|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
มุสลิม,การบริโภค,อาหาร,ฮาลาล,ความรู้,สังคม |
Author |
ยุพิน หะสัน |
Title |
รูปแบบการดำเนินชีวิต ความรู้ และพฤติกรรมการบริโภคอาหารฮาลาลของผู้บริโภคมุสลิม |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไม่ระบุ |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
189 |
Year |
2546 |
Source |
หลักสูตรปริญญานิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการโฆษณา ภาควิชาการประชาสัมพันธ์ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract |
งานเขียนมุ่งศึกษาเกี่ยวกับความรู้และพฤติกรรมการบริโภคอาหารฮาล ซึ่งเป็นอาหารที่ศาสนาอิสลามได้บัญญัติไว้ว่ามุสลิมสามารถรับประทานได้โดยไม่ผิดต่อหลักศาสนา เป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพ สะอาดนอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่มีเครื่องหมายฮาลาลก็เป็นที่ยอมรับของมุสลิมทั่วโลกว่าได้รับความคุ้มครองและเป็นหลักประกันต่อการบริโภคอาหาร ซึ่งในการศึกษาได้ศึกษาในกลุ่มตัวอย่างมุสลิมจำนวน 400 คนทั้งชายและหญิงที่มีอายุตั้งแต่ 18-40 ปี ซึ่งเป็นวัยที่กำลังเรียนและทำงานและมีระดับการศึกษาและรายได้ที่แตกต่างกัน โดยเป็นกลุ่มที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ ในการศึกษาก็เพื่อให้รู้ว่าผู้บริโภคมุสลิมดำเนินชีวิตอย่างไร มีความรู้และพฤติกรรมการบริโภคอาหารฮาลาลอย่างไร |
|
Focus |
เพื่อศึกษารูปแบบการดำเนินชีวิต ความรู้และพฤติกรรมการบริโภคในเรื่องอาหารฮาลาลของผู้บริโภคมุสลิม (หน้า 5) |
|
Ethnic Group in the Focus |
มุสลิมอายุระหว่าง 18-40 ปีที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ (หน้า 5,78) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
|
Demography |
กลุ่มผู้บริโภคมุสลิมที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯอายุระหว่าง 18-40 ปีมีจำนวนประชากรประมาณ 111,865 คน (หน้า 78) ในกลุ่มตัวอย่างที่เป็นกรณีศึกษาเป็น มุสลิมอายุ 18-40 ปี จำนวน 400 คน เป็นเพศชาย 179 คน และเพศหญิงจำนวน 221 คน (หน้า ง, 84) |
|
Economy |
อาหารฮาลาล เป็นอาหารที่มุสลิมรับประทานได้ ถ้าเป็นการผลิตอาหารในเชิงอุตสาหกรรมก็คือผลิตภัณฑ์อาหารที่สะอาดและสอดคล้องกับบทบัญญัติของศาสนาอิสลามที่อนุมัติให้มุสลิมรับประทานได้ สำหรับคำว่า “ฮาลาล” เป็นภาษาอาหรับหมายถึงสิ่งที่บัญญัติอิสลามอนุมัติให้ปฏิบัติหรือบริโภคได้ หรืออาจหมายถึง ถูกต้องตามกฎบัญญัติ หรืออนุญาต (หน้า 6,23) สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีเครื่องหมายฮาลาลนั้นหมายถึงเครื่องหมายการรับรองผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการตรวจสอบตามหลักศาสนาอิสลามแล้ว และเป็นเครื่องหมายที่มุสลิมทั่วโลกให้ความถือและถ้าเห็นเครื่องหมายนี้ก็มีความมั่นใจในการเลือกซื้อสินค้า (หน้า 6) และอาหารนั้นไม่มีส่วนประกอบที่เป็นสิ่งที่ศาสนากำหนดห้ามมุสลิมรับประทาน (หน้า 