|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้งขาว,ประเพณีงานปีใหม่,พิธีกรรมทางศาสนา,การละเล่น,อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม,เข็กน้อย,เพชรบูรณ์, ประเทศไทย |
Author |
Jean Mottin |
Title |
Fêtes du Nouvel An chez les Hmong Blanc de Thaïlande |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาฝรั่งเศส |
Ethnic Identity |
ม้ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
สำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ , ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
372 |
Year |
2522 |
Source |
ไม่ได้ระบุ |
Abstract |
ผู้เขียนได้ศึกษารูปแบบชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ของม้งขาว บ้านเข็กน้อย จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีประชากรม้งอาศัยอยู่มากที่สุดในประเทศไทย และเป็นเทศกาลที่ม้งทุกคนจะเฉลิมฉลองร่วมกัน ผู้เขียนให้วิธีการทางชาติพันธุ์วรรณา (Ethnography) ศึกษาขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม โดยเข้าไปอยู่ร่วมในสังคมเพื่อสังเกต (Participant Observation) การดำเนินชีวิตต่างๆ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ผู้เขียนใช้วิธีการเล่าเรื่องตามลำดับวันเวลาเป็นหลัก โดยไม่ลืมที่จะบอกกล่าวกิจกรรม ประเพณีของม้งในแต่ละวัน เพื่อให้ผู้อ่านสามารถลำดับเหตุการณ์ และเป็นการง่ายที่จะเข้าใจภาพรวมของเทศกาลได้ดีขึ้น ผู้เขียนเริ่มจากอธิบายการคำนวนปฏิทินของม้งที่แตกต่างจากสากล และพูดถึงกิจกรรมหลักๆ เพื่อเตรียมงานเทศกาลปีใหม่ กิจกรรมส่วนใหญ่ ผู้เขียนแยกออกเป็น 2 ส่วนที่เกี่ยวกับการงานเทศกาล ในส่วนแรกจะเกี่ยวพันทางด้านศาสนา พิธีกรรม และความเชื่อต่างๆ ของม้ง เช่น การฆ่าสัตว์เพื่อเซ่นไหว้ การกราบไหว้เทพยดา ผี วิญญาณของบรรพชน การถือฤกษ์งามยามดี ม้งยังเชื่อว่าปีเก่าที่ผ่านไปจะนำพาสิ่งไม่ดีไปด้วย และจะเริ่มชีวิตใหม่สิ่งใหม่ๆ ในปีที่จะมาถึง ในส่วนที่สอง จะเกี่ยวพันกับงานรื่นเริง การละเล่นช่วงเทศกาลปีใหม่ จัดเป็นช่วงพักผ่อนจากการทำงานตลอดทั้งปี เพราะจัดเป็นช่วงเวลาเดียวที่ม้งทุกคนจะมีส่วนร่วมกันในเผ่า พบเจอกันมากที่สุด มีการเลือกคู่ครอง จะเห็นได้จากเครื่องแต่งกายที่จะตกแต่งสวมใส่กันเฉพาะเวลานี้เท่านั้น ตลอดถึงการกราบไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ในเผ่า เป็นช่วงเวลาที่ทำให้มองเห็นภาพโครงสร้างทางสังคมของม้งได้เด่นชัด ผู้เขียนชี้ว่า วิถีชีวิตของม้งเกี่ยวพันอยู่กับความเชื่อ เมื่อพิธีกรรมทางศาสนาจบลง ก็เหมือนสิ้นสุดเทศกาลปีใหม่ ทุกคนกลับไปทำงาน ไปดำเนินชีวิตตามปกติ กับโชคลาภ สิ่งดีๆ ที่มาพร้อมกับปีใหม่ด้วย |
|
Focus |
ผู้เขียนได้ให้ความสนใจในเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรมและประเพณีของม้งขาวในประเทศไทย ศึกษาถึงรูปแบบการดำเนินชีวิตในช่วงเทศกาลวันปีใหม่ ผู้เขียนได้อธิบายว่า เป็นเทศกาลเดียวของม้งที่มีความสนใจร่วมกันและสะท้อนรูปแบบวัฒนธรรมของม้งในทุกๆ ถิ่น เป็นงานในช่วงเดียวของปีที่ให้เห็นรูปแบบโครงสร้างทางสังคมและวัฒนธรรมที่เด่นชัด ผู้เขียนต้องการให้ผู้อ่านสามารถเข้าถึง และมองเห็นภาพรวมในวัฒนธรรมม้งได้ง่ายขึ้น จึงได้ใช้วิธีการเขียนโดยลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ตามวันเวลาตั้งแต่ก่อนเริ่มและจบเทศกาล ตลอดถึงอธิบายกิจกรรมของม้งในแต่ละวันด้วย (คำนำ และหน้า 1) |
|
Ethnic Group in the Focus |
กลุ่มชาติพันธุ์ม้งขาวในประเทศไทย ที่บ้านเข็กน้อย จังหวัด เพชรบูรณ์ (หน้าคำนำ) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษาม้ง โดยมีคำศัพท์บางคำที่ยืมมาจากภาษาจีนและภาษาไทย (หน้า 15) |
|
Study Period (Data Collection) |
ค.ศ. 1973-1978 (พ.ศ. 2516-2521) |
|
History of the Group and Community |
|
Settlement Pattern |
กลุ่มชาติพันธุ์ม้งขาวที่บ้านเข็กน้อย ซึ่งเป็นที่รวมของกลุ่มม้งที่มาจากต่างหมู่บ้านในจังหวัดอื่นๆ โดยรวม เช่น ตาก กำแพงเพชร สวรรคโลก น่าน และทางตอนเหนือของเชียงราย (หน้าคำนำ) |
|
Demography |
ที่บ้านเข็กน้อยมีประชากรม้งประมาณ 2,500 คน ซึ่งจัดได้ว่าเป็นกลุ่มอาศัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย (หน้าคำนำ) |
|
Economy |
ผู้เขียนได้อธิบายเศรษฐกิจของชาติพันธุ์ม้ง ในเรื่องของเกษตรกรรมที่สัมพันธ์กับช่วงเวลาโดยหลังจากผ่านการเฉลิมฉลองปีใหม่ ก็จะได้เริ่มที่จะทำการถางป่าเพื่อทำการปลูกพืชจำพวกข้าว ข้าวโพด สลับกับการปลูกฝิ่นในช่วงฤดูหนาว (หน้า 1) |
|
Social Organization |
ผู้เขียนได้ชี้ให้เห็นระบบสังคมของครอบครัวม้ง ในเรื่องเกี่ยวกับฐานะทางสังคม โดยฝ่ายหญิงจะทำงานเป็นส่วนใหญ่ ในวันขึ้นปีใหม่ฝ่ายหญิงจะเริ่มทำงานตั้งแต่เช้ามืด เตรียมให้อาหารสัตว์ ไปในป่าหาน้ำมาทำอาหาร หรือแม้แต่ไปหาฟืนในป่ามาเตรียมทำอาหารหรือเพื่อต้มเหล้าก่อนวันปีใหม่ ในขณะที่ฝ่ายชายเตรียมพิธีกรรมทางศาสนาอยู่ที่บ้าน (หน้า 191-193) ในเรื่องของการหาคู่ เลือกคู่ครอง ผู้เขียนได้อธิบายออกมาโดยผ่านทางการเล่าถึงประเพณีการโยนผ้าช่วงเทศกาลปีใหม่ และการอธิบายถึงลานความรักที่หนุ่มสาวจะพบเจอกัน อายุเฉลี่ยของฝ่ายชายประมาณ 17-18 ปี ฝ่ายหญิงจะอายุประมาณ 15 -16 ปี โดยหลังจากากรละเล่นโยนผ้าหรือการพบเจอคนที่ชอบช่วงกลางวันแล้ว ม้งผู้ชายจะแอบไปหาผู้หญิงที่บ้านในตอนค่ำ ฝ่ายชายจะแอบกระซิบที่ข้างฝาบริเวณที่ฝ่ายหญิงนอนและเกี้ยวพาราสีชักชวนกัน ผู้เขียนเสริมว่าการแต่งงานจะเกิดขึ้นจากช่วงปีใหม่เป็นจำนวนมาก เกือบจะเป็นครึ่งหนึ่งของการแต่งงานทั้งหมดของปี (หน้า 228-229) ในพิธีการงานวันปีใหม่ม้งมีการกราบไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ของหมู่บ้าน ผู้ที่เยาว์กว่าจะกราบไหว้ผู้อาวุโส อาจเป็นพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ แต่ผู้เขียนชี้ให้เห็นค่านิยมทางสังคมของม้งที่ยังยึดติดกับฝ่ายชาย เพราะในบริบทนี้ จะทำกันเฉพาะในกลุ่มผู้ชายเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกบ้านจะทำกัน ขึ้นอยู่กับขนาดของครอบครัว ประเพณีนี้จะไม่กำหนดวันไหนแน่นอนและไม่จำเป็นต้องเป็นวันขึ้นปีใหม่ (หน้า 231) |
|
Belief System |
