|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ออแรนายู มลายูมุสลิม มุสลิมมลายู,คำศัพท์เกี่ยวกับพฤติกรรมการกิน,พฤติกรรมการกิน,การบริโภค,คำศัพท์,ไทยมุสลิม,นราธิวาส |
Author |
Narawadee Pannara |
Title |
A Study of the Vocabulary Concerning Eating Habits among the Muslims in Narathiwat Province |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
- |
Ethnic Identity |
มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเนเชี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
320 |
Year |
2536 |
Source |
หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล |
Abstract |
การศึกษาคำศัพท์เกี่ยวกับพฤติกรรมการกินของชาวไทยมุสลิม จังหวัดนราธิวาส มีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษาพฤติกรรมการกินของชาวไทยมุสลิมที่พูดภาษาถิ่นในจังหวัดนราธิวาส โดยใช้แนวคิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างภาษาและวัฒนธรรม ซึ่งทำการวิเคราะห์ด้วยวิธีจัดชุดคำ (paradigm) วิธีแยกองค์ประกอบ (componential analysis) และวิธีแยกประเภทแบบพื้นบ้าน (folk taxonomy) กลุ่มคำศัพท์ที่นำมาวิเคราะห์ ได้แก่ ประเภทของอาหาร การประกอบอาหาร การเตรียมอาหาร และสิ่งที่นำมาเป็นอาหาร ผลการศึกษาพบว่า อิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ศาสนา ความเชื่อ ค่านิยม และลักษณะทางสังคม ทำให้ชาวไทยมุสลิมมีรูปแบบการกินที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ซึ่งภาษาได้ถ่ายทอดระบบวิธีคิดและการเลือกใช้คำศัพท์เกี่ยวกับการกินของเจ้าของภาษาอย่างมีเหตุผล |
|
Focus |
ศึกษาโครงสร้างของกลุ่มคำศัพท์ที่เกี่ยวกับอาหารและพฤติกรรมการกินอาหาร ที่แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของชาวไทยมุสลิม (หน้า 1) |
|
Ethnic Group in the Focus |
กลุ่มชาติพันธุ์ที่ใช้เป็นกลุ่มตัวอย่างในการศึกษา คือ ชาวไทยมุสลิมที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส (หน้า 2) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
กลุ่มชาติพันธุ์ที่ศึกษา ใช้ภาษามลายูในชีวิตประจำวัน ภาษามลายูในงานวิจัยนี้ หมายถึง ภาษามลายูถิ่นเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส เป็นภาษาถิ่นย่อย (sub – dialect) ของภาษามลายูถิ่นปัตตานี (Pattani dialect) ซึ่งเป็นภาษามาเลย์กลุ่มตะวันออกเฉียงเหนือ อันเป็นสาขาตะวันตกของภาษาตระกูลออสโตรเนเซียน และเป็นภาษาย่อยของภาษาไทยมาตรฐานที่เป็นภาษาราชการของประเทศไทย (หน้า 6, 24) ซึ่งงานศึกษานี้ได้จำแนกคำศัพท์ที่เกี่ยวกับพฤติกรรมการกินอาหารออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ลักษณะของภาษา และคำศัพท์ที่เกี่ยวกับอาหาร ดังนี้ ลักษณะของภาษาประกอบด้วย 3 ส่วนที่สำคัญ คือ หน่วยเสียง ลักษณะพยางค์ และลักษณะคำ ในส่วนของหน่วยเสียง มีหน่วยเสียงพยัญชนะ 24 หน่วยเสียง ตามตำแหน่งที่เกิดเสียงและลักษณะเสียง เป็นพยัญชนะต้น 24 หน่วยเสียง พยัญชนะท้าย 3 หน่วยเสียง โดยมีหน่วยเสียงย่อยและหน่วยเสียงที่ยืมมาจากภาษาอื่น (หน้า 25 – 29) หน่วยเสียงสระมี 12 หน่วยเสียง ประกอบด้วยสระนาสิก และสระที่ไม่เป็นนาสิก ซึ่งเกิดเสียงตามส่วนของลิ้น และความสูงต่ำของลิ้น (หน้า 29) ลักษณะพยางค์ เป็นภาษาที่ไม่มีวรรณยุกต์ คำส่วนใหญ่มี 2 พยางค์ คำที่มีมากกว่า 3 พยางค์ มีน้อยและมักเป็นคำยืม ลักษณะของพยางค์นั้น มีทั้งพยางค์เปิด คือ พยางค์ที่ลงท้ายด้วยหน่วยเสียงพยัญชนะ หน่วยเสียงสระเป็นเสียงสั้น และพยางค์ปิด คือ พยางค์ที่ไม่มีหน่วยเสียงพยัญชนะลงท้าย หน่วยเสียงสระเป็นเสียงยาว ซึ่งถ้าเป็นคำที่มีมากกว่า 1 พยางค์ จะเน้นเสียงหนักที่พยางค์ท้ายเป็นส่วนมาก นอกจากนี้ยังมีการยืดเสียงพยัญชนะต้นของคำ ที่เกิดจากการตัดพยางค์ของคำ พยางค์ที่มีการยืดเสียงพยัญชนะจะเป็นพยางค์ที่เน้นเสียงหนัก พยางค์ต่อไปจะเน้นเสียงเบา ซึ่งมีผลต่อความหมายของคำ แต่จะสามารถรู้ความหมายของคำได้จากบริบท (หน้า 31 – 32) ลักษณะคำ มีทั้งคำเดี่ยว คำประสม และคำที่เติมวิภัติปัจจัย ซึ่งเป็นคำที่สามารถทำให้ชนิดของคำเปลี่ยนไป ส่วนคำประสม คือ คำที่มีการประกอบขึ้นตั้งแต่ 2 คำขึ้นไป แล้วมีความหมายใหม่ หรือยังคงมีเค้าของความหมายเดิม มีทั้งคำนามประสมคำนาม คำนามประสมกริยา คำนามประสมคำคุณศัพท์ คำบอกจำนวน และคำลักษณะนาม (หน้า 33 - 35) ในส่วนของคำศัพท์ที่เกี่ยวกับอาหาร ผู้วิจัยได้แบ่งออกเป็น 6 กลุ่มคำศัพท์ ได้แก่ ประเภทของอาหาร วิธีประกอบอาหาร การเตรียมอาหาร สิ่งที่นำมาทำเป็นอาหาร ชนิดของอาหาร กริยาและมารยาทที่เกี่ยวข้องกับการกินอาหาร ดังนี้ 1) ประเภทของอาหาร ชาวไทยมุสลิมได้แบ่งเป็น 6 ประเภท คือ ข้าวสุกและอาหารที่กินแทนข้าวในบางมื้อ กับข้าว ประเภทของกินเล่น ประเภทของหวาน ผลไม้ และเครื่องดื่ม ซึ่งมีเกณฑ์ในการแบ่งมาจากมื้ออาหาร ที่มีมื้อสำคัญ 3 มือใน 1 วัน แบ่งตามความสำคัญ คือ อาหารสำคัญเป็นอาหารที่ต้องกินทุกวัน อาหารที่ไม่สำคัญจะกินหรือไม่กินก็ได้ และแบ่งตามลักษณะอาหาร เช่น ของเหลว ส่วนผลของพืช หรืออาหารที่ต้องกินประกอบกับอาหารอื่น (หน้า 36 – 39) 2) วิธีประกอบอาหาร มี 3 ประเภท ได้แก่ อาหารที่ใช้ไฟทำให้สุก อาหารที่ใส่เกลือหรือน้ำตาล และวิธีการอื่นๆ อาหารที่ใช้ไฟทำให้สุกนั้น คำกริยาประเภทนี้มี 14 คำ มีองค์ประกอบหลักของความหมายมาจากประเภทวัสดุที่ใช้ทำอาหาร ประเภทของสื่อความร้อน ตำแหน่งวัสดุ ระดับของไฟ และลักษณะพิเศษ ซึ่งมีองค์ประกอบของความหมายของคำกริยาแต่ละคำ ได้แก่ พืชให้พลังงาน พืชที่เป็นผลไม้ พืชประเภทผักที่ไม่เป็นผักจิ้มหรือยำ พืชเครื่องปรุง ขนม และสัตว์ (หน้า 40 - 53) อาหารที่ใส่เกลือหรือน้ำตาล อาจเป็นลักษณะน้ำเกลือหรือน้ำเชื่อมก็ได้ อันหมายถึงการดอง ส่วนวิธีการอื่นๆ เช่น การใส่เกลือ การใส่แป้งข้าวหมาก เป็นลักษณะของการหมัก แต่ภาษามลายูถิ่นไม่มีคำที่มีความหมายว่า หมัก (หน้า 53) 3) การเตรียมอาหาร คือ การเตรียมวัสดุให้พร้อมที่จะประกอบอาหาร เป็นคำกริยา 3 กลุ่ม ได้แก่ คำกริยาที่เกิดจากการเตรียมชิ้นส่วนอาหารให้เล็กลง มี 14 คำ เช่น ตัด หั่น ฉีก เป็นต้น มีองค์ประกอบหลัก 4 ประการ ได้แก่ ประเภทวัสดุ การเคลื่อนไหว สภาพวัสดุเมื่อเล็กลง และเครื่องมือ (หน้า 54 – 56) คำกริยาที่เกิดจากการเตรียมสภาพอาหาร มีประมาณ 21 คำ เช่น ขยำ คั้น กรอง เป็นต้น บางคำศัพท์มีการใช้เครื่องมือประกอบด้วย (หน้า 54, 65) และคำกริยาอื่นๆ เช่น ล้าง ล้างน้ำสุดท้าย สะเด็ด (หน้า 54, 68) 4) สิ่งที่นำมาเป็นอาหาร ได้แก่ พืช สัตว์ น้ำและอื่นๆ (หน้า 69) พืช แบ่งออกเป็น 4 ประเภท คือ ผัก เครื่องปรุง ผลไม้ และข้าว แป้ง และอื่นๆ ที่ให้พลังงาน มีองค์ประกอบหลัก 5 ประการ ได้แก่ ชื่อพืช ส่วนของพืชที่กิน วิธีเตรียมชิ้นส่วนอาหาร ต้องใช้ไฟทำให้สุกหรือไม่ นำพืชไปประกอบอาหารประเภทใดหรืออาหารอะไร (หน้า 71-72) เครื่องปรุง มีทั้งเครื่องปรุงพืชสด คือ พืชที่ยังไม่ตากแห้งและไม่เป็นพืชที่ดองหรือแปรรูป เครื่องปรุงพืชไม่สด คือ พืชที่ทำให้แห้ง หรือพืชที่ดอง และเครื่องปรุงพืชแปรรูป คือ เครื่องปรุงจากพืชที่แปรรูปไปจนไม่เห็นลักษณะรูปร่างเดิม (หน้า 76 - 80) สัตว์ที่นำมาเป็นอาหาร ในภาษามลายูถิ่นแบ่งออกเป็น 9 ประเภท ได้แก่ ปลา ปู กุ้ง ปลาหมึก สัตว์สี่เท้า สัตว์บินได้ แมลง และสัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์อื่นๆ เช่น หอย แมงดา เป็นต้น (หน้า 124–125) น้ำและอื่นๆ ที่นำมาประกอบอาหาร มีคำศัพท์ที่เกี่ยวกับน้ำธรรมชาติ ได้แก่ น้ำบ่อ น้ำฝน น้ำประปา ซึ่งนำมาจากธรรมชาติ เช่น คลอง แม่น้ำ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีวัสดุอื่นๆ ที่นำมาประกอบอาหาร ได้แก่ เกลือ ปูน ผงชูรส สีสังเคราะห์ (หน้า 140-141) 5) ชนิดของอาหาร แยกประเภทตามองค์ประกอบหลักได้ 6 ประการ คือ ต้องใช้ไฟทำให้สุกหรือไม่ ประเภทของวัสดุ เครื่องปรุง วิธีเตรียมชิ้นส่วนอาหาร วิธีประกอบอาหาร และวิธีกิน (หน้า142-143) ส่วนความหมายของอาหารแต่ละชนิดมี 6 ประการ ได้แก่ ข้าวสุก หมายถึง ข้าวสวยและอาหารที่กินแทนข้าวในบางมื้อ (หน้า 142) กับข้าว คือ สิ่งที่กินประกอบอาหารหลักในมื้อสำคัญ 3 มื้อต่อวัน ได้แก่ แกง อาหารคล้ายแกง แกงเลียงแกงจืด ต้มลวก ยำ น้ำพริกและน้ำบูดู อาจาด ผัดคั่ว ทอด ปิ้ง ย่าง เผา น้ำแกง ดอง (หน้า 163, 167-168, 170, 175, 180, 184, 186, 189, 192, 196-197) ของกินเล่น คือ อาหารระหว่างมื้อสำคัญ (หน้า 237) ของหวาน คือ อาหารที่มีรสหวานกินระหว่างมื้อ (หน้า 254) ผลไม้ คือพืชที่กินผลเป็นอาหารระหว่างมื้อ (หน้า 308) 6) กริยาและมารยาทที่เกี่ยวข้องกับการกินอาหาร เป็นทั้งคำกริยาและสำนวนที่เกี่ยวกับการกินและการดื่ม แบ่งออกเป็น 2 ประการ ประการที่ 1 คือ สถานที่ เวลา และบุคคล ซึ่งแตกต่างกันใน 2 ช่วงเวลา ได้แก่ ยามปกติ และเดือนถือศีลอด ประการที่ 2 คือ กริยาและมารยาทเกี่ยวกับการกินและการดื่ม เช่น หิวข้าว กลืนไม่ลง มูมมาม เลี้ยงข้าว (หน้า 313-316) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
กลุ่มชุมชนที่ทำการศึกษาตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส มีประวัติศาสตร์ชุมชนปรากฏเมื่อ พ.ศ. 2444 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นแบบมณฑลเทศาภิบาล บ้านมะนารอ อำเภอบางนรา เมืองสายบุรี ขึ้นอยู่กับมณฑลปัตตานี ต่อมา พ.ศ. 2450 ยกฐานะอำเภอบางนราขึ้นเป็นเมืองบางนรา ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อเมืองบางนราว่า เมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2458 และเปลี่ยนเป็นจังหวัดนราธิวาส เมื่อ พ.ศ. 2480 ส่วนอำเภอบางนรา เปลี่ยนเป็นอำเภอนราธิวาส ปัจจุบันสำนักงานเทศบาลเมืองนราธิวาส ตั้งอยู่ถนนพิชิตบำรุง ตำบลบางนาค (หน้า 19 – 20) |
|
Settlement Pattern |
ลักษณะบ้านเรือนของกลุ่มตัวอย่างที่ทำการศึกษา นิยมตั้งบ้านเรือนเป็นกลุ่ม ใช้บ่อน้ำกินน้ำใช้ร่วมกัน การใช้น้ำประปายังมีน้อย แบบแผนบ้านเรือนปลูกสร้างด้วยไม้ ยกพื้นสูงประมาณ 2 เมตร มีระเบียงขนาดไม่กว้างนัก ระเบียงด้านหนึ่งใช้สำหรับทำครัว ส่วนใหญ่มีห้องนอนเดียวสำหรับพ่อแม่ กั้นห้องด้วยฝาหรือผ้าม่านที่ทำจากเศษผ้าหลากสีเย็บต่อกันเป็นผืนใหญ่ มีที่นั่งเล่นในตัวบ้าน ซึ่งปรับใช้เป็นส่วนที่นอนของลูกๆ บ้านเรือนส่วนใหญ่ไม่มีห้องน้ำห้องส้วมบนบ้าน ส่วนบ้านเรือนของผู้มีฐานะดี จะมีห้องนอนมากกว่า 1 ห้อง มีห้องครัว ห้องน้ำ ห้องส้วม และใช้น้ำประปาหรือน้ำบาดาล (หน้า 8) |
|
Belief System |
ผู้วิจัยได้กล่าวว่าระบบความเชื่อของกลุ่มตัวอย่างที่ทำการศึกษามีที่มาจาก 2 แหล่ง คือ บทบัญญัติทางศาสนาโดยตรง และจากจารีตประเพณีและการปฏิบัติดั้งเดิม ซึ่งสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน มีความกลมกลืนประสานกันอย่างแนบสนิท นอกจากนี้ยังมีการแพร่กระจายของวัฒนธรรมภายนอกเข้ามา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมละการศึกษาขึ้น (หน้า 7) |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
การศึกษาพฤติกรรมการกินของชาวไทยมุสลิมจากกลุ่มคำศัพท์ที่เกี่ยวกับการทำความสะอาดอาหาร หรือข้อห้ามทางศาสนาที่ไม่ให้กินสัตว์บางประเภท หรือความนิยมกินสัตว์ที่สุกเป็นอาหาร เป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ แต่ในทางปฏิบัติอาจไม่ตระหนักถึงความสะอาดอย่างจริงจัง เช่น การใช้น้ำจากบ่อน้ำในปริมาณน้อยเพื่อทำความสะอาดอาหาร การนิยมอาบน้ำใกล้บ่อน้ำ ทำให้น้ำใช้แล้วซึมลงในบ่อได้ง่าย บางครัวเรือนไม่มีส้วม ต้องขับถ่ายตามชายหาดหรือลำน้ำ เป็นสาเหตุให้เกิดโรคระบาดต่างๆ (หน้า 319) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
การศึกษาได้กล่าวถึงการแต่งกายตามหลักศาสนาอิสลาม สตรีนิยมนุ่งโสร่งปาเต๊ะกรอมเท้า เมื่อออกจากบ้านต้องสวมเสื้อแขนยาว คลุมศีรษะด้วยผ้ายาวประมาณ 2 หลา ปัจจุบันอาจใช้ผ้าธรรมดาตัดเป็นผ้านุ่งยาว หรือสวมกางเกงหรือกระโปรงตามสมัยนิยม ส่วนบุรุษนุ่งโสร่ง เมื่อออกจากบ้านจะสวมหมวกปีเยาะฮ ทรงครึ่งวงกลมคว่ำ หรือแต่งกายตามสมัยนิยม (หน้า 8) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ผู้วิจัยได้กล่าวว่า การศึกษาและวัฒนธรรมจากภายนอกชุมชน มีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เช่น ประเพณีทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย ความเชื่อเรื่องโชค วาสนา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การบูชารูปเจว็ด ดวงดาว โขดเขา ต้อนไม้ และวัตถุอื่นๆ (หน้า 7) |
|
Map/Illustration |
ผู้วิจัยได้แสดงข้อมูลแผนที่สังเขปจังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทำการศึกษา (หน้า 21) ข้อมูลการวิเคราะห์คำศัพท์ในรูปของแผนภูมิ ได้แก่ ตระกูลออสโตรเนเชียน (หน้า 24) แผนภูมิแสดงหน่วยเสียงของพยัญชนะ (หน้า 25) แผนภูมิแสดงหน่วยเสียงสระ (หน้า 29) แผนภูมิอาหาร (หน้า 37) แผนภูมิวิธีประกอบอาหารที่ใช้ไฟทำให้สุก (หน้า 40 – 46) แผนภูมิการเตรียมวัสดุที่ใช้เป็นอาหาร (หน้า 55 – 58) แผนภูมิข้าว (หน้า 81 – 114) แผนภูมิสัตว์ (หน้า 125 – 136) แผนภูมิข้าวหุง (หน้า 144 – 156) แผนภูมิกับข้าว (หน้า 163 – 236) แผนภูมิประเภทของกินเล่น (หน้า 245) แผนภูมิประเภทของหวาน (หน้า 282) ภาพวิธีทำอาหารบางประเภท (หน้า 343 – 370) ภาพสิ่งที่นำมาเป็นอาหาร (หน้า 371 – 383) ภาพวันกวนขนมซูฬอ (หน้า 384 – 388) ภาพวันเลี้ยงฉลองแต่งงาน (หน้า 389 – 392) ภาพภาชนะและเครื่องใช้บางอย่าง (หน้า 393 – 396) |
|
|