|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
มอญ,ประเพณี,พิธีกรรม,นครราชสีมา |
Author |
ประนอม เคียนทอง |
Title |
ประเพณีและพิธีกรรมของชาวมอญบ้านพระเพลิง ตำบลนกออก อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา |
Document Type |
ปริญญานิพนธ์ |
Original Language of Text |
- |
Ethnic Identity |
-
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
264 |
Year |
2536 |
Source |
หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต วิชาเอกไทยคดีศึกษา (เน้นมนุษยศาสตร์) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม |
Abstract |
จากการศึกษาพบว่า ชาวมอญส่วนใหญ่ยังคงปฏิบัติตามประเพณีและพิธีกรรมประจำชีวิตแบบมอญ อันได้แก่ การบวช การแต่งงาน และการตาย ส่วนประเพณีเกี่ยวกับการเกิดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม กล่าวคือจะไปคลอดที่โรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยแทนการคลอดแบบโบราณกับหมอตำแย สำหรับประเพณีและพิธีกรรมแนวฮีตสิบสองของมอญเริ่มมีตั้งแต่เดือนห้าเป็นต้นไป
ฮีตสิบสองของมอญที่คล้ายกับฮีตสิบสองของอีสานมี ๖ ประเพณี คือ เดือนห้ามีบุญสงกรานต์ เดือนหกมีการเลี้ยงผีบ้านผีเรือนและผีบรรพบุรุษ เดือนแปด มีบุญเข้าพรรษา เดือนสิบมีบุญสารท เดือนสิบเอ็ดมีบุญออกพรรษาและบุญเทศน์มหาชาติ และเดือนสิบสองมีบุญกฐิน ส่วนประเพณีและพิธีกรรมในเดือนอื่นๆ ไม่ตรงกับฮีตสิบสองของอีสาน
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างประเพณีและพิธีกรรมกับวิถีชีวิตของมอญพบว่า การสืบทอดประเพณีและพิธีกรรมของมอญบ้านพระเพลิงมีความสัมพันธ์ในด้านคติธรรม ด้านเนติธรรม ด้านวัตถุธรรม และด้านสหธรรม ซึ่งช่วยให้สังคมมอญในชุมชนมีความสงบเรียบร้อย เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และเคารพผู้อาวุโส (หน้า ข, 226-235) |
|
Focus |
ศึกษาประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ ของมอญ บ้านพระเพลิง ตำบลนกออก อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา อันได้แก่ ประเพณีและพิธีกรรมประจำชีวิตแบบมอญ ประเพณีและพิธีกรรมแบบมอญตามแนวฮีตสิบสอง และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเพณีและพิธีกรรมกับวิถีชีวิตของมอญ (หน้า ข, 226) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ผู้เขียนสนใจศึกษาประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ ของมอญบ้านพระเพลิง ตำบลนกออก อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา เนื่องจากบริเวณนี้มีกลุ่มมอญขนาดใหญ่อาศัยอยู่ และมีประเพณีและพิธีกรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งยังคงปฏิบัติสืบทอดนานจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าชุมชนมอญบ้านพระเพลิงจะล้อมรอบด้วยวัฒนธรรมของชาวไทยลาวและไทยโคราช แต่วัฒนธรรมดั้งเดิมก็ยังคงอยู่ (หน้า 4-5) |
