|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู (กะเหรี่ยง),สังคม,เศรษฐกิจ,ความเชื่อ,เชียงใหม่,การจัดการ,การศึกษานอกระบบ,ราชบุรี |
Author |
สุรีย์พร รักอยู่ |
Title |
การศึกษาสภาพการจัดการศึกษานอกระบบเพื่อชนชาวกะเหรี่ยง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
โพล่ง โผล่ง โผล่ว ซู กะเหรี่ยง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) |
Total Pages |
149 |
Year |
2542 |
Source |
หลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาผู้ใหญ่และการศึกษาต่อเนื่อง ภาควิชาการศึกษานอกโรงเรียน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร |
Abstract |
ชุมชนกะเหรี่ยงทั้ง 2 หมู่บ้าน มีพื้นที่ติดแนวชายแดนไทย-พม่า และเป็นแดนที่ล่อแหลมต่อการลุกล้ำดินแดน การเดินทางลำบากเพราะเป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวน มีความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น ไม่มีที่ดินเป็นเอกสารสิทธิ์ ขาดการจัดการระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ทางด้านการศึกษาพบว่ากะเหรี่ยงเกือบทั้งหมดไม่รู้หนังสือ อ่านและเขียนภาษาไทยไม่ได้ ด้านสาธารณสุขยังขาดการดูแลสุขภาพอนามัย และสถานที่ให้บริการด้านสาธารณสุข มีเพียงตู้ยาและเวชภัณฑ์ซึ่งไม่เพียงพอกับการให้ บริการ ด้านการอาชีพกะเหรี่ยงยังชีพอยู่ได้ด้วยการเกษตรแบบล้าหลัง ไม่เพียงพอแก่การบริโภค ด้านสังคมและอาชญากรรมพบว่า มีการทำร้ายร่างกายและลักขโมย ในด้านขนบธรรมเนียมประเพณีและความเชื่อ ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องผี ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ยังมีการตัดไม้ทำลายป่า ในด้านการกีฬาและนันทนาการ ชาวบ้านไม่มีความสนใจที่จะใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ การวางแผนและการดำเนินการจัดการศึกษาเพื่อชนกะเหรี่ยง ในด้านการศึกษาจะมีศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนของอำเภอสวนผึ้งเป็นหน่วยงานหลัก ด้านอนามัยและสาธารณสุขจะมีสาธารณสุขประจำตำบลห้วยม่วงเป็นผู้ให้บริการ ด้านการประกอบอาชีพ มีเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอแนะนำและฝึกอบรมด้านการประกอบอาชีพ ด้านสังคมและการปกครองมีเจ้าหน้าที่ของหน่วยทหารเข้ามาฝึกอบรมรวมทั้งยังฝึกอบรมเรื่องการอนุรักษ์ป่าไม้และรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ส่วนด้านประเพณี วัฒนธรรมจะมีทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้ามาจัดการรักษา ผลการจัดกิจกรรมการศึกษาเพื่อคนกะเหรี่ยงพบว่าผู้เข้ารับการอบรมสามารถอ่านออกเขียนภาษาไทยได้ ชาวบ้านมีอาชีพหลักและอาชีพรองทำให้มีความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น ด้านสาธารณสุขมีการรักษาความสะอาดของสุขภาพร่างกายที่ดีและรักษาความเจ็บป่วยของร่างกายที่ถูกต้องขึ้น ด้านความมั่นคงพบว่า มีการจัดเวรยามในชุมชนและเตรียมความพร้อมที่จะรักษาความปลอดภัยบริเวณชายแดน ด้านสิ่งแวดล้อมมีการปลูกป่าทดแทนและตระหนักถึงสภาพแวดล้อมมากขึ้น ด้านสังคมวัฒนธรรมและประเพณีมีการถ่ายทอดวัฒนธรรมประเพณีจากผู้สูงวัยมายังเยาวชน ส่วนด้านกีฬาและนันทนาการพบว่ามีการให้ความร่วมมือในด้านต่างๆ แก่ทางราชการ มีการพัฒนาจิตใจและสร้างความสามัคคีในหมู่เยาวชน |
|
Focus |
ศึกษาสภาพและผลการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบเพื่อชนกะเหรี่ยงในชุมชนบ้านหนองตาดั้งและบ้านพุระกำ อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษากะเหรี่ยง และ ภาษาไทย |
|
Study Period (Data Collection) |
เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2542 - เดือนมกราคม พ.ศ.2543 เป็นระยะเวลา 5 ช่วง ช่วงละ 10 - 15 วัน (หน้า 55) |
|
History of the Group and Community |
|
Settlement Pattern |
สภาพบ้านเรือนขึ้นอยู่กับฐานะทางเศรษฐกิจของแต่ละครอบครัว แต่ส่วนใหญ่แล้วมีฐานะยากจน จึงใช้วัสดุที่มีตามท้องถิ่น พื้นและฝานิยมทำด้วยฟากไม้ไผ่ หลังคามุงด้วยใบกระพ้อ พื้นบ้านยกสูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร ส่วนบ้านของผู้ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีก็จะปลูกบ้านด้วยคอนกรีต หลังคามุงสังกะสีแต่มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นเรือนแต่ละหลังของบ้านพุระกำ ยกใต้ถุนสูงทำเป็นคอกสัตว์ บ้านหลังหนึ่งมักจะรวมอยู่หลายครอบครัว การจัดห้องจะเป็นห้องกว้างไม่มีฝากันห้อง กลางเรือนมีเตาไฟสำหรับประกอบอาหารและให้ความอบอุ่น (หน้า 60-61) |
|
Demography |
ชาวเขาที่อาศัยอยู่ทางภาคเหนือและภาคตะวันตกใน 21 จังหวัดมีจำนวนมากกว่า 500,000 คน (หน้า 1) บ้านหนองตาดั้งและบ้านพุระกำมีจำนวนประชากรทั้งหมด 565 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย หมู่บ้านละ 12 คน ทั้งเพศชายและหญิงคละกันโดยจำแนกผู้เรียนใน 2 ลักษณะ คือ จำแนกตามความสามารถทางด้านการเรียนรู้ ได้แก่ ช่วงอายุ 15-20 ปี ช่วงอายุ 31-35 ปีและ 35 ปีขึ้นไป ช่วงอายุละ 4 คนและผู้ปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับชุมชนกะเหรี่ยงอำเภอสวนผึ้งโดยตรงจำนวน 8 คน (หน้า 49-50) หมู่บ้านหนองดาตั้ง มีประชากร 317 คน จำนวน 64 ครัวเรือน และหมู่บ้านพุระกำมีประชากร 248 คน จำนวน 50 ครัวเรือน บ้านหนองตาดั้งมีผู้ป่วยเฉลี่ยเดือนละ 106 คน มีอัตราการเกิดของทารก 10 คนและอัตราการตาย 3 คน ส่วนบ้านพุระกำมีผู้ป่วยเฉลี่ยเดือนละ 55 คน มีอัตราการเกิดของเด็กทารก 10 คน และไม่มีอัตราการตาย (หน้า 57,62) |
|
Economy |
สภาพทางเศรษฐกิจของบ้านหนองตาดั้งและบ้านพุระกำค่อนข้างไม่ดี ส่วนการถือครองที่ดินปัจจุบันชาวบ้านยังไม่มีกรรมสิทธิ์ใดๆในพื้นที่เพียงแต่มีสิทธิ์ครอบครองเพื่อใช้เป็นที่ทำกินพรางๆ เท่านั้น (หน้า 58,60) อาชีพส่วนใหญ่ของชาวบ้านเป็นอาชีพเกี่ยวกับการเกษตร เช่น ปลูกข้าวโพด ข้าวไร่ มันสำปะหลัง พืชไร่และพืชผักอื่นๆ เช่น พริกกะเหรี่ยง มะเขือ ไม้ยืนต้น เช่น ขนุน มะม่วง มะนาว มะละกอ ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ วัว หมู เป็ด และไก่ อาชีพในครัวเรือนคือทอผ้า ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริฯ และการจักสานซึ่งมีเอกชนเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุน นอกจากนี้ยังมีการประกอบอาชีพรับจ้าง และอาชีพเก็บหาของป่าขาย ปัจจุบันบ้านหนองตาดั้งและบ้านพุระกำมีธนาคารข้าวจากโครงการพระราชดำริ โดยเริ่มแรกโครงการ จะนำข้าวสารมาไว้ในธนาคารและบริหารโดยการขายข้าวให้กับชาวบ้านที่ไม่ได้ทำนาในราคาถูก เมื่อข้าวหมดก็จะรับซื้อจากชาวบ้านที่ทำนาด้วยราคายุติธรรม เมื่อสีข้าวแล้วก็จะนำข้าวมาเก็บไว้ที่ธนาคารข้าวตามเดิม เพื่อจะได้ขายเป็นทุนต่อไป (หน้า 63,69) |
|
Social Organization |
โดยทั่วไปเป็นครอบครัวเดี่ยว แต่มีสมาชิกในครอบครัวมาก แต่เมื่อแต่งงานแล้วจะแยกครอบครัวไปอยู่ต่างหากไม่นิยมอยู่กับครอบครัวเดิม ชาวบ้านหนองตาดั้งและบ้านพุระกำมีวิถีชีวิตแบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน มีความรักสามัคคีให้ความเคารพต่อผู้อาวุโสและผู้นำ (หน้า 61,64) |
|
Political Organization |
บ้านหนองตาดั้งและบ้านพุระกำมีหัวหน้าหมู่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านละ 1 คน ซึ่งได้รับการเลือกตั้งจากชาวบ้านโดยมีคณะกรรมการหมู่บ้านร่วมดำเนินการ โดยคณะกรรมการหมู่บ้านทุกฝ่ายมีหน้าที่ร่วมกันดูแลประสานงานกับหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐและดำเนินการพัฒนาร่วมกับชาวบ้าน ชาวบ้านจะร่วมกันตั้งกฏระเบียบของหมู่บ้านเพื่อเป็นแนวปฏิบัติของชาวบ้าน เช่น ครัวใดไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมหมู่บ้าน ผู้ใดมาประชุมแล้วกลับก่อนปิดประชุม ปรับ 500 บาท ผู้ใดกระทำอันเป็นที่รบกวนในที่ประชุม ปรับ 500 บาทขึ้นไป ผู้ใดยิงปืนให้สัญญาณเตือนภัย โดยไม่มีเหตุอันควร ปรับ 300 บาทขึ้นไป ผู้ใดขาดเวรยามหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร ปรับ 300 บาท ผู้ใดลักและขโมยทรัพย์สินหรือสิ่งของผู้อื่น ปรับ 300 บาทขึ้นไป (หน้า 64-66) |
|
Belief System |
ชาวบ้านหนองตาดั้งนับถือศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์ ชาวบ้านหนองตาดั้งมีความเชื่อว่าหากมีคนตายในบ้านถือเป็นสิ่งที่ไม่ดีจะทิ้งบ้านไป (หน้า 61-62) ประเพณีกินข้าวห่อ (อั๊งหมี่ทอง) เริ่มในเดือนเก้า (หล่าค่อก) ของทุกปีหลังเสร็จจากการเพาะปลูก กะเหรี่ยงถือว่าเดือนเก้าเป็นเดือนไม่ดีเพราะวิญญาณชั่วร้ายจะออกมาหากิน และสิ่งที่วิญญาณชั่วร้ายกินคือ "ขวัญ" เมื่อขวัญถูกวิญญาณชั่วร้ายจับไป เจ้าของขวัญจะเจ็บไข้และอาจถึงแก่ชีวิต กะเหรี่ยงมีความเชื่อว่าทุกคนที่เกิดมาจะต้องมีขวัญและขวัญคือสิ่งที่ทำให้เจ้าของสุขสบายหรือเจ็บป่วยเมือใดก็ได้ เด็กที่เกิดเดือนนี้จะต้องผูกข้อมือและข้อเท้าด้วยด้ายสีแดงจึงจะไม่เกิดอาการเจ็บป่วย ประเพณีกินไก่ จะเริ่มกินไก่ในวันไหนก็ได้โดยทำพิธีกินไก่ปีละ 1 ครั้ง ที่ต้องมา ผู้อาวุโสที่สุดในครอบครัวจะเป็นผู้ประกอบพิธีโดยนำไก่เป็นๆ มาบีบคอให้ตายแล้วนำไปต้มเหมือนต้มไก่ใส่แต่เกลือเล็กน้อย เสร็จแล้วให้สมาชิกในครอบครัวกินอย่างน้อยคนละ 1 คำ และจะพูดเหมือนคำให้ศีลให้พรแต่ในสิ่งที่ดีๆ เท่านั้น (หน้า 67) |
|
Education and Socialization |
ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดราชบุรีและศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอสวนผึ้งได้จัดตั้งศูนย์การศึกษาเพื่อชุมชนในเขตภูเขาบ้านหนองตาดั้ง แต่ได้มีเยาวชนบางส่วนเดินทางไปเรียนที่โรงเรียนรุจิรพัฒน์ ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านม่วง เป็นโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ เป็นโรงเรียนขยายโอกาส เปิดสอนถึงระดับมัธยมศึกษา (หน้า 61) |
|
Health and Medicine |
การรักษาพยาบาลของชาวบ้านแต่เดิมพึ่งพาไสยศาสตร์เป็นหลัก เพราะขาดความรู้ทางแพทย์แผนปัจจุบัน และยังไม่มีสถานบริการด้านสาธารณสุขเข้าไปตั้งในพื้นที่ มีเพียงเจ้าหน้าที่หน่วยมาเลเรีย ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านห้วยม่วง ดังนั้น หากชาวบ้านเจ็บป่วยเล็กน้อยก็จะมาขอยาจากครูอาสาประจำศูนย์และหมอประจำหมู่บ้าน หากบุคคลใดป่วยหนักจะไปรักษาที่สถานพยาบาลในตัวอำเภอสวนผึ้งหรือตัวจังหวัดราชบุรี งานอนามัยแม่และเด็ก การคลอดส่วนใหญ่อาศัยหมอตำแย มีเพียงส่วนน้อยที่ทำคลอดโดยเจ้าหน้าที่อนามัย (หน้า 62) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
วิถีชีวิตของกะเหรี่ยงบ้านพุระกำเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความทันสมัย ทั้งนี้ อาจเนื่องมาจากการคมนาคมและการสื่อสารกับสังคมภายนอก โดยเฉพาะสังคมเมืองซึ่งมีความเจริญและทันสมัยกว่าชุมชนหมู่บ้าน (หน้า 60) |
|
Other Issues |
การพัฒนา ในภาพรวมได้สรุปวิธีการแก้ไขและพัฒนาหมู่บ้านไว้ว่า น่าจะให้มีการพัฒนาแบบยั่งยืน โดยสร้างจิตสำนึกให้กับชุมชนกะเหรี่ยง และให้พวกเขาได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาด้านต่างๆ ด้วยตนเอง แทนที่หน่วยงานทุกหน่วยที่รับผิดชอบจะเข้าไปสร้างให้ (หน้า 84) ในระดับนโยบายเน้นการส่งเสริมคุณภาพชีวิต โดยเตรียมความพร้อมให้ชุมชนและประชาชนเข้าใจการดำเนินชีวิตให้พึ่งพาตนเองโดยการร่วมมือกันช่วยแก้ไขปัญหาของชุมชน เพื่อให้มีการพัฒนาที่ยั่งยืนและเน้นเรื่องความมั่นคงของชาติ ส่วนในระดับผู้ปฏิบัติได้มองถึงการประสานงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและด้านการศึกษาให้มีประสิทธิภาพและเกิดผลมากที่สุด และในส่วนของผู้เข้ารับการอบรมเน้นด้านอาชีพ การศึกษาและด้านสุขภาพอนามัย (หน้า 125) |
|
Map/Illustration |
ตาราง - การจัดกิจกรรมทางการศึกษานอกโรงเรียนสำหรับชนชาวเขา ของกรมการศึกษานอกโรงเรียน (หน้า 6) - ข้อมูลพื้นฐานที่เป็นปัญหาของชุมชนชาวกระเหรี่ยงบ้านหนองตาดั้งและบ้านพุระกำ (หน้า 9) - จำนวนประชากรชาวเขาที่แยกเป็นเผ่าๆ(หน้า 15) - การจัดการศึกษาในระบบโรงเรียนของอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี(หน้า 19) - การจัดการศึกษานอกระบบโรงเรียนของอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี(หน้า 19) - หลักสูตรประถมศึกษาเพื่อชุมชนในเขตภูเขา พุทธศักราช 2524(หน้า 32) - จำนวนหน่วยตัวอย่างจำแนกตามโครงสร้างกลุ่มตัวอย่าง(หน้า 50) - สถิติพื้นฐานของหมู่บ้านหนองตาดั้งและหมู่บ้านพุระกำ ตำบลตะนาวศรี อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี(หน้า 56) - รายละเอียดของผลการสัมภาษณ์จากกลุ่มผู้รับผิดชอบระดับนโยบาย(หน้า 78) - ผลการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องกับงานวิจัยที่ปฏิบัติงาน ในพื้นที่ชุมชนบ้านหนองตาดั้งและบ้านพุระกำ(หน้า 80) - ผลการสัมภาษณ์ผู้ที่เข้ารับการอบรมการศึกษานอกระบบในหมู่บ้านหนองตาดั้ง(หน้า 82) - ผลการสัมภาษณ์ผู้ที่เข้ารับการอบรมการศึกษานอกระบบในหมู่บ้านพุระกำ(หน้า 83) - รายละเอียดของผลการสัมภาษณ์กลุ่มผู้รับผิดชอบระดับนโยบาย(หน้า 92) - รายละเอียดของผลการสัมภาษณ์กลุ่มผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ชุมชนหมู่บ้านหนองตาดั้งและบ้านพุระกำ(หน้า 94) - ผลการสัมภาษณ์ผู้เข้ารับการอบรมการศึกษาผู้ใหญ่นอกระบบหมู่บ้านหนองดาตั้ง (หน้า 99) - ผลการสัมภาษณ์ผู้เข้ารับการอบรมการศึกษานอกระบบหมู่บ้านพุระกำ(หน้า 104) - รายละเอียดของผลการสัมภาษณ์กลุ่มผู้รับผิดชอบระดับนโยบายระดับสูง(หน้า 115) - รายละเอียดของผลการสัมภาษณ์กลุ่มผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่(หน้า 117) - ผลการสัมภาษณ์ผู้ที่เข้ารับการอบรมการศึกษานอกระบบในหมู่บ้านหนองตาดั้ง จำแนกตามกลุ่มช่วงอายุ (หน้า 120) - ผลการสัมภาษณ์ผู้ที่เข้ารับการอบรมการศึกษานอกระบบในหมู่บ้านพุระกำ จำแนกตามกลุ่มช่วงอายุ (หน้า 122) ภาพ - แผนที่แสดงอาณาเขตการปกครองของหมู่บ้านหนองตาดั้งและหมู่บ้านพุระกำ(หน้า 56) - สภาพของหมู่บ้านชุมชนชาวกระเหรี่ยง(หน้า 70) - สภาพบ้านที่อยู่อาศัยของชาวกระเหรี่ยง(หน้า 70) - สภาพความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายพึ่งพาธรรมชาติ(หน้า 71) - การสอนภาษาให้กับชาวกระเหรี่ยงของครูอาสาสมัคร(หน้า 71) - การเรียนของชาวบ้านซึ่งเป็นชาวกระเหรี่ยงที่ไม่รู้หนังสือ(หน้า 72) - แสดงการเพาะเห็ด(หน้า 73) - เครื่องมือการทอผ้าของชาวกระเหรี่ยง(หน้า 73) - สภาพภายในที่พักอาศัยของชนชาวกระเหรี่ยง(หน้า 74) - สภาพบริเวณรอบๆชุมชน(หน้า 74) - สภาพสังคมและวัฒนธรรมกะเหรี่ยง(หน้า 75) - สภาพโดยรอบบริเวณหมู่บ้านจะเป็นชายป่าเขา(หน้า 76) - การแสดงด้านกีฬาและนันทนาการ(หน้า 77) - การจัดการศึกษานอกระบบของชาวกระเหรี่ยง(หน้า 85) - การทอผ้าในโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ(หน้า 86) - การเพาะเห็ดฟางของกะเหรี่ยง(หน้า 86) - ศูนย์สาธารณสุขมูลฐานภายในหมู่บ้าน(หน้า 87) - การเข้าอบรมการป้องกันตนเองตามแนวชายแดน(หน้า 88) - ผู้ชายกะเหรี่ยงหลังจากอบรมเรื่องความมั่นคง(หน้า 88) - การแต่งกายแบบสาวกะเหรี่ยง(หน้า 89) - มีสันทนาการในขณะที่เข้ามาเรียน(หน้า 90) - ซุ้มที่ประทับรับเสด็จสมเด็จฯ พระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ(หน้า 91) - สภาพแวดล้อมตามธรรมชาติบริเวณชุมชนกะเหรี่ยง(หน้า 91) - บรรยากาศการศึกษานอกระบบของกะเหรี่ยง(หน้า 110) - การทอผ้าของกะเหรี่ยง(หน้า 111) - การจัดตั้งธนาคารข้าว(หน้า 111) - การอบรมการส่งเสริมด้านสุขภาพอนามัย(หน้า 112) - การจัดที่พักอาศัยของกะเหรี่ยง(หน้า 112) - การจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมของกะเหรี่ยง(หน้า 113) - สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยเป็นระเบียบมากขึ้น(หน้า 113) - ส่งเสริมกีฬาและนันทนาการ(หน้า 114) แผนภูมิ - แสดงกิจกรรมการจัดการศึกษานอกระบบและความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมทั้ง 3 ประเภท(หน้า 21) |
|
|