|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
มอญ,วัฒนธรรม,การสื่อสาร,ภาคกลาง |
Author |
วสุ เขียวสอาด |
Title |
การสื่อสารระหว่างวัฒนธรรมระหว่างชาวไทยและชาวมอญ ที่ก่อให้เกิดการพัฒนาชุมชน : กรณีศึกษา ต.ตลาด อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มอญ รมัน รามัญ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic) |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
146 |
Year |
2546 |
Source |
หลักสูตรปริญญานิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์พัฒนาการ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ |
Abstract |
จากการศึกษาพบว่า การสื่อสารระหว่างวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในตำบลตลาดส่วนใหญ่เป็นการสื่อสารแบบตัวต่อตัว เป็นรูปแบบการสื่อสารที่มีบทบาทมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมีเรื่องของศาสนา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีเป็นเสมือนตัวกลางในการเชื่อมโยงให้เกิดการศึกษาซึ่งกันและกัน ทำให้ความเป็นตัวตนของชาวมอญตำบลตลาดที่แสดงออกมาในปัจจุบันส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นแบบ "มอญๆ ไทยๆ" การผสมผสานกลมกลืนที่เกิดขึ้นระหว่างชาวไทยและชาวมอญในตำบลตลาดนี้นั้นได้ส่งผลถึงความเป็นตัวตนของชาวมอญแทบทุกด้าน ทำให้ชาวมอญในปัจจุบันมีลักษณะคล้ายคลึงกับชาวไทย
ดังนั้นการผสมกลมกลืนที่เกิดขึ้นในตำบลตลาด อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างชาวไทยและชาวมอญที่ได้กล่าวข้างต้นนั้น ได้เกิดขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว จนกระทั่งก่อให้เกิดการพัฒนาในด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจ การศึกษา การท่องเที่ยว หรือการเมืองขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ (หน้า 88, 99 และ 104) |
|
Focus |
เน้นการศึกษาในเรื่องของการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรมที่ทำให้ชาวไทยและชาวมอญ ที่อาศัยอยู่ในตำบลตลาด อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข และก่อให้เกิดการพัฒนาชุมชน (หน้า 10) |
|
Theoretical Issues |
การศึกษาเรื่องรูปแบบการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรมชาวไทยและชาวมอญ ที่ก่อให้เกิดการพัฒนาชุมชน กรณีศึกษา ต.ตลาด อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการนี้ ผู้วิจัยได้สรุปให้เห็นว่าแนวคิดในเรื่องของ "การผสมกลมกลืนเป็นแนวคิดที่สามารถตอบประเด็นที่ผู้วิจัยได้ตั้ง คำถามไว้ในเบื้องต้น โดยผู้วิจัยได้เสนอว่า การผสมกลมกลืนที่เกิดขึ้นในกลุ่มกรณีศึกษานี้นั้น ได้เกิดขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว จนก่อให้เกิดการพัฒนาในด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจ การศึกษา การท่องเที่ยว หรือการเมืองขึ้นในพื้นที่แห่งนี้
นอกจากนี้ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่ยังช่วยสนันสนุนให้ชาวไทย และชาวมอญ รวมถึงชาวไทยเชื้อชาติอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้มีการผสมกลมกลืนกันได้อย่างดีนั่นคือ ในเรื่องของการสื่อสารระหว่างประชาชนในตำบลตลาดนี้เอง ที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาพื้นที่เป็นไปอย่างราบรื่น (หน้า 88) |
|
Ethnic Group in the Focus |
คนไทยและมอญใน อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ (หน้า 2-9) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ในปัจจุบันมีผู้ใช้ภาษามอญน้อยลง เนื่องจากอิทธิพลจากนโยบายทางรัฐบาลในสมัยของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่มีนโยบายเกี่ยวกับการสร้างลัทธิชาตินิยมไทยและส่งเสริมรัฐนิยม ซึ่งนโยบายดังกล่าวนี้ได้เน้นให้คนไทยและกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ มีความรักชาติและสร้างสำนึกในความเป็นไทยให้เกิดขี้น
อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันจะมีการใช้ภาษามอญน้อยลง แต่ชาวรามัญก็ได้มีการก่อตั้งโรงเรียนสอนภาษามอญขึ้นมาเพื่ออนุรักษ์ภาษามอญเอาไว้ (หน้า 57-58) |
|
Study Period (Data Collection) |
ช่วงเวลาที่ผู้วิจัยจะเข้าไปทำการสังเกตดังนี้
1. การสังเกตชีวิตประจำวันของชาวตำบลตลาด จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ตั้งแต่ 1-30 เมษายน 2544 ในวันธรรมดา (ไม่มีงานประเพณี) จะทำการสังเกตในช่วงเช้าประมาณ 06.00-08.00 น. และช่วงเย็นที่คนกลับมาจากทำงาน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนในพื้นที่ออกมาจ่ายตลาด จึงทำให้เห็นการสื่อสารระหว่างกันได้
2. การสังเกตในงานประเพณีสงกรานต์ ในช่วงวันงานประเพณีจะรวมเวลา ประมาณ 3 วัน คือในวันที่ 12, 13 และ 22 เมษายน 2544 (ในวันที่ 12 และ 13 นั้นเป็นวันสงกรานต์ที่ชาวมอญจัดงานกันเอง ส่วนในวันที่ 22 เป็นงานวันสงกรานต์ที่ทางอำเภอพระประแดงเป็นผู้จัดงานขึ้น) โดยจะทำการสังเกตตลอดทั้งงาน คือประมาณ 08.00 - 20.00 น. (หน้า 48) |
|
History of the Group and Community |
|
Settlement Pattern |
มอญที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นมอญใหม่หรือเก่า มักจะอยู่รวมกันในสถานที่ที่ทางราชการจัดไว้ให้แต่เดิม แต่มีจุดเด่นที่สำคัญสองประการของการตั้งบ้านเรือนของมอญก็คือ ประการแรก บ้านเรือนส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ริมน้ำ แม้ว่าจะมีการย้ายถิ่นที่อยู่ในระยะต่อมา บ้านเรือนที่ปลูกใหม่ก็ยังคงตั้งอยู่ติดริมน้ำเช่นเดิม และประการที่สอง ชุมชนมอญจะต้องมีวัดอยู่ในชุมชนอย่างน้อยหนึ่งวัด
แต่เดิมบ้านเรือนของมอญในประเทศไทยจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับบ้านเรือนของคนไทยทั่วๆ ไปในสมัยนั้น คือ เป็นเรือนไม้เครื่องผูก ยกพื้นสูง หลังคาทรงจั่ว ใช้ทั้งไม้ไผ่ และไม้เนื้อแข็ง มีปั้นลมแหลม ฝาเฟี้ยม และมุงหลังคาด้วยจาก ส่วนใหญ่ในปัจจุบันเปลี่ยนเป็นมุงด้วยสังกะสีและกระเบื้อง ตัวบ้านมักประกอบด้วยชาน ระเบียง ที่สำคัญที่สุดคือ การตั้งเสาเรือนซึ่งเป็นเสาหลัก ที่ใช้สำหรับตั้งหิ้งบูชาผีเรือน ตัวบ้านจะยกพื้นสูง เครื่องเรือนที่สำคัญได้แก่ เสื่อ ซึ่งทอกันเองภายในหมู่บ้าน และหมอน และการปลูกบ้านมอญมักจะหันหน้าไปทางทิศเหนือ เนื่องจากกล่าวกันว่าในสมัยโบราณชาวมอญอพยพมาจากทางทิศเหนือ (หน้า 55) |
|
Belief System |
มอญยังมีความเชื่อที่แตกต่างออกไปจากคนไทยคือ ความเชื่อเรื่องผีที่มีความเหนียวแน่น ซึ่งผีที่ชาวมอญนับถือนั้นมีอยู่ 4 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ ผีเรือน, เจ้าพ่อ, ผีที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ และผีร้าย
นอกจากนี้ชาวมอญยังมีการนับถือผีที่มีความสัมพันธ์กับระบบตระกูล หรือกลุ่มเครือญาติ เนื่องจากกลุ่มเครือญาติที่อยู่ในตระกูลเดียวกันต้องนับถือและเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษที่เสาเอกของเสาบ้านต้นตระกูลที่รับสืบต่อ และจะสืบต่อกันทางเชื้อสายฝ่ายชายเท่านั้น และผู้ที่รับต้นผีต้องประกอบพิธีกรรมที่เกี่ยวกับผีบรรพบุรุษทุกอย่าง และการนับถือผีของมอญนั้นเป็นการนับถือผีดี มีจุดประสงค์เพื่อให้ผีดีช่วยปกป้องคนภายในครอบครัวให้พ้นจากภัยต่างๆ และเป็นการแสดงถึงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษของตนเองประกอบด้วย (หน้า 60-61) |
|
Education and Socialization |
จากการที่ผู้วิจัยสังเกตเกี่ยวกับการศึกษาพบว่า โรงเรียนที่ตั้งอยู่ในตำบลตลาดมีถึง 9 โรงเรียนซึ่งสามารถรองรับกับความต้องการทางด้านการศึกษาได้อย่างเพียงพอ และจากการสัมภาษณ์คนในตำบลตลาดยังทำให้ผู้วิจัยได้พบว่า การศึกษามีผลต่อการพัฒนาตำบลตลาด การศึกษามีส่วนทำให้อำเภอพระประแดงเจริญขึ้น เนื่องจากการศึกษาทำให้คนมีความรู้ จึงทำให้ชาวตำบลตลาดต่างเห็นถึงความสำคัญของการศึกษาและมองเห็นความจำเป็นในการยกระดับคุณภาพชีวิต (หน้า 81-82) |
|
Health and Medicine |
ในอดีตมอญจะมีการดูแลรักษาสุขภาพและโรคภัยไข้เจ็บแบบพื้นบ้านคือ มีหมอพื้นบ้านประเภทต่างๆ เช่น หมอสมุนไพร หมอเป่า หมอน้ำมนต์ หมอทรง และหมอพระ แต่ในปัจจุบันมอญส่วนใหญ่เริ่มนิยมใช้วิธีการรักษาโรคด้วยแพทย์แผนปัจจุบันมากขึ้น (หน้า 35) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ในสมัยก่อนการแต่งกายของหญิงมอญจะนุ่งผ้าถุง ใส่เสื้อแขนกระบอก เกล้าผมมวย แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาลจะนุ่งผ้ากรอมเท้าหรือปล่อยชาย ห่มผ้าสไบสลับสีกันไป ส่วนผู้ชายมอญจะนุ่งผ้าโสร่ง หรือกางเกงขาก๊วยสีดำ ใส่เสื้อคอกลมสีขาวแขนสั้น ผ้าขาวม้าพาดไหล่ สำหรับในช่วงเทศกาลจะนุ่งผ้าลอยชาย ผ้าม่วนหรือผ้าไหม สวมเสื้อลายดอก มีผ้าสไบคล้องพาดไหล่ทั้งสองข้าง แต่ปัจจุบันนี้นั้นในส่วนการเกล้าผมมวยของผู้หญิง และการนุ่งโสร่งหรือกางเกงขาก๊วยสีดำของฝ่ายชาย จะเห็นแต่ในผู้สูงอายุเท่านั้น เนื่องจากมอญรุ่นใหม่จะแต่งกายตามแบบสมัยนิยมกันมากขึ้น เว้นแต่ช่วงเทศกาลจึงจะแต่งกายตามแบบดั้งเดิม (หน้า 13) |
|
Folklore |
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับที่มาในเรื่องความเชื่อเรื่องผีของมอญว่า ในสมัยบรรพกาลมีเศรษฐีผู้หนึ่งมีภรรยา 2 คน ต่อมาภรรยาหลวงฆ่าลูกภรรยาน้อยตายเพราะความริษยา ทั้งสองคนจึงอาฆาตซึ่งกันและกันและกินลูกของอีกฝ่ายสลับกันไปแต่ละชาติ จนในที่สุดอีกฝ่ายหนึ่งได้เกิดเป็นผี อีกฝ่ายก็ได้เกิดเป็นมนุษย์และมีลูก ฝ่ายผีนั้นก็ไล่ตามมนุษย์เพื่อกินลูกของมนุษย์ ฝ่ายมุนษย์จึงหนีไปพึ่งพระพุทธองค์ที่ประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหาร พระพุทธองค์ทรงทราบถึงเรื่องราวความเป็นมาในอดีตชาติ จึงเทศนาให้นางผีนั้นได้เห็นโทษของการจองเวร และทำให้นางผีกับมนุษย์ได้ระงับการจองเวรต่อกัน ต่อมานางผีได้ไปอยู่กับนางมนุษย์และได้ช่วยเหลือนางมนุษย์ จนบังเกิดผลดีมีโภคทรัพย์มั่งคั่ง เป็นผลพลอยให้ข้าวปลาอาหาร พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ดีไปด้วย นี่จึงเป็นเหตุที่มาของการนับถือผีของมอญ (หน้า 60) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
