|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),โภชนาการ,คุณภาพน้ำนม,การขาดวิตามินเอ,อมก๋อย,เชียงใหม่ |
Author |
Nathika Silalai |
Title |
A Study on Nutritional Status Of Karen Lactating Woman and the Quality of Breast Milk in Vitamin a Deficient Areas |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
148 |
Year |
2546 |
Source |
A Thesis Submitted in Partial Fulfillment Of The Requirements for The Degree of Master of Science (Food and Nutrition for Development ) Faculty of Graduates Studies, Mahidol University |
Abstract |
อาการขาดวิตามินเอในกลุ่มเด็กทารกและเด็กก่อนวัยเรียนเป็นปัญหาอย่างมากในอำเภออมก๋อยจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับคุณภาพน้ำนมและการให้นมบุตร จุดประสงค์ของการศึกษาเพื่อเปรียบเทียบคุณภาพน้ำนมระหว่างพื้นที่ราบใกล้ตลาดและโรงพยาบาลกับพื้นที่สูงห่างไกลตลาดและโรงพยาบาล และระหว่างฤดูฝนกับฤดูแล้ง โดยเก็บข้อมูลในกลุ่มหญิงให้นมบุตร 25 คนและ 38 คนในพื้นที่ราบและพื้นที่สูงตามลำดับ ทางด้านสถานภาพทางสังคม-เศรษฐกิจของครอบครัว น้ำหนัก-ส่วนสูง และข้อมูลการบริโภคอาหาร ขณะเก็บตัวอย่างน้ำนมแม่ในกลุ่มหญิงให้นมบุตรช่วง 12 เดือนแรกเท่านั้นทั้งสองพื้นที่และสองฤดูกาล ลักษณะพื้นที่และฤดูกาลที่ต่างกันนั้นมีผลต่อสารอาหารที่ได้รับของหญิงให้นมบุตร ข้อมูลการบริโภคอาหารของหญิงให้นมบุตรแสดงให้เห็นว่า กลุ่มพื้นที่สูงในช่วงฤดูแล้งจะได้รับพลังงานต่ำกว่าในช่วงฤดูฝนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ขณะเดียวกันในช่วงฤดูแล้งนั้นกลุ่มพื้นที่สูงได้รับพลังงานต่ำกว่ากลุ่มพื้นที่ราบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเช่นกัน สารอาหารอื่นๆ ก็เช่นกัน และปริมาณไขมันที่บริโภคอยู่ในอัตราต่ำกว่าร้อยละ 10 ซึ่งส่งผลต่อการดูดซึมวิตามินเอทั้งในสองพื้นที่และสองฤดูกาล จากการศึกษาองค์ประกอบของน้ำนมพบว่า ปริมาณวิตามินเอในน้ำนมมีค่าต่ำกว่าปกติ นอกจากนั้นปริมาณวิตามินเอของหญิงให้นมบุตรในพื้นที่ราบมีค่าสูงกว่าในพื้นที่สูงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และในช่วงฤดูฝนก็สูงกว่าในฤดูแล้งอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จำนวนหญิงให้นมบุตรที่มีปริมาณวิตามินเอในน้ำนมต่ำในพื้นที่สูงช่วงฤดูแล้งมีค่าสูงที่สุดคือร้อยละ 83.3 จากการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ลักษณะของพื้นที่และฤดูกาลที่ต่างกันนั้นมีผลต่อการได้รับสารอาหารของหญิงให้นมบุตรในปริมาณที่ต่างกันซึ่งจะสัมพันธ์กับปริมาณวิตามินเอในน้ำนมแม่ และจะส่งผลกระทบไปยังการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กรวมไปถึงภาวะการขาดวิตามินเอของเด็กทารกและเด็กก่อนวัยเรียนต่อไป การแจกยาเม็ดวิตามินเอแก่แม่และปรับปรุงการบริโภคอาหารของหญิงให้นมบุตร คุณภาพน้ำนม และรูปแบบการเลี้ยงดูเด็กทารกนั้นจัดเป็นวิธีที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาเหล่านี้ (หน้า IV) |
|
Focus |
เปรียบเทียบคุณภาพน้ำนมของกลุ่มหญิงให้นมบุตรกะเหรี่ยงระหว่างพื้นที่ราบใกล้ตลาดและโรงพยาบาลกับพื้นที่สูงห่างไกลตลาดและโรงพยาบาล และระหว่างฤดูฝนกับฤดูแล้งในอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ (หน้า 2) |
|
Theoretical Issues |
1.สถานภาพของอาหาร ภาวะโภชนาการ และคุณภาพน้ำนมของหญิงให้นมบุตรชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่ราบดีกว่าพื้นที่สูง (หน้า 4) 2.สถานภาพของอาหาร ภาวะโภชนาการ และคุณภาพน้ำนมของหญิงให้นมบุตรชาวกะเหรี่ยงในช่วงหน้าฝนดีกว่าช่วงหน้าแล้ง (หน้า 4) ลักษณะของพื้นที่และฤดูกาลที่ต่างกันนั้นมีผลต่อการได้รับสารอาหารของหญิงให้นมบุตร ซึ่งจะสัมพันธ์กับปริมาณวิตามินเอในน้ำนมแม่ และจะส่งผลกระทบไปยังการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก รวมไปถึงภาวะการขาดวิตามินเอของเด็กทารกและเด็กก่อนวัยเรียน โดยเฉพาะในพื้นที่สูง (หน้า 100) |
|
Ethnic Group in the Focus |
กลุ่มหญิงให้นมบุตรชาวกะเหรี่ยงในอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ (หน้า 4) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
กะเหรี่ยงในพื้นที่ราบใกล้ตลาดและโรงพยาบาลสามารถฟัง พูด อ่าน และเขียนภาษาไทยได้ดีกว่ากะเหรี่ยงในพื้นที่สูงห่างไกลตลาดและโรงพยาบาล ซึ่งเป็นพื้นที่ชนบทและยากจน ซึ่งในประเทศกำลังพัฒนา ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ยังคงมีอยู่อย่างกว้างขวางในพื้นที่ชนบทของประเทศ (หน้า 45) |
|
Study Period (Data Collection) |
การศึกษาแบ่งออกเป็นสองช่วง ได้แก่ ช่วงหน้าฝน คือ เดือนตุลาคม พ.ศ.2543 และช่วงหน้าแล้ง คือ เดือนเมษายน พ.ศ.2544 (หน้า 35) |
|
History of the Group and Community |
|
Settlement Pattern |
อำเภออมก๋อยเป็นอำเภอเล็กๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่ร้อยละ 90 เป็นภูเขาสันปันน้ำ และเป็นป่าสงวนซึ่งสิ่งแวดล้อมได้รับการคุ้มครอง ประกอบด้วย 6 ตำบล 90 หมู่บ้าน อำเภออมก๋อยมีประชากร 46,619 คน ในจำนวนนี้เป็นชนกลุ่มน้อย (เช่น กะเหรี่ยง มูเซอ) อาศัยอยู่บนพื้นที่สูงร้อยละ 60 (หน้า 33) บ้านเรือนส่วนใหญ่สร้างด้วยวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น เช่น ไม้ไผ่ ไม้ และหญ้า บ้านในพื้นที่ราบมีความคงทนถาวรกว่าบ้านในพื้นที่สูง (หน้า 43) |
|
Demography |
ผู้เขียนได้แบ่งพื้นที่ที่ทำการศึกษาออกเป็นสองส่วน ส่วนแรก คือ พื้นที่ราบใกล้ตลาดและโรงพยาบาล มีประชากร 145 คน เป็นชายร้อยละ 50.4 หญิงร้อยละ 49.6 ส่วนที่สองคือพื้นที่สูงห่างไกลตลาดและโรงพยาบาล มีประชากร 201 คน เป็นชายร้อยละ 47.3 หญิงร้อยละ 52.7 (หน้า 43) |
|
Economy |
อาชีพหลัก ได้แก่ การทำนา แต่มีรายได้หลักจากอาชีพรองคือการรับจ้าง โดยในพื้นที่ราบนิยมทำนาแบบที่ราบ ส่วนในพื้นที่สูงนิยมทำนาขั้นบันได ทั้งนี้เป็นเพราะทั้งสองพื้นที่ทำนาเพื่อบริโภคเองเป็นส่วนใหญ่ การเกษตรยังเป็นแบบดั้งเดิม คือพึ่งพาสภาวะอากาศตามธรรมชาติเป็นหลัก และยังใช้เทคโนโลยีการเกษตรแบบดั้งเดิม บุกเบิกพื้นที่เพาะปลูกโดยการตัดไม้ทำลายป่า ได้ผลผลิตน้อย และไม่เพียงพอต่อการบริโภคในบางฤดูกาล (หน้า 33) อาชีพรองของคนทั้งสองพื้นที่คือการรับจ้างจึงเป็นรายได้หลัก รายได้ที่ได้มาส่วนใหญ่ใช้ไปในการซื้ออาหาร รองลงมาคือยารักษาโรค การท่องเที่ยว และอื่นๆ (หน้า 45-47) |
|
Social Organization |
ทั้งในพื้นที่สูงและพื้นที่ราบส่วนใหญ่จะอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวขยาย คือในบ้านหนึ่งหลังจะมีหลายครอบครัวซึ่งเป็นเครือญาติกัน โดยเฉลี่ยแล้วบ้านหนึ่งหลังจะมีสมาชิก 5-6 คน มีเพียงบางบ้านที่มีสมาชิก 1-2 คน (หน้า 44) และพบว่าบ้านที่มีจำนวนสมาชิก 9 คนหรือมากกว่ามักมีรายได้ต่ำ (หน้า 83) |
|
Belief System |
คนในพื้นที่สูงส่วนใหญ่ยังคงนับถือผี (หน้า 69) |
|
Education and Socialization |
หญิงให้นมบุตรชาวกะเหรี่ยงทั้งพื้นที่ราบและพื้นที่สูงนั้นมีระดับการศึกษาที่ค่อนข้างต่ำ คือ น้อยกว่าขั้นประถม ไปจนถึงไม่ได้รับการศึกษาเลย โดยระดับการศึกษาของหญิงให้นมบุตรชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่ราบดีกว่าหญิงให้นมบุตรชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่สูงเพียงเล็กน้อย (หน้า 45) |
|
Health and Medicine |
โดยทั่วไปกะเหรี่ยงหญิงให้นมบุตรทั้งในพื้นที่ราบและพื้นที่สูงมีค่าดัชนีมวลกายปกติ แต่ส่วนสูงค่อนข้างเตี้ย คือมีส่วนสูงเฉลี่ยที่ 150 เซนติเมตร (หน้า 93) มีบุตรคนแรกเมื่ออายุเฉลี่ย 19 ปี ตลอดวัยเจริญพันธุ์จะตั้งครรภ์เฉลี่ย 3-4 ครั้ง และแท้งบุตรเฉลี่ย 1-2 ครั้ง การตั้งครรภ์แต่ละครั้งเว้นช่วงประมาณ 2-3 ปี (หน้า 65) ทั้งสองพื้นที่ใช้น้ำจากท่อของหมู่บ้าน คนพื้นที่ราบมีอัตราการต้มน้ำก่อนบริโภคสูงกว่าคนพื้นที่สูง โดยเกือบครึ่งของประชากรทั้งในพื้นที่ราบและพื้นที่สูงบริโภคน้ำที่ไม่ผ่านการต้ม โดยจะต้มน้ำใช้กับคนป่วยและเด็กเท่านั้น ความสะอาดของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย บ้านเรือน ตลอดจนที่ขับถ่ายของคนในพื้นที่ราบดีกว่าคนในพื้นที่สูง (หน้า 68) เมื่อเจ็บป่วย คนในพื้นที่ราบเลือกที่จะไปโรงพยาบาลมากที่สุด รองลงมาคือซื้อยากินเอง และรักษาโรคด้วยหมอผีน้อยที่สุด ในขณะที่คนในพื้นที่สูงเลือกที่จะรักษาโรคด้วยหมอผีมากที่สุด รองลงมาคือซื้อยากินเอง และไปโรงพยาบาลน้อยที่สุด (หน้า 69) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
ผู้เขียนได้ใช้แผนที่ แผนผัง ตาราง และกราฟ เพื่อแสดงข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับกระบวนการศึกษา และประเด็นที่ศึกษา โดยผู้เขียนได้ทำการเก็บข้อมูลในกลุ่มหญิงให้นมบุตร 25 คนและ 38 คนในพื้นที่ราบและพื้นที่สูงตามลำดับ ทางด้านสถานภาพทางสังคม-เศรษฐกิจของครอบครัว, น้ำหนัก-ส่วนสูง และข้อมูลการบริโภคอาหาร ขณะเก็บตัวอย่างน้ำนมแม่ในกลุ่มหญิงให้นมบุตรช่วง 12 เดือนแรกเท่านั้นทั้งสองพื้นที่และสองฤดูกาล รวม 28 ตาราง (หน้า 3, 36, 37, 50, 51, 52, 56, 57, 59, 62, 74, 75, 76, 77, 78, 79, 81, 82) |
|
|