สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject มอญ,ค่านิยม,ประชากร,กรุงเทพมหานคร
Author ปิยชาติ หอวัฒนกุล
Title ค่านิยมทางประชากรของชนกลุ่มน้อย : ศึกษาเฉพาะกรณีชาวมอญเขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity มอญ รมัน รามัญ, Language and Linguistic Affiliations ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มนุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 140 Year 2532
Source หลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาประชากรศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล
Abstract

งานวิจัยชิ้นนี้ศึกษาค่านิยมทางประชากรของมอญในเขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ในด้านการเกิด การสมรส การย้ายถิ่น และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างค่านิยมทางประชากรทั้ง 3 ด้านกับตัวแปรเพศ สถานภาพสมรส ระดับการศึกษา อาชีพ อายุ และรายได้ในครัวเรือน ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างเป็นชายและหญิงในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน เกือบทั้งหมดนับถือศาสนาพุทธ ใช้ภาษามอญติดต่อสื่อสาร มีสมาชิกครัวเรือนโดยเฉลี่ย 6 คน ในจำนวนนี้มีรายได้ประมาณ 3 คน มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 5 คน อายุแรกสมรสเฉลี่ยชาย 24 ปี หญิง 21 ปี ส่วนใหญ่สมรสแล้วมากกว่าร้อยละ 50 การศึกษาระดับประถมศึกษาตอนต้นมากกว่าครึ่ง ประกอบอาชีพรับจ้าง มีอายุเฉลี่ย 40.34 ปี ครัวเรือนมีรายได้เฉลี่ย 3,402.18 บาทต่อเดือน โดยกลุ่มตัวอย่างมีค่านิยมไม่แน่ใจเรื่องคุณค่าของบุตร เพศของบุตรและจำนวนบุตรที่ต้องการ กลุ่มตัวอย่างเห็นด้วยที่อายุแรกสมรสควรสูงขึ้น ไม่เห็นด้วยกับการที่สตรีมีเพศสัมพันธ์ก่อนการสมรส กลุ่มตัวอย่างเห็นด้วยกับการอาศัยอยู่ในถิ่นเดิม ไม่แน่ใจกับการย้ายถิ่นที่อยู่ กลุ่มตัวอย่างที่อายุมากมีแนวโน้มต้องการมีจำนวนบุตรมากหรือมีครอบครัวขนาดใหญ่ และไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ทางเพศก่อนการสมรส กลุ่มตัวอย่างที่มีรายได้สูงขึ้นมีค่านิยมสมรสช้า และเห็นว่าสามีภรรยาควรได้ตัดสินใจเรื่องราวต่างๆร่วมกัน กลุ่มตัวอย่างเพศหญิงผูกพันกับท้องถิ่นของตนและคิดว่าการย้ายถิ่นไม่ช่วยยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น กลุ่มตัวอย่างที่มีระดับการศึกษาสูงและมีรายได้สูงมีแนวโน้มต้องการย้ายถิ่นฐานเพราะคิดว่าจะช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น (ดูหน้าบทคัดย่อและหน้า 128-140)

Focus

ศึกษาค่านิยมทางประชากรในด้านการเกิด การสมรส การย้ายถิ่นของมอญในเขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร โดยศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างค่านิยมทางประชากรทั้ง 3 ด้านกับตัวแปรเพศ สถานภาพสมรส ระดับการศึกษา อาชีพ อายุ และรายได้ในครัวเรือน (บทคัดย่อ, หน้า 7, 128)

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

งานชินนี้ศึกษามอญ โดยประชากรเป็นหัวหน้าครัวเรือนมอญหรือผู้แทนหัวหน้าครัวเรือนมอญในหมู่ที่ 2, 8 และ 9 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ รวม 505 ครัวเรือน กลุ่มตัวอย่าง 222 คน (บทคัดย่อ, หน้า 6, 74-75, 81, 128)

