สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ลเวือะ,ภาษา,เรือน,ความเชื่อ,พิธีกรรม,วิถีชีวิต,การแต่งงาน,เศรษฐกิจ,การรักษาพยาบาล,ภาคเหนือ
Author E. W. Hutchinson
Title The Lawa in Northern Siam
Document Type บทความ Original Language of Text ภาษาอังกฤษ
Ethnic Identity ลัวะ (ละเวือะ) ลเวือะ อเวือะ เลอเวือะ ลวะ ละว้า, Language and Linguistic Affiliations ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic)
Location of
Documents
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 23 Year 2477
Source Journal of Siam Society, vol. XXVII part 2
Abstract

ละว้าอาศัยอยู่ในพื้นที่สูงปลูกข้าว ปลูกผักผลไม้ หญิงและชายมีความเท่าเทียมกันในสังคม มีความเชื่อเรื่องภูตผี ผีที่ละว้าให้ความเคารพหลักคือ ผีบ้านผีเรือน ผีแร่ธาตุ ผีไร่นา มีการเซ่นสังเวยภูตผีด้วยกระทิง สุนัข และไก่ บ้านเรือนของละว้าปลูกสูงจากพื้นดิน มีห้องใหญ่เพียงห้องเดียว การแต่งงานฝ่ายชายจะพาฝ่ายหญิงเข้าบ้าน แต่เพราะพื้นที่ภายในบ้านมีอย่างจำกัดก็จะต้องย้ายครอบครัวของตนเองออกไป

Focus

ศึกษาละว้าเพื่อรวบรวมข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับภาษา ศาสนาความเชื่อ วัฒนธรรม (หน้า 153)

Theoretical Issues

ไม่ได้ระบุ

Ethnic Group in the Focus

ศึกษาละว้าที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเชียงใหม่

Language and Linguistic Affiliations

จากตัวอย่างศัพท์ภาษาของละว้ามีราวๆ 125 คำ ประมาณ 68 คำมีความหมายเดียวกับภาษาว้า ภาษาละว้าเป็นอยู่ในตระกูลมอญ-เขมร และใกล้เคียงกับภาษาว้า (หน้า 173) และพบว่าจากตัวอย่างศัพท์ 425 คำที่ใช้เปรียบเทียบภาษาละว้าที่บ่อหลวงกับที่เวียงป่าเป้ามีร่วมกันเพียง 19 คำเท่านั้น ส่วนอีก 26 คำมีความใกล้เคียงกัน อาจเป็นไปได้ว่าละว้าบ่อหลวงและเวียงป่าเป้าจะพูดกันไม่รู้เรื่อง

Study Period (Data Collection)

เดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1932 ผู้เขียนได้เข้าไปศึกษาชุมชนละว้าเหมืองแร่เหล็กละว้าที่จังหวัดเชียงใหม่ (หน้า 153)

History of the Group and Community

มีการกล่าวถึงแผ่นเงินจารึกด้วยตัวอักษรลาวพร้อมชื่อของหัวหน้าละว้าและบันทึกเรื่องราวความสัมพันธ์ของหัวหน้าลาวแห่งเชียงใหม่ แผ่นเงินนั้นถูกฝังอยู่ใต้ดินในบ่อหลวงมากว่า 20 ปี นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์ระหว่างละว้ากับเมืองเชียงใหม่ดังนี้ พระมหาเหมือนแห่งวัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่ได้เล่าว่า เมื่อยังหนุ่มสมัยของเจ้าอินทวงศ์ ละว้ามาที่เชียงใหม่ทุกๆ ปีเพื่อนำเครื่องไหว้มาให้แก่หวหน้า หรือจากบันทึกของเจ้าดารารัศมี ได้บนทึกว่าคนลาวเคารพละว้าว่าเป็นบรรพบุรุษของเขาในสยามและมักเชิญมาที่บ้านในโอกาสพิเศษ และพระนางทรงได้ยินเรื่องเกี่ยวกับแผ่นเงินแผ่นทองของละว้าด้วย นอกจากนี้ยังมีบันทึกทางประวัติศาสตร์อื่นๆ ทั้งที่เป็นตำนานหรือพงศาวดาร เช่น บันทึกของลาวเกี่ยวกับเมืองเชียงใหม่ว่ามีกำเนิดจากละว้า หรือบันทึกของมหาเถระ Fa Bot ว่าละว้ามีถิ่นฐานบนดอยสุเทพ เชียงใหม่ ก่อนการมาถึงของคนไท เมื่อคนไทพบเชียงใหม่ในช่วงพญามังรายก็ได้พบคนละว้าเข้ามาอยู่ก่อนแล้ว พญามังรายได้ติดต่อกับละว้าซึ่งต่อมาอพยพออกจากดอยสุเทพ ในบันทึก Suvana Khamdeng กล่วว่าผู้นำไทได้เปลี่ยนละว้าเชียงใหม่ให้เป็นพุทธจนได้รับภรรยาสองคนจากหัวหน้าละว้า หรือเรื่องขอหัวหน้าละว้าที่ชื่อ Vivo ที่ต้องการหลอกผีร้าย เวลานั้นละว้าและไทอยู่ใกล้กันจึงให้แลกเปลี่ยนเสื้อผ้าและเครื่องคลุมศีรษะ หากอ่านตำนานสิงหนวัตร จะกล่าวถึงสถานที่ที่มีแต่ละว้าติดริมแม่โขง 'K'on Kham' หัวหน้าหมู่บ้านละว้าต้องจ่ายค่าแผ่นดินให้กับผู้ครองผืนดินคนไทย พบหลักฐานการกล่าวถึงละว้าในเอกสารต่างๆ แต่ไม่มีประวัติศาสตร์ของคนละว้า (หน้า 169-172)

Settlement Pattern

บ้านของละว้าตั้งอยู่บนเสาประมาณ 3-4 ฟุต สัตว์เลี้ยงจะอยู่ใต้ถุนบ้าน (หน้า 155) แต่ละบ้านมีชานหน้าบ้าน ในบ้านจะมีห้องใหญ่ห้องเดียว ไม่มีห้องครัวจึงทำอาหารในห้องใหญ่ บางครั้งมีการสร้างหลายห้องในกรณีที่ลูกชายแต่งงานและพาภรรยาย้ายมาอยู่ บ้านละว้าทำด้วยไม้กระดานหลังคามุงจากเป็นจั่วแคบ ถ้าละว้าที่ไม่มีเงินจะสร้างบ้านด้วยไม้ไผ่ ละว้าเก็บข้าวไว้ในพื้นที่แยกจากตัวเรือน รอบๆ บ้านจะมีสวนเล็กๆ ปลูกยาสูบ ข้าวพูด ผลไม้ ดอกทานตะวัน ในหมู่บ้านไม่มีบ่อน้ำ และไม่มีแม่น้ำรอบๆ น้ำที่ใช้เป็นน้ำฝนที่กักเก็บไว้ (หน้า 156)

Demography

มีประชากรละว้า 350 คนใน 5 หมู่บ้านคือบ่อหลวง, Bo Sa'ngae, Bo Pak Wen, Bo Wang Kong และ Bo Na Fon ที่เป็นละว้าทั้งหมด ส่วนที่หมู่บ้าน Bo Sali และ Bo Kong Loi มีทั้งละว้าและลาว (หน้า 154)

Economy

ละว้าปลูกยาสูบ ผัก ข้าว และไม่ค่อยบริโภคเนื้อสัตว์มาก ใช้ควายไถนาและเลี้ยงสุนัข ไม่ค่อยพบหมูหรือแมว เมื่อ 40 ปีมาแล้วละว้าเคยมีช้างถึง 60 ตัวแต่ขายไปหมด ละว้าปลูกข้าวบนภูเขา (หน้า 162-164) ในฤดูแล้ง ละว้าจะไปเก็บแร่เหล็กที่พบได้ทั่วไปตามผิวดินแล้วนำมาถลุงเป็นโลหะ โดยใช้เตาอบดินเผาก่อเป็นสี่เหลี่ยม ซึ่งจะนำโลหะที่ได้มาทำเป็นเครื่องใช้ต่างๆ เช่นมีด ระฆัง (หน้า 164-165)

Social Organization

เมื่อแต่งงานผู้ชายจะพาผู้หญิงเข้าบ้านและอยู่ในห้องที่แยกเป็นส่วนตัวภายในบ้านของครอบครัว หากมีพี่หรือน้องชายแต่งงานเหมือนกันจะต้องย้ายออกไปหาบ้านของตัวเอง (หน้า 161) ครอบครัวละว้าเป็นแบบผัวเดียวเมียเดียว และแต่งงานกับญาติของตนไม่ได้ เมื่อแต่งงานแล้วชายและหญิงจะมีความเท่าเทียมกันในสังคม หย่ากันได้ หากมีปัญหากันก็จะไปปรึกษาหัวหน้าหมู่บ้าน หากใครทำผิดต้องจ่ายค่าปรับ คนหนุ่มสาวโดยทั่วไปมีอิสระในการมีความสัมพันธ์ ยกเว้นมีเพศสัมพันธ์ได้เฉพาะเมื่อแต่งงานเท่านั้น หากผู้ชายทำผิดจะต้องเสียค่าปรับ (หน้า 161) ถ้าหัวหน้าครอบครัวตาย ทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งจะตกเป็นของภรรยาของเขา และที่เหลือจะแบ่งให้กับลูกชายเท่าๆ กัน หากครอบครัวไม่มีลูกชายทรัพย์สินจะตกเป็นของลูกสาวหรือญาติของผู้ตาย (หน้า 161)

Political Organization

ละว้ามีหัวหน้าหมู่บ้านที่คอยแก้ไขปัญหาขัดแย้งในหมู่บ้าน (หน้า 162)