4) ในงานเขียนได้ระบุว่า ในเรื่องความเรื่องอาหารฮาลาลของกลุ่มตัวอย่าง พบว่ากลุ่มตัวอย่างได้ตอบถูกมากที่สุด (93.5%) ได้แก่ ฮาลาล แปลว่าเป็นสิ่งที่ใช้ประโยชน์ได้ และมีความหมายตรงข้ามกับคำว่า “ฮาราม” คือสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงห้าม ส่วนความรู้เรื่องอาหารประเภทไก่ และเนื้อวัวที่มุสลิมสามารถรับประทาน จะต้องมีการฆ่าแบบอิสลาม ได้แก่ตอนฆ่าสัตว์ต้องเชือดอย่างรวดเร็วและให้เจ็บแต่เพียงเล็กน้อยและตอนฆ่าต้องกล่าวนามอัลลอฮ์ (หน้า 6,118,119) อาหารต้องห้ามในศาสนาอิสลาม ในการศึกษาได้กล่าวถึงอาหารต้องห้ามสำหรับมุสลิมดังต่อไปนี้ (หน้า 23) 1) ห้ามรับประทานสัตว์ที่ตายเอง คือสัตว์ที่ตายเองโดยคนม่ได้ล่าแบ่งออกเป็น 5 อย่างคือ สัตว์ที่ถูกรัดคอตาย,สัตว์ที่ถูกตีตาย,สัตว์ที่ตกลงมาตาย คือสัตว์ที่ตกจากที่สูง บางครั้งก็ตกลงห้วยหรือภูเขา , สัตว์ที่ถูกสัตว์ชนิดอื่นขวิดตาย, สัตว์ที่ถูกสัตว์ป่ากิน อย่างไรก็ดีอัลลอฮ ได้ระบุข้อยกเว้นตามหลักศาสนาอิสลามคือ ถ้าหากเห็นว่าสัตว์ชนิดนั้นยังมีชีวิตอยู่และเชือดทันก็เป็นอาหารฮาลาล มุสลิมสามารถนำมาประกอบอาหารรับประทานได้ (หน้า 24) 2) ห้ามกินเลือด เพราะดูแล้วน่าเกลียดน่ากลัวและบางครั้งอาจเป็นอันตราย สุขภาพร่างกาย (หน้า 24) 3) ห้ามกินเนื้อหมู เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ชอบสิ่งสกปรกและในเนื้อหมูก็มีพยาธิ (หน้า 24) 4) ห้ามรับประทานสัตว์ที่ถูกพลีชีพให้แก่ผู้อื่นนอกจากอัลลอฮ คือสัตว์ที่ถูกฆ่านั้น เชือดโดยคนที่กล่าวชื่ออื่นที่ไม่ใช่อัลลอฮ อาทิเช่นเทพเจ้าต่างๆ ข้อห้ามนี้มีไว้เพื่อคุ้มกันความเชื่อที่มีต่ออัลลอฮให้มีความเป็นเอกภาพ (หน้า 24)สำหรับสัตว์อื่นที่ไม่ฮาลาลที่ในงานเขียนกล่าวถึงเช่น สุนัข ล่อ ลา ลิง แมว สัตว์ที่มีเขี้ยว มีกรงเล็บ สัตว์เลื้อยคลายเช่น งู ฯลฯ ส่วนสัตว์น้ำที่อยู่ในทะเลถือว่าเป็นสัตว์ฮาลาลทั้งหมดรับประทานได้แม้ว่าคนที่จับจะไม่ใช่มุสลิม (หน้า 25) ซุบฮัตอาหารที่ต้องสงสัยเคลือบแคลง ได้แก่อาหารที่ไม่มั่นใจว่าจะมีส่วนผสมของอาหารต้องห้ามหรือไม่ หรือกินแล้วกลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย ตัวอย่างเช่น อาหารในร้านที่ไม่ใช่มุสลิมและเกรงว่าจะมีส่วนผสมของอาหารต้องห้ามสำหรับมุสลิมเจือปนอยู่ ไก่ที่ถูกฆ่าด้วยไฟฟ้าช๊อตแล้วมีเลือดตกค้างและอื่นๆ (หน้า 27) เครื่องดื่มที่ห้ามดื่ม อาทิเช่นยาพิษ สิ่งสกปรกเช่นเลือด ปัสสาวะ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และนมของสัตว์ที่ห้ามดื่มนมของสัตว์ชนิดนั้นและอื่นๆ (หน้า 26) รายได้ต่อเดือนของกลุ่มตัวอย่าง ในการศึกษาพบว่า ในกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน ส่วนใหญ่ (56%) จะมีรายได้น้อยกว่า 10,000 บาท อันดับสองมีรายได้ระหว่าง 10,000 บาท-15,000 บาท (19.8%)ส่วนจำนวนน้อยที่สุด (3%) มีรายได้ 25,001-30,001 บาท (หน้า 86) พฤติกรรมการบริโภค ผู้วิจัยได้จำแนกกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 9 กลุ่มซึ่งมีความแตกต่างในรูปแบบการดำเนินชีวิตคือ 1) กลุ่มชีวิตทันสมัยแต่หัวใจอนุรักษ์ 2) กลุ่มสนใจข่าวสาร 3) กลุ่มยึดหลักการ 4) กลุ่มความสุขอยู่ในบ้าน 5) กลุ่มใส่ใจตัวเองใส่ใจสังคม 6) กลุ่มรักกีฬา 7) กลุ่มติดคอมติดเพื่อน 8) กลุ่มความคิดก้าวไกล 9) กลุ่มสนุกกับชีวิต แต่ละกลุ่มจะมีลักษณะเฉพาะ (หน้า 110-117) และผู้วิจัยได้พยายามวิเคราะห์สหสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มรูปแบบการดำเนินชีวิตกับความรู้เรื่องอาหารฮาลาล พบว่า รูปแบบการดำเนินชีวิตมีความสัมพันธ์กับความรู้เรื่องอาหารฮาลาล ซึ่งตรงกับสมมุติฐานคือ กลุ่มสนใจข่าวสาร ยึดหลักการ กลุ่มความสุขอยู่ในบ้านและกลุ่มรักกีฬา มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความรู้ที่เกี่ยวกับอาหารฮาลาล โดยมีนัยสำคัญอยู่ที่ระดับ 0.05 สำหรับกลุ่มชีวิตทันสมัยแต่หัวใจอนุรักษ์ มีความสัมพันธ์ทางลบมีนัยสำคัญอยู่ที่ระดับ 0.05 กับความรู้เกี่ยวกับอาหารฮาลาล ส่วนกลุ่มใส่ใจตัวเองสนใจสังคม กลุ่มติดคอมติดเพื่อ กลุ่มความคิดก้าวไกลและกลุ่มสนุกกับชีวิตนั้นไม่พบความสัมพันธ์กับความรู้เรื่องอาหารฮาลาล ทั้งนี้ผู้วิจัยได้ระบุว่า กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารฮาลาลค่อนข้างสูง และส่วนใหญ่จะเลือกซื้ออาหารจากร้านมุสลิมและกลุ่มตัวอย่างมีความคิดเห็นว่าอาหารทุกอย่างควรได้รับเครื่องหมายฮาลาล นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างยังมีพฤติกรรมการสังเกตเครื่องหมายฮาลาลก่อนเลือกซื้อสินค้า งานเขียนได้ระบุว่า การรับประทานอาหารฮาลาลนี้มุสลิมบริโภคค่อนข้างมากเพราะเป็นบทบัญญัติของศาสนาอิสลามซึ่งมุสลิมต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด (หน้า 150,166,130-172) |
|
Social Organization |
สังคมในศาสนาอิสลาม ในงานเขียนได้กล่าวถึงสังคมในศาสนาอิสลามว่า ศาสนาอิสลามจะต่างจากศาสนาอื่นคือ ศาสนาอิสลามเป็นธรรมนูญแห่งการดำเนินชีวิตและอิสลามเป็นวัฒนาธรรม (หน้า 11,17) คือรูปแบบการดำเนินชีวิตซึ่งนำมาจากหรือสิ่งที่อยู่ในขอบข่ายของศาสนาอิสลามและคำสอนของท่านศาสนทูตมูฮัมหมัด (ซุนนะห์) (หน้า 12) ครอบครัว คนที่เป็นสามีจะทำหน้าที่เป็นผู้นำและเลี้ยงดูคนในครอบครัว ภรรยาทำหน้าที่เลี้ยงลูกและทำงานบ้าน ในสังคมมุสลิมโดยมากจะอยู่กันแบบครอบครัวขยายมากกว่าครอบครัวเดี่ยว เนื่องจากจากคำสอนของศาสนาอิสลามแล้วได้ระบุให้มุสลิมให้ติดต่อกันในกลุ่มญาติพี่น้อง ถ้าลูกหลานดูแลเอาใจใส่พ่อแม่ก็จะทำให้เกิดกุศลในครอบครัว (หน้า 16) |
|
Belief System |
ศาสนาอิสลาม งานเขียนระบุว่า ศาสนาอิสลามไม่เหมือนศาสนาอื่นก็คือเป็นศาสนาที่มีคำสอนในการดำเนินชีวิตโดยครอบคลุมการใช้ชีวิตทุกอย่าง อาทิครอบครัว สังคม เศรษฐกิจ การปกครอง การศึกษา การบริโภค และอื่นๆ (หน้า 2) สำหรับคำว่า “อิสลาม”นั้นหมายถึง สันติ การนอบน้อม และการยอมจำนนโดยสิ้นเชิง และ “ มุสลิม” คือคนที่นับถือศาสนาอิสลาม แปลว่า ผู้ที่นอบน้อมหรือยอมจำนนอย่างสิ้นเชิงต่อพระผู้เป็นเจ้า (หน้า 8) |
|
Education and Socialization |
การศึกษาของกลุ่มตัวอย่าง ในจำนวนกลุ่มตัวอย่าง 400 คนแบ่งออกเป็นกลุ่มตามจำนวนการศึกษาได้ดังนี้ ต่ำกว่ามัธยมศึกษา 17 คน (4.3 %) มัธยมศึกษา 69 คน (17.3%) อนุปริญญา 59 คน (14.8%) ปริญญาตรี 232 คน (58%) ปริญญาโท21 คน (5.3%) ปริญญาเอก 2 คน (0.5%) (ตารางหน้า 85) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
ตาราง จำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามเพศ อายุ (หน้า 84) การศึกษา,อาชีพ (หน้า 85) รายได้,การรู้จักอาหารฮาลาล (หน้า 86) ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของการทำกิจกรรมทั่วไป (หน้า 87) ค่าวิเคราะห์ปัจจัยการทำกิจกรรมของกลุ่มรักความบันเทิง (หน้า 89) กลุ่มทำกิจกรรมศาสนา (หน้า 90) กลุ่มก้าวทันเทคโนโลยี (หน้า 90) กลุ่มดูแลสุขภาพ,กลุ่มเปิดรับข้อมูลข่าวสาร,กลุ่มนิยมของนอก (หน้า 91) กลุ่มชีวิตเรียบง่าย , กลุ่มรักกีฬา(หน้า 92) ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความสนใจทั่วไป (หน้า 93) ค่าวิเคราะห์ปัจจัยความสนใจกลุ่มจริงจังกับชีวิต (หน้า 95) กลุ่มสนใจสุขภาพ,กลุ่มชอบความโดเด่น (หน้า 96) กลุ่มรักครอบครัว , กลุ่มทุ่มเทกำลัง (หน้า 97) กลุ่มติดเพื่อน (หน้า 98) กลุ่มสนุกสานกับชีวิต (หน้า 98) ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของความคิดเห็นทั่วไป (หน้า 99) ค่าวิเคราะห์ปัจจัยความคิดเห็นของกลุ่มตามกระแสสังคม (หน้า 102) กลุ่มไม่แคร์สังคม (หน้า 103) กลุ่มสนใจสภาพสังคม,กลุ่มทำวันนี้ให้ดีที่สุด (หน้า 104) กลุ่มต่อต้านวัฒนธรรมต่างชาติ (หน้า 105) กลุ่มห่วงใยปัญหาเด็กไทย (หน้า 105) กลุ่มอนาคตสดใส (หน้า 107) ค่าวิเคราะห์ปัจจัยกลุ่มกิจกรรม (หน้า 103) จำนวนและความถี่ของรายการรับรู้ (หน้า 118) ความรู้เรื่องอาหารฮาลาล (หน้า 120) ระดับความรู้ของกลุ่มตัวอย่าง (หน้า 121) พฤติกรรมการบริโภคอาหารฮาลาล (หน้า 122) ความคิดเห็นเรื่องการมีเครื่องหมายฮาลาลกับไม่มี , ความจำเป็นของผลิตภัณฑ์อาหารจะต้องได้รับเครื่องหมายฮาลาล (หน้า 124) การเลือกซื้ออาหาร (หน้า 125) ความสำคัญในการพิจารณาเครื่องหมายฮาลาล (หน้า 126) ความคิดเห็นที่มีต่อผู้ประกอบการที่ขอมาตรฐานเรื่องหมายฮาลาล (หน้า 127) ความรู้เรื่องอาหารฮาลาล จำแนกตามอายุ (หน้า 128) การบริโภคอาหารฮาลาลจำแนกตามอายุ (หน้า 129) ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มรูปแบบการดำเนินชีวิตกับความรู้ในเรื่องอาหารฮาลาลแยกตามความรู้ (หน้า 130,131) พฤติกรรมการบริโภค (หน้า 136) แยกตามประเภทอาหาร (หน้า 137) ความรู้และพฤติกรรมการบริโภคอาหารฮาลาล (หน้า 140) แผนภาพ การดำเนินชีวิตและกระบวนการบริโภค (หน้า 31) รูปแบบการดำเนินชีวิต (หน้า 33) ลักษณะการแบ่งกลุ่มรูปแบบการดำเนินชีวิต (หน้า 38) การทำงานอย่างเป็นเครือข่ายของ node และ link (หน้า 52) การตัดสินใจซื้อและการบริโภค (หน้า 54) การจัดการข้อมูล (หน้า 55) ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมผู้บริโภค (หน้า 58) พฤติกรรมผู้บริโภค (หน้า 59) |
|
|