|
Study Period (Data Collection) |
เก็บข้อมูลภาคสนามเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2535 แต่ไม่ได้ระบุเวลาที่เก็บข้อมูล (หน้า 7) |
|
History of the Group and Community |
มอญ รมัน (Reman) หรือตะเลง เป็นชนเผ่ามองโกลอยด์ซึ่งมีถิ่นฐานเดิมอยู่ทางทิศตะวันตกของจีน เมื่ออพยพออกมาจากประเทศจีนได้มาตั้งอาณาจักรทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำอิระวดีในพม่าตอนล่าง สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างมอญกับพม่าทำให้มอญอพยพเข้ามาในประเทศไทยหลายครั้ง ได้แก่ ในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชา สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี สมัยสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มอญที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้ตั้งถิ่นฐานบริเวณต่างๆ โดยเฉพาะริมฝั่งแม่น้ำ เช่น ปากเกร็ด สามโคก อ.บ้านโป่ง อ.โพธาราม กาญจนบุรี บริเวณอื่นๆ เช่น ลำพูน ลำปาง เชียงใหม่ ธนบุรี สมุทรสงคราม เพชรบุรี นครปฐม พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา สุพรรณบุรี ปราจีนบุรี รวมทั้งนครราชสีมา ซึ่งมอญที่อยู่ในจังหวัดนครราชสีมาเป็นมอญที่อพยพมาครั้งเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง) เข้ามาในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ในขณะนั้นพระยาศรีราชรามัญเป็นหัวหน้าครัวมอญที่เข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่หมู่บ้านพระเพลิง ตำบลนอออก อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา (หน้า 3,4) |
|
Settlement Pattern |
เป็นหมู่บ้านที่ตั้งไปตามความยาวของลำน้ำพระเพลิง (หน้า 36) |
|
Demography |
มอญที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านพระเพลิง ตำบลนอออก อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา มีจำนวนทั้งสิ้น 168 ครัวเรือน มีจำนวนประชากร 838 คน เป็นผู้ชาย 392 คน เป็นผู้หญิง 446 คน (หน้า 4) |
|
Economy |
อาชีพหลักของมอญบ้านพระเพลิงคือ การทำการเกษตร ได้แก่ การทำนา ซึ่งจะทำปีละสองครั้ง การทำสวนผลไม้ เช่น สวนมะม่วง มะปราง มะไฟ และทำไร่มันสำปะหลัง ส่วนใหญ่จะเป็นการทำเพื่อยังชีพ
แหล่งอาหารของมอญมี 3 แหล่ง คือ แหล่งอาหารจากธรรมชาติ โดยมอญจะเก็บหาอาหารมาจากไร่นา ภูเขา สวน เช่น กุ้ง หอย ผักบุ้ง แหล่งอาหารที่ผลิตขึ้นเอง เช่น การเลี้ยงสัตว์ต่างๆ ไว้ในครอบครัว หรือการปลูกไว้รับประทาน เช่น ผักสวนครัวต่างๆ และนอกจากนี้ยังได้แหล่งอาหารมาจากตลาด (หน้า 36-37, 200-201) |
|
Social Organization |
บุคคลในครอบครัวมอญจะมีความผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น และช่วยเหลือเกื้อกูลกันเสมอ เช่น สมาชิกในครอบครัวจะช่วยกันทำไร่ ทำนา หรืองานบ้านต่างๆ ตามหน้าที่ ส่วนพ่อแม่มีหน้าที่รับผิดชอบอนาคตของของบุตรธิดา เช่น อบรมสั่งสอนให้ลูกทำความดี ถ่ายทอดวิชาชีพ ให้การศึกษา จัดงานบวช งานแต่งงานให้ ส่วนลูกจะต้องเคารพพ่อแม่เช่นกัน สำหรับความสัมพันธ์ในระบบเครือญาติ มอญก็จะถามไถ่ทุกข์สุข ช่วยเหลือกันเสมอ เมื่อลูกหลานมีปัญหา ผู้อาวุโสก็จะคอยให้คำปรึกษา ลูกหลานก็เชื่อฟังผู้อาวุโส ลุง ป้า น้า อา เพราะเป็นผู้มีประสบการณ์ชีวิตมากกว่าตน ระบบครอบครัวมอญจะเป็นลักษณะผัวเดียวเมียเดียว เมื่อมีการแต่งงาน ฝ่ายชายก็ต้องไปอยู่ที่บ้านของฝ่ายหญิง
สำหรับระบบสังคมของหมู่บ้าน สมาชิกทุกคนก็จะคอยเชื่อเหลือ ถ้อยทีถ้อยอาศัย ทำงานต่างๆ ด้วยความรักใคร่ สามัคคี เช่น ช่วยกันพัฒนาหมู่บ้าน ขุดลอกคูคลอง ทำถนน หรือเมื่อมีงานบุญประเพณี เช่น งานแต่งงาน งานบุญสงกรานต์ งานบวช ก็จะช่วยเหลือโดยพร้อมเพรียงกัน นอกจากนี้มอญยังมีความเมตตา เมื่อเห็นผู้อื่นเป็นทุกข์ก็คิดจะช่วยเหลือ เช่น เมื่อเจ็บป่วยก็จะไปเยี่ยม บางครั้งก็จะไปนอนเป็นเพื่อนคนไข้ (หน้า 222, 224-225, 230-231) |
|
Political Organization |
ผู้ปกครองหมู่บ้านพระเพลิงคือ ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งมีหน้าที่ปกครอง ดูแล และช่วยเหลือสมาชิกให้อยู่อย่างสงบร่มเย็น ส่วนคนเฒ่าคนแก่ก็มีบทบาทในการปกครองชุมชนเช่นกัน รวมทั้งเป็นผู้นำในการปฏิบัติตามประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ นอกจากนี้บ้านพระเพลิงยังมีจารีตประเพณี กฏระเบียบ และความเชื่อต่างๆที่คอยควบคุมให้สมาชิกทุกคนกระทำความดี ไม่ประพฤติผิดศีลธรรม กฏระเบียบต่างๆ (หน้า 195-199, 224) |
|
Belief System |
มอญนับถือพุทธศาสนาควบคู่ไปกับการนับถือภูติผี เทวดาอารักษ์ต่างๆ ซึ่งเป็นความเชื่อดั้งเดิมที่อยู่คู่กับสังคมมอญมานานช้าแล้ว เช่น การนับถือผีบรรพบุรุษ ซึ่งเป็นผีประจำตระกูลที่คอยช่วยเหลือ ปกปักรักษาลูกหลาน รองลงมาคือการนับถือผีปู่ตา ซึ่งเป็นผีประจำหมู่บ้าน คอยคุ้มครองชาวบ้านในหมู่บ้านพระเพลิง และยังนับถือผีตาแฮก ซึ่งเป็นผีที่คอยดูแลไร่นาไม่ให้ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ชาวมอญยังเลี้ยงผีเมื่อมีพิธีกรรมต่างๆ เช่น การแต่งงาน การเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดก็เลี้ยงผีเพื่อให้เดินทางปลอดภัย เป็นต้น
สำหรับประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ ที่มอญปฏิบัติสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ได้แก่ ประเพณีและพิธีกรรมเกี่ยวกับชีวิต เช่น การเกิด การบวช การแต่งงาน การแต่งกาย การเลี้ยงผีมอญ และประเพณีและพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทศกาล เช่น งานบุญงานสงกรานต์ บุญเข้าพรรษา บุญสารท บุญออกพรรษา บุญเทศน์มหาชาติ บุญกฐิน (หน้า 37, 197-199) ซึ่งประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ เหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อและค่านิยมของมอญที่ชุมชนบ้านพระเพลิงดังนี้
1. ประเพณีการเกิด ความเชื่อและค่านิยมเกี่ยวกับประเพณีการเกิดมีดังนี้ คือ ตอนตั้งครรภ์ จะมีการวางมะพร้าวไว้ที่หัวนอน และเตรียมหม้อสำหรับใส่ผงขมิ้น เพื่อใช้ผสมน้ำดื่มและอาบ เพราะเชื่อว่าช่วยให้คลอดง่าย ในหม้อจะใส่เข็มไว้หนึ่งเล่มสำหรับไว้เจาะหูเด็กผู้หญิงที่เกิดใหม่ ถ้าเป็นเด็กผู้ชายไม่ต้องเจาะ และต้องทำพิธีเสียกบาลเป็นรายเดือนไปจนกว่าจะคลอด
นอกจากนี้ ยังห้ามหญิงมีครรภ์ไปเผาศพหรือไปเยี่ยมคนป่วยหนัก และจะไปดูคนอื่นคลอดไม่ได้ เพราะเชื่อว่าจะทำให้เขาคลอดไม่ได้ หรือในเวลาที่พระสงฆ์ทำสังฆกรรมสวดญัตติ ห้ามหญิงมีครรภ์เข้าไปในเขตพิธีมณฑลเพราะเชื่อว่าจะทำให้คลอดยาก และยังห้ามตกปลา ฆ่าสัตว์ กล่าวเท็จ ตอกหรือตรึงตะปูหรือหมุด เย็บปากหมอน ปากที่นอนซึ่งยัดนุ่นไว้แต่ยังไม่ได้เย็บ เพราะจะทำให้คลอดยาก อีกทั้งจะนั่งหรือยืนกีดขวางประตูและถ้าจะขึ้นลงบันไดต้องขึ้นรวดเดียวจะหยุดพักกลางบันไดไม่ได้ เวลามีสุริยคราสหรือจันทรคราสให้เอาเข็มกลัดชายพกไว้ เพราะเชื่อว่าป้องกันไม่ให้ลูกตาเหล่ หรือพิกลพิการ
นอกจากนี้ ห้ามหญิงมีครรภ์อาบน้ำในเวลากลางคืน และหญิงมีครรภ์ต้องทำงานเหมือนคนปกติ เพราะเชื่อว่าทำให้ท้องหลวมและไม่ให้ทารกในครรภ์อ้วนหรือโตจนเกินไป สามีต้องไปตัดฟืนไว้ให้ภรรยาอยู่ไฟหลังคลอด คนอื่นจะตัดแทนไม่ได้ โดยจะต้องตัดในเดือนที่ 7 และ 8 เท่านั้น และกองฟืนที่ตั้งสุมไว้ต้องเอาหนามไผ่หรือหนามพุทรามาวางไว้ เพราะเชื่อว่าเป็นเครื่องป้องกันผี ส่วนในห้องคลอดต้องล้อมด้วยสายสิญจน์ แขวนผ้าประเจียดเลขยันต์ไว้ทุกทิศ เวลาจะคลอดต้องหาทิศและตอนเจ็บท้องคนเฒ่าคนแก่หรือหมอตำแยจะจุดธูปเทียนเพื่อให้คลอดลูกได้สะดวก เมื่อเด็กคลอดออกมาหมอตำแยจะคว้าอวัยวะสืบพันธุ์เด็กไว้ เพราะเชื่อว่าเด็กจะไม่พิกลพิการ
สำหรับการตัดสายสะดือ มอญจะใช้ด้ายผูกสายสะดือไว้แล้ว เอาผิวไม้รวกตัด นอกจากนี้ มอญยังอุ้มเด็กลงกระด้ง ถ้าเด็กเป็นผู้ชายจะวางสมุดดินสอไว้ข้างตัว ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงจะวางเข็มและด้ายแทน พร้อมทั้งใส่มะพร้าวห้าวขนาดใหญ่และกล้วยน้ำว้าไว้ที่หัวนอนเด็ก เพราะเชื่อว่าจะช่วยปกป้องเด็ก เด็กที่คลอดใหม่ๆจะให้กินขี้แมงสาบเผาไฟผสมกับเกลือแล้วละลายกับน้ำผึ้ง
ส่วนสายสะดือที่ตัดแล้ว ต้องล้างให้สะอาดเพราะเชื่อว่าป้องกันโรคให้แก่เด็ก จากนั้นบรรจุลงหม้อดินเผาแล้วเอาเกลือปนกันเน่าแล้วเอาไปฝังไว้ใต้บันไดหน้าเรือนเพราะเชื่อว่าจะทำให้ลูกไม่ห่างไกลบ้านเมื่อโตขึ้น และต้องให้คนถนัดซ้ายเป็นขุดหลุม เพราะเชื่อว่าจะทำให้เด็กถนัดซ้าย เมื่อจะอยู่ไฟ มอญจะตัดต้นกล้วยแล้วนำมาผ่าซีก จากนั้นนำมาวางลงในแม่แคร่ มอญยังห้ามห้ามหญิงที่อยู่ไฟดื่มหรืออาบน้ำเย็นโดยเด็ดขาด และมอญจะทำพิธีดับพิษไฟให้กับคนอยู่ไฟด้วย