ผู้เขียนได้อธิบายการคำนวณปีของม้ง ซึ่งแตกต่างจากวัฒนธรรมตะวันตก โดยม้งจะอาศัยการดูข้างขึ้นข้างแรมของพระจันทร์เป็นตัวกำหนด ใน 1 ปีของม้งจะมี 6 เดือน ที่มี 29 วัน และ 6 เดือนที่มี 30 วัน สลับกันไป โดยผู้เขียนชี้ว่าในทุก ๆ 19 ปี ม้งจะเพิ่มซ้ำเดือน 8 ที่มี 30 วัน จำนวน 7 ครั้ง หรือ 7 ปี ทำให้การคาดคำนวณมีความใกล้เคียงกับระบบสากลนิยม วันปีใหม่ของม้งจะอยู่ในช่วงวันที่ 13 ธันวาคม ถึง 11 มกราคม (หน้า 1-2) ในช่วงก่อนวันปีใหม่ ม้งจะทำการฆ่าไก่ บางครอบครัวที่มีฐานะดีจะฆ่าหมูด้วย เพื่อใช้เซ่นไหว้วิญญาณ ผี และเทพเจ้าต่างๆ ที่เคารพนับถือ บางครั้งในช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อนปีใหม่ผู้ชายและเด็กๆ ม้งจะเดินจูงไก่ที่เตรียมไว้ไปรอบหมู่บ้านเหมือนของเล่น รวมตลอดถึงการทำความสะอาดบ้านที่อยู่อาศัยและบริเวณโดยรอบ เป็นการเตรียมต้อนรับปีใหม่ที่จะมาถึง (หน้า 10-17) ม้งยังมีความเชื่อในเรื่องเหนือธรรมชาติ ในด้านพิธีกรรมทางศาสนาจะเริ่มทำกันในวันที่ 30 ซึ่งถือว่าเป็นสิ้นปี หมอผีประจำหมู่บ้าน (ในรายงานเล่มนี้มีชื่อว่า Nkaj Pov) จะตั้งแท่นหรือหิ้งบูชาและทำความสะอาด 3 หิ้ง ด้านซ้ายจะเป็นหิ้งผีบ้านผีเรือน (Xwn Kab) ด้านขวาจะเป็นหิ้งบูชาเทพยดา สิ่งศักดิ์สิทธ์ต่างๆ (Khawv Koob) และตรงกลางจะเป็นหิ้งบูชาผี “เน้ง” (Neeb) (หน้า 24-26) สำหรับม้ง วิญญาณผีบ้านผีเรือนจะคอยปกป้องบ้าน ให้ความมั่งมี ความสุข ดูแลคนในครอบครัว ลักษณะของหิ้งบูชาจะเป็นแบบเรียบง่าย ทำด้วยกระดาษสีขาว 1 แผ่น (บางครั้งจะซ้อน 2-3 แผ่นเพื่อความคงทน) ขนาดความยาวประมาณ 33 ซ.ม. ความกว้าง 25 ซ.ม. ตัดด้านข้างเป็นรอยฟันปลา ด้านบนจะแต้มด้วยเลือดไก่ 3 จุด ด้านล่างจะติดกระดาษเงินกระดาษทองรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆ 2 แผ่นสื่อถึงเครื่องเซ่นสรวงและความร่ำรวย (หน้า 166) การกราบไหว้หิ้งบูชาผีบ้านผีเรือนสามารถทำได้ตลอดทั้งปี ไม่เจาะจงเฉพาะช่วงปีใหม่ โดยม้งจะตั้งโต๊ะบูชา สวดถวายเครื่องเซ่นไหว้และขอพรให้คนในบ้าน สัตว์เลี้ยง อยู่ดีมีสุข เงินทองไหลมาเทมา (หน้า 175) ส่วนหิ้งบูชาเทพยดาจะดูทันสมัยกว่า มีลักษณะเป็นชั้นเล็ก 1 ชั้น แขวนด้วยเส้นเชือกทางด้านข้าง 2 เส้น จะบูชาด้วยน้ำ ยาสมุนไพร ข้าวและเมล็ดข้าวโพด (หน้า 24 และ 28) หิ้งบูชาผี(เน้ง)จะตั้งอยู่ตรงกลาง โดยจะสื่อถึงหน้าผาแนวตั้งอันเป็นที่ประทับของเทพซียีส หิ้งจะถูกแขวนติดไว้กับผนังบ้าน ลักษณะของหิ้งจะมีเพียง 1-2 ชั้น ขึ้นอยู่กับว่าผู้ทำพิธีเพิ่งจะเริ่มเป็นหมอผีหรือพ่อครู ส่วนด้านบนสุดจะเป็นชั้นรูปร่างเหมือนฉัตรหลังคา ด้านข้างทั้ง 2 ข้างจะถูกยึดด้ายเสาสูงจนถึงหลังคาบ้าน หิ้งจะถูกติดตั้งในบ้านตรงข้ามกับทางออกประตู ที่ชั้นบนจะวางน้ำมนต์(น้ำจากมังกร)เพื่อให้หมอผีได้ใช้ในการรักษาโรคภัย โดยพ่นจากปากใส่คนเจ็บป่วย บนหิ้งจะวางชามข้าวมีไข่ต้ม 1 ใบ ด้านบนปักธูป 3 ดอก ชามข้าวเปลือก ชามข้าวสาร และถ้วยชาเล็กๆ 3 ถ้วย (ผู้เขียนอธิบายว่า หมอผีจะสวดถวายน้ำชาพร้อมกับฝิ่น แต่ม้งจะไม่วางภาชนะใส่ฝิ่นบนหิ้งบูชา) บนฝาผนังด้านข้างจะแขวนถุงใส่อุปกรณ์ทำพิธีกรรมและฆ้อง (หน้า 24-28) หมอผีจะแกะกระดาษตกแต่งหิ้งของเดิมออก นำมาทำความสะอาด จากนั้นจะติดกลับไปใหม่หรือใช้แผ่นใหม่ด้วยแป้งเปียก กระดาษจะมี 3 สี ติด 3 ชั้นของหิ้งบูชาผีโดยกระดาษจะมีลวดลายเป็นแบบเดียวกัน 9 ตัว เลขมงคลของม้ง (หน้า25) หลังจากนั้นจะทำพิธีกรรมที่จะเชื่อมระหว่างผี (Neeb) ที่อาศัยบนโลกและคอยคุ้มครองม้ง กับเทพซียีส (Sie Yis หรีอในบทสวดของหมอผีม้งจะเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Nyiaj Yig) ที่อาศัยในถ้ำบนสวรรค์ โดยสร้าง “ทางเดิน” สมมติ เพราะม้งเชื่อว่าในช่วงนี้ของปี เหล่าผีจะขึ้นไปหาเทพ ซึ่งนอกจากทางเดินแล้ว ม้งยังสร้าง “สะพาน” และ “บันได” ที่ใช้เชื่อมไปหาเทพอีกด้วย ลักษณะของทางเดินสมมุติ จะเป็นเหมือนกับเส้นทางที่โลกวิญญาณใช้เดินทางไปมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเหล่าผี โดยจะใช้สายสิญจน์เชื่อมจากโถดินลากผ่านขือไม้เหนือหิ้งบูชาโยงไปผ่านไม้ใต้คานบ้านและไปรวมกันที่ประตู บางครั้งหมอผีจะโยงเลยเข้าไปถึงเหนือเตียงนอนเพราะเชื่อว่าผีจะมาบอกกล่าวสิ่งต่างๆ ในความฝัน โดยจะทิ้งไว้ทั้งปีและทำความสะอาดปีละครั้งในช่วงปีใหม่ (หน้า 28-30) ในส่วนของ สะพาน จะทำด้วยผ้าป่านสีครีม บางครั้งจะพบเห็นว่าถูกย้อมเป็นสีครามหรือสีดำ พับทบกัน 2-3 ชั้นความยาวโดยประมาณ 5-8 เมตร กว้าง 25-90 ซม. ขึ้นอยู่กับขนาดของบ้าน ใช้ทำการเชื่อมต่อจาก ทางเดิน ของผีทำหน้าที่เป็นเสมือนสะพานเชื่อมจากพื้นดินหรือโลกไปถึงท้องฟ้าหรือสวรรค์เพราะระหว่างทาง ม้งเชื่อว่ามีแม่น้ำหรือทะเลขวางอยู่ สะพานจะถูกสร้างขึ้นในช่วงการเฉลิมฉลองเท่านั้นต่างกับทางเดินจะถูกใช้งานตลอดทั้งปี โดยจะติดตั้งแบบเดียวกับทางเดิน และในบางครั้งจะวางพาดตรงๆ บนบันได (หน้า 241-243) ม้งจะสร้าง บันได ซึ่งต่อจากสะพานเพื่อให้เหล่าผี วิญญาณ ใช้ในการปีนหน้าผาขึ้นไปที่บนถ้ำที่ซึ่งเทพซียีสอาศัยอยู่ บันไดจะถูกทำเพียงครั้งเดียวเมื่อมีความเสียหายก็จะสามารถเปลี่ยนหรือซ่อมแซมได้ทุกเมื่อ ไม่จำเป็นต้องช่วงเทศกาลปีใหม่ บันไดทำจากไม้ไผ่มีทั้งหมด 12 ซี่ สื่อถึงสวรรค์ทั้ง 12 ชั้น สามารถวางพาดได้หลายแบบแต่โดยมากจะพาดยาวเหนือหิ้งบูชาไปจนถึงประตูบ้าน (หน้า 244-245) ในทางพีธีกรรมหลังจากตั้งหิ้งบูชาและอุปกรณ์ต่างๆ แล้ว หมอผีจะเริ่มจากการสวดเรียกเหล่าเทพยดาและตามด้วยผีต่างๆ (เน้ง) มาประทับที่หิ้งบูชาเพื่อจะถวายเครื่องเซ่นไหว้ โดยจะกล่าวว่า “ ปีเก่าผ่านไป ปีใหม่ผ่านมา ข้าถวายไก่แก่ท่าน... (ชื่อเทพต่างๆ) จงขึ้นมาประทับที่หิ้งบูชาเพื่อสูบฝิ่น ลงมาที่หิ้งบูชาเพื่อดื่มชา มาช่วยปกปักรักษาพวกเรา ขับไล่โรคร้ายและสิ่งไม่ดี” (หน้า 34 และ 41) ผู้เขียนได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ตามความเชื่อของม้ง หมอผีเปรียบเหมือนพ่อ และจะเรียกเหล่าผีหรือเน้งว่าเป็นเหมือนกับลูกสาวและลูกชายของข้าทั้งหลาย หรือ หนุ่มสาวทั้งหลายของข้า หลังจากนั้นจะเป็นบทสวดในส่วนที่สอง คือการที่หมอผีจะเข้าไปสู่ในโลกของวิญญาณเพื่อนำพาเหล่าผี หรือแม้กระทั้งผีบ้านผีเรือน เทพยดา ไปหาเทพซียีสบนสวรรค์ ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญและใช้เวลามาก มีการนำเครื่องรางของขลังมาใช้ในพีธีกรรมด้วย หมอผีจะแสดงอาการเหมือนกำลังควบม้า มือขวาจะถืออุปกรณ์เป็นห่วงวงกลมทำจากเหล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 25-30 ซ.ม. ร้อยด้วยห่วงเล็กคล้ายเหรียญ 9 ชิ้น ปลายด้านหนึ่งจะยื่นออกมาเป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดเล็กๆ ปลายแหลม โดยรวมมีลักษณะคล้ายกรรไกรของไทย มือซ้ายจะถือกระดิ่ง ผู้ช่วยในพิธีจะตีฆ้อง ถวายน้ำประหนึ่งให้เหล่าผีใช้ชำระล้าง โต๊ะเงินโต๊ะทองเพื่อตั้งเครื่องถวาย และมีการส่งน้ำชาและฝิ่นไปรอบๆ (หน้า 36-38) ในช่วงเวลาสวดบทการเดินทาง ผู้เขียนชี้ว่าหมอผีจะส่งเสียง “แบรรร” (Brrrr!) เป็นการสื่อที่จะบอกแก่เหล่าผีว่า “เราไปกัน เดินหน้า” (หน้า 57) เมื่อมาพบเทพซียีส หมอผีจะแนะนำตัวเองพร้อมกับบอกว่า “ปีเก่าผ่านไป ปีใหม่มาถึง ข้านำเหล่าทหารมาเพื่อกิน(เฉลิมฉลอง)ปีใหม่” จากนั้นจะตั้งโต๊ะเงินโต๊ะทองวางเครื่องถวาย และกล่าวว่า “เมื่อถึงเวลา ข้าจะมารับเหล่าผี วิญญาณกลับไปยังโลกเพื่อคอยปกป้องคุ้มครอง”(หน้า113) หลังจากวันสิ้นปีม้งทำพิธีให้ผี(เน้ง)กลับไปหาเทพซียีส ในวันสุดท้ายของเทศกาลปีใหม่จะต้องทำการเรียกกลับให้มาประทับที่หิ้งบูชาดังเดิม เพื่อคอยคุ้มครองและรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ม้ง จะมีผลต่อการกำหนดหรือขยายจำนวนวันฉลองเทศกาลปีใหม่โดยจะกำหนดเป็นเลขคี่ คืออย่างต่ำ 3 วันและไม่เกิน 9 วัน โดยเชื่อว่าผียังต้องการอยู่ต่อกับเทพซียีส นอกจากนั้นในโลกปัจจุบันการขยายวันเทศกาลยังขึ้นอยู่กับขนาดของหมู่บ้านและบรรยากาศในการรื่นเริงด้วย (หน้า 3 และ 241) ในการนำเหล่าผีกลับมาประทับบนหิ้งบูชา หมอผีจะทำพิธีคล้ายกับตอนส่งผีไปหาเทพซียีสบนสวรรค์ โดยจะเริ่มจากสวดถวายเครื่องเซ่นไหว้ หมอผีเข้าไปในโลกวิญญาณ กราบไหว้เทพซียีส และนำเหล่าผีกลับมาโดยสุดท้ายจะเป็นการทำสวดเรียกผีมาที่ประตูและผ่านเข้ามาประทับที่หิ้งบูชาเพื่อคุ้มครอง ปกปักรักษาม้งจากโรคภัยไข้เจ็บและสิ่งชั่วร้ายต่างๆ (หน้า 250-257) นอกจากพิธีกรรมที่เกี่ยวกับเทพเจ้า ม้งยังมีพิธีกรรมอื่นๆ ที่ทำขึ้นเพื่อใช้เป็นฤกษ์งาน เหมือนกับการทิ้งสิ่งไม่ดีไว้กับปีเก่า และเริ่มต้นสิ่งที่ดีๆ ในปีใหม่ มีการสร้างต้นไม้ของวันปีใหม่หรือเสาของวิญญาณ โดยมีพื้นฐานมาจากวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนจีน ม้งจะตั้งเสาขึ้นที่ลานกลางแจ้ง 1 ต้น ผูกโยงกับต้นไม้สูงประมาณ 3 เมตร ให้มีลักษณะเป็นช่องเดินลอดผ่านได้ เป็นเหมือนประตูผ่านจากปีเก่าไปสู่ปีใหม่ และอีกหน้าที่หนึ่งเป็นเหมือนประตูกับดักวิญญาณร้าย สิ่งที่ไม่ดี โรคภัยไข้เจ็บให้อยู่กับปีเก่า พิธีกรรมจะทำโดยหัวหน้าของแซ่ (ตระกูล) เดินนำหน้า โดยถือไก่ตัวผู้แล้วแกว่งไปมาเหนือศีรษะ เพื่อให้คุ้มครองวิญญาณ พิธีกรรมจะใช้เวลาประมาณ 15 นาที ม้งจะยิงปืนขึ้นฟ้า เหมือนคนจีนจุดพลุหรือประทัด เพื่อต้อนรับปีใหม่และขับไล่สิ่งไม่ดีของปีเก่า จากนั้นจะนำต้นไม้ปีใหม่ ขยะต่างๆ และของที่ถูกกวาดทำความสะอาดไปทิ้งที่หุบเขา ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์บ่อมังกร หรือแม่น้ำที่จะพัดพาสิ่งไม่ดีไป ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ม้งแต่ละวงศ์ตระกูลจะทำร่วมกัน (หน้า 128-131) หลังจากนี้จะกลับมาทำพิธีต่อที่บ้าน ทำพิธีเชิญจิตวิญญาณของตนให้กลับมาที่บ้าน เพราะกลัวที่จะพัดหลงไปเกิดที่อื่น เพราะม้งเชื่อว่าคน 1 คนจะมีหลายวิญญาณหรือหลายขวัญ ไม่เหมือนกับคนยุโรปที่เชื่อว่าคน 1 คนจะมี 1 วิญญาณเท่านั้นจนถึงแก่ความตาย (หน้า 136) มีการกราบไหว้ผีบ้านผีเรือนที่คอยปกป้องบ้าน ให้ความสุข ความร่ำรวยแก่ม้ง และสุดท้ายไม่ลืมที่จะแสดงความเคารพบรรพบุรุษ โดยมีการถวายเครื่องเซ่นไหว้บรรพชน ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นพิธีกรรมที่สามารถทำได้ทุกโอกาสไม่จำเป็นต้องเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ (หน้า 180) ม้งยังเชื่อในเรื่องคำทำนาย ดูได้จากผู้เขียนแสดงรูปแบบในการทำนายอนาคตจากวัตถุต่างๆ เครื่องเซ่นไหว้ที่มีในช่วงเทศกาลปีใหม่ มีการใช้เขาสัตว์จำพวกโค กระบือในการเสี่ยงทายและการสอบถามผี วิญญาณ (การโยนกัวะ) การสังเกตลักษณะอวัยวะของไก่หรือเป็ดที่เซ่นไหว้ เช่น หัว ลิ้น ปาก หรือแม้แต่ตำแหน่งของตีน กระดูก ม้งเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติอย่างมาก (หน้า 142-146) นอกจากนั้นผู้เขียนยังได้เฝ้าติดตามประเพณีความเชื่อของม้ง โดยอธิบายออกมาเป็นกิจกรรมที่ทำขึ้นในวันขึ้นปีใหม่ด้วย ในตอนค่ำคืน ม้งจะจุดตะเกียงทิ้งไว้ เพราะเชื่อว่าเป็นการต้อนรับวันปีใหม่และเป็นไฟนำทางให้เทพซียีส หรือวิญญาณต่างๆ กลับมาเยี่ยมเยียนได้ (หน้า 191) หลังจากไก่ขันในตอนเช้าประมาณ 3 นาฬิกาของวันขึ้นปีใหม่ ม้งจะรีบตื่นขึ้นมาให้อาหารแก่สัตว์เลี้ยงของตน ผู้หญิงจะออกไปตักน้ำที่บ่อหรือธารน้ำเพื่อจะมาทำอาหารหรือต้มไก่สำหรับการเซ่นไหว้ สำหรับม้งประเพณีทั้ง 2 ที่กล่าวมา จะเชื่อว่าเป็นการถือฤกษ์ดีสำหรับในปีต่อมา ในขณะเดียวที่ฝ่ายหญิงทำงานบ้าน ฝ่ายชายจะเตรียมการไหว้ผีประตูบ้าน (Txhiaj Meej) ซึ่งได้รับวัฒนธรรมมาจากจีน มีการตกแต่งแท่นบูชาที่บริเวณประตูทางเข้า จัดว่าเป็นพิธีกรรมที่สำคัญมากของปี ผีประตูก็เหมือนกับผีบ้านผีเรือน คือจะให้ความร่ำรวยมั่งคั่งแก่ครอบครัว ป้องกันไม่ให้สิ่งชั่วร้ายผ่านเข้าไปในบ้าน ม้งจะตกแต่งทิ้งไว้ตลอดทั้งปี ลักษณะของหิ้งนอกจากจะมีธรณีประตูที่กั้นขวางสัตว์ต่างๆ ด้านบนยังมีจั่วที่ปิดด้วยแถบผ้าสีแดง ปิดฝั่งเหรียญไว้ 5 เหรียญ ด้านข้างของจั่วทั้ง 2 ข้างเป็นแถบกระดาษสีขาวขอบเป็นยักฟันปลา ฝ่ายชายจะตั้งโต๊ะบูชาหลังประตูด้านในของบ้านเพื่อวางเครื่องเซ่นไหว้ ใช้คน 4 คนในการทำพิธี โดย 1 ใน 2 คนที่อยู่ด้านนอกเป็นเหมือนตัวแทนสวรรค์ และ 1 ใน 2 คนที่อยู่ด้านในเป็นตัวแทนของผีประตู สวดสลับกันหรือในที่นี้จะเป็นการสนทนาตั้งคำถาม (หน้า 193-197) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ผู้เขียนได้อธิบายผลิตภัณฑ์งานฝีมือของม้งที่เกี่ยวพันกับเทศกาลปีใหม่ไว้หลายอย่างโดยละเอียด มีภาพวาดและภาพถ่ายประกอบด้วย ช่วงใกล้เทศกาลม้งจะทำลูกข่างไม้ ซึ่งเป็นเหมือนสัญญาณของเวลาเทศกาลได้เริ่มขึ้น ลูกข่างมีลักษณะคล้ายผลส้มโอปลายแหลม ทำจากไม้ ม้งจะหมุนลูกข่างด้วยสายยาวประมาณ 1-1.5 เมตร ขว้างใส่ลูกข่างคู่ต่อสู้ให้ล้ม โดยที่ลูกข่างของตนเองยังคงหมุนอยู่ จัดเป็นประเพณีที่สร้างความสัมพันธ์ในกลุ่มเด็กหนุ่มของหมู่บ้านด้วย นอกจากนี้ผู้เขียนยังอธิบายประเพณีการทำขนมปีใหม่ (Khanom) จากข้าวเหนียว และมีการกลั่นเหล้าจากข้าวหรือข้าวโพด เพื่อใช้สำหรับงานรื่นเริงช่วงเทศกาล (หน้า 9-16) ผู้เขียนชี้ว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่หนุ่มสาวได้มีโอกาสพบปะเจอหน้ากัน ทำให้เราได้เห็นเครื่องแต่งกายประจำถิ่นที่ม้งจะสวมใส่ด้วย โดยผู้หญิงม้งเขียวจะสวมกระโปรงจีบ แต่ม้งขาวจะสวมกางเกงจีนสีดำ และโพกผ้าสีต่างๆ ที่ศีรษะ พ่อแม่จะให้เครื่องประดับจำพวกสร้อย กำไล อุบะหรือสร้อยระย้าร้อยจากเหรียญโบราณ (หน้า 225) ในส่วนของการละเล่น ผู้เขียนได้พูดถึงการตีลูกไก่ไว้ในกิจกรรมของม้งด้วย แต่ที่สำคัญจะเป็นการเล่นโยนผ้า ซึ่งเป็นเสมือนประเพณีการหาคู่ จับคู่ของหนุ่มสาวม้ง เป็นกิจกรรมที่ไม่อนุญาตให้คนแต่งงานแล้วเข้าร่วม ผ้าหรือลูกบอล (Khaub hnab) ที่ใช้โยนจะมีขนาดเท่ากับส้มผลใหญ่ โดยเป็นฝ่ายหญิงที่จะเย็บและนำมาในงาน การละเล่นจะแบ่งเป็น 2 แถว ชายหญิงหันหน้าเข้าหากัน ร้องเพลงเกี๊ยวพาราสีพร้อมกับโยนบอลให้รับ ใครทำบอลตกก็จะต้องถอดอาภรณ์ที่ละชิ้นให้ฝ่ายตรงข้าม และจะแอบคืนของกันตอนค่ำ โดยฝ่ายชายจะแอบไปหาและชักชวนกันไปนอกบ้าน (หน้า 225-226) |
|
Folklore |
ผู้เขียนได้เล่าถึงนิยายปรัมปราของม้ง เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ชัดเจนมากขึ้นในเรื่องเกี่ยวกับพิธีกรรมความเชื่อ ประเพณี โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ ผู้เขียนอธิบายว่า เทพสูงสุดผู้สร้างโลกมนุษย์ โหย่วโช้ว (Saub) เกรงว่า เทพ Ntxwj Nyoog ซึ่งเป็นเทพแห่งชีวิตและโชคชะตา จะทำให้ผู้คน(มนุษย์) ล้มตายเป็นจำนวนมากจนอาจจะสาบสูญ จึงได้เปลี่ยนมนุษย์คนหนึ่งเป็นเทพ (เทวดา) มีชื่อว่า ซียีส (Sie Yis) เพื่อคอยปกปักรักษามนุษย์ และยังได้สร้างเหล่าวิญญาณหรือผี เน้ง (Neeb) เพื่อคอยช่วยเหลือเทพซียีส แต่หลังจากได้ใช้ชีวีตอยู่บนโลกระยะหนึ่ง เทพซียีส กลับหนีจากมนุษย์ขึ้นไปประทับในถ้ำบนหน้าผาแห่งหนึ่งบนสวรรค์ และปล่อยให้เน้งหรือภูติผีต่างๆ เป็นตัวแทนคอยปกปักรักษามนุษย์บนโลกแทน (หน้า 21) ถ้ำของเทพซียีสจะตั้งอยู่ที่ชั้นสุดท้ายจากจำนวน 12 ชั้นบนสวรรค์ บริเวณโดยรอบจะมีต้นไม้ยาชนิดหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้น้ำมนต์ในการรดน้ำ (หน้า 24) ตามความเชื่อของม้ง ในช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นช่วงเดียวของปีที่ม้งจะสร้าง เส้นทาง สะพาน บันได ในพิธีกรรมทางศาสนาเพื่อเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับสรวงสวรรค์ หมอผีประจำเผ่าจะนำพาเน้งหรือผีต่างๆ จะขึ้นไปเพื่อให้เหล่าภูติผีได้เฉลิมฉลอง เยี่ยมเยือนเทพซียีส ซึ่งเป็นเสมือนกษัตย์ของเหล่าผีเน้ง โดยมอผีจะทำพิธีเซ่นไหว้ มีการตั้งแท่นหรือหิ้งบูชา กราบไหว้เพื่อขอความคุ้มครอง โดยเหล่าผีเน้งจะกลับสู่โลกมนุษย์ในวันสุดท้ายของเทศกาลพร้อมกับอำนาจในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่ได้รับจากเทพซียีส ด้วย (หน้า 21-23) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
