|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปะโอ,การตั้งบ้านเรือน,ตำนาน,ภาษา,การฝังศพ,แม่ฮ่องสอน |
Author |
บุญช่วย ศรีสวัสดิ์ |
Title |
ต่องสู้ |
Document Type |
หนังสือ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ปะโอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
5 |
Year |
2545 |
Source |
ชาวเขาในไทย. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ศิลปวัฒนธรรม (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2506 โดยสำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์) |
Abstract |
ต่องสู้หรือกะเหรี่ยงดำเป็นชาวเขาเผ่าหนึ่งซึ่งไม่ยอมรับว่าตนเป็นกะเหรี่ยง มักอยู่ปะปนกับไทยใหญ่และไทยเขินตามจังหวัดชายแดน ตั้งบ้านเรือนอยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตามเนินเขา ชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอนมักเข้าใจว่าเป็นกะเหรี่ยง นิยมแต่งกายด้วยชุดสีดำ ชายแต่งกายคล้ายไทยใหญ่ หญิงแต่งกายคล้ายกะเหรี่ยง พูดภาษาใกล้เคียงกับภาษากะเหรี่ยง มีถิ่นฐานเดิมอยู่บริเวณรอบทะเลสาบอินเลรัฐฉานตอนใต้ของพม่า ต่องสู้นับถือผีเรือนและผีหมู่บ้านทั้งยังเชื่อถือโชคลาง นิยมเกี้ยวพาราสีด้วยการร้องเพลง และนิยมฝังศพมากกว่าเผา เชื่อว่าเมื่อตายไปดวงวิญญาณ "เล่" จะลอยไปอยู่บนยอดเขาหลอยมอ ยอดสูงอยู่ทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นที่รวมดวงวิญญาณ บ้านต่องสู้จะมีแท่นบูชาผีบรรพบุรุษ ขนบธรรมเนียมของต่องสู้คล้ายคลึงกับกะเหรี่ยงเผ่าบวอย |
|
Focus |
เน้นศึกษาสภาพวิถีชีวิตของชาวเขาเผ่าต่องสู้ในประเทศไทย |
|
Ethnic Group in the Focus |
เน้นศึกษาสภาพวิถีชีวิตของชาวเขาเผ่าต่องสู้ในประเทศไทย |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ต่องสู้ มีประวัติเล่าว่า แต่เดิมต่องสู้เป็นพลเมืองตะโถ่ง (สะทุ่ง) เหนือเมืองมอละแม่ง ปากแม่น้ำสาละวิน ในปี พ.ศ.1600 พระเจ้าอน่อรถ่า (อโนรธา) กษัตริย์พม่าแห่งกรุงปะก่าน (พุกาม) มีพระราชสาส์นไปขอพระไตรปิฎกภาษามคธจากกษัตริย์มอญคือ พระเจ้ามนูหะ เมื่อไม่ยอมให้ก็ยกกองทัพไปตีเมือง แล้วกวาดต้อนผู้คนมาเป็นเชลยให้สร้างเจดีย์ในเมืองพุกาม ภายหลังพระเจ้าอน่อรถ่าปล่อยเชลยให้อยู่รอบทะเลสาบอินเล ปะปนผสมกลมกลืนกับชนเผ่าอื่นจนกลายเป็นชาวต่องสู้ (ต่องโย) ในจุลศักราช 1231 ต่องสู้ได้ร่วมกับไทยลื้อในสิบสองปันนา ยกพวกไปตีเมืองไลของพวกไทยขาวในสิบสองจุไทย (ปัจจุบันอยู่ในเขตเวียดนามเหนือ) บางตำนานเล่าว่า พระเจ้ามนูหะกษัตริย์มอญครองเมืองตะโถ่ง ปกครองพวกต่อสู้อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบอินเล ต่อมาเมื่อพ่ายศึกพม่าก็แตกหนีไปอาศัยอยู่ตามป่าตามเขา (หน้า 96-97) |
|
Settlement Pattern |
ต่องสู้ ในรัฐฉาน (ไทยใหญ่) มักตั้งบ้านเรือนตามป่าตามเขา บ้านเรือนแถบเมืองสะทุ่ง เมืองหลอยโหลง สะอาดสะอ้านกว้างขวางใหญ่โต (หน้า 97) ถิ่นเดิมของต่องสู้ตั้งบ้านเมืองอยู่รอบทะเลสาบอินเลแห่งมะเยลัต รัฐฉานทางตอนใต้ของพม่า หลอยโหลงและสะทุ่งเป็นเมืองที่มีชาวเมืองต่องสู้อยู่มากที่สุด นอกจากนี้ต่องสู้ยังตั้งถิ่นฐานตามเมืองต่าง ๆ เช่น ท่าน้ำคำ หลอยมอ ว่านเหย่น จำมกา หลอยอ้าย และอยู่กันอย่างประปรายบริเวณสองฟากของแม่น้ำป๋อนในรัฐฉาน (ไทยใหญ่) ลงมาถึงเขตรัฐกะยาในพม่า (หน้า 96) |
|
Demography |
ต่องสู้ได้อพยพมาอยู่ในหมู่บ้านเมื่อประมาณ 15 ปีมาแล้ว โดยที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่รอบทะเลสาบอินเล รัฐฉานตอนใต้ของพม่า เมืองที่มีต่องสู้อยู่มากที่สุดคือ เมืองหลอยโหลงและเมืองสะทุ่งซึ่งถือเป็นเมืองของต่องสู้แท้ เมืองอื่นที่ตั้งอยู่ประปราย สองฝั่งแม่น้ำป๋อนในรัฐฉาน (ไทยใหญ่) เรื่อยลงมาถึงรัฐกะยาในพม่า (หน้า 96) |
|
Economy |
ต่องสู้ในรัฐฉาน (ไทยใหญ่) ประกอบอาชีพทำไร่ ปลูกข้าว ยาสูบ พริก ถั่ว มันฝรั่ง ฝ้าย และพืชผักต่าง ๆ อาชีพที่ขึ้นชื่อคือการปลูกต้นปอหมันเพื่อนำไปมวนบุหรี่ ส่งใบไปขายที่พม่า (หน้า 97) |
|
Social Organization |
ตามประเพณีในเวลากลางคืน ชายหนุ่มมักออกร้องเพลงเกี้ยวพาราสีหญิงสาว หากทั้งสองฝ่ายตกลงปลงใจจะเป็นคู่สามีภรรยา ชายหนุ่มจะมอบสิ่งของประดับกายอย่างใดอย่างหนึ่งไว้ให้ หลังสู่ขอแล้วก็ถึงกำหนดแต่งงาน เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวจะมานั่งคู่กันบนเรือนคอยรับเมี่ยงจากผู้เฒ่าที่นับถือ และนำข้าวตอกดอกไม้ธูปเทียนมองให้บิดามารดา ผู้เฒ่าจะผูกข้อมือเรียกขวัญอวยพรให้คู่บ่าวสาว ชาวบ้านจะนำของขวัญมามองให้ เจ้าภาพนิยมเลี้ยงตอบแทนด้วยสุราอาหาร (หน้า 97-98) |
|
Belief System |
ต่องสู้ นับถือผีเรือน ผีหมู่บ้านและมีพิธีเลี้ยงผี นอกจากนี้ยังเชื่อถือโชคลาง เช่น ในวันเริ่มแผ้วถางป่า ปลูกข้าวไร่จะไม่ยอมให้น้ำ ไฟ สิ่งของหรืออาหารแก่ผู้มาขอ เมื่อเก็บข้าวใหม่ได้ก็จะเชิญผีไร่ให้ไปกินข้าวในยุ้งที่หมู่บ้าน (หน้า 97) นอกจากนี้ยังมีประเพณีฝังศพผู้ตาย โดยชาวบ้านญาติพี่น้องจะมาร่วมกันร้องเพลงเต้นรำรอบ ๆ หลุมศพ มีการเตรียมเสบียงอาหารในการเดินทางให้ผู้ตายนำไปเมืองผี ด้วยการฆ่าไก่ผูกติดกับข้อเท้าศพ พร้อมใส่สิ่งของต่าง ๆ เช่น มีดสั้น กล้องยาสูบ ดาบ หน้าไม้ลงไปในโลงศพ ต่องสู้ เชื่อว่าเมื่อตายไป วิญญาณ (เล่) จะลอยไปสู่ภูเขายอดสูงสุดทางทิศตะวันตกไปอยู่บนยอดเขาหลอยมอซึ่งเป็นที่รวมวิญญาณทุกดวง นาน ๆ ครั้งผีหรือดวงวิญญาณจะกลับมาเยี่ยมบ้าน จึงตั้งแท่นบูชาผีบรรพบุรุษ มีถ้วยดินใส่ข้าวสุกและน้ำวางไว้ตามประเพณี (หน้า 98-99) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
การแต่งกายของต่องสู้ พวกผู้ชายนิยมแต่งกายคล้ายไทยใหญ่ นุ่งกางเกงขายาวก้นหย่อนสีขาว-ดำสวมเสื้อแขนยาวผ่ากลาง หญิงแต่งกายคล้ายกะเหรี่ยง คอรูปตัววี แขนเสื้อซ้อนกันสองตอน มีสีดำเป็นพื้นขลิบด้วยลายทางสีแดง ผ้านุ่งสีดำสั้นแค่เข่า โพกผ้าดำหรือสีขาวมีพู่สีห้อย นิยมใช้เครื่องประดับ เช่น กำไลมือ ตุ้มหู สร้อยคอทำจากโลหะเงิน บางกลุ่มสวมกำไลทองเหลืองเป็นเกลียวซ้อนกันใต้เข่า ต่องสู้ในไทยไม่นิยมประดับประดานัก ต่องสู้มีการร้องเพลงเกี้ยวพาราสีกัน โดยฝ่ายชายจะเป่าขลุ่ยร้องเพลงในเวลากลางคืนเป็นสัญญาณว่าชายหนุ่มกำลังเที่ยวหาหญิงสาวออกมาร่วมสนทนา (หน้า 97-98) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ต่องสู้หรือกะเหรี่ยงดำ มักเรียกตนเองว่า "โปว์" หรือ "พะโอ" แต่ไม่ยอมรับว่าตนเป็นกะเหรี่ยง ชาวพม่าเรียก "ต่องตู่" หมายถึง คนดอยหรือชาวเขา ต่องสู้ในประเทศไทยมีขนบธรรมเนียมต่างจากต่องสู้ในพม่า แต่จะคล้ายคลึงกับกะเหรี่ยงเผ่าบวอย ไม่มีข้อมูลบ่งบอกถึงรูปร่างลักษณะด้านชาติพันธุ์ (หน้า 95, 99) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
|