นอกจากนี้ยังห้ามคนไปเยี่ยมผู้อยู่ไฟกล่าวถึงเรื่องไม่เป็นมงคล เพราะจะทำให้ผู้อยู่ไฟเสียขวัญ และผู้อยู่ไฟยังต้องเข้ากระโจมเพื่อบำรุงผิว กันฝ้าขึ้นหน้าและน้ำเหลือง สำหรับจำนวนวันที่อยู่ไฟจะต้องเป็นวันคี่ เพราะถือคติว่าอยู่ในวันคู่ลูกถี่ อยู่วันคี่ลูกห่าง เมื่อออกไฟต้องทำบัตรคลี เพื่อปัดเสนียดจัญไร เมื่อสะดือเด็กหลุดแม่เด็กจะเอาใบพลูสดลนไฟ แล้วทาบที่ท้องเด็ก นาบด้วยใบพลู และเอามะกรูดลนไฟคลึงท้องเด็กเพื่อให้ท้องหนาเหมือนผลมะกรูด และเอาพริกไทย ดินสอพองเผาและพิมเสนบดรวมกัน แล้วโรยตัวเพื่อสมานแผล และยังห้ามทิ้งผ้าอ้อมเพราะจะทำให้เด็กร้องไห้ อย่าให้ผ้าอ้อมตากน้ำค้าง เพราะจะทำให้เด็กเป็นหวัด และต้องทำพิธีทำขวัญให้เด็ก เพื่อป้องกันผีหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กและเพื่อความเป็นสิริมงคล เมื่อเด็กอายุครบเดือนจำทำพิธีทำขวัญเดือนและโกนจุก และตั้งชื่อให้
2. ประเพณีการบวช ความเชื่อและค่านิยมเกี่ยวกับประเพณีการบวชมีดังนี้ คือ ในการท่องคำขอบรรพชาอุปสมบท มอญไม่นิยมให้ผู้ที่จะบวชท่องบทขานนาคในบ้าน เพราะกลัวว่าผู้หญิงจะตามมายุ่งกับนาค ก่อนที่จะทำพิธีบวช นาคจะต้องทำพิธีตะละทาน คือ การไหว้พระภูมิเจ้าที่ที่วัด เนื่องจากมอญไม่นิยมมาตั้งศาลพระภูมิที่บ้าน เพราะมอญเชื่อว่าที่บ้านมีผีบ้าน ผีเรือน และผีบรรพบุรุษคุ้มครองอยู่แล้ว
3. ประเพณีการแต่งงาน ความเชื่อและค่านิยมเกี่ยวกับประเพณีการแต่งงานมีดังนี้ คือ ในการประกอบพิธีหมั้นจะต้องไหว้ผีเรือนหรือผีประจำตระกูลของฝ่ายหญิง เพื่อแสดงความเคารพขอโทษเจ้าบ้าน หลังจากฝ่ายหญิงตรวจสอบของหมั้นแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็จะร่วมกินหมาก พลู สูบบุหรี่ เพื่อแสดงการรับสัญญาของกันและกัน
สำหรับฤกษ์แต่งงาน มอญนิยมแต่งงานในเดือนคู่ เพราะเอาเคล็ดคำว่าคู่ เดิมมอญไม่นิยมแต่งงานในเดือน 12 เพราะถือว่าเป็นเดือนสุนัขติดสัด แต่ปัจจุบันไม่ถือแล้ว และไม่นิยมแต่งในเดือน 8 เพราะเป็นเดือนเข้าพรรษา จึงเว้นไปแต่งเดือน 9 แทน ส่วนวันที่ห้ามแต่ง คือ วันพุธ เพราะเป็นนามไม่ดี วันอังคารและวันเสาร์ก็ไม่นิยมแต่ง เพราะถือว่าเป็นวันแข็ง วันที่นิยมแต่ง คือ วันศุกร์ เพราะมีเสียงว่าสุขสบาย
สำหรับวันแต่งงาน มอญนิยมกระทำ 2 วัน วันแรกเรียกว่า วันสุกดิบหรือวันชุมงาน วันที่สองคือวันแต่ง ในการล้างเท้าเจ้าบ่าว มอญจะให้เจ้าบ่าวยืนบนแผ่นศิลา ซึ่งมีใบตองเอาก้านออกรองทับอีกที เมื่อล้างเท้าเสร็จ เจ้าบ่าวจะให้เงินแก่เด็กที่ล้างเท้าให้ นอกจากนี้มอญยังมีประเพณีการปิดประตูขันหมาก คือ ถ้าผู้ใดปิดประตูกล่าวชื่อประตูไม่ถูกต้อง เถ้าแก่ฝ่ายเจ้าบ่าวจะไม่ยอมให้เงินแถมพก ถ้าเถ้าแก่บอกช่องทางที่มาไม่ถูกต้องก็จะต้องยืนอยู่จนกว่าจะบอกที่มาถูก
สำหรับกับข้าวที่มอญห้ามมีในงานแต่งงาน ได้แก่ แกงบอน ต้มยำ และยำผัก เพราะเสียงของคำไม่ดี ปลาร้า ปลาเจ่า เพราะเป็นของหมักไม่ดี ส่วนการทำขนมจีน หากโรยแป้งขนมจีนแล้วไม่เป็นเส้น จับเป็นหัวไม่ได้ ถือว่าคู่สามีภรรยาจะอยู่กันไม่ยืดยาว แต่ถ้าเส้นไม่ขาด จับมีเส้นเรียบร้อย สวยงาม ถือว่าจะอยู่กันอย่างผาสุก นอกจากนี้ ของเลี้ยงในงานแต่งงานห้ามมีของหมักดอง เพราะกลัวว่างานนั้นจะเหม็นเปรี้ยว เหม็นโอ่ และห้ามทำข้าวต้ม เพราะเป็นอาหารที่ใช้ในงานศพ
4. ประเพณีการตาย ความเชื่อและค่านิยมเกี่ยวกับประเพณีการตายมีดังนี้ คือ เมื่อคนป่วยกำลังจะตาย ญาติพี่น้องจะจัดดอกไม้ ธูปเทียนบรรจุกรวยใบตอง ให้ผู้ป่วยประนมมือพร้อมทั้งระลึกถึงพระพุทธคุณ เมื่อคนป่วยตายแล้วจะจุดเทียนไว้ทางศีรษะศพ แล้วใช้ผ้าคลุมศพให้มิดชิด ไม่ให้เห็นตา และห้ามให้แมวกระโดดข้ามศพ เพราะเชื่อว่าศพจะลุกขึ้น มอญจะเอาศพนอนทางทิศเหนือใต้ให้ศีรษะอยู่ทางทิศเหนือ เสื่อหรือที่นอนที่ศพนอนต้องปูกลับข้างขึ้นบน และตัดต้นกล้วย ผ้าซีกวางไว้ข้างศพทั้งสองข้าง แล้วเอาไม่ไผ่ผ่าซีกแบนๆเสียบลงไปในท่อนกล้วยทั้งสองข้างแล้วเอาผ้าคลุม
ในการอาบน้ำศพ น้ำที่อาบศพต้องเป็นน้ำต้มด้วยหม้อและใส่ใบไม้สดลงไปต้มด้วย จากนั้นฟอกศพด้วยส้มมะกรูด ตำขมิ้นชันสดขัดอีกทีให้ทั่วร่างกาย สำหรับการนุ่งห่มผ้าศพ จะใช้ผ้าขาวนุ่งโจงกระเบนสองชั้น ชั้นในเอาชายพกมาไว้ด้านหน้าแล้วนุ่งชั้นนอกอีกหนึ่งผืน ส่วนการหวีผมศพนั้น ให้บุตรชายคนโตหรือคนรองเป็นคนหวี โดยการหวีต้องแบ่งเส้นผมกลับไปข้างหน้าครึ่งหนึ่งหวีไปข้างหลังครึ่งหนึ่ง จากนั้นหักหวีออกเป็นสองท่อนทิ้งลงไปในโลงที่ใส่ศพ
ถ้าเป็นศพผู้หญิงไม่มีสามีจะใส่กระจกไปในโลงด้วย เพื่อไว้ส่องแต่งตัวดูเผ้าผมให้เตรียมตัวในวันสิ้นโลก นอกจากนี้ มอญจะเอาเงินใส่ปากศพไปด้วย เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่า ทรัพย์สมบัติที่ได้สะสมเอาไว้นั้น เมื่อตายแล้วก็ไม่สามารถเอาไปได้ แม้แต่เงินที่ใส่ในปากก็เอาไปไม่ได้
สำหรับการมัดตราสังศพ มอญจะมัด 4 เปลาะ คือ ผูกที่หน้าผากหนึ่งเปลาะ ผูกที่ข้อมือหนึ่งเปลาะ ผูกที่ขาหนึ่งเปลาะ และผูกที่หัวแม่เท้าอีกหนึ่งเปลาะ มอญจะทำการปิดปากปิดตาศพเพราะเชื่อว่าไม่ให้เกิดอกุศลต่างๆ ในการเผาศพ ในวันเผาศพ มอญจะแห่ศพและมีเสียงดนตรีประกอบอย่างโหนหวน และยังมีประเพณีบวชเณรหน้าศพหรือบวชจูงศพ เรียกว่าการบวชหน้าไฟ การหามศพจะเอาเท้าออกไปก่อน ศีรษะไปทีหลัง ขณะหามห้ามพักกลางทาง ห้ามเปลี่ยนปา ขณะเวียนศพรอบเมรุจะมีการโปรยทานเพื่อซื้อที่ดินให้กับผู้ตายด้วย
การจุดไฟเผาศพจะนิยมเผาหลอกก่อนที่ญาติพี่น้องจะขึ้นไปวางดอกไม้จัน ขณะที่ไฟลุก ญาติผู้ตายจะชักฟืนออก 3 ดุ้น แล้วเดินกลับ เวลาเดินกลับห้ามเหลียวหลัง ในการเก็บอัฐของผู้ตายนั้น ใบโพธิ์ที่ใช้เก็บกระดูก จะเอาไปใช้ในพิธีปล่อยพระหรือพิธีเทาะ-อะ-โยง-จ๊าด ซึ่งเป็นการสร้างพระพุทธรูปรูปใหม่เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ตายต่อไป การเก็บกระดูดจะห่อผ้าแล้วล้างด้วยน้ำมะพร้าวกับน้ำจัน กรวดน้ำให้กับกระดูก แล้วนำกระดูกใส่ลงไปในหม้อใหญ่
