ขึ้น 3 ค่ำ เป็นวาระครบรอบปีของเหตุการณ์นั้นมาถึง พวนจึงมีพิธีกำฟ้าและพากันหยุดงานการทั้งปวงเป็นประเพณีสืบต่อมาทุกปีจนบัดนี้ (หน้า 56) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ประเพณีบุญกำฟ้า ถือเป็นกลไกที่ช่วยสร้างพลังยึดเหนี่ยวในกลุ่มลาวพวนผู้มีเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน แม้ว่าพวนจะอพยพไปอยู่ในท้องถิ่นอื่น ๆ หรือไปทำงานในที่ต่างๆ แต่เมื่องถึงฤดูกำฟ้าพวนจะกลับมายังบ้านเดิมของตนเพื่อทำบุญตักบาตรและเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษและประกอบพิธีร่วมกันทุกปี ซึ่งก่อให้เกิดแรงยึดเหนี่ยวในหมู่ลาวพวนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น (หน้า 98) |
|
Social Cultural and Identity Change |
จากความเจริญที่เข้ามาสู่หมู่บ้าน ส่งผลให้หมู่บ้านลาวพวนเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น และส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตการดำรงชีพของชาวบ้านในด้านต่าง ๆ และในส่วนของพิธีกรรมก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน ประเพณีโบราณที่พวนเคยยึดถือปฏิบัติกันมาบางประเพณีได้สูญหายไปตามสภาพสังคม เช่น พิธีบุญข้าวจี่ บุญข้าวหลาม บุญหมู่บ้าน เป็นต้น นอกจากนี้ บางประเพณีที่ยังคงยึดถือปฏิบัติกันอยู่ขั้นตอนของพิธีกรรมได้ถูกตัดทอนลงไปมาก เช่น ประเพณีสาร์ทพวน ประเพณีสงกรานต์ แม้ว่าพิธีกรรมต่าง ๆ จะเปลี่ยนไปแต่พิธีบุญกำฟ้าถือว่าเป็นพิธีกรรมโบราณพิธีกรรมเดียวของลาวพวนที่ยังคงอยู่ในสังคม และถือเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของลาวพวนที่ยังคงอยู่ (หน้า 67) |
|
Map/Illustration |
แผนที่แสดงที่ตั้งบ้านเรือนของหมู่บ้านพวน ตำบลบางน้ำเชี่ยว (หน้า 19) แผนผังแสดงบริเวณวัดกุฎีทองที่ประกอบพิธีบุญกำฟ้า ปี 2535 (หน้า 103) แผนผังแสดงบริเวณวัดกุฎีทองที่ประกอบพิธีบุญกำฟ้า ปี 2536 (หน้า 104) |
|
|