|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ออแรนายู มลายูมุสลิม มุสลิมมลายู,มุสลิม,ชุมชน,สังคม,เศรษฐกิจ,การศึกษา,ปัตตานี |
Author |
สมมุติ เบ็ญจลักษณ์ |
Title |
ภูมิหลังของประชากรชาวไทย-มุสลิม ในเขตชุมชนเมืองกับลักษณะโครงสร้างทางสังคมของชุมชน : ศึกษาเปรียบเทียบระหว่างกรณีชุมชนเมืองกับชุมชนกึ่งเมือง กึ่งชนบท และชุมชนชนบท ในจังหวัดปัตตานี |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเนเชี่ยน |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
70 |
Year |
2544 |
Source |
วิทยานิพนธ์หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (พัฒนาสังคม) คณะพัฒนาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ |
Abstract |
เนื้อหาเป็นการศึกษาเพื่อให้ทราบและเปรียบเทียบ โครงสร้างสังคมของมุสลิมที่อยู่ในเขตเมือง เช่น เขตเทศบาล ชุมชนกึ่งเมือง กึ่งชนบท คือ เทศบาลที่ยกระดับมาจากสุขาภิบาล และชุมชนชนบท คือ เขตที่อยู่ในส่วนของการปกครองขององค์การบริหารส่วนตำบล หรือ อบต. และสภาตำบล ในอำเภอที่เป็นเป้าหมายในการศึกษา เช่น อ.เมือง อ.หนองจิก อ.โคกโพธิ์ อ.แม่ลาน อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ว่ามีรูปแบบใด อาทิ ระบบเครือญาติ ระบบอุปถัมภ์ ระบบฝักฝ่าย โดยโครงสร้างชุมชนนั้นขึ้นอยู่กับภูมิหลังประชากร เช่น เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ ผลของการศึกษาพบว่า ลักษณะโครงสร้างทางสังคมของชุมชน เกี่ยวกับการยึดถือระบบเครือญาติ ระบบอุปถัมภ์ หรือระบบฝักฝ่าย จะยึดถือระบบเครือญาติเป็นด้านหลัก ระบบฝักฝ่ายเป็นด้านรอง และระบบอุปถัมภ์เป็นด้านเสริม ลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างภูมิหลังของประชากรกับการยึดถือระบบเครือญาติ โดยภาพรวมจะยึดถือระบบเครือญาติเป็นด้านหลัก ไม่มีความแตกต่างในทัศนะความเห็นต่อลักษณะโครงสร้างทางสังคมของชุมชนเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างภูมิหลังของประชากรกับการยึดถือระบบอุปถัมภ์ พบว่าภูมิหลังของประชากรแตกต่างกัน เช่น เพศ อายุ การศึกษา อาชีพ รายได้ โดยภาพรวมของลักษณะทางสังคมของชุมชน ยึดถือระบบอุปถัมภ์เป็นด้านเสริม, ความสัมพันธ์ระหว่างภูมิหลังของประชากรกับการยึดถือระบบฝักฝ่าย พบว่าโดยภาพรวมชุมชนจะยึดถือระบบฝักฝ่ายเป็นรอง จากการตั้งฐานคติในการศึกษาภูมิหลังของประชากรชาวไทย-มุสลิมในเขตชุมชนเมืองกับลักษณะโครงสร้างทางสังคม พบว่ายึดถือระบบเครือญาติเป็นด้านหลัก เปรียบเทียบลักษณะโครงสร้างทางสังคมในภาพรวมระหว่างชาวไทย-มุสลิมในเขตชุมชนเมือง กับชุมชนกึ่งเมือง-กึ่งชนบท และชุมชนชนบท พบว่ามีลักษณะโครงสร้างทางสังคมของชุมชนเป็นแบบเครือญาติเป็นด้านหลักทั้งหมด |
|
Focus |
เพื่อศึกษาเปรียบเทียบลักษณะโครงสร้างทางสังคมของมุสลิมในเขตเมืองกับเขตกึ่งเมือง และเขตชนบท ของ จ.ปัตตานี (หน้า 2, 3) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ไทยมุสลิมที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง ชุมชนกึ่งเมือง-กึ่งชนบท และชุมชนชนบท ใน จ.ปัตตานี (หน้า 2) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
พฤศจิกายน 2543 - ตุลาคม 2544 |
|
History of the Group and Community |
|
Demography |
ประชากรที่อยู่ในพื้นที่ที่ผู้วิจัยทำการศึกษา ใน อ.เมือง อ.หนองจิก อ.โคกโพธิ์ อ.แม่ลาน และ อ.ยะหริ่ง มีประชากรจำนวน 47,234 ครัวเรือน ในเขต อ.เมืองในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองปัตตานี มีจำนวนประชากร 45,653 คน จำนวน 7,045 ครัวเรือน โดยแยกเป็นครัวเรือนไทยพุทธ 4,137 ครัวเรือน กับครอบครัวไทยมุสลิม จำนวน 2,908 ครัวเรือน (หน้า 21) จำนวนตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม จำนวน 358 คน (หน้า 27) |
|
Economy |
อาชีพ จากกลุ่มตัวอย่างพบว่า ทำอาชีพค้าขาย จำนวน 36% รับจ้าง 32.7% ทำการเกษตรจำนวน 18.2% ทำงานราชการหรือทำงาน รัฐวิสาหกิจ จำนวน 13.1% ส่วนกลุ่มที่อยู่ในหมู่บ้านทำการค้า 34.6 % ทำงานรับจ้าง 27.4% ทำการเกษตรจำนวน 26.3% รับราชการ หรือทำงานรัฐวิสาหกิจ จำนวน 11.7% (หน้า 29) การทำอาชีพโดยยึดระบบเครือญาติ ทำอาชีพการเกษตร 54.3% ค้าขาย 72.6% รับจ้างจำนวน 71.4% ทำงานราชการหรือรัฐวิสาหกิจ จำนวน 69% (หน้า 42) รายได้ ครอบครัวที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 3,001-6,000 บาท จำนวน 43.9% รายได้เฉลี่ยต่อเดือนน้อยกว่า 3,000 บาท 32.4% มีรายได้ระหว่าง 6,001-9,000 บาท 10.3% รายได้ระหว่าง 9,001-12,000 บาท 5. % มีรายได้ระหว่าง 12,001-15,000 บาท 3.4% (หน้า 30) รายได้ 15,001-18,000 บาท กับรายได้ 18,001-21,000 บาท มีจำนวน 1.7 % และมีรายได้ระหว่าง 21,001-24,000 บาท จำนวน 1.4% (หน้า 31) |
|
Social Organization |
ในการศึกษาได้แบ่งระบบสังคมเป็น สังคมแบบระบบเครือญาติ เช่น การนับถือคนอาวุโสในเครือญาติ และเน้นความเสมอภาค คนที่เป็นผู้นำโดยมากจะเป็นผู้อาวุโส รวมกันเป็นกลุ่มปกครองหมู่บ้าน และยึดถือคุณธรรมเป็นหลัก (หน้า 20) จากการศึกษาพบว่า คนในหมู่บ้านโดยมากจะเป็นญาติพี่น้องกัน และผู้ที่เป็นลูกหลาน ก็เชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้หลัก ผู้ใหญ่ และสังคมเป็นแบบช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน (หน้า 32) สังคมแบบระบบอุปถัมภ์ จัดระบบอำนาจเป็นระดับชั้น มีลูกพี่ที่ร่ำรวย หรือตำแหน่งเป็นผู้นำ โดยมีลูกน้องเป็นผู้คอยรับใช้ เป็นต้นมีบุญคุณเป็นข้อผูกพันและยึดถือการช่วยเหลือกันในแต่ละฝ่าย (หน้า 20) สังคมแบบระบบฝักฝ่าย เป็นกลุ่มที่มีความสัมพันธ์ตามรสนิยมชาติพันธุ์ หรือผลประโยชน์ ระบบความสัมพันธ์ไม่มีความแน่นอน เป็นแบบตัวใครตัวมัน (หน้า 20) โครงสร้างสังคมของไทยมุสลิม ในเขตเมือง จะถือระบบเครือญาติเป็นหลัก รองลงมาคือถือระบบฝักฝ่าย และระบบอุปถัมภ์น้อยที่สุด ชุมชนกึ่งเมือง-กึ่งชนบท จะถือระบบเครือญาติเป็นหลัก รองลงมาถือระบบฝักฝ่าย และระบบอุปถัมภ์น้อยที่สุด ชุมชนชนบท จะถือระบบเครือญาติเป็นหลัก ระบบอุปถัมภ์เป็นรอง และระบบฝักฝ่าย น้อยที่สุด (หน้า 53) การศึกษาพบว่าทั้งสามชุมชนจะยึดถือระบบเครือญาติ (หน้า 54) |
|
Political Organization |
การเมืองการปกครองมีความเกี่ยวพันกับศาสนา เพราะศาสนาอิสลามมีความผูกพันกับมุสลิมทั้งทางโลกและทางธรรม ในทางโลกคนที่นับถือศาสนาต้องปฏิบัติต่อกัน เช่น การแต่งงาน การประกอบอาชีพ การแก้ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจ นอกจากนี้ศาสนายังวางหลักด้านการค้า มรดก การแต่งงาน การหย่า ข้อบัญญัติเหล่านั้น เป็นพื้นฐานของกฎหมายอิสลาม ที่ใช้ในประเทศที่ประชาชนนับถือศาสนาอิสลาม และมีประชาชนบางส่วนในประเทศนับถือศาสนานี้ (หน้า 12) |
|
Belief System |
ศาสนาอิสลาม หมายถึง ศาสนาที่ผู้ที่นับถือยินยอมมอบกายและจิตใจให้แก่พระอัลลอฮ์ สำหรับคำว่า "อิสลาม" นั้น รายงานระบุว่ามาจากคำว่า "ชะละมะ" หมายถึง เข้าไปในสันติ หรือความสงบ ดังนั้นคำว่าอิสลาม จึงมีความหมายว่า การปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระอัลลอฮ์ คำว่า "ลาม" มาจากคำว่า "ซะลิม" หมายถึงผู้ยินยอมมอบการและใจให้พระอัลลอฮ์ (หน้า 11) ศาสนาอิสลามประกอบด้วยบทบัญญัติภาคทฤษฎี(หลักศรัทธา) 6 ข้อ และภาคปฏิบัติ 6 ข้อ ได้แก่ หลักการศรัทธา(รุกนอีหม่าน) ประกอบด้วย (หน้า 12) 1) เชื่อมั่นในพระอัลลอฮ์ 2) เชื่อมั่นในมะอิกะฮ์ หรือ เทวทูต 3) เชื่อมั่นคัมภีร์ของอัลลอฮ์ 4) เชื่อมั่นต่อรสูล หรือศาสนทูต ของอัลลอฮ์ 5) เชื่อมั่นในวันอาคีเราะฮ์ หรือ วันสุดท้ายของโลก (หน้า 12) 6) เชื่อมั่นกฎสภาวะการณ์ของอัลลอฮ์ (ศุบห์) ทั้งดีและร้ายที่อัลลอฮ์กำหนด (หน้า 13) หลักปฏิบัติ(รุกนอิสลาม) ประกอบด้วย 1) ปฏิญาณว่า " ข้าพเจ้าขอปฏิญาณว่า แท้จริงไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอื่นใดเว้นแต่อัลลอฮ์องค์เดียว กับท่านมิมูฮัมหมัด เป็นรสูล หรือศาสนทูต ของอัลลอฮ์ (หน้า 13) 2) การนมัสการ หรือนมาซ มุสลิมต้องปฏิบัติ 5 เวลา ได้แก่ เวลาเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น บ่าย เย็น พลบค่ำและกลางคืน การทำนมาซจะทำได้ทุกสถานที่ แต่ร่างกายจะต้องสะอาดไม่สกปรก (หน้า 13) 3) การบริจาคทรัพย์ (ซากาต) คัมภีร์อัล- กุรอาน ได้บัญญัติเรื่องการบริจาคคู่กับการนมัสการ เมื่อมุสลิมนมัสการ (นมาซ ) ก็ต้องบริจาคทรัพย์ (ซากาต) ในที่นี้ทรัพย์ไม่ใช่จะเป็นเฉพาะเงินเท่านั้น ยังรวมทั้งความคิด ปัญญา การช่วยเหลือ ความเมตตาต่อคนอื่น (หน้า 13) 4) ถือศีลอด มุสลิมจะงดการรับประทานอาหาร การดื่ม สูบบุหรี่ การมีเพศสัมพันธุ์ไม่ทำสิ่งไม่ดีทั้งกายและใจ ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้น จนพระอาทิตย์ตกดิน ในเดือนรอมฎอน เป็นเวลา 1 เดือน (หน้า 13) 5) การแสวงบุญ มุสลิมทั้งชายหญิง หากทำได้ก็จะไปแสวงบุญหรือประกอบพิธีฮัจย์ ที่เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย อย่างน้อยที่สุด 1 ครั้งของชีวิต (หน้า 13) การนับถือศาสนาแยกตามครัวเรือนและกลุ่มตัวอย่างในแต่ละพื้นที่ ศาสนาพุทธ ชุมชนเมือง จำนวน 4,137 ครัวเรือน ชุมชนกึ่งเมือง กึ่งชนบท จำนวน 2,250 ครัวเรือน ชุมชนชนบท จำนวน 10,708 ครัวเรือน, กลุ่มตัวอย่าง ชุมชนเมือง จำนวน 423 คน ชุมชนกึ่งเมือง กึ่งชนบทจำนวน 186 คน ชุมชนชนบท จำนวน 255 คน (หน้า 22) ศาสนาอิสลาม ชุมชนเมืองจำนวน 2,908 ครัวเรือน ชุมชนกึ่งเมือง กึ่งชนบท จำนวน 3,543 ครัวเรือน ชุมชนชนบท จำนวน 23,688 ครัวเรือน กลุ่มตัวอย่าง ชุมชนเมืองจำนวน 358 คน ชุมชนกึ่งเมือง กึ่งชนบท จำนวน 361 คน ชุมชนชนบท จำนวน (หน้า 22) |
|
Education and Socialization |
สำหรับผู้ตอบแบบสำรวจ ซึ่งเป็นประชากรในการศึกษา จำนวน 104 คน จบการศึกษาต่ำกว่าชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 29.1% เรียนจบชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 -มัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 20.7% ผู้ที่ไม่ได้เรียนหนังสือ จำนวน 15.6% ผู้ที่เรียนจบชั้น ม.4 - ม.6 จำนวน 15.4% จบการศึกษาระดับอนุปริญญาตรี หรือเทียบเท่า จำนวน8.4 % จบระดับปริญญาตรีขึ้นไปจำนวน 8.7% จบการศึกษาปอเนาะ 6 คน กับจบการศึกษาปอเนาะ กับสายสามัญจำนวน 2 คน (หน้า 27 ตาราง หน้า 28) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
ตาราง แสดงการจำแนกครัวเรือน และกลุ่มตัวอย่าง ตามลักษณะพื้นที่และเชื้อชาติ ศาสนา (หน้า 22) แสดงประชากรชาวไทย - พุทธ ไทย - มุสลิม ในเขตชุมชนเมือง (หน้า 23) ภูมิหลังประชากรของผู้ตอบแบบสำรวจ (หน้า 28) ภูมิหลังประชากร ด้านเศรษฐกิจของผู้ตอบแบบสำรวจ (อาชีพ) (หน้า 30) ด้านเศรษฐกิจของผู้ตอบแบบสำรวจ (รายได้) (หน้า 31) แสดงจำนวนร้อยละของประชากร จำแนกตามความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงสร้างสังคมชุมชนตามความสัมพันธ์ในระบบเครือญาติ (หน้า 32) จำแนกตามความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงสร้างสังคมชุมชน ตามความสัมพันธ์ในระบบอุปถัมภ์ (หน้า 34) จำแนกตามความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงสร้างสังคมชุมชน ตามความสัมพันธ์ในระบบฝักฝ่าย (หน้า 36) อันดับการยึดถือของชาวบ้าน (หน้า 37) แสดงลักษณะโครงสร้างทางสังคมของชุมชน ในภาพรวมของชุมชนเมือง (หน้า37) ในการยึดถือระบบเครือญาติ ระบบอุปถัมภ์ (หน้า 38) ระบบฝักฝ่าย (หน้า 39) แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเพศกับการยึดถือระบบเครือญาติ (หน้า 39) อายุกับการยึดถือระบบเครือญาติ (หน้า 40) การศึกษากับการยึดถือระบบเครือญาติ (หน้า 41) อาชีพหลักและอาชีพรองของชาวบ้านส่วนใหญ่ กับการยึดถือระบบเครือญาติ (หน้า 42, 43) รายได้ครอบครัวโดยเฉลี่ยต่อเดือน ต่อครอบครัวกับการยึดถือระบบเครือญาติ (หน้า 44) แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเพศ กับการยึดถือระบบอุปถัมภ์ (หน้า 44) อายุ การศึกษา อาชีพหลัก อาชีพหลัก อาชีพรองของชาวบ้านส่วนใหญ่กับการยึดถือระบบอุปถัมภ์ (หน้า 45, 46, 47, 48) รายได้ครอบครัวโดยเฉลี่ยต่อเดือนต่อครอบครัวกับการยึดถือระบบอุปถัมภ์ (หน้า 48) เพศ, อายุ, การศึกษา, อาชีพหลัก, อาชีพหลักและอาชีพรองของชาวบ้านส่วนใหญ่ กับการยึดถือระบบฝักฝ่าย (หน้า 49, 50, 51, 52) รายได้ครอบครัวโดยเฉลี่ยต่อเดือนต่อครอบครัวกับการยึดถือระบบฝักฝ่าย (หน้า 53) แสดงการเปรียบเทียบลักษณะโครงสร้างทางสังคมของชุมชน ในภาพรวมของชุมชนเมือง ชุมชนกึ่งเมือง-กึ่งชนบท และชุมชนชนบท (หน้า 54) แสดงความสัมพันธ์ระหว่างภูมิหลังของประชากรกับการยึดถือระบบเครือญาติระบบอุปถัมภ์ และระบบฝักฝ่ายในภาพรวมของชุมชน (หน้า 59) แผนภูมิ กรอบแนวคิด แสดงขั้นตอนของการพัฒนาโครงสร้างทางสังคม (หน้า 18) แสดงภูมิหลังทางสังคมชาวไทย-มุสลิม ในเขตชุมชนเมือง และองศาของการเติบโตเป็นเมืองของชุมชนกับลักษณะโครงสร้างทางสังคม (หน้า 19) |
|
|