5. ประเพณีฮีตสิบสอง ความเชื่อและค่านิยมเกี่ยวกับประเพณีฮีตสิบสองมีดังนี้ เดือนห้า เป็นประเพณีและพิธีกรรมบุญสงกรานต์ มอญจะทำบุญตักบาตร อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ตาย มีการหุงข้าวสงกรานต์ การสรงน้ำพระพุทธรูป การสรงน้ำพระสงฆ์ การสรงน้ำผู้หลักผู้ใหญ่ การก่อพระทราย การปล่อยสัตว์ การเล่นน้ำสงกรานต์ การละเล่นพื้นบ้าน เช่น การละเล่นช้าหงส์-ดงลำไย การเล่นสะบ้า
เดือนหกมีประเพณีและพิธีกรรมการเลี้ยงผีบรรพบุรุษและการเลี้ยงพระภูมิ สำหรับผีบรรพบุรุษที่มอญนับถือคือ ผีกระบอกไม้ไผ่ เพราะเชื่อกันว่าเป็นตัวแทนของผีบรรพบุรุษที่คอยคุ้มครองดูแลญาติพี่น้องในตระกูลของตน โดยมอญจะมีกระบอกไม้ไผ่ 7 อัน ซึ่งใส่น้ำไว้เต็มกระบอกแล้วใส่ใบหว้าลงไป ถ้ากระบอกไม้ไผ่หรือใบหว้าเน่าผุ ต้องเปลี่ยนกระบอกใหม่ ถ้าไม่เปลี่ยน มอญเชื่อว่าจะเกิดเหตุร้ายต่อครอบครัว
นอกจากนี้ มอญยังมีการเลี้ยงศาลพระภูมิ เพราะเชื่อว่าจะทำให้เกิดความสงบสุขตลอดปี ในเดือนแปด มีประเพณีและพิธีกรรมบุญเข้าพรรษา มอญจะทำบุญตักบาตร ถวายเทียนพรรษา คนแก่จะนุ่งข่าวห่มขาว และรักษาศีล
เดือนสิบ มีประเพณีและพิธีกรรมบุญสารท มอญจะทำขนมกระยาสารทแจกจ่ายญาติพี่น้อง และนำไปทำบุญใส่บาตรที่วัด และถวายทานเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ญาติพี่น้องที่ตายไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีพิธีสลากภัต ซึ่งมอญมีความเชื่อว่า การจับสลากใบแรกเป็นคำทำนายว่าปีนั้นจะอุดมบูรณ์เพียงใด
ในเดือนสิบเอ็ด มีประเพณีและพิธีกรรมบุญออกพรรษาและเทศน์มหาชาติ มอญจะทำบุญใส่บาตร ถวายอาหารพระภิกษุ นอกจากนี้ ยังมีการล้างเท้าพระ โดยมอญเชื่อว่าเป็นการล้างสิ่งชั่วร้ายต่างๆที่ผ่านมาให้หมดสิ้นไป ส่วนงานบุญเทศน์มหาชาติ เชื่อกันว่าถ้าใครสามารถนั่งฟังเทศน์ครบทั้ง 13 กัณฑ์ได้ในวันเดียว จะได้บุญมาก เกิดชาติหน้าจะได้อยู่บนสวรรค์ สำหรับเดือนสิบสอง มีประเพณีและพิธีกรรมบุญกฐิน ซึ่งเป็นกฐินที่มาจากกรุงเทพฯ (หน้า 39-184) |
|
Education and Socialization |
โดยเฉลี่ยชาวบ้านได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีโรงเรียนระดับประถมศึกษาจำนวน 1 แห่ง คือโรงเรียนวัดหงส์ สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาอำเภอปักธงชัย ซึ่งมีหน้าที่ช่วยขัดเกลาสมาชิกในสังคมให้เป็นคนดี มีศีลธรรม
นอกจากนี้สถาบันครอบครัวก็ยังช่วยหล่อหลอม อบรมสิ่งต่างๆ ให้แก่สมาชิกให้เป็นคนซื่อสัตย์ทั้งกาย วาจา ใจ และส่วนความเชื่อทางพุทธศาสนา เช่น บาป บุญ นรกสวรรค์ การทำดีได้ดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ช่วยให้มอญทำความดี ละเว้นความชั่ว และประพฤติปฏิบัติตามศีล 5 ส่วนความเชื่อเรื่องผีสางเทวดาก็ทำให้มอญเกรงกลัว ไม่กล้ากระทำนอกจารีตประเพณีเช่นกัน (หน้า 36, 231, 233) |
|
Health and Medicine |
มอญบ้านพระเพลิงรักษาโรคด้วยยาแผนปัจจุบันและยาสมุนไพร แต่ชาวบ้านนิยมรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันมากกว่าเนื่องจากสะดวกและรวดเร็ว ส่วนการรักษาด้วยยาสมุนไพรก็ยังคงใช้รักษาโรคบางอย่าง และมอญยังมีการรักษาด้วยการเป่าจากพระซึ่งเป็นความเชื่อดั้งเดิม แต่ถ้ามีอาการป่วยไข้รุนแรงก็จะไปรักษาที่โรงพยาบาล (หน้า 219, 233) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ผู้เขียนได้กล่าวถึงลักษณะบ้านเรือนของมอญว่า บ้านเรือนที่มอญอาศัยอยู่มีทั้งที่เป็นมรดกมาจากบรรพบุรุษ ซึ่งจะเป็นบ้านโบราณ สร้างด้วยไม้เนื้อเข็ง หลังคาสามเหลี่ยมหน้าจั่ว มีต้ถุนบ้านสำหรับเป็นคอกสัตว์เลี้ยง ที่เก็บเครื่องมือทางการเกษตร มีรั้วล้อมรอบบ้าน ส่วนบ้านที่เพิ่งปลูกใหม่จะเป็นบ้านสมัยใหม่สองชั้น ชั้นล่างสร้างด้วยปูนและอิฐ ส่วนชั้นบนสร้างด้วยไม้เนื้อแข็ง การสร้างบ้านก็จะไหว้วานเพื่อนบ้านให้มาช่วย หรือจ้างช่างมาสร้าง แต่บางครั้งก็สร้างเองโดยใช้เวลาที่เหลือจากการทำงาน
มอญจะผลิตผ้าฝ้ายขึ้นใช้เองซึ่งบรรพบุรุษเป็นผู้ถ่ายทอดการผลิตผ้าฝ้ายให้ แต่ปัจจุบันชาวบ้านนิยมซื้อเสื้อผ้ามาจากตลาดมาใส่ เพราะสะดวก รวดเร็ว และประหยัดกว่าการผลิตเอง ในเวลาปกติมอญจะไม่พิถีพิถันเรื่องการแต่งกาย แต่ถ้าเป็นงานประเพณีต่างๆ ก็จะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม เรียกว่า ชุดเอาบุญ ส่วนคนแก่จะนิยมนุ่งโจงกระเบน แต่ถ้าเป็นช่วงวันบุญออกพรรษาหรือวันพระก็จะแต่งกายด้วยชุดสีขาว (หน้า 210-214, 216) |
|
Folklore |
ผู้เขียนได้กล่าวถึงที่มาของชื่อหมู่บ้านพระเพลิงว่ามีที่มาจาก 3 แหล่ง คือ มาจากการที่พระสงฆ์เดินธุดงค์มาสร้างเพิงกันแดด และต่อมาคำว่าเพิงก็เพี้ยนเป็นเพลิง มาจากการเกิดไฟป่า และมาจากการตั้งชื่อตามลำน้ำพระเพลิงที่ไหลผ่านหมู่บ้าน (หน้า 35) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ผู้เขียนกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมของมอญบ้านพระเพลิงว่า ประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ เปลี่ยนไปตามระบบเศรษฐกิจแบบอุตสาหกรรมและสังคมที่ขยายตัวไป เช่น ประเพณีและพิธีกรรมเลี้ยงผีเริ่มหายไป การละเล่นในงานรื่นเริงในเทศกาลสงกรานต์หายไป เพราะคนรุ่นใหม่มองการละเล่นพื้นบ้านเป็นเรื่องล้าสมัย การไปคลอดบุตรที่โรงพยาบาลแทนการคลอดกับหมอตำแย การรักษาโรคต่างๆ ด้วยยาแผนปัจจุบันแทนการรักษาด้วยยาสมุนไพร ค่าสินสอดในการแต่งงานเพิ่มมากขึ้นตามฐานะของฝ่ายหญิง การนำรถไถนามาใช้แทนแรงงานควายเพื่อความสะดวก รวดเร็ว การตั้งร้านค้าในหมู่บ้าน การสร้างบ้านแบบสมัยใหม่แทนการสร้างบ้านแบบโบราณ (หน้า 130, 186, 195, 201, 215, 227) |
|
Map/Illustration |
ผู้เขียนได้ใช้ภาพประกอบเพื่ออธิบายประเพณีและพิธีกรรมแบบต่างๆ ของมอญ ซึ่งทำให้เข้าใจประเพณีและพิธีกรรมของมอญมากยิ่งขึ้น |
|
|