ผู้เขียนได้แทรกภาพถ่ายและภาพร่างไว้จำนวนมาก เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นภาพและทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น - ภาพวาดลูกข่างไม้ (หน้า 9) - ภาพวาดเตาต้มขนม (หน้า 15 – 16) - ภาพวาดเตาต้มเหล้า (หน้า 16) - ภาพถ่ายหมู่บ้านม้งก่อนเทศกาลปีใหม่ (หน้า 18) - ภาพถ่ายการเล่นลูกข่าง (หน้า 18) - ภาพถ่ายการทำขนมปีใหม่ (หน้า 19) - ภาพถ่ายการต้มเหล้า (หน้า 19) - ภาพถ่ายผู้หญิงม้งกับเครื่องเซ่นไหว้ (แทรกหน้า 24) - ภาพถ่ายหิ้งบูชาทั้ง 3 หิ้งในบ้าน (แทรกหน้า 24) -ภาพถ่ายกิ่งไม้ไผ่ที่ยื่นออกมาหน้าบ้านทำหน้าที่เหมือนตัวเชื่อม(ที่เกาะ)ของผี (แทรกหน้า 24) - ภาพพิธีกรรมในบ้านของหมอผีในการพาผีไปหาเทพซียีส (แทรกหน้า 24) - ภาพวาดหิ้งบูชาที่อยู่ในบ้าน (หน้า 25) - ภาพวาดอุปกรณ์ตกแต่งหิ้งบูชาเป็นลวดลายที่สื่อถึงเหล่าผี (หน้า 25) - ภาพวาดหิ้งบูชาและเครื่องรางของขลังที่ใช้ในพิธีกรรม (หน้า 27) - ภาพวาด ทางเดิน ของผีที่ทำจากสายสิญจน์ เชื่อมจากแท่นบูชาที่คานบ้านและไปสิ้นสุดที่ประตู (หน้า 31) - ภาพวาดต้นไม้ปีใหม่ทางพิธีกรรมของเทศกาลปีใหม่ (หน้า 129) - ภาพถ่ายพิธีกรรมบริเวณต้นไม้ปีใหม่ (แทรกหน้า 136) - ภาพถ่ายเกี่ยวกับพิธีกรรมเดินลอดต้นไม้ปีใหม่ (แทรกหน้า 136) - ภาพถ่าย เกี่ยวกับเครื่องไหว้เจ้า (แทรกหน้า 136) - ภาพบรรยากาศรอบๆ บ้านในช่วงเทศกาลปีใหม่ (แทรกหน้า 136) - ภาพวาดลวดลายบนกระดาษเงินกระดาษทองที่ใช้ในพิธีกรรม (หน้า141) - ภาพวาดเขาสัตว์(กัวะ) และลักษณะตำแหน่งที่ใช้ทำนายอนาคต (หน้า 142 -143) - ภาพวาดอวัยวะของไก่ที่ถูกเซ่นไหว้ในรูปแบบต่างๆ เพื่อใช้ในการทำนายอนาคต (หน้า 144 -146) - ภาพถ่ายการเริ่มต้นของวันปีใหม่นับจากไก่ขันครั้งแรกของวันและการไปตักน้ำที่ลำธารของผู้หญิงม้ง (แทรกหน้า 192) - ภาพถ่ายผู้ชายม้งเตรียมการเซ่นไหว้ ผีประตู (แทรกหน้า 192) - ภาพถ่ายม้งกำลังจ้องมองไก่ป่าจะถ่ายมูลหรือไม่เป็นหนึ่งในความเชื่อ (แทรกหน้า 192) - ภาพถ่ายการชนวัวในงานเทศกาลปีใหม่ (แทรกหน้า 192) - ภาพวาดหิ้ง “ผีประตู” (หน้า 193) - ภาพวาดประตูบ้านและการตั้งเครื่องเซ่นไหว้ผีประตู (หน้า 195) - ภาพวาดตำแหน่งของคน 4 คนทำพิธีไหว้ผีประตู (หน้า 196) - ภาพถ่าย 2 ภาพ เกี่ยวกับการละเล่นโยนผ้า (แทรกหน้า 224) - ภาพถ่ายม้งผู้หญิงในชุดประจำเผ่า (แทรกหน้า 224) - ภาพถ่ายม้งผู้ชายเกี้ยวพาราสีผู้หญิงบริเวณข้างห้องนอน (แทรกหน้า 224) - ภาพวาดเกี่ยวกับ สะพาน และ บันได ตามพิธีกรรมและตาม ความคิดของม้ง (หน้า 242 -247) - ภาพวาดห่วงกลมหรือกรรไกร อุปกรณ์ที่ใช้ในพิธีของหมอผี (หน้า 252 -253) - ภาพถ่าย สะพาน และ บันได สมมุติตามพิธีกรรม (แทรกหน้า 256) - ภาพถ่ายหมอผีกำลังทำพิธีเซ่นไหว้ผีหรือเน้ง(Neeb) เรียกให้กลับ มาอยู่ที่หิ้งบูชา (แทรกหน้า 256) - ภาพถ่ายหมอผีและภรรยากำลังทำพิธีกรรมกราบไหว้วิญญาณ และผี (แทรกหน้า 256) - ภาพถ่ายเครื่องเซ่นไหว้ (สุกร) แสดงตำแหน่งและรูปแบบในการจัดวาง (แทรกหน้า 256) |
|
|