สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject มอญ,วัฒนธรรม,การสื่อสาร,ภาคกลาง
Author วสุ เขียวสอาด
Title การสื่อสารระหว่างวัฒนธรรมระหว่างชาวไทยและชาวมอญ ที่ก่อให้เกิดการพัฒนาชุมชน : กรณีศึกษา ต.ตลาด อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity มอญ รมัน รามัญ, Language and Linguistic Affiliations ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic)
Location of
Documents
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 146 Year 2546
Source หลักสูตรปริญญานิเทศศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์พัฒนาการ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
Abstract

จากการศึกษาพบว่า การสื่อสารระหว่างวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในตำบลตลาดส่วนใหญ่เป็นการสื่อสารแบบตัวต่อตัว เป็นรูปแบบการสื่อสารที่มีบทบาทมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมีเรื่องของศาสนา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีเป็นเสมือนตัวกลางในการเชื่อมโยงให้เกิดการศึกษาซึ่งกันและกัน ทำให้ความเป็นตัวตนของชาวมอญตำบลตลาดที่แสดงออกมาในปัจจุบันส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นแบบ "มอญๆ ไทยๆ" การผสมผสานกลมกลืนที่เกิดขึ้นระหว่างชาวไทยและชาวมอญในตำบลตลาดนี้นั้นได้ส่งผลถึงความเป็นตัวตนของชาวมอญแทบทุกด้าน ทำให้ชาวมอญในปัจจุบันมีลักษณะคล้ายคลึงกับชาวไทย ดังนั้นการผสมกลมกลืนที่เกิดขึ้นในตำบลตลาด อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างชาวไทยและชาวมอญที่ได้กล่าวข้างต้นนั้น ได้เกิดขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว จนกระทั่งก่อให้เกิดการพัฒนาในด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจ การศึกษา การท่องเที่ยว หรือการเมืองขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ (หน้า 88, 99 และ 104)

Focus

เน้นการศึกษาในเรื่องของการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรมที่ทำให้ชาวไทยและชาวมอญ ที่อาศัยอยู่ในตำบลตลาด อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข และก่อให้เกิดการพัฒนาชุมชน (หน้า 10)

Theoretical Issues

การศึกษาเรื่องรูปแบบการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรมชาวไทยและชาวมอญ ที่ก่อให้เกิดการพัฒนาชุมชน กรณีศึกษา ต.ตลาด อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการนี้ ผู้วิจัยได้สรุปให้เห็นว่าแนวคิดในเรื่องของ "การผสมกลมกลืนเป็นแนวคิดที่สามารถตอบประเด็นที่ผู้วิจัยได้ตั้ง คำถามไว้ในเบื้องต้น โดยผู้วิจัยได้เสนอว่า การผสมกลมกลืนที่เกิดขึ้นในกลุ่มกรณีศึกษานี้นั้น ได้เกิดขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว จนก่อให้เกิดการพัฒนาในด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจ การศึกษา การท่องเที่ยว หรือการเมืองขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่ยังช่วยสนันสนุนให้ชาวไทย และชาวมอญ รวมถึงชาวไทยเชื้อชาติอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้มีการผสมกลมกลืนกันได้อย่างดีนั่นคือ ในเรื่องของการสื่อสารระหว่างประชาชนในตำบลตลาดนี้เอง ที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาพื้นที่เป็นไปอย่างราบรื่น (หน้า 88)

Ethnic Group in the Focus

คนไทยและมอญใน อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ (หน้า 2-9)

Language and Linguistic Affiliations

ในปัจจุบันมีผู้ใช้ภาษามอญน้อยลง เนื่องจากอิทธิพลจากนโยบายทางรัฐบาลในสมัยของจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่มีนโยบายเกี่ยวกับการสร้างลัทธิชาตินิยมไทยและส่งเสริมรัฐนิยม ซึ่งนโยบายดังกล่าวนี้ได้เน้นให้คนไทยและกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ มีความรักชาติและสร้างสำนึกในความเป็นไทยให้เกิดขี้น อย่างไรก็ตาม แม้ปัจจุบันจะมีการใช้ภาษามอญน้อยลง แต่ชาวรามัญก็ได้มีการก่อตั้งโรงเรียนสอนภาษามอญขึ้นมาเพื่ออนุรักษ์ภาษามอญเอาไว้ (หน้า 57-58)

Study Period (Data Collection)

ช่วงเวลาที่ผู้วิจัยจะเข้าไปทำการสังเกตดังนี้ 1. การสังเกตชีวิตประจำวันของชาวตำบลตลาด จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ตั้งแต่ 1-30 เมษายน 2544 ในวันธรรมดา (ไม่มีงานประเพณี) จะทำการสังเกตในช่วงเช้าประมาณ 06.00-08.00 น. และช่วงเย็นที่คนกลับมาจากทำงาน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนในพื้นที่ออกมาจ่ายตลาด จึงทำให้เห็นการสื่อสารระหว่างกันได้ 2. การสังเกตในงานประเพณีสงกรานต์ ในช่วงวันงานประเพณีจะรวมเวลา ประมาณ 3 วัน คือในวันที่ 12, 13 และ 22 เมษายน 2544 (ในวันที่ 12 และ 13 นั้นเป็นวันสงกรานต์ที่ชาวมอญจัดงานกันเอง ส่วนในวันที่ 22 เป็นงานวันสงกรานต์ที่ทางอำเภอพระประแดงเป็นผู้จัดงานขึ้น) โดยจะทำการสังเกตตลอดทั้งงาน คือประมาณ 08.00 - 20.00 น. (หน้า 48)

History of the Group and Community

ไม่ได้ระบุ

Settlement Pattern

มอญที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นมอญใหม่หรือเก่า มักจะอยู่รวมกันในสถานที่ที่ทางราชการจัดไว้ให้แต่เดิม แต่มีจุดเด่นที่สำคัญสองประการของการตั้งบ้านเรือนของมอญก็คือ ประการแรก บ้านเรือนส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ริมน้ำ แม้ว่าจะมีการย้ายถิ่นที่อยู่ในระยะต่อมา บ้านเรือนที่ปลูกใหม่ก็ยังคงตั้งอยู่ติดริมน้ำเช่นเดิม และประการที่สอง ชุมชนมอญจะต้องมีวัดอยู่ในชุมชนอย่างน้อยหนึ่งวัด แต่เดิมบ้านเรือนของมอญในประเทศไทยจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับบ้านเรือนของคนไทยทั่วๆ ไปในสมัยนั้น คือ เป็นเรือนไม้เครื่องผูก ยกพื้นสูง หลังคาทรงจั่ว ใช้ทั้งไม้ไผ่ และไม้เนื้อแข็ง มีปั้นลมแหลม ฝาเฟี้ยม และมุงหลังคาด้วยจาก ส่วนใหญ่ในปัจจุบันเปลี่ยนเป็นมุงด้วยสังกะสีและกระเบื้อง ตัวบ้านมักประกอบด้วยชาน ระเบียง ที่สำคัญที่สุดคือ การตั้งเสาเรือนซึ่งเป็นเสาหลัก ที่ใช้สำหรับตั้งหิ้งบูชาผีเรือน ตัวบ้านจะยกพื้นสูง เครื่องเรือนที่สำคัญได้แก่ เสื่อ ซึ่งทอกันเองภายในหมู่บ้าน และหมอน และการปลูกบ้านมอญมักจะหันหน้าไปทางทิศเหนือ เนื่องจากกล่าวกันว่าในสมัยโบราณชาวมอญอพยพมาจากทางทิศเหนือ (หน้า 55)

Demography

ไม่ได้ระบุ

Economy

ไม่ได้ระบุ

Social Organization

ไม่ได้ระบุ

Political Organization

ไม่ได้ระบุ

Belief System

มอญยังมีความเชื่อที่แตกต่างออกไปจากคนไทยคือ ความเชื่อเรื่องผีที่มีความเหนียวแน่น ซึ่งผีที่ชาวมอญนับถือนั้นมีอยู่ 4 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ ผีเรือน, เจ้าพ่อ, ผีที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ และผีร้าย นอกจากนี้ชาวมอญยังมีการนับถือผีที่มีความสัมพันธ์กับระบบตระกูล หรือกลุ่มเครือญาติ เนื่องจากกลุ่มเครือญาติที่อยู่ในตระกูลเดียวกันต้องนับถือและเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษที่เสาเอกของเสาบ้านต้นตระกูลที่รับสืบต่อ และจะสืบต่อกันทางเชื้อสายฝ่ายชายเท่านั้น และผู้ที่รับต้นผีต้องประกอบพิธีกรรมที่เกี่ยวกับผีบรรพบุรุษทุกอย่าง และการนับถือผีของมอญนั้นเป็นการนับถือผีดี มีจุดประสงค์เพื่อให้ผีดีช่วยปกป้องคนภายในครอบครัวให้พ้นจากภัยต่างๆ และเป็นการแสดงถึงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษของตนเองประกอบด้วย (หน้า 60-61)

Education and Socialization

จากการที่ผู้วิจัยสังเกตเกี่ยวกับการศึกษาพบว่า โรงเรียนที่ตั้งอยู่ในตำบลตลาดมีถึง 9 โรงเรียนซึ่งสามารถรองรับกับความต้องการทางด้านการศึกษาได้อย่างเพียงพอ และจากการสัมภาษณ์คนในตำบลตลาดยังทำให้ผู้วิจัยได้พบว่า การศึกษามีผลต่อการพัฒนาตำบลตลาด การศึกษามีส่วนทำให้อำเภอพระประแดงเจริญขึ้น เนื่องจากการศึกษาทำให้คนมีความรู้ จึงทำให้ชาวตำบลตลาดต่างเห็นถึงความสำคัญของการศึกษาและมองเห็นความจำเป็นในการยกระดับคุณภาพชีวิต (หน้า 81-82)

Health and Medicine

ในอดีตมอญจะมีการดูแลรักษาสุขภาพและโรคภัยไข้เจ็บแบบพื้นบ้านคือ มีหมอพื้นบ้านประเภทต่างๆ เช่น หมอสมุนไพร หมอเป่า หมอน้ำมนต์ หมอทรง และหมอพระ แต่ในปัจจุบันมอญส่วนใหญ่เริ่มนิยมใช้วิธีการรักษาโรคด้วยแพทย์แผนปัจจุบันมากขึ้น (หน้า 35)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ในสมัยก่อนการแต่งกายของหญิงมอญจะนุ่งผ้าถุง ใส่เสื้อแขนกระบอก เกล้าผมมวย แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาลจะนุ่งผ้ากรอมเท้าหรือปล่อยชาย ห่มผ้าสไบสลับสีกันไป ส่วนผู้ชายมอญจะนุ่งผ้าโสร่ง หรือกางเกงขาก๊วยสีดำ ใส่เสื้อคอกลมสีขาวแขนสั้น ผ้าขาวม้าพาดไหล่ สำหรับในช่วงเทศกาลจะนุ่งผ้าลอยชาย ผ้าม่วนหรือผ้าไหม สวมเสื้อลายดอก มีผ้าสไบคล้องพาดไหล่ทั้งสองข้าง แต่ปัจจุบันนี้นั้นในส่วนการเกล้าผมมวยของผู้หญิง และการนุ่งโสร่งหรือกางเกงขาก๊วยสีดำของฝ่ายชาย จะเห็นแต่ในผู้สูงอายุเท่านั้น เนื่องจากมอญรุ่นใหม่จะแต่งกายตามแบบสมัยนิยมกันมากขึ้น เว้นแต่ช่วงเทศกาลจึงจะแต่งกายตามแบบดั้งเดิม (หน้า 13)

Folklore

มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับที่มาในเรื่องความเชื่อเรื่องผีของมอญว่า ในสมัยบรรพกาลมีเศรษฐีผู้หนึ่งมีภรรยา 2 คน ต่อมาภรรยาหลวงฆ่าลูกภรรยาน้อยตายเพราะความริษยา ทั้งสองคนจึงอาฆาตซึ่งกันและกันและกินลูกของอีกฝ่ายสลับกันไปแต่ละชาติ จนในที่สุดอีกฝ่ายหนึ่งได้เกิดเป็นผี อีกฝ่ายก็ได้เกิดเป็นมนุษย์และมีลูก ฝ่ายผีนั้นก็ไล่ตามมนุษย์เพื่อกินลูกของมนุษย์ ฝ่ายมุนษย์จึงหนีไปพึ่งพระพุทธองค์ที่ประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหาร พระพุทธองค์ทรงทราบถึงเรื่องราวความเป็นมาในอดีตชาติ จึงเทศนาให้นางผีนั้นได้เห็นโทษของการจองเวร และทำให้นางผีกับมนุษย์ได้ระงับการจองเวรต่อกัน ต่อมานางผีได้ไปอยู่กับนางมนุษย์และได้ช่วยเหลือนางมนุษย์ จนบังเกิดผลดีมีโภคทรัพย์มั่งคั่ง เป็นผลพลอยให้ข้าวปลาอาหาร พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ดีไปด้วย นี่จึงเป็นเหตุที่มาของการนับถือผีของมอญ (หน้า 60)

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

มอญในตำบลตลาด อำเภอพระประแดง ยังคงรักษาความเป็นมอญให้เห็นอยู่บ้าง เช่น การแต่งตัวของผู้เฒ่าผู้แก่ การละเล่นต่างๆ ในงานประเพณี เช่น การเล่นสะบ้า หรือในเรื่องอาหารการกิน เช่น ขนมจีน กาละแม รวมทั้งในเรื่องการนับถือผี เป็นต้น ตลอดจนรูปแบบของบ้านเรือนตามแบบชาวมอญที่ยังคงมีให้เห็นกันอยู่ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ชาวไทยเห็นแล้วสามารถทราบได้ทันทีว่า สัญลักษณ์ที่เห็นอยู่นี้คือ สิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นมอญ ถึงแม้ชาวมอญพระประแดงจะได้รับอิทธิพลในด้านต่างๆ ตามแบบของคนไทย แต่ชาวมอญเองก็มิได้ละทิ้งขนบธรรมเนียม ประเพณีที่จะสืบสานให้แก่คนรุ่นหลังได้รับรู้ ได้ปฏิบัติตามบรรพบุรุษ จึงทำให้ชาติพันธุ์มอญยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของตนได้ถึงปัจจุบัน (หน้า 38)

Social Cultural and Identity Change

ไทยและมอญที่พระประแดง อาศัยอยู่รวมกันมานับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 จนมอญในปัจจุบันมีชีวิตความเป็นอยู่ และภาษาเหมือนคนไทยเกือบจะทุกประการ เนื่องจากไทยและมอญได้มีการผสมผสานทางวัฒนธรรมอย่างกลมกลืนยากที่จะแยกออกว่าสิ่งใดเป็นของไทยหรือมอญ ตัวอย่างการผสมผสานทางวัฒนธรรมระหว่างชาวไทยและมอญที่เห็นได้ชัด คือ ประเพณีสงกรานต์ โดยในวันงานสงกรานต์พระประแดงนั้นจะมีรูปแบบของไทย และมอญรวมอยู่ในงานเดียวกัน คือ มีการทำบุญ การสรงน้ำพระ และรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ การแห่ธงหงส์ ธงตะขาบ และการเล่นสะบ้า เป็นต้น (หน้า 24)

Map/Illustration

ผู้วิจัยได้มีการนำเสนอข้อมูลด้วยการใช้ตารางและรูปภาพเป็นส่วนหนึ่งในการศึกษาครั้งนี้ ซึ่งประกอบด้วย ตารางที่ 1 รายชื่อนายทหารมอญ (หน้า 11) ตารางที่ 2 ตัวแปรของการผสมผสานทางวัฒนธรรม (หน้า 25) ตารางที่ 3 ตัวอย่างสัญญะที่พบในตำบลตลาด (หน้า 97) ตารางที่ 4 การเลียนแบบทางวัฒนธรรมของชาวไทย และชาวมอญ (หน้า 105) ตารางที่ 5 ตัวแปรของการผสมผสานทางวัฒนธรรมของชาวไทยและชาวมอญ (หน้า 107) ภาพที่ 1 A Model of Intercultural Communication : PCD (Precieved cultural difference) (หน้า 28) ภาพที่ 2 สถานที่ที่ชาวไทยและชาวมอญใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารกัน (หน้า 90)- ภาพที่ 3 ประสบการณ์ร่วมที่ชาวไทยและชาวมอญมีร่วมกัน (หน้า 90) ภาพที่ 4 ลักษณะการสื่อสารของรัฐบาลไทยที่มีต่อชาวมอญ (หน้า 91) ภาพที่ 5 ภาษาที่ชาวไทยและชาวมอญใช้ในการสื่อสารกันในปัจจุบัน (หน้า 91) ภาพที่ 6 ลักษณะของการสื่อสารของชาวมอญในการสืบสานวัฒนธรรม (หน้า 92) ภาพที่ 7 การสื่อสารกันของอำเภอและชาวมอญในการสืบสานวัฒนธรรม (หน้า 92) ภาพที่ 8 โครงข่ายการสื่อสารของชาวมอญในพื้นที่ต่างๆ (หน้า 93) ภาพที่ 9 สื่อที่ใช้ในการสื่อสารของชาวมอญในพื้นที่ต่างๆ (หน้า 93) ภาพที่ 10 A Model of Intercultural Communication : PCD (Precieved cultural difference) (หน้า 102)

Text Analyst พรรณปพร ภิรมย์วงษ์ Date of Report 27 ธ.ค. 2550
TAG มอญ, วัฒนธรรม, การสื่อสาร, ภาคกลาง, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง