|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู (กะเหรี่ยง),บทบาท,ความสำคัญ,การนับถือผีบรรพบุรุษ,การเปลี่ยนแปลง,กาญจนบุรี |
Author |
สุภลักษณ์ โทณลักษณ์ |
Title |
การนับถือผีบรรพบุรุษของชาวกะเหรี่ยงโปว์ : บทบาท ความสำคัญ และการเปลี่ยนแปลง กรณีศึกษาที่หมู่บ้านดงเสลาเก่า ตำบลด่านแม่แฉลบ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี |
Document Type |
ปริญญานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
โพล่ง โผล่ง โผล่ว ซู กะเหรี่ยง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
หอสมุดกลางมหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ
(เอกสารฉบับเต็ม) |
Total Pages |
76 |
Year |
2542 |
Source |
สารนิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขามานุษยวิทยา คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร |
Abstract |
ประเพณีการนับถือผีบรรพบุรุษมีบทบาทสำคัญในการจัดระเบียบทางสังคมและวัฒนธรรมของกะเหรี่ยงโปว์ที่หมู่บ้านดงเสลาเก่า เพราะเป็นกลไกสำคัญในการจัดการระบบการผลิตภายในสังคมของกะเหรี่ยงโปว์ ทั้งด้านแรงงานและการจัดสรรที่ดิน เพราะไม่มีการกำหนดกรรมสิทธิ์ในที่ดิน แต่จะอาศัยข้อปฏิบัติทางความเชื่อเรื่องการนับถือผีบรรพบุรุษมาเป็นข้อเจรจา เพื่อลดความขัดแย้งในปัญหาที่ดินแทน ด้านแรงงาน การเน้นครอบครัวเดี่ยวมากกว่าครอบครัวเชิงขยาย ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการกระจายแรงงานการผลิตในสังคมที่ใช้ระบบการทำไร่หมุนเวียน การผ่อนคลายความเคร่งครัดของข้อปฏิบัติในการประกอบพิธีกรรมตามประเพณีการนับถือผีบรรพบุรุษ อันเนื่องมาจากต้องการความสะดวกทั้งด้านการเดินทาง และการลดค่าใช้จ่าย ในการธำรงรักษาประเพณีอันเก่าแก่ของเผ่าพันธุ์ตนไว้ ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของประเพณีการนับถือผีบรรพบุรุษของกะเหรี่ยงที่หมู่บ้านดงเสลาเก่า พุทธศาสนาและการเข้ามาของชาวไทยพื้นราบ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้กะเหรี่ยงที่หมู่บ้านแห่งนี้ต้องปรับตัว เพื่อการยอมรับทางสังคม แต่อย่างไรก็ตาม ความเชื่อเรื่องผีบรรพบุรุษในสังคมกะเหรี่ยงโปว์ ก็ถือเป็นกลไกสำคัญในการปรับตัว การสร้างความรู้สึกร่วมและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในสังคม และก่อให้เกิดสำนึกร่วมทางด้านชาติพันธุ์และการดำรงเอกลักษณ์ของกลุ่มให้คงสืบต่อไป ทั้งนี้ก็เพื่อความอยู่รอดของสังคม (หน้า 72-74) |
|
Focus |
ศึกษาความสำคัญของระเบียบแบบแผนการดำเนินชีวิตและความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัว ที่มีต่อบทบาท ความสำคัญ และการเปลี่ยนแปลงของประเพณีการนับถือบรรพบุรุษของกะเหรี่ยงโปว์ ที่หมู่บ้านดงเสลาเก่า ตำบลด่านแม่แฉลบ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี (หน้า 71) |
|
Theoretical Issues |
รูปแบบความเชื่อทางศาสนา การจัดระเบียบทางสังคม และการจัดรูปแบบครอบครัวที่เน้นการเป็นครอบครัวเดี่ยวมากกว่าครอบครัวเชิงขยาย รวมทั้งระบบเศรษฐกิจที่มีเงินตราและบุคคลภายนอกกลุ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดการปรับตัวทางสังคมและวัฒนธรรมของกะเหรี่ยงในหมู่บ้านดงเสลาเก่า อันส่งผลให้เกิดการผ่อนคลายความเคร่งครัดของข้อบังคับในการประกอบพิธีกรรมลงเพื่อให้เกิดความสะดวกในการประกอบพิธีกรรมมากขึ้น อันจะเป็นการดำรงรักษาประเพณีดั้งเดิมของเผ่าพันธุ์ไว้ก่อนที่สูญหายไป เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการนับถือผีบรรพบุรุษของกะเหรี่ยงโปว์ที่หมู่บ้านดงเสลาเก่า (หน้า 66-71) |
|
Ethnic Group in the Focus |
กะเหรี่ยงโปว์ ที่หมู่บ้านดงเสลาเก่า ตำบลด่านแม่แฉลบ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี (หน้า 10) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
กะเหรี่ยงโปว์ ที่หมู่บ้านดงเสลาเก่า ตำบลด่านแม่แฉลบ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี (หน้า 10) |
|
Study Period (Data Collection) |
มิถุนายน 2542 - มีนาคม 2543 (หน้า 17) |
|
History of the Group and Community |
ผู้วิจัยไม่สามารถหาประวัติการตั้งถิ่นฐานที่ชัดเจนของกะเหรี่ยงโปว์ที่หมู่บ้านดงเสลาเก่าจากการศึกษาข้อมูลในพื้นที่ได้ โดยได้ข้อมูลเพียงแต่ว่ากะเหรี่ยงในบริเวณนี้ตั้งถิ่นฐานกระจัดกระจายทั่วไปเป็นเวลานานแล้ว และมีการย้ายถิ่นไปเรื่อย ๆ เมื่อมีคนไทยเข้ามาตั้งถิ่นฐาน โดยกะเหรี่ยงมักจะเป็นฝ่ายย้ายเข้าไปอยู่ในป่าลึกเข้าไป (หน้า 42) แต่จากการสืบหาข้อมูลจากตำนานการ อพยพ ผู้วิจัยได้สันนิษฐานว่ากะเหรี่ยงที่ตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ อ.ศรีสวัสดิ์ น่าจะเป็นกลุ่มที่อพยพมาจากบริเวณหน้าเมืองกาญจน์ โดยขึ้นมาตามลำน้ำแควใหญ่ แล้วมาตั้งบ้านเรือนกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นที่ที่มีอาณาเขตติดต่อกัน อันได้แก่ อ. ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี อ.บ้านไร่ และกิ่ง อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี (หน้า 45) |
|
Settlement Pattern |
กะเหรี่ยงโปว์ที่หมู่บ้านดงเสลาเก่าประกอบด้วยกะเหรี่ยง 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มด้ายขาว (ลู้งอัว) กลุ่มด้ายเหลืองธรรมดา (ลู้งบ่องสะเดิ่ง) กลุ่มด้ายเหลืองพระพุทธเจ้า (ลู้งบ่องเกียะ) และกลุ่มกินน้ำสุก (หวีม่อง) ซึ่งหลักการปลูกบ้านเรือนก็จะยึดเอาตามคติความเชื่อเกี่ยวกับการนับถือผีบรรพบุรุษเป็นหลัก คือคนที่มีการนับถือผีบรรพบุรุษกลุ่มเดียวก็จะปลูกบ้านชิดกัน รวมกันเป็นกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเครือญาติเดียวกัน ส่วนที่นับถือผีบรรพบุรุษต่างกลุ่มกัน ก็จะต้องปลูกบ้านแยกจากกันคนละแถบ ห้ามปลูกชิดกัน (หน้า 47) กลุ่มบ้านต่าง ๆ ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับลำห้วยเตาเหล้าโดยมีถนนผ่ากลาง (แผนที่หน้า 46) |
|
Demography |
ประชากรที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในหมู่บ้านดงเสลา มีทั้งหมด 35 หลังคาเรือน โดยเป็นชาย 121 คน หญิง 118 คน รวมประชากรทั้งสิ้น 246 คน (หน้า 47) |
|
Economy |
กะเหรี่ยงในหมู่บ้านดงเสลาเก่าส่วนใหญ่ทำไร่เป็นหลัก โดยมีข้าวเจ้าเป็นพืชหลักที่ปลูกไว้สำหรับบริโภคในครัวเรือนตลอดทั้งปี นอกจากนี้ ก็มีข้าวเหนียว ถั่ว งา และฝ้าย ซึ่งปลูกสำหรับไว้ใช้ในงานพิธี บางครอบครัวมีการปลูกละหุ่ง หมาก นุ่น มะขามเปรี้ยว หรือข้าวโพดไว้ขาย โดยพื้นที่เพาะปลูกจะอยู่บริเวณป่าชายเขาและบนเขาใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่มีการถือกรรมสิทธิ์ นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะวัว ส่วนไก่เลี้ยงเฉพาะในกลุ่มที่ไม่มีข้อห้าม และช่วงหลังการปลูกข้าว ก็มีการประกอบอาชีพเสริม ได้แก่การรับจ้างทั่วไป โดยผู้ชายมักจะเป็นช่างรับเหมาทั่วไป ส่วนผู้หญิงมักจะไปทำงานตามโรงงานทอผ้าในเมือง (หน้า 47-48) |
|
Social Organization |
กะเหรี่ยงที่หมู่บ้านนี้ให้ความสำคัญกับครอบครัวเดี่ยวมากกว่าครอบครัวเชิงขยาย คือกะเหรี่ยงทั้ง 4 กลุ่ม จะมีรูปแบบการจัดระเบียบภายในครอบครัวเหมือนกันคือ ฝ่ายชายเมื่อแต่งงานแล้วต้องไปอยู่กับครอบครัวฝ่ายหญิง 1-2 ปี เพื่อเป็นแรงงานในการทำไร่ จากนั้นจึงจะสามารถแยกออกมาตั้งครอบครัวเอง ประกอบอาชีพเอง และสามารถประกอบพิธีกรรมเองได้โดยไม่ต้องทำร่วมกับพ่อแม่ ก็เป็นกลไกการกระจายทางสังคม แรงงาน และเศรษฐกิจวิธีหนึ่ง (หน้า 68-69) ความเชื่อเรื่องผีบรรพบุรุษก็มีส่วนช่วยให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวแน่นแฟ้นขึ้น โดยเฉพาะในครอบครัวเดี่ยว เพราะจะช่วยสร้างความอบอุ่นใจให้กับสมาชิกในครอบครัว รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นในตัวผู้นำครอบครัวซึ่งเป็นผู้นำประกอบพิธีกรรม โดยผู้นำในการประกอบพิธีสามารถเป็นได้ทั้งพ่อและแม่ (หน้า 68, 49-50) ความเชื่อเรื่อง "ผีบีบกัน" ที่จะเกิดขึ้นในกรณีการปลูกบ้านหรือเลือกพื้นที่ทำไร่ใกล้กันระหว่างกลุ่มที่นับถือผีบรรพบุรุษต่างกลุ่มกัน ก็เป็นกลไกหนึ่งทางการจัดระเบียบสังคมของกะเหรี่ยงกลุ่มนี้ เพื่อช่วยลดความขัดแย้งในการเจรจาเรื่องการจัดสรรครอบครองที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย (หน้า 68) |
|
Belief System |
กะเหรี่ยงที่หมู่บ้านดงเสลาเก่านับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท และนับถือผีบรรพบุรุษประจำสายตระกูลตามประเพณีดั้งเดิมควบคู่ไปด้วย ดังนั้น กะเหรี่ยงในหมู่บ้านนี้จึงมีทั้งการประกอบพิธีกรรมตามประเพณีการนับถือผี และการประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา โดยบริเวณกลางหมู่บ้านมีวัดดงเสลาเก่าซึ่งชาวบ้านช่วยกันสร้างขึ้น และมีพระภิกษุซึ่งเป็นกะเหรี่ยงโปว์กลุ่มด้ายขาว กลุ่มด้ายเหลือง และกลุ่มกินน้ำสุกจำพรรษาอยู่จำนวน 3 รูป (หน้า 48) ความเชื่อเรื่องการนับถือผีบรรพบุรุษของกะเหรี่ยงโปว์ที่หมู่บ้านดงเสลาเก่าแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ กลุ่มที่นับถือลัทธิเดิมได้แก่ 1. กลุ่มด้ายขาว ซึ่งปัจจุบันกะเหรี่ยงกลุ่มนี้นิยมเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษหรือผีประจำสายตระกูลด้วยงาดำ หรือข้าวสุก เป็นประจำทุกปี ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่ใช้อ้นและปลาในการเซ่นไหว้ เนื่องจากอ้นเป็นสัตว์หายากและมีราคาแพง จึงมีการทำพิธีตัดผีโดยการให้หมอซึ่งมีความสามารถช่วยติดต่อกับผีประจำสายตระกูล เพื่อบอกกล่าวแก่ผีบรรพบุรุษให้ทราบเรื่องการเปลี่ยนของที่จะใช้เซ่นไหว้ใหม่ ในการประกอบพิธีเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษนี้ สมาชิกในครอบครัวจะต้องอยู่พร้อมเพรียงกันทุกคนจึงจะเริ่มพิธีได้ โดยมีหญิงที่อาวุโสที่สุดในครอบครัวเป็นผู้นำการประกอบพิธี (หน้า 49) 2. กลุ่มกินน้ำสุก ซึ่งกะเหรี่ยงกลุ่มนี้ไม่มีการผูกข้อมือเหมือนกะเหรี่ยงกลุ่มอื่น แต่ถ้าบางครอบครัวต้องการผูกข้อมือก็สามารถทำได้แต่ต้องไม่ใช้ด้ายสีขาวหรือสีเหลืองเหมือนกับกลุ่มด้ายขาวและกลุ่มด้ายเหลือง เนื่องจากในหมู่บ้านดงเสลาเก่าไม่มีเจ้าวัดของกะเหรี่ยงกลุ่มกินน้ำสุก พวกเขาจึงนิยมประกอบพิธีกรรมกันเองระหว่างสมาชิกในครอบครัว เพราะการเดินทางไปหาเจ้าวัดนั้นลำบากเนื่องจากไม่มียานพาหนะ การประกอบพิธีไหว้ผีบรรพบุรุษเป็นประจำทุกปีของกระเหรี่ยงกลุ่มกินน้ำสุกไม่จำเป็นต้องรอให้สมาชิกในครอบครัวอยู่ครบทุกคน แต่สามารถทำเมื่อใดก็ได้ที่สมาชิกในครอบครัวพร้อม โดยผู้นำการประกอบพิธีคือพ่อหรือแม่ซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัว และในการประกอบพิธีก็มีเพียงการดื่มน้ำต้มสุกจากขันและการสวดมนตร์เท่านั้น (หน้า 49-50) ส่วนกลุ่มที่นับถือลัทธิใหม่ ได้แก่ 1. กลุ่มด้ายเหลืองธรรมดา กลุ่มนี้มีการสานไม้ไผ่ทำเป็น "สะเดิ่ง" (รูปภาพหน้า 57) ขนาดเล็กเพียงต้นเดียว โดยจะตั้งไว้ด้านทิศหัวนอนของหัวหน้าครอบครัว เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนเจดีย์หรือโกร่งในบริเวณบ้านของเจ้าวัดของกลุ่ม การประกอบพิธีกรรมของกะเหรี่ยงกลุ่มนี้จะแตกต่างกันไปตามความสะดวกของแต่ละครอบครัว บางครอบครัวจะไปร่วมประกอบพิธีกรรมที่บ้านของเจ้าวัด ซึ่งถ้าหัวหน้าครอบครัวคือพ่อหรือแม่ไปร่วมไม่ได้ ก็จะฝากด้ายสีเหลืองของครอบครัวตนไปกับเพื่อนบ้านที่ถือคติความเชื่อเดียวกันไปร่วมประกอบพิธีที่บ้านของเจ้าวัด หรือบางครอบครัวจะประกอบพิธีกันเองภายในครอบครัวก็ได้ ถ้าเดินทางไม่สะดวกเพราะไม่มียานพาหนะ ในการประกอบพิธีของเจ้าวัด เจ้าวัดจะแบ่งระหว่างครอบครัวที่เลี้ยงสัตว์กับไม่เลี้ยงสัตว์ออกจากกัน และทำพิธีคนละครั้งไม่ปะปนกัน ผู้เข้าร่วมพิธีที่บ้านเจ้าวัดนั้นจะเป็นหัวหน้าครอบครัวคนใดก็ได้ ด้ายที่ผ่านการทำพิธีแล้วหัวหน้าครอบครัวจะเก็บไว้สำหรับใช้ผูกข้อมือให้กับสมาชิกในครอบครัวเป็นประจำทุกปี และด้ายส่วนหนึ่งจะเก็บไว้ผูกแก่สมาชิกที่ด้ายเก่าขาดไปหรือสมาชิกที่เจ็บไข้ได้ป่วย ซึ่งสันนิษฐานว่าเกิดจากอำนาจของผีบรรพบุรษประจำสายตระกูล (หน้า 50) 2.กลุ่มด้ายเหลืองพระพุทธเจ้า กะเหรี่ยงกลุ่มนี้จะมีการประกอบพิธีกรรมกันภายในครอบครัว โดยมีหัวหน้าครอบครัวเป็นผู้นำในพิธีไหว้พระและเซ่นผีด้วยดอกไม้ ข้าว งา และน้ำ จากนั้นจะผูกข้อมือให้กับสมาชิกทุกคนในครอบครัวด้วยด้ายที่ทำจากฝ้ายย้อมสีเหลืองเป็นอันเสร็จพิธี กะเหรี่ยงในหมู่บ้านดงเสลาเก่าแต่ละกลุ่มความเชื่อจะประกอบพิธีเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษประจำสายตระกูลเป็นประจำทุกปี โดยแต่ละครอบครัวจะประกอบพิธีกรรมตามลำพังตามประเพณีของกลุ่มตน (หน้า 51) |
|
Education and Socialization |
กะเหรี่ยงที่หมู่บ้านดงเสลาเก่าส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 4 โดยสามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้คล่อง เนื่องจากในปัจจุบันเด็กกะเหรี่ยงในหมู่บ้านได้รับการสอนหนังสือเบื้องต้นจากเจ้าหน้าที่ของศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา โดยสภาพโรงเรียนเป็นห้องเรียนขนาดเล็กที่สร้างจากเงินสนับสนุนขององค์การยูนิเซฟ มีสนามเด็กเล่นซึ่งมีเครื่องเล่นอยู่บางส่วน เด็กเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนบ้านดงเสลา และชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนศรีสวัสดิ์พิทยาคม และเด็กบางส่วนอาจได้รับการศึกษาที่สูงขึ้นกว่านี้ แล้วแต่ความสามารถด้านการเงินของผู้ปกครอง (หน้า 51) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Folklore |
ในงานวิจัยชิ้นนี้ พบตำนานเรื่องเล่าที่เป็นสาเหตุให้กะเหรี่ยงกลุ่มกินน้ำสุก (หวีม่อง) ในปัจจุบันไม่นิยมต้มน้ำให้สุกก่อนดื่มตามข้อห้ามดั้งเดิมที่ว่าต้องดื่มน้ำที่ต้มสุกแล้ว โดยเป็นเรื่องราวของแม่ลูกดกคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ริมห้วย วันหนึ่งขณะที่ลูก ๆ ต้องการจะดื่มน้ำ แต่น้ำที่ต้มสุกไม่มีแล้ว และแม่กำลังทำกับข้าวยุ่งอยู่ แม่จึงอธิษฐานขอให้น้ำสุกเพื่อนำมาให้ลูกดื่มแล้วนำฝืนที่มีไฟติดขว้างลงไปในลำห้วย ตั้งแต่นั้นมากะเหรี่ยงกลุ่มกินน้ำสุกจึงเชื่อกันว่าน้ำดื่มโดยทั่วไปนั้นต้มสุกแล้ว (หน้า 35) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
กะเหรี่ยงที่หมู่บ้านดงเสลามีการติดต่อสัมพันธ์กับกะเหรี่ยงในหมู่บ้านในเขต อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี อ.บ้านไร่และกิ่งอำเภอห้วยคต จ.อุทัยธานี ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกัน ทำให้การเดินทางไปมาหาสู่กันสะดวก ประกอบกับมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติ และมีการนับถือผีบรรพบุรุษในกลุ่มเดียวกัน จึงทำให้ต้องมีการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน ส่วนความสัมพันธ์กับคนไทยนั้น มักจะเป็นความสัมพันธ์ทางการค้า โดยพ่อค้าชาวไทยมักจะเข้ามารับซื้อสินค้าเกษตรต่าง ๆ ถึงในหมู่บ้าน ด้านความสัมพันธ์กับกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ มีค่อนข้างน้อย เนื่องจากในพื้นที่นี้ประชากรส่วนใหญ่เป็นกะเหรี่ยงโปว์ที่มักเป็นเครือญาติเดียวกัน นอกจากนั้น ก็จะเป็นคนไทยพื้นราบที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานภายหลัง และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มาประจำการที่ อ.ศรีสวัสดิ์ (หน้า 52) |
|
Social Cultural and Identity Change |
การผ่อนคลายความเคร่งครัดของประเพณีลงตามข้อจำกัดของกลุ่ม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของประเพณีการนับถือผีบรรพบุรุษที่หมู่บ้านดงเสลาเก่า โดยกลุ่มกินน้ำสุกซึ่งเป็นกลุ่มที่ถือลัทธิเดิมคือก่อนที่จะรู้จักพระพุทธศาสนา ได้มีการเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติที่ให้กินแต่อาหารที่สุกเท่านั้น ส่วนน้ำไม่จำเป็นต้องทำให้สุกก่อน เนื่องจากความไม่สะดวกในการประกอบพิธี ประกอบกับความเชื่อในตำนานเรื่องเล่าอันเก่าแก่ของกลุ่มที่เชื่อว่าน้ำดื่มโดยทั่วไปนั้นต้มสุกแล้ว ส่วนในกลุ่มลัทธิใหม่ที่นับถือพระพุทธศาสนาตามอย่างมอญตั้งแต่สมัยที่อพยพมาจากพม่า การประกอบพิธีกรรมของกลุ่มด้ายเหลืองธรรมดาก็ได้หันมาไหว้พระและผูกด้ายเหลืองเท่านั้น เนื่องจากความไม่สะดวกในการประกอบพิธีกรรมที่ซับซ้อน (หน้า 69) นอกจากนี้การพลัดพรากกันในระหว่างการอพยพ ประกอบกับการย้ายที่อยู่บ่อยครั้ง ส่งผลให้การรวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียงของสมาชิกในครอบครัวเพื่อการประกอบพิธีกรรมเป็นไปอย่างไม่สะดวก ดังนั้น จึงทำให้มีการลดความเคร่งครัดในรายละเอียดข้อปฏิบัติในการประกอบพิธีกรรมลง คือไม่จำเป็นต้องให้สมาชิกในครอบครัวอยู่ครบเสมอไป และความยุ่งยากในการหาของเซ่นไหว้ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเพณีการเซ่นไหว้ ดังที่พบในกลุ่มด้ายขาว ซึ่งแต่เดิมเซ่นไหว้ด้วยอ้นและปลา แต่ในปัจจุบันเปลี่ยนมาเซ่นไหว้ด้วยงาและข้าวสุกแทน อันเนื่องมาจากอ้นเป็นสัตว์ที่หายากและราคาสูง เนื่องจากห้ามต่อราคา และหากเกิดการผิดพลาดขึ้นในระหว่างการประกอบพิธี ก็จะต้องเริ่มทำพิธีใหม่หมด ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก การขาดแคลนเจ้าวัด ผู้นำในการประกอบพิธีกรรมก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านการปฏิบัติ คือสามารถให้ผู้นำครอบครัวเป็นผู้นำการประกอบพิธีกรรมได้ โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยเจ้าวัดเสมอไป ขณะเดียวกันการประกอบพิธีกรรมก็สามารถกระทำที่บ้านของตนเองได้ ไม่จำเป็นต้องกระทำที่บ้านเจ้าวัดเสมอไปเช่นกัน (หน้า 70) |
|
Map/Illustration |
แผนที่ 4 แผนที่แสดงเขตพื้นที่ของหมู่บ้านดงเสลาเก่า หน้า 46 รูปที่ 5 กลุ่มบ้านเรือนของชาวบ้านในหมู่บ้านดงเสลาเก่า หน้า 55 รูปที่ 6 บ้านของชาวกะเหรี่ยงโปว์ในหมู่บ้านดงเสลาเก่า หน้า 55 รูปที่ 8 "สะเดิ่ง" ที่ชาวกะเหรี่ยงกลุ่มด้ายเหลืองธรรมดา (ลู้งบ่องสะเดิ่ง) มีไว้ประจำบ้าน หน้า 57 รูปที่ 10 รูปลำห้วยเตาเหล้าซึ่งไหลมาจากเขาใหญ่ หน้า 58 |
|
|