Language and Linguistic Affiliations

มอญมีภาษาเป็นของตนเอง ลักษณะเป็นคำโดด (หน้า 3) จัดอยู่ในกลุ่มภาษามอญ-เขมร หรือตระกูลออสโตร-เอเชียติค (หน้า 62) ข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างพบว่าใช้ภาษามอญเป็นภาษาพูดภายในบ้าน (ร้อยละ 75.2) รองลงมาคือภาษาไทยกลาง (ร้อยละ 12.2) ภาษาไทยกลางและมอญ (ร้อยละ 12.6) (หน้า 83, 130)

Study Period (Data Collection)

การเก็บรวบรวมข้อมูลดำเนินการระหว่างวันที่ 23-26 เมษายน 2531 (หน้า 128)

History of the Group and Community

มอญสืบเชื้อสายมาจากมองโกลอยด์ อยู่ในตระกูลมอญ - เขมร มีถิ่นอาศัยเดิมอยู่ที่แคว้นมณีปุระ ประเทศอินเดีย (หน้า 2-3) อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่ประเทศพม่าตอนล่าง ก่อนจะถูกพม่ารุกรานและเสียอิสรภาพเมื่อปี พ.ศ.1600 มอญจึงอพยพมาตั้งหลักแหล่งในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2108 ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณจังหวัดนนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ลพบุรี อยุธยา นครนายก กาญจนบุรี ราชบุรี นครสวรรค์ ปทุมธานีกรุงเทพฯ อุทัยธานี ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ สมุทรสงคราม นครปฐม ฉะเชิงเทรา สุพรรณบุรี นครราชสีมา ปราจีนบุรี (หน้า 62-63)

Settlement Pattern

ไม่มีข้อมูล

Demography

กลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยชิ้นนี้มีทั้งหมด 222 คน เป็นชาย 109 คน หญิง 113 คน (หน้า 91,130) มีอายุโดยเฉลี่ย 40.34 ปี (หน้า 95,130) มีจำนวนสมาชิกในครัวเรือนเฉลี่ย 6.03 คน จำนวนสมาชิกในครัวเรือนที่มีรายได้เฉลี่ย 2.68 คน มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันเฉลี่ย 5.35 คน มีบุตรที่มีชีวิตโดยเฉลี่ย 2.87 คน เพศชายโดยเฉลี่ย 1.48 คน เพศหญิงโดยเฉลี่ย 1.63 คน (หน้า 84 - 87, 130)

Economy

มอญส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม (หน้า 3) แต่มอญกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้าง (ร้อยละ 52.2) อาชีพอื่นๆ (ร้อยละ 14.9) รับราชการ (ร้อยละ 10.8) เกษตรกรรม (ร้อยละ 9.9) (หน้า 94, 130) มีรายได้ในครัวเรือนโดยเฉลี่ย 3,402.18 บาท (หน้า 96-130)

Social Organization

กลุ่มตัวอย่างมีอายุแรกสมรสของฝ่ายชายเฉลี่ย 24.91 ปี อายุแรกสมรสของฝ่ายหญิงเฉลี่ย 21.26 ปี (หน้า 88-90, 130) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่สมรสแล้ว (ร้อยละ 74.3) รองลงมาเป็นโสด (ร้อยละ 18.5) เป็นหม้าย หย่า แยกกันอยู่ (ร้อยละ 7.2) (หน้า 92, 130)

Political Organization

ไม่มีข้อมูล

Belief System

มอญนับถือศาสนาพุทธ นับถือผีบรรพบุรุษและผีอื่นๆ ที่มีอิทธิฤทธิ์ วัฒนธรรมของมอญเป็นแม่แบบให้กับชนชาติอื่นๆ ใกล้เคียง เช่น ภาษา หนังสือ ศิลปกรรม ดนตรี กฎหมาย ศาสนา (หน้า 3,64) ประเพณีที่สำคัญของมอญ ได้แก่ ออกพรรษา เข้าพรรษา สงกรานต์ ตักบาตรน้ำผึ้ง ไหว้ผี (หน้า 125) ประเพณีการเกิด ถ้าบ้านไหนมีคนตั้งครรภ์จะห้ามญาติพี่น้องทำพิธีมงคล เพราะหากมีพิธีในระยะนี้จะทำให้เกิดความวุ่นวาย ขณะตั้งครรภ์ห้ามนั่งกลางระเบียงบ้าน ห้ามพิงเสาบ้าน ห้ามนั่งห้อยเท้าหัวบันไดบ้าน ห้ามเดินทางข้ามน้ำข้ามคลอง ห้ามอาบน้ำเวลากลางคืน ข้อห้ามเหล่านี้เพื่อเป็นการปกป้องอันตรายจากผี เวลาอยู่ไฟ สามีต้องขุดดินนอกบ้านมาทำก้นเตา ถ้าเป็นลูกชายขุดมา 9 ก้อน ลูกสาว 7 ก้อน สายสะดือจะฝังที่เตาหรือนอกบ้านก็ได้ แต่มอญชอบฝังรกใต้บันไดเพราะไม่ต้องการให้ลูกห่างไปจากบ้าน โตขึ้นจะได้อยู่ใกล้พ่อแม่ ประเพณีการสมรส เริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักกัน การสู่ขอ การแต่งงาน การกั้นเชือก จะไม่มีพระเข้ามาเกี่ยวข้องในพิธีแต่งงานเพราะเกรงว่าเจ้าบ่าวจะเกิดเลื่อมใสในผ้าสีเหลืองแล้วไปบวช เจ้าสาวจะเป็นหม้าย เมื่อแต่งงานเสร็จเรียบร้อยแล้วถือเป็นธรรมเนียมว่าต้องนำสิ่งของข้าวปลาอาหารไปถวายวัด ไหว้ญาติผู้ใหญ่ ผีปู่ ย่า ตา ยาย ประเพณีการทำศพ มอญแบ่งการตายเป็น 2 อย่างคือ ตายดี (โรคชราหรือป่วยมานาน) กับตายไม่ดี (อหิวาตกโรค ถูกฟ้าผ่า แขวนคอตาย รวมไปถึงศพเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี) ศพที่ตายไม่ดีจะไม่เผา ต้องฝังอย่างเดียว ให้รีบเอาออกจากบ้านอย่างรีบด่วน ไม่มีการทำบุญเลี้ยงพระที่บ้าน หากต้องการทำบุญต้องทำหลังจากตายเกิน 7 วันหรือในเดือนปีที่ถัดไปจากนั้น ส่วนศพที่ตายดีสามารถนำเก็บไว้ที่บ้านได้ ระหว่างที่ตั้งศพไว้ที่บ้านจะไม่มีการสวดอภิธรรมเหมือนอย่างไทย แต่จะเชิญผู้มีความรู้หรือผู้สูงอายุมาอ่านหนังสือต่างๆ เช่น พุทธประวัติ ธรรมประวัติ การฝังศพต้องเอาหัวไปทางทิศเหนือเพราะถือว่ามอญอพยพมาจากถิ่นฐานทางเหนือ ประเพณีการบวช ผู้ที่บวชไม่ต้องท่องบทขานนาคในบ้านแต่ให้ไปท่องที่วัดแทน การบวชต้องบอกผีบอกเจ้าให้ทราบด้วย มอญไม่นิยมทำขวัญนาค เมื่อบวชเสร็จแล้ววันรุ่งขึ้นจะมีการทำขวัญพระพร้อมกับการเชิญผีด้วย และต้องนำแหวนผีประจำตระกูลมาเข้าพิธีด้วย ประเพณีถือผี มอญแต่ละกลุ่มจะนับถือผีไม่เหมือนกันตามถิ่นที่อยู่อาศัย การนับถือผีจะรับกันเป็นทอดจากบรรพบุรุษ ผู้มีหน้าที่รับคือบุตรชายคนหัวปีของตระกูล บุตรหญิงจะรับไม่ได้ ทุกบ้านจะมีแหวนผีประจำบ้านต้องคอยบูชาเซ่นไหว้อยู่อย่างสม่ำเสมอ จะมีพิธีรำผีในโอกาสแก้บน ขอขมา (หน้า 63-68,125-126,134) ข้อมูลกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยชิ้นนี้เกือบทั้งหมดนับถือศาสนาพุทธ (ร้อยละ 99.5) มีกลุ่มตัวอย่างนับถือศาสนาคริสต์ 1 คน (หน้า 83, 130) ค่านิยมด้านการเกิด 1) คุณค่าของบุตร กลุ่มตัวอย่างให้คุณค่าของบุตรโดยรวมในทิศทางที่ไม่แน่ใจ ให้คุณค่าด้านบวกในด้านการสืบสกุล การพึ่งพิงในยามชรา ให้คุณค่าด้านลบในด้านภาระในการเลี้ยงดู (หน้า 97-99,130) 2) เพศของบุตร กลุ่มตัวอย่างไม่มีค่านิยมพึงพอใจบุตรเพศใดมากเป็นพิเศษ (หน้า 99-101,130-131) 3) จำนวนบุตรที่ต้องการ กลุ่มตัวอย่างไม่แน่ใจในจำนวนบุตรที่ต้องการว่าจะมีมาก (3 คนขึ้นไป) หรือจะมีน้อย (ไม่เกิน 3 คน) (หน้า 101-102,131) ค่านิยมด้านการสมรส 1) การเลือกคู่สมรส กลุ่มตัวอย่างไม่แน่ใจในการเลือกคู่สมรสคือยังลังเลว่าจะเลือกคู่สมรสด้วยตนเองหรือให้พ่อแม่เลือกให้ (หน้า 103,131) 2) คุณลักษณะคู่สมรส กลุ่มตัวอย่างมีทิศทางไม่แน่ใจในด้านคุณลักษณะคู่สมรส เพราะไม่เพียงคำนึงถึงคุณสมบัติ เช่น เป็นผู้มีการศึกษาดี มีความรับผิดชอบ แต่ยังคำนึงถึงความรักอีกด้วย (หน้า 104,131) 3) อายุแรกสมรส กลุ่มตัวอย่างเห็นด้วยว่าอายุแรกสมรสควรจะสูงขึ้น (หน้า 105,131) 4) ความสัมพันธ์ทางเพศก่อนสมรส กลุ่มตัวอย่างไม่เห็นด้วยที่สตรีมีความสัมพันธ์ทางเพศก่อนการสมรส (หน้า 106,131) 5) พิธีสมรส กลุ่มตัวอย่างไม่แน่ใจเกี่ยวกับพิธีสมรส คือบางเรื่องไม่ได้คำนึงถึงพิธีกรรมเช่น การมีสินสอด แต่บางเรื่องก็ยังคำนึงถึงพิธีกรรม เช่น ต้องจัดงานเลี้ยงพิธีสมรสให้ใหญ่โต (หน้า 107,131) 6) บทบาทของสามีและภรรยา กลุ่มตัวอย่างมีค่านิยมไม่แน่ใจเกี่ยวกับบทบาทของสามีและภรรยา ยังเห็นก้ำกึ่งกันระหว่างการที่สามีเป็นผู้นำครอบครัว ส่วนภรรยาเป็นผู้ตาม กับสามีและภรรยาตัดสินใจเรื่องต่างๆ ร่วมกัน (หน้า 108,132) ค่านิยมด้านการย้ายถิ่น 1) คุณค่าทางจิตใจของการย้ายถิ่น กลุ่มตัวอย่างเห็นด้วยกับการอาศัยอยู่ในถิ่นเดิม จะย้ายถิ่นในกรณีจำเป็น (หน้า 109,132) 2) คุณค่าทางเศรษฐกิจของการย้ายถิ่น กลุ่มตัวอย่างไม่แน่ใจเกี่ยวกับผลทางเศรษฐกิจของการย้ายถิ่นว่าหากไปอยู่ที่อื่นแล้วจะทำให้มีรายได้หรือเศรษฐกิจดีขึ้นกว่าการอยู่ถิ่นเดิม (หน้า 110,132) 3) คุณค่าทางสังคมของการย้ายถิ่น กลุ่มตัวอย่างไม่แน่ใจว่าการย้ายถิ่นที่อยู่ใหม่จะทำให้ได้อยู่ในสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ (หน้า 111,132) ตัวแปรที่มีความสัมพันธ์กับค่านิยมทางประชากร 1) ค่านิยมด้านการเกิด กลุ่มตัวอย่างที่อายุมากมีแนวโน้มต้องการมีจำนวนบุตรมากหรือมีครอบครัวขนาดใหญ่ (หน้า 116, 132) 2) ค่านิยมด้านการสมรส กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุมากขึ้นมีค่านิยมไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ทางเพศก่อนการสมรส กลุ่มตัวอย่างที่มีรายได้สูงขึ้นมีค่านิยมสมรสช้า และเห็นว่าสามีภรรยาควรได้ตัดสินใจเรื่องราวต่างๆร่วมกัน (หน้า 117-119, 132-133) 3) ค่านิยมด้านการย้ายถิ่น กลุ่มตัวอย่างเพศหญิงผูกพันกับท้องถิ่นของตนและคิดว่าการย้ายถิ่นไม่ช่วยยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น กลุ่มตัวอย่างที่มีระดับการศึกษาสูงและมีรายได้สูงมีแนวโน้มต้องการย้ายถิ่นฐานเพราะคิดว่าจะช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น (หน้า 120-124, 133-134)

Education and Socialization

มอญเห็นความสำคัญกับการศึกษาของบุตร สมัยก่อนเมื่อเด็กชายอายุ 7-8 ขวบจะส่งไปเรียนหนังสือกับพระที่วัด คติความเชื่อในการเลี้ยงดูบุตร ถ้าเป็นชายก็ให้เป็นเจ้าคนนายคน เน้นสอนให้เชื่อฟังพ่อแม่ ให้เคารพนับถือผู้ใหญ่ (หน้า 68,126,134) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับประถมศึกษาต้น (ร้อยละ 68.9) รองลงมาประถมศึกษาตอนปลาย (ร้อยละ 9) ไม่ได้เรียนหนังสือ (ร้อยละ 8.1) มัธยมศึกษาตอนปลาย (ร้อยละ 5.8) มัธยมศึกษาตอนต้นและอนุปริญญา (ร้อยละ 3.2) และปริญญาตรี (ร้อยละ 1.8) (หน้า 93,130)

Health and Medicine

มอญกลุ่มตัวอย่างนิยมคุมกำเนิดโดยรับบริการจากศูนย์บริการสาธารณสุขสาขาแสมดำ ชาวบ้านสามารถคุยเรื่องนี้ได้อย่างเปิดเผยและผู้นำชุมชนเห็นด้วยกับการคุมกำเนิดของคู่สมรส (หน้า 127,134)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไทยเรียกมอญว่า "รามัญ" ส่วนพม่าเรียกว่า "ตะเลง" (หน้า 62)

Social Cultural and Identity Change

สมัยก่อนเวลาต้องการคลอดบุตรจะมีหมอตำแยทำคลอด ผูกข้อมือรับขวัญบุตร แต่ปัจจุบันพาบุตรไปคลอดที่โรงพยาบาล ไม่มีพิธีกรรมใดๆ (หน้า 125, 134)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มี

Map/Illustration

งานวิจัยชิ้นนี้มีตารางเพื่อนำเสนอข้อมูลค่าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น เช่น ตารางแสดงจำนวนและร้อยละของกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามเพศ (ตารางที่ 6 หน้า 91) ตารางแสดงจำนวนร้อยละ ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอย่างจำแนกจามค่านิยมการเกิด ด้านคุณค่าของบุตร (ตารางที่ 12 หน้า 98) ตารางแสดงจำนวนร้อยละ ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอย่าง จำแนกตามค่านิยมด้านการสมรส ในด้านความสัมพันธ์ของเพศก่อนสมรส (ตารางที่ 18 หน้า 106) เป็นต้น

Text Analyst สิทธิพร จรดล Date of Report 04 เม.ย 2556
TAG มอญ, ค่านิยม, ประชากร, กรุงเทพมหานคร, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง