|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ชาวบน,ประวัติ,วิถีชีวิต,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ |
Author |
Erik Seidenfaden |
Title |
Some Notes about the Chaubun |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
ญัฮกุร เนียะกุร,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic) |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
11 |
Year |
2462 |
Source |
Journal of the Siam Society Volume XII. (Part 3) Bangkok 1918 |
Abstract |
คน Nia-kuol ในอดีตเคยอาศัยอยู่บนที่สูงในป่าแถบเทือกเขาดงรัก มีวิถีชีวิตแบบหาของป่าล่าสัตว์ และเร่ร่อนประมาณเมื่อ 60 ปีที่แล้วจึงอพยพลงมาอยู่ในอำเภอปักธงไชยและกระทอก เปลี่ยนจากเร่ร่อนมาตั้งถิ่นฐานถาวร มีคนพูดภาษา Nia-kual อยู่ 500-600 คน เมื่ออยู่ในพื้นที่ราบก็ทำการปลูกข้าว ข้าวโพด ยาสูบ ไม่ได้เลี้ยงสัตว์พวกวัวควายมากนัก |
|
Focus |
ศึกษาชาวบนซึ่งเรียกตัวเองว่า 'Nia-kuol' และอาศัยอยู่ในแถบที่ลาดชันตอนเหนือของเทือกเขาดงเร็ก ตามพรมแดนระหว่างจังหวัดโคราชและปราจีน (หน้า 1,2) |
|
Ethnic Group in the Focus |
Nia-kual (คนที่อยู่บนภูเขา) หรือ Chaubun มีความหมายถึงคนที่อยู่บนภูเขา อาศัยอยู่ในผืนป่าทางแถบเทือกเขาดงเร็ก ซึ่งเป็นผืนที่ระหว่างจังหวัดโคราชและปราจีน ก่อนย้ายลงมาอยู่ในพื้นที่ราบและปลูกข้าวหรือพืชผักต่างๆ ประมาณเมื่อ 60 ปีมาแล้ว (หน้า 3,4) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษาของคนกลุ่มนี้มีความคล้ายคลึงกับภาษามอญ เขมร กุย และข่า ทำให้สันนิษฐานว่าเป็นภาษาในตระกูลมอญ-เขมร ภาษา nia-kuol ที่ถือว่าบริสุทธิ์มากที่สุดพบอยู่ในตำบล "Dankrup" นอกนั้นจะผสมผสานกับภาษาไทยและภาษาลาว และคนรุ่นเด็กไม่ใคร่ใช้ภาษาพ่อและแม่ (หน้า 3,11) |
|
Study Period (Data Collection) |
เดือนมีนาคม ค.ศ. 1918 (หน้า 1) |
|
History of the Group and Community |
|
Settlement Pattern |
ไม่ได้ระบุชัดเจน แต่กล่าวถึงคน Nia-kuol ว่าเมื่อย้ายลงมาอยู่บนที่ราบถาวรแล้วก็สร้างหมู่บ้านเหมือนคนไทยและลาว (หน้า 2) |
|
Demography |
ประชากรที่พูดภาษา Nia-kuol มีอยู่ราว 500 คนใน 5 หมู่บ้านของตำบล "Dakrup" ที่บ้าน "Dalingchan" มีเกือบ 20 คน บ้าน "Mabkrat" มีประมาณ 200 คน โดยรวมแล้วน่าจะมีคน Nia-kuol อยู่ประมาณ 700 คน แต่คนที่พูดภาษา Nia-kuaol มีไม่เกิน 500-600 คน (หน้า 2) |
|
Economy |
กล่าวว่า Nia-kuol ปลูกข้าว ข้าวโพด ยาสูบ และฟักหรือน้ำเต้า เมื่อได้อพยพลงมาสู่ที่ราบแล้วเมื่อประมาณ 60 ปีมาแล้ว ก่อนหน้านี้เคยเก็บของป่าล่าสัตว์ (หน้า 2) |
|
Social Organization |
ไม่ได้ระบุชัดเจน แต่กล่าวว่ามีการแต่งงานภายในกลุ่มที่ทำให้เกิดความกลมกลืนกันในเผ่า (หน้า 4) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ผู้หญิงจะใส่ 'N'nik' ผ้าฝ้ายผืนเดียวที่พันรอบเอวหลายรอบและมัดเป็นปมด้านสะโพกขวา เวลาเดินทางผู้หญิงจะแบกตะกร้าไว้ข้างหลังเพื่อใส่อาหารและสิ่งของ ถ้ามีเด็กตัวเล็กๆ ก็จะห่อผ้าแล้วพันติดกับสะโพก ผู้หญิงจะมีภาชนะบรรจุน้ำที่ทำจากไม้ไผ่ ปัจจุบันใช้ 'klu' ซึ่งเป็นตะกร้าใส่น้ำแทน (หน้า 4) |
|
Folklore |
ไม่ได้ระบุชัดเจน กล่าวถึงตำนานของ Ho-ton กลุ่มคนซึ่งมีถิ่นกำเนิดจากจามปา ซึ่งนักวิจัยท่านหนึ่งเชื่อว่าเขาได้ค้นพบคนในตำนานนี้อาศัยอยู่ทางพื้นที่ลาดชันทางตอนใต้ของที่ราบสูงโคราช (หน้า 3) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
มีตารางเทียบคำศัพท์ภาษาอังกฤษกับภาษา Nia-kual และ Talaing หน้า 5-11 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าใกล้เคียงกับภาษามอญ กุย เขมร หรือข่า |
|
|