Belief System

ก่อนสร้างบ้านเรือนจะฝังกล่องเล็กๆที่บรรจุเกลือและเมล็ดข้าว จำนวนของเมล็ดข้าวจะมีมากกว่าจำนวนผู้อาศัยเพราะรวมผีบ้านไว้ มีการปักไม้เล็กๆ 4 ไม้ไว้รอบกล่องที่ถูกฝัง (หน้า 155) ก่อนสร้างบ้านมีการโปรยข้าวหากเมล็ดข้าวกลายเป็นต้นกล้าจะหมายถึงสถานที่ดี และจะปล่อยให้วัวออกไปเดินในป่า (หน้า 161) ใกล้ทางเข้าบ้านแต่ละบ้านจะผูกดอกไม้ไว้ตรงบันได ละว้าเชื่อว่ามีผี 3 ประเภทผีบ้านผีเรือน P'i Huam, ผีไร่นา เรียกว่า "ผีที่" (P'i Ti )และผีเหมืองเรียกว่า "ผีแร่ (P'i Rae) เชื่อว่าผีเหล่านี้เป็นผีบรรพบุรุษหรือผีบุคคลสำคัญของละว้า มีบุคคลสำคัญของละว้า 5 คนที่ละว้าเชื่อว่ากลายมาเป็นผีเหมืองได้แก่ชื่อ Khun Ta, Khun Tong, ขุนหลวงวิลังคะ, Khun Kio Na Long และ Lam Chong Wong Pak Wen อีกผีหนึ่งคือ P'i Ra Mang เป็นผีที่คนเซ่นไหว้ในช่วงปีใหม่ มีP'i P'et, P'I Kien, P'I Koi และผี P'i Lok ในพื้นที่ป่าจะมีเพิง 3 แห่งที่สร้างเชื่อมกันและใช้เป็นที่ประกอบพิธีเซ่นสังเวย ทุกๆ 3-4 ปีจะมีการฆ่ากระทิงแดงและปีต่อไปจะเซ่นด้วยหมูตัวผู้สีดำ 1 ตัวและไก่แดง 2 ตัวทั้งตัวผู้และตัวเมีย ที่เหมืองทุกๆ 3 ปีในเดือนที่ 5 จะมีการเซ่นสังเวยผีด้วยกระทิงสีครีม (หน้า 158,159) ละว้าส่วนใหญ่จะผูกข้อมือด้วยเชือก และมีเสา "ผี" ในไร่นา หากมีคำถามกับภูตผีละว้าจะถามและหาคำตอบโดยการโยนเมล็ดข้าว หากนับแล้วลงเลข คู่หมายถึงดีหรือได้ คือผีอนุญาตให้ทำ หากลงท้ายด้วยเลขคู่หมายถึงการปฏิเสธ (หน้า 159) ในหมู่บ้านไม่มีหมอผีหรือผู้วิเศษ มีแต่คนเฒ่าคนแก่ที่รู้ว่าจะประกอบพิธีอย่างไร มีข้อห้ามของละว้าคือห้ามล่าแรด (หน้า 160) ละว้ามีพิธีกรรมในการแต่งงาน ก่อนแต่งงานทั้งหญิงและชายจะมีเพศสัมพันธ์กันก่อนที่บ้านของฝ่ายหญิง หลังจากนั้นพวกเขาจะหมูและไก่เพื่อใช้เซ่นผี 3-4 วันหลังจากนั้นจึงจัดพิธีขึ้นที่บ้านฝ่ายหญิง ที่หน้าบ้านฝ่ายหญิง ฝ่ายชายจะนำหมาแดงและฆ่าหมาแดงและเอาเครื่องใน ตัดหาง ตัดลิ้น เท้า เพื่อนำสิ่งเหล่านี้ไปถวายผีบ้าน จากนั้นทุกๆ คนจะเดินไปบ้านฝ่ายชายและวางดอกไม้ ธูป เทียนไว้ที่ศาลผีบ้าน ก่อนจะดื่มร่วมกัน แล้วจึงสาดเหล้าไปตามที่ต่างๆ ในบ้าน (หน้า 160) เมื่อมีการตายจะเก็บศพไว้ 3 คืนแล้วจึงเผา ก่อนเผามีการห่อศพด้วยผ้าไหม หากไม่มีเงินพออาจใช้ผ้าฝ้ายธรรมดา มีการใส่เหรียญไว้ในปากศพ เมื่อจะนำศพออกจากบ้านจะไม่นำผ่านบันได มีพระสงฆ์สวดศพ หากมีคนตายด้วยอุบัติเหตุ ศพจะถูกฝังแทนการเผา (หน้า 161-162)

Education and Socialization

ไม่ได้ระบุ

Health and Medicine

ไม่ได้ระบุ

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ละว้าทำอาหารในหม้อดินเผา ในอดีตละว้าใช้ไม่ไผ่บรรจุน้ำปัจจุบันใช้ถังโลหะและใช้ไม้ขีดไฟแทนการฝนหิน (หน้า 156) ละว้าแต่งกายคล้าวลาวและกะเหรี่ยง (หน้า 174)

Folklore

ไม่ได้ระบุ

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่ได้ระบุ

Social Cultural and Identity Change

ไม่ได้ระบุ

Map/Illustration

มีตารางที่บอกลักษณะทางกายภาพของละว้าโดยทั่วไป

Text Analyst กฤษฎาภรณ์ อินทรวิเชียร Date of Report 27 ก.ย. 2567
TAG ลเวือะ, ภาษา, เรือน, ความเชื่อ, พิธีกรรม, วิถีชีวิต, การแต่งงาน, เศรษฐกิจ, การรักษาพยาบาล, ภาคเหนือ, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง