|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ผู้ไท,นิทาน,ภาพสะท้อนสังคม,ความเชื่อ,ค่านิยม,กาฬสินธุ์ |
Author |
อรทัย สุทธิ, ภาสพงษ์ ผิวพอใช้, สกุลพรรณ โพธิจักร |
Title |
การวิเคราะห์นิทานพื้นบ้านผู้ไทยจากจังหวัดกาฬสินธุ์ |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ผู้ไท ภูไท,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
424 |
Year |
2546 |
Source |
คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี |
Abstract |
การศึกษาครั้งนี้มุ่งเก็บรวบรวมนิทานพื้นบ้านของชาวผู้ไทย เพื่อจำแนกประเภทตามรูปแบบของนิทาน วิเคราะห์เนื้อหาของนิทานและความสัมพันธุ์ระหว่างนิทานกับสภาพสังคมและวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไทยในจังหวัดกาฬสินธุ์ ผลการศึกษาพบว่ามีนิทานพื้นบ้านของชาวผู้ไทยทั้งสิ้น 102 เรื่อง เป็นนิทานมุขตลก 37 เรื่อง นิทานชีวิต 24 เรื่อง นิทานคติ 20 เรื่อง นิทานผี 9 เรื่อง นิทานอธิบายเหตุ 7 เรื่อง นิทานสัตว์ 3 เรื่อง และนิทานประจำถิ่น 2 เรื่อง ด้านโครงสร้างมีกฎของวรรณกรรมพื้นบ้านที่สอดคล้องกับนิทานพื้นบ้านผู้ไทยได้แก่ กฎของการเริ่มเริ่งและจบเรื่อง กฎแห่งการซ้ำ กฎแห่งการแตกต่างแบบตรงกันข้าม กฎของการสร้างเรื่องเชิงเดี่ยว ฉากประทับใจ เรื่องความสมเหตุสมผล เรื่องของเอกภาพและการเพ่งจุดสนใจไปที่ตัวละครเอกเพียงตัวเดียว ส่วนด้านการสะท้อนวิถีชีวิตของชาวบ้านพบหลายด้านด้วยกันเช่น ด้านสภาพความเป็นอยู่ ด้านครอบครัว ด้านการประกอบอาชีพ ด้านประเพณี ด้านความเชื่อ ด้านค่านิยมและบทบาทของสมาชิกในสังคม |
|
Focus |
การจำแนกประเภทของนิทาน วิเคราะห์โครงสร้างของนิทาน ภาพสะท้อนสังคม ประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิต ที่ปรากฏในนิทานพื้นบ้านชาวผู้ไทย |
|
Ethnic Group in the Focus |
ผู้ไท ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดกาฬสินธุ์ |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษาผู้ไทเป็นภาษาสังกัดตระกูลไท มีความคล้ายคลึงกับภาษาที่ใช้ในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย แต่มีลักษณะเฉพาะบางประการที่แตกต่างไปจากภาษาอีสานในด้านเสียง คำ ประโยค และการเรียงคำ ลักษณะเด่นของภาษาผู้ไทย คือ จะไม่มีเสียงสระประสม เอีย เอือ อัว โดยสระดังกล่าวจะออกเสียงเป็น เอ เออ โอ ตามลำดับ และคำที่ประสมด้วยสระ ใ- จะออกเสียงเป็นสระเออ นอกจากนั้นภาษาผู้ไทยังได้รับอิทธิพลจากภาษาไทยกลางและภาษาไทยท้องถิ่นส่งผลให้ภาษาผู้ไทยมีการเปลี่ยนแปลง ในด้านการใช้คำผู้ไทยแท้ปนกับคำยืมในภาษาถิ่นและถาษาไทยกลางส่งผลให้ภาษาผู้ไทยแท้ ๆ กลายเป็นคำเก่าแก่และหายไปจากภาษาในที่สุด (หน้า 37-39) |
|
Study Period (Data Collection) |
เดือนธันวาคม 2546 - เมษายน 2547 |
|
History of the Group and Community |
ชาวผู้ไท ในอดีตจะเรียกตนเองว่าอ้ายลาว มีถิ่นฐานเดิมอยู่ที่เมืองลุง บริเวณต้นแม่น้ำฮวงโหด้านเหนือ ในประเทศจีน ต่อมาถูกชนชาติตาดรุกราน จึงอพยพลงมายังเมืองปา บริเวณตอนใต้ของแม่น้ำฮวงโห ต่อมาจีนยกทัพมาตีเมืองปาและเมืองเงี้ยว ชนชาติอ้ายลาวจึงอพยพมาอยู่ทางตอนใต้ของเมืองเสฉวน แต่ก็ยังรักษาเอกราชของเมืองปาและเมืองเงี้ยวไว้ได้ ในปี พ.ศ. 205 จิ๋นซีฮ่องเต้ได้ยกทัพมาตีนครเงี้ยวของอ้ายลาวและตีสำเร็จในปี พ.ศ. 328 พวกอ้ายลาวจึงต้องอพยพลงมาทางใต้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชื่อนครเพงาย ถูกจีนรุกรานอีกครั้งและได้เสียนครเพงายให้แก่จีนในปี พ.ศ. 456 ต่อมาขุนวังเจ้านครเพงายสามารถประกาศอิสรภาพแก่เมืองเพงายได้สำร็จไม่ต้องตกเป็นเมืองขึ้นของจีนอีก ระหว่างนั้นอ้ายลาวได้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่อยู่นครเพงายเรียกว่าอ้ายลาว ส่วนกลุ่มที่อพยพลงมาทางใต้เรียก งายลาว กลุ่มอ้ายลาวก็ได้อพยพหลบหนีการรุกรานของจีนลงมาทางใต้และได้ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณรอบ ๆ หนองแสช่วงนั้นจีนได้แตกออกเป็นสามก๊ก กลุ่มอ้ายลาวจึงถือโอกาสที่จีนกำลังวุ่นวายสร้างเมืองใหญ่ขึ้นได้ 6 เมืองเรียกว่าอาณาจักรหนองแส โดยมีเมืองหนองแสเป็นเมืองหลวง ในปี พ.ศ. 768 พวกอ้ายลาวต้องตกเป็นเมืองขึ้นของจีนอีกครั้ง อ้ายลาวบางส่วนอพยพลงมาทางใต้อีก จนถึง พ.ศ. 938 อ้ายลาวทั้ง 6 เมืองเดิมได้ตั้งตนเป็นอิสระปกครองตนเองต่อมาจนถึงปี พ.ศ. 1192 พระเจ้าแผ่นดินนครหนองแสได้ส่งราชฑูตไปเมืองจีนก้ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีและสานต่อความสัมพันธ์เรื่อยมา ในปี พ.ศ. 1227 พระเจ้าแผ่นดินหนองแสไม่ไว้ใจประเทศจีนเนื่องจากมีกำลังเข้มแข็งและเคยรุกรานอ้ายลาวมาตลอด จึงได้ลงมาสร้างเมืองใหม่ที่ทุ่งนาน้อยอ้อยหนูชื่อเมืองแถน หรือเมืองกาหลง ทรงประทับที่เมืองกาหลงนี้เป็นเวลา 8 ปี ระหว่างนั้นได้ยกทัพไปตีหัวเมืองประเทศจีนได้หลายเมือง และได้สร้างเมืองใหม่ขึ้นอีกชื่อเมือง ตาห้อ หรือ หอแต ซึ่งห่างจากเมืองหนองแสไปทางเหนือประมาณ 40 ลี้ อาณาจักรหนองแสเจริญรุ่งเรืองมาเป็นเวลา 225 ปี มีกษัตริย์ปกครองถึง 13 พระองค์ จนถึงปี พ.ศ. 1797 ราชวงศ์หวนตี้ได้ตีอาณาจักรหนองแสได้สำเร็จ อาณาจักรหนองแสจึงตกเป็นเมืองขึ้นของจีนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กลุ่มชนชาติที่รักสงบก็ได้อพยพลงมาทางตอนใต้เรื่อย ๆ ชาวผู้ไทก็เป็นหนึ่งในนั้นที่อพยพลงมาตั้งบ้านเรือนกระจัดกระจายกันเป็นเมืองต่าง ๆ แต่ก็ยังคงรักษาและสืบทอดขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ในประเทศไทยนั้นจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นจังหวัดที่มีชาวผู้ไทยมาตั้งถิ่นฐานอยุ่มากที่สุด (หน้า 31-36) |
|
Settlement Pattern |
จากการวิเคราะห์นิทาน ผู้ไทนิยมตั้งถิ่นฐานในบริเวณ ที่มีความอุดมสมบูรณ์คือมักจะอยู่ใกล้แหล่งน้ำ ใกล้ป่าเขา อันเป็นแหล่งอาหารหลักและอำนวยความสะดวกในการปลูกสร้างบ้านเรือน นอกจากนั้นยังอยู่ใกล้แหล่งทำกินอีกด้วย ลักษณะบ้านเรือนแบบถาวรและแบบชั่วคราว รวมกันอยู่เป็นหมู่บ้าน บ้านส่วนใหญ่มักมีใต้ถุนสูง พื้นที่บางส่วนกลางตัวเรือนเป็นนอกชานเปิดโล่ง ซึ่งช่วยระบายอากาศร้อนเวลากลางวันและใช้รับลมย็นในเวลากลางคืน พื้นที่ใต้ถุนสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างเช่น ทำคอกศัตว์ เก็บเครื่องมือประกอบอาชีพ ใช้เป็นที่ทำงานในตอนกลางวันเช่น ทอผ้า ปั่นฝ้าย สาวไหม ตัดเย็บเสื้อผ้า จักสานเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ส่วนบ้านเรือนแบบชั่วคราวนั้นเรียกว่าเถียงนา ใช้เป็นที่พักเวลาออกไปทำไร่ทำนา เพื่อคุ้มแดด คุ้มฝน ใช้เป็นที่พักเหนื่อย (หน้า 74-78) |
|
Economy |
จากการศึกษานิทานพื้นบ้านผู้ไทยแสดงให้เห็นว่าชาวผู้ไทยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม แบบพึ่งพาธรรมชาติ แม่ว่าการทำข้าวจะเป็นพืชเศรษฐกิจหลักแต่ก็จะมีการทำไร่ทำสวนคู่กันไป ไม่ยึดการเกษตรรูปแบบใดแบบหนึ่งเป็นหลัก โดยสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตามฤดูกาล เช่นนอกเหนือจากฤดูทำนา ก็หาของป่า จับสัตว์น้ำเป็นต้น อาชีพค้าขาย มีทั้งค้าขายเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริม การค้าที่เป็นอาชีพหลักได้แก่ การค้าขายวัวควาย และการค้าขายทางเรือสำเถา ส่วนการค้าขายที่เป็นอาชีพเสริม ได้แก่ การทอผ้า และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน อาชีพรับจ้าง พบในนิทานเพียงเรื่องเดียวคือเรื่อง ลูกกตัญญู ที่ประกอบอาชีพทำนาและรับจ้างทั่วไป โดยถือว่าอาชีพรับจ้างนี้เป็นอาชีพเสริมเท่านั้น อาชีพหมอ อาชีพหมอพบในนิทานหลายเรื่อง ถือเป็นอาชีพที่สำคัญอาชีพหนึ่งของสังคมผู้ไท นอกจากจะมีหน้าที่รักษาโรคด้วยยาสมุนไพรพื้นบ้านแล้วหมอยังต้องดูแลทุกข์สุขของชาวบ้านโดยการทำนายทายทักเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ตลอดจนแนะนำวิธีแก้ไขให้แก่ชาวบ้าน ดังนั้นอาชีพหมอจึงมีอิทธิพลในการควบคุมความประพฤติของคนในสังคมอีกด้วย (หน้า 83-87) |
|
Social Organization |
จากข้อมูลที่ปรากฎในนิทานพื้นบ้านผู้ไทพบว่า ผู้ไทมีการอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวเดี่ยว ครอบครัวขยาย และครอบครัวรวม แต่ครอบครัวเดี่ยวและครอบครัวขยายจะพบมากที่สุด เพราะลักษณะของครอบครัวขยายมีความสอดคล้องกับการดำรงชีวิตในสังคมเกษตรกรรมที่ต้องพึ่งพิงกันด้านแรงงาน ที่เกิดจากวัฒนธรรมการแต่งเขยหรือสะใภ้เข้าบ้านนั่นเอง ในการเลือกคู่ครองนั้น ผู้ใหญ่จะเป็นคนหาคู่ครองที่มีลักษณะพึงประสงค์ให้แก่บุตรสาว หรืออาจเปิดโอกาศให้หนุ่มสาวพบปะเกี้ยวพาราสีกันตามเทศกาลที่เหมาะสม เมื่อหญิงชายตกลงปลงใจกันแล้วก็จะมีการสู่ขอแต่งงานกันตามความเห็นชอบผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย(หน้า 80-83) |
|
Political Organization |
จังหวัดกาฬสินธุ์จัดการปกครองและบริหารราชการออกเป็น 3 รูปแบบคือ 1. การบริหารราชการส่วนภูมิภาค ระดับจังหวัดประกอบด้วย 33 หน่วยงาน มีสำนักงานจังหวัดเป็นหน่วยงานกลางในการประสานงานกับหน่วยงานอื่น ๆ 2. การบริหารราชการส่วนกลาง ประกอบด้วยส่วนราชการจังหวัดส่วนกลาง 3. การบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง องค์การบริหารส่วนตำบล136 แห่ง เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ 1 แห่ง และเทศบาลตำบล 23 แห่ง (หน้า 21) |
|
Belief System |
นิทานพื้นบ้านสะท้อนให้เห็นว่า ความเชื่อของชาวผู้ไทยแบ่งเป็น 4ด้าน ได้แก่ ความเชื่อเรื่องผี จะมีทั้งผีให้คุณ ผีให้โทษ และผีไม่ให้คุณให้โทษ ผีให้คุณได้แก่ ผีตาแฮก ผีเรือน ผีย่าง่าม ส่วนผีให้โทษได้แก่ ผีลุ่มปุ๊กลุ่มปุ้ย ผีกองกอย ผีนมยาน ผีเปรต ผีไม่ให้คุณให้โทษ คือผีปู้แหลม ความเชื่อทางพุทธศาสนา ได้แก่ เรื่องบาปกรรมหรือกฏแห่งกรรม นรกสวรรค์ บุญกุศล ทาน บารมี ตัวอย่าง ความเชื่อเรื่องบาปกรรม เช่น นิทานเรื่อง "กรรมตามสนอง" ที่ลูกชายปลอมตัวมาปล้นทรัพย์และฆ่าแม่ของตนซึ่งตาบอด ต่อมาภายหลังเขาได้รับกรรมที่ก่อตนไว้โดยต้องกลายเป็นคนตาบอดเช่นเดียวกับแม่ของเขา และมีชีวิตที่ทุกข์ทรมาน ความเชื่อเกี่ยวกับพราหมณ์ ได้แก่ เรื่องโหราศาสตร์ ลางสังหรณ์ อมนุษย์ ตัวอย่างความเชื่อเรื่อง โหราศาสตร์ ในเรื่อง"พระยากินรำ" ที่มีการเสี่ยงทายโดยการเสี่ยงข้องเพื่อหาสาเหตุที่พระวัดเหนือกับพระวัดใต้ทะเลาะกัน ตัวอย่างความเชื่อเรื่องอมนุษย์ ในนิทานเรื่อง "พรสามข้อ" ที่เทวดามอบฆ้องวิเศษให้แก่สองผัวเมียยากจน เพื่อเอาไว้ขอพรตามที่ทั้งสองคนปราถนา ความเชื่ออื่นๆ ได้แก่ ความเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลัง ตัวอย่างในนิทานเรื่อง "แมลงสาบ" ที่มีการใช้ไม้เท้าวิเศษสาปสัตว์ตัวอื่นให้กลายเป็นหิน เป็นต้น ความเชื่อเรื่องวิชาอาคมและการสาปแช่งและการชุบชีวิต ตัวอย่างในนิทานเรื่อง "หัวล้านนอกครู" ที่มีการท่องมนต์คาถาต่อผมให้ยาวขึ้น (หน้า 101-116) |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
จากการศึกษานิทานพื้นบ้านผู้ไทยแสดงให้เห็นแต่เพียงว่าการรักษาคนป่วยโดยหมอพื้นบ้านเป็นผู้ทำหน้าที่รักษาเท่านั้นไม่ได้แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนและวิธีการรักษาที่ชัดเจนว่ารักษาแบบใด ใช้ยาสมุนไพรหรือมีพิธีกรรมเกี่ยวกับการรักษาอย่างไร อาชีพหมอถือเป็นอาชีพที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของคนในสังคม (หน้า 86) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
จังหวัดกาฬสินธุ์เป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงในด้านหัตถกรรมการทอผ้าไหมแพรวา จึงได้เกิดการรวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มทอผ้าแพรวา บ้านโพน ผ้าแพรวาเป็นผ้าทอจากผ้าไหมด้วยลายมัดหมี่เฉพาะตัว เป็นงานฝีมือของชาวผู้ไทย ลักษณะลายผ้าที่เป็นเอกลักษณ์คือ ลายหลักและลายแถบ ส่วนสีของผ้าไม่ได้มีเพียงแต่สีแดงเท่านั้น ปัจจุบันมีการให้สีต่าง ๆ มากขึ้นตมความต้องการของตลาด เช่น สีครีม สีชมพู สีม่วง สีน้ำเงินและสีเขียว นับได้ว่าการทอผ้าแพรวาเป็นงานศิลปหัตกรรมประเภทสิ่งทอที่หาได้น้อยแห่งในประเทศไทย (หน้า 28) |
|
Folklore |
นิทานพื้นบ้านของชาวผู้ไทยจังหวัดกาฬสินธุ์มีทั้งสิ้น 102 เรื่อง ประกอบด้วยนิทานมุขตลก นิทานชีวิต นิทานคติ นิทานผี นิทานอธิบายเหตุ นิทานสัตว์ และนิทานประจำถิ่น ที่เกิดจากกฎของวรรณกรรมพื้นบ้าน ได้แก่ กฎของการเริ่มเริ่งและจบเรื่อง กฎแห่งการซ้ำ กฎแห่งการแตกต่างแบบตรงกันข้าม กฎของการสร้างเรื่องเชิงเดี่ยว ฉากประทับใจ เรื่องความสมเหตุสมผล เรื่องของเอกภาพและการเพ่งจุดสนใจไปที่ตัวละครเอกเพียงตัวเดียว นิทานพื้นบ้านเหล่านี้ได้สะท้อนวิถีชีวิตของชาวบ้านหลายด้านด้วยกัน เช่น ด้านสภาพความเป็นอยู่ ด้านครอบครัว ด้านการประกอบอาชีพ ด้านประเพณี ด้านความเชื่อ ด้านค่านิยมและบทบาทของสมาชิกในสังคม (หน้า 136-139) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
มีการนำแผนที่ แผนภูมิและภาพถ่ายมาใช้ในการนำเสนอข้อมูลเพื่อความชัดเจน อันได้แก่ ภาพตราสัญลักษณ์ของจังหวัดกาฬสินธุ์ ภาพถ่ายอนุสาวรีย์พระยาชัยสุนทร แผนที่จังหวัดกาฬสินธุ์ แผนภูมิสภาพภูมิอากาศ ภาพถ่ายหญิงชาวผู้ไทยกับการทอผ้า และภาพถ่ายการแต่งการของหญิงชาวผู้ไทย |
|
|