มอญในตำบลตลาด อำเภอพระประแดง ยังคงรักษาความเป็นมอญให้เห็นอยู่บ้าง เช่น การแต่งตัวของผู้เฒ่าผู้แก่ การละเล่นต่างๆ ในงานประเพณี เช่น การเล่นสะบ้า หรือในเรื่องอาหารการกิน เช่น ขนมจีน กาละแม รวมทั้งในเรื่องการนับถือผี เป็นต้น ตลอดจนรูปแบบของบ้านเรือนตามแบบชาวมอญที่ยังคงมีให้เห็นกันอยู่
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ชาวไทยเห็นแล้วสามารถทราบได้ทันทีว่า สัญลักษณ์ที่เห็นอยู่นี้คือ สิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นมอญ ถึงแม้ชาวมอญพระประแดงจะได้รับอิทธิพลในด้านต่างๆ ตามแบบของคนไทย แต่ชาวมอญเองก็มิได้ละทิ้งขนบธรรมเนียม ประเพณีที่จะสืบสานให้แก่คนรุ่นหลังได้รับรู้ ได้ปฏิบัติตามบรรพบุรุษ จึงทำให้ชาติพันธุ์มอญยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของตนได้ถึงปัจจุบัน (หน้า 38) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ไทยและมอญที่พระประแดง อาศัยอยู่รวมกันมานับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 จนมอญในปัจจุบันมีชีวิตความเป็นอยู่ และภาษาเหมือนคนไทยเกือบจะทุกประการ เนื่องจากไทยและมอญได้มีการผสมผสานทางวัฒนธรรมอย่างกลมกลืนยากที่จะแยกออกว่าสิ่งใดเป็นของไทยหรือมอญ
ตัวอย่างการผสมผสานทางวัฒนธรรมระหว่างชาวไทยและมอญที่เห็นได้ชัด คือ ประเพณีสงกรานต์ โดยในวันงานสงกรานต์พระประแดงนั้นจะมีรูปแบบของไทย และมอญรวมอยู่ในงานเดียวกัน คือ มีการทำบุญ การสรงน้ำพระ และรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ การแห่ธงหงส์ ธงตะขาบ และการเล่นสะบ้า เป็นต้น (หน้า 24) |
|
Map/Illustration |
ผู้วิจัยได้มีการนำเสนอข้อมูลด้วยการใช้ตารางและรูปภาพเป็นส่วนหนึ่งในการศึกษาครั้งนี้ ซึ่งประกอบด้วย
ตารางที่ 1 รายชื่อนายทหารมอญ (หน้า 11)
ตารางที่ 2 ตัวแปรของการผสมผสานทางวัฒนธรรม (หน้า 25)
ตารางที่ 3 ตัวอย่างสัญญะที่พบในตำบลตลาด (หน้า 97)
ตารางที่ 4 การเลียนแบบทางวัฒนธรรมของชาวไทย และชาวมอญ (หน้า 105)
ตารางที่ 5 ตัวแปรของการผสมผสานทางวัฒนธรรมของชาวไทยและชาวมอญ (หน้า 107)
ภาพที่ 1 A Model of Intercultural Communication : PCD (Precieved cultural difference) (หน้า 28)
ภาพที่ 2 สถานที่ที่ชาวไทยและชาวมอญใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารกัน (หน้า 90)-
ภาพที่ 3 ประสบการณ์ร่วมที่ชาวไทยและชาวมอญมีร่วมกัน (หน้า 90)
ภาพที่ 4 ลักษณะการสื่อสารของรัฐบาลไทยที่มีต่อชาวมอญ (หน้า 91)
ภาพที่ 5 ภาษาที่ชาวไทยและชาวมอญใช้ในการสื่อสารกันในปัจจุบัน (หน้า 91)
ภาพที่ 6 ลักษณะของการสื่อสารของชาวมอญในการสืบสานวัฒนธรรม (หน้า 92)
ภาพที่ 7 การสื่อสารกันของอำเภอและชาวมอญในการสืบสานวัฒนธรรม (หน้า 92)
ภาพที่ 8 โครงข่ายการสื่อสารของชาวมอญในพื้นที่ต่างๆ (หน้า 93)
ภาพที่ 9 สื่อที่ใช้ในการสื่อสารของชาวมอญในพื้นที่ต่างๆ (หน้า 93)
ภาพที่ 10 A Model of Intercultural Communication : PCD (Precieved cultural difference) (หน้า 102) |
|
|