สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู (กะเหรี่ยง),สังคม,เศรษฐกิจ,ความเชื่อ,เชียงใหม่,การจัดการ,การศึกษานอกระบบ,ราชบุรี
Author สุรีย์พร รักอยู่
Title การศึกษาสภาพการจัดการศึกษานอกระบบเพื่อชนชาวกะเหรี่ยง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity โพล่ง โผล่ง โผล่ว ซู กะเหรี่ยง, Language and Linguistic Affiliations จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) Total Pages 149 Year 2542
Source หลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาผู้ใหญ่และการศึกษาต่อเนื่อง ภาควิชาการศึกษานอกโรงเรียน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร
Abstract

          ชุมชนกะเหรี่ยงทั้ง 2 หมู่บ้าน มีพื้นที่ติดแนวชายแดนไทย-พม่า และเป็นแดนที่ล่อแหลมต่อการลุกล้ำดินแดน การเดินทางลำบากเพราะเป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวน มีความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น ไม่มีที่ดินเป็นเอกสารสิทธิ์ ขาดการจัดการระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ทางด้านการศึกษาพบว่ากะเหรี่ยงเกือบทั้งหมดไม่รู้หนังสือ อ่านและเขียนภาษาไทยไม่ได้ ด้านสาธารณสุขยังขาดการดูแลสุขภาพอนามัย และสถานที่ให้บริการด้านสาธารณสุข มีเพียงตู้ยาและเวชภัณฑ์ซึ่งไม่เพียงพอกับการให้ บริการ ด้านการอาชีพกะเหรี่ยงยังชีพอยู่ได้ด้วยการเกษตรแบบล้าหลัง ไม่เพียงพอแก่การบริโภค ด้านสังคมและอาชญากรรมพบว่า มีการทำร้ายร่างกายและลักขโมย ในด้านขนบธรรมเนียมประเพณีและความเชื่อ ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องผี ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ยังมีการตัดไม้ทำลายป่า ในด้านการกีฬาและนันทนาการ ชาวบ้านไม่มีความสนใจที่จะใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ การวางแผนและการดำเนินการจัดการศึกษาเพื่อชนกะเหรี่ยง ในด้านการศึกษาจะมีศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนของอำเภอสวนผึ้งเป็นหน่วยงานหลัก ด้านอนามัยและสาธารณสุขจะมีสาธารณสุขประจำตำบลห้วยม่วงเป็นผู้ให้บริการ ด้านการประกอบอาชีพ มีเจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอแนะนำและฝึกอบรมด้านการประกอบอาชีพ ด้านสังคมและการปกครองมีเจ้าหน้าที่ของหน่วยทหารเข้ามาฝึกอบรมรวมทั้งยังฝึกอบรมเรื่องการอนุรักษ์ป่าไม้และรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ส่วนด้านประเพณี วัฒนธรรมจะมีทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้ามาจัดการรักษา ผลการจัดกิจกรรมการศึกษาเพื่อคนกะเหรี่ยงพบว่าผู้เข้ารับการอบรมสามารถอ่านออกเขียนภาษาไทยได้ ชาวบ้านมีอาชีพหลักและอาชีพรองทำให้มีความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น ด้านสาธารณสุขมีการรักษาความสะอาดของสุขภาพร่างกายที่ดีและรักษาความเจ็บป่วยของร่างกายที่ถูกต้องขึ้น ด้านความมั่นคงพบว่า มีการจัดเวรยามในชุมชนและเตรียมความพร้อมที่จะรักษาความปลอดภัยบริเวณชายแดน ด้านสิ่งแวดล้อมมีการปลูกป่าทดแทนและตระหนักถึงสภาพแวดล้อมมากขึ้น ด้านสังคมวัฒนธรรมและประเพณีมีการถ่ายทอดวัฒนธรรมประเพณีจากผู้สูงวัยมายังเยาวชน ส่วนด้านกีฬาและนันทนาการพบว่ามีการให้ความร่วมมือในด้านต่างๆ แก่ทางราชการ มีการพัฒนาจิตใจและสร้างความสามัคคีในหมู่เยาวชน

Focus

          ศึกษาสภาพและผลการจัดกิจกรรมการศึกษานอกระบบเพื่อชนกะเหรี่ยงในชุมชนบ้านหนองตาดั้งและบ้านพุระกำ อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี

Theoretical Issues

          ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

          กะเหรี่ยง

Language and Linguistic Affiliations

          ภาษากะเหรี่ยง และ ภาษาไทย

Study Period (Data Collection)

          เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2542 - เดือนมกราคม พ.ศ.2543 เป็นระยะเวลา 5 ช่วง ช่วงละ 10 - 15 วัน (หน้า 55)

History of the Group and Community

          ไม่มีข้อมูล

Settlement Pattern

          สภาพบ้านเรือนขึ้นอยู่กับฐานะทางเศรษฐกิจของแต่ละครอบครัว แต่ส่วนใหญ่แล้วมีฐานะยากจน จึงใช้วัสดุที่มีตามท้องถิ่น พื้นและฝานิยมทำด้วยฟากไม้ไผ่ หลังคามุงด้วยใบกระพ้อ พื้นบ้านยกสูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร ส่วนบ้านของผู้ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดีก็จะปลูกบ้านด้วยคอนกรีต หลังคามุงสังกะสีแต่มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นเรือนแต่ละหลังของบ้านพุระกำ ยกใต้ถุนสูงทำเป็นคอกสัตว์ บ้านหลังหนึ่งมักจะรวมอยู่หลายครอบครัว การจัดห้องจะเป็นห้องกว้างไม่มีฝากันห้อง กลางเรือนมีเตาไฟสำหรับประกอบอาหารและให้ความอบอุ่น (หน้า 60-61)

Demography

          ชาวเขาที่อาศัยอยู่ทางภาคเหนือและภาคตะวันตกใน 21 จังหวัดมีจำนวนมากกว่า 500,000 คน (หน้า 1) บ้านหนองตาดั้งและบ้านพุระกำมีจำนวนประชากรทั้งหมด 565 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย หมู่บ้านละ 12 คน ทั้งเพศชายและหญิงคละกันโดยจำแนกผู้เรียนใน 2 ลักษณะ คือ จำแนกตามความสามารถทางด้านการเรียนรู้ ได้แก่ ช่วงอายุ 15-20 ปี ช่วงอายุ 31-35 ปีและ 35 ปีขึ้นไป ช่วงอายุละ 4 คนและผู้ปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับชุมชนกะเหรี่ยงอำเภอสวนผึ้งโดยตรงจำนวน 8 คน (หน้า 49-50) หมู่บ้านหนองดาตั้ง มีประชากร 317 คน จำนวน 64 ครัวเรือน และหมู่บ้านพุระกำมีประชากร 248 คน จำนวน 50 ครัวเรือน บ้านหนองตาดั้งมีผู้ป่วยเฉลี่ยเดือนละ 106 คน มีอัตราการเกิดของทารก 10 คนและอัตราการตาย 3 คน ส่วนบ้านพุระกำมีผู้ป่วยเฉลี่ยเดือนละ 55 คน มีอัตราการเกิดของเด็กทารก 10 คน และไม่มีอัตราการตาย (หน้า 57,62)

Economy

          สภาพทางเศรษฐกิจของบ้านหนองตาดั้งและบ้านพุระกำค่อนข้างไม่ดี ส่วนการถือครองที่ดินปัจจุบันชาวบ้านยังไม่มีกรรมสิทธิ์ใดๆในพื้นที่เพียงแต่มีสิทธิ์ครอบครองเพื่อใช้เป็นที่ทำกินพรางๆ เท่านั้น (หน้า 58,60) อาชีพส่วนใหญ่ของชาวบ้านเป็นอาชีพเกี่ยวกับการเกษตร เช่น ปลูกข้าวโพด ข้าวไร่ มันสำปะหลัง พืชไร่และพืชผักอื่นๆ เช่น พริกกะเหรี่ยง มะเขือ ไม้ยืนต้น เช่น ขนุน มะม่วง มะนาว มะละกอ ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ วัว หมู เป็ด และไก่ อาชีพในครัวเรือนคือทอผ้า ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริฯ และการจักสานซึ่งมีเอกชนเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุน นอกจากนี้ยังมีการประกอบอาชีพรับจ้าง และอาชีพเก็บหาของป่าขาย ปัจจุบันบ้านหนองตาดั้งและบ้านพุระกำมีธนาคารข้าวจากโครงการพระราชดำริ โดยเริ่มแรกโครงการ จะนำข้าวสารมาไว้ในธนาคารและบริหารโดยการขายข้าวให้กับชาวบ้านที่ไม่ได้ทำนาในราคาถูก เมื่อข้าวหมดก็จะรับซื้อจากชาวบ้านที่ทำนาด้วยราคายุติธรรม เมื่อสีข้าวแล้วก็จะนำข้าวมาเก็บไว้ที่ธนาคารข้าวตามเดิม เพื่อจะได้ขายเป็นทุนต่อไป (หน้า 63,69)

Social Organization

          โดยทั่วไปเป็นครอบครัวเดี่ยว แต่มีสมาชิกในครอบครัวมาก แต่เมื่อแต่งงานแล้วจะแยกครอบครัวไปอยู่ต่างหากไม่นิยมอยู่กับครอบครัวเดิม ชาวบ้านหนองตาดั้งและบ้านพุระกำมีวิถีชีวิตแบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน มีความรักสามัคคีให้ความเคารพต่อผู้อาวุโสและผู้นำ (หน้า 61,64)

Political Organization

          บ้านหนองตาดั้งและบ้านพุระกำมีหัวหน้าหมู่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านละ 1 คน ซึ่งได้รับการเลือกตั้งจากชาวบ้านโดยมีคณะกรรมการหมู่บ้านร่วมดำเนินการ โดยคณะกรรมการหมู่บ้านทุกฝ่ายมีหน้าที่ร่วมกันดูแลประสานงานกับหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐและดำเนินการพัฒนาร่วมกับชาวบ้าน ชาวบ้านจะร่วมกันตั้งกฏระเบียบของหมู่บ้านเพื่อเป็นแนวปฏิบัติของชาวบ้าน เช่น ครัวใดไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมหมู่บ้าน ผู้ใดมาประชุมแล้วกลับก่อนปิดประชุม ปรับ 500 บาท ผู้ใดกระทำอันเป็นที่รบกวนในที่ประชุม ปรับ 500 บาทขึ้นไป ผู้ใดยิงปืนให้สัญญาณเตือนภัย โดยไม่มีเหตุอันควร ปรับ 300 บาทขึ้นไป ผู้ใดขาดเวรยามหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร ปรับ 300 บาท ผู้ใดลักและขโมยทรัพย์สินหรือสิ่งของผู้อื่น ปรับ 300 บาทขึ้นไป (หน้า 64-66)

Belief System

          ชาวบ้านหนองตาดั้งนับถือศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์ ชาวบ้านหนองตาดั้งมีความเชื่อว่าหากมีคนตายในบ้านถือเป็นสิ่งที่ไม่ดีจะทิ้งบ้านไป (หน้า 61-62) ประเพณีกินข้าวห่อ (อั๊งหมี่ทอง) เริ่มในเดือนเก้า (หล่าค่อก) ของทุกปีหลังเสร็จจากการเพาะปลูก กะเหรี่ยงถือว่าเดือนเก้าเป็นเดือนไม่ดีเพราะวิญญาณชั่วร้ายจะออกมาหากิน และสิ่งที่วิญญาณชั่วร้ายกินคือ "ขวัญ" เมื่อขวัญถูกวิญญาณชั่วร้ายจับไป เจ้าของขวัญจะเจ็บไข้และอาจถึงแก่ชีวิต กะเหรี่ยงมีความเชื่อว่าทุกคนที่เกิดมาจะต้องมีขวัญและขวัญคือสิ่งที่ทำให้เจ้าของสุขสบายหรือเจ็บป่วยเมือใดก็ได้ เด็กที่เกิดเดือนนี้จะต้องผูกข้อมือและข้อเท้าด้วยด้ายสีแดงจึงจะไม่เกิดอาการเจ็บป่วย ประเพณีกินไก่ จะเริ่มกินไก่ในวันไหนก็ได้โดยทำพิธีกินไก่ปีละ 1 ครั้ง ที่ต้องมา ผู้อาวุโสที่สุดในครอบครัวจะเป็นผู้ประกอบพิธีโดยนำไก่เป็นๆ มาบีบคอให้ตายแล้วนำไปต้มเหมือนต้มไก่ใส่แต่เกลือเล็กน้อย เสร็จแล้วให้สมาชิกในครอบครัวกินอย่างน้อยคนละ 1 คำ และจะพูดเหมือนคำให้ศีลให้พรแต่ในสิ่งที่ดีๆ เท่านั้น (หน้า 67)

Education and Socialization

          ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดราชบุรีและศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอสวนผึ้งได้จัดตั้งศูนย์การศึกษาเพื่อชุมชนในเขตภูเขาบ้านหนองตาดั้ง แต่ได้มีเยาวชนบางส่วนเดินทางไปเรียนที่โรงเรียนรุจิรพัฒน์ ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านม่วง เป็นโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ เป็นโรงเรียนขยายโอกาส เปิดสอนถึงระดับมัธยมศึกษา (หน้า 61)

Health and Medicine

          การรักษาพยาบาลของชาวบ้านแต่เดิมพึ่งพาไสยศาสตร์เป็นหลัก เพราะขาดความรู้ทางแพทย์แผนปัจจุบัน และยังไม่มีสถานบริการด้านสาธารณสุขเข้าไปตั้งในพื้นที่ มีเพียงเจ้าหน้าที่หน่วยมาเลเรีย ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านห้วยม่วง ดังนั้น หากชาวบ้านเจ็บป่วยเล็กน้อยก็จะมาขอยาจากครูอาสาประจำศูนย์และหมอประจำหมู่บ้าน หากบุคคลใดป่วยหนักจะไปรักษาที่สถานพยาบาลในตัวอำเภอสวนผึ้งหรือตัวจังหวัดราชบุรี งานอนามัยแม่และเด็ก การคลอดส่วนใหญ่อาศัยหมอตำแย มีเพียงส่วนน้อยที่ทำคลอดโดยเจ้าหน้าที่อนามัย (หน้า 62)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

          ไม่มีข้อมูล

Folklore

          ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

          ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

          วิถีชีวิตของกะเหรี่ยงบ้านพุระกำเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความทันสมัย ทั้งนี้ อาจเนื่องมาจากการคมนาคมและการสื่อสารกับสังคมภายนอก โดยเฉพาะสังคมเมืองซึ่งมีความเจริญและทันสมัยกว่าชุมชนหมู่บ้าน (หน้า 60)

Critic Issues

          ไม่มีข้อมูล

Other Issues

          การพัฒนา ในภาพรวมได้สรุปวิธีการแก้ไขและพัฒนาหมู่บ้านไว้ว่า น่าจะให้มีการพัฒนาแบบยั่งยืน โดยสร้างจิตสำนึกให้กับชุมชนกะเหรี่ยง และให้พวกเขาได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาด้านต่างๆ ด้วยตนเอง แทนที่หน่วยงานทุกหน่วยที่รับผิดชอบจะเข้าไปสร้างให้ (หน้า 84) ในระดับนโยบายเน้นการส่งเสริมคุณภาพชีวิต โดยเตรียมความพร้อมให้ชุมชนและประชาชนเข้าใจการดำเนินชีวิตให้พึ่งพาตนเองโดยการร่วมมือกันช่วยแก้ไขปัญหาของชุมชน เพื่อให้มีการพัฒนาที่ยั่งยืนและเน้นเรื่องความมั่นคงของชาติ ส่วนในระดับผู้ปฏิบัติได้มองถึงการประสานงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและด้านการศึกษาให้มีประสิทธิภาพและเกิดผลมากที่สุด และในส่วนของผู้เข้ารับการอบรมเน้นด้านอาชีพ การศึกษาและด้านสุขภาพอนามัย (หน้า 125)

Map/Illustration

ตาราง - การจัดกิจกรรมทางการศึกษานอกโรงเรียนสำหรับชนชาวเขา ของกรมการศึกษานอกโรงเรียน (หน้า 6) - ข้อมูลพื้นฐานที่เป็นปัญหาของชุมชนชาวกระเหรี่ยงบ้านหนองตาดั้งและบ้านพุระกำ (หน้า 9) - จำนวนประชากรชาวเขาที่แยกเป็นเผ่าๆ(หน้า 15) - การจัดการศึกษาในระบบโรงเรียนของอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี(หน้า 19) - การจัดการศึกษานอกระบบโรงเรียนของอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี(หน้า 19) - หลักสูตรประถมศึกษาเพื่อชุมชนในเขตภูเขา พุทธศักราช 2524(หน้า 32) - จำนวนหน่วยตัวอย่างจำแนกตามโครงสร้างกลุ่มตัวอย่าง(หน้า 50) - สถิติพื้นฐานของหมู่บ้านหนองตาดั้งและหมู่บ้านพุระกำ ตำบลตะนาวศรี อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี(หน้า 56) - รายละเอียดของผลการสัมภาษณ์จากกลุ่มผู้รับผิดชอบระดับนโยบาย(หน้า 78) - ผลการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องกับงานวิจัยที่ปฏิบัติงาน ในพื้นที่ชุมชนบ้านหนองตาดั้งและบ้านพุระกำ(หน้า 80) - ผลการสัมภาษณ์ผู้ที่เข้ารับการอบรมการศึกษานอกระบบในหมู่บ้านหนองตาดั้ง(หน้า 82) - ผลการสัมภาษณ์ผู้ที่เข้ารับการอบรมการศึกษานอกระบบในหมู่บ้านพุระกำ(หน้า 83) - รายละเอียดของผลการสัมภาษณ์กลุ่มผู้รับผิดชอบระดับนโยบาย(หน้า 92) - รายละเอียดของผลการสัมภาษณ์กลุ่มผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ชุมชนหมู่บ้านหนองตาดั้งและบ้านพุระกำ(หน้า 94) - ผลการสัมภาษณ์ผู้เข้ารับการอบรมการศึกษาผู้ใหญ่นอกระบบหมู่บ้านหนองดาตั้ง (หน้า 99) - ผลการสัมภาษณ์ผู้เข้ารับการอบรมการศึกษานอกระบบหมู่บ้านพุระกำ(หน้า 104) - รายละเอียดของผลการสัมภาษณ์กลุ่มผู้รับผิดชอบระดับนโยบายระดับสูง(หน้า 115) - รายละเอียดของผลการสัมภาษณ์กลุ่มผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่(หน้า 117) - ผลการสัมภาษณ์ผู้ที่เข้ารับการอบรมการศึกษานอกระบบในหมู่บ้านหนองตาดั้ง จำแนกตามกลุ่มช่วงอายุ (หน้า 120) - ผลการสัมภาษณ์ผู้ที่เข้ารับการอบรมการศึกษานอกระบบในหมู่บ้านพุระกำ จำแนกตามกลุ่มช่วงอายุ (หน้า 122) ภาพ - แผนที่แสดงอาณาเขตการปกครองของหมู่บ้านหนองตาดั้งและหมู่บ้านพุระกำ(หน้า 56) - สภาพของหมู่บ้านชุมชนชาวกระเหรี่ยง(หน้า 70) - สภาพบ้านที่อยู่อาศัยของชาวกระเหรี่ยง(หน้า 70) - สภาพความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายพึ่งพาธรรมชาติ(หน้า 71) - การสอนภาษาให้กับชาวกระเหรี่ยงของครูอาสาสมัคร(หน้า 71) - การเรียนของชาวบ้านซึ่งเป็นชาวกระเหรี่ยงที่ไม่รู้หนังสือ(หน้า 72) - แสดงการเพาะเห็ด(หน้า 73) - เครื่องมือการทอผ้าของชาวกระเหรี่ยง(หน้า 73) - สภาพภายในที่พักอาศัยของชนชาวกระเหรี่ยง(หน้า 74) - สภาพบริเวณรอบๆชุมชน(หน้า 74) - สภาพสังคมและวัฒนธรรมกะเหรี่ยง(หน้า 75) - สภาพโดยรอบบริเวณหมู่บ้านจะเป็นชายป่าเขา(หน้า 76) - การแสดงด้านกีฬาและนันทนาการ(หน้า 77) - การจัดการศึกษานอกระบบของชาวกระเหรี่ยง(หน้า 85) - การทอผ้าในโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ(หน้า 86) - การเพาะเห็ดฟางของกะเหรี่ยง(หน้า 86) - ศูนย์สาธารณสุขมูลฐานภายในหมู่บ้าน(หน้า 87) - การเข้าอบรมการป้องกันตนเองตามแนวชายแดน(หน้า 88) - ผู้ชายกะเหรี่ยงหลังจากอบรมเรื่องความมั่นคง(หน้า 88) - การแต่งกายแบบสาวกะเหรี่ยง(หน้า 89) - มีสันทนาการในขณะที่เข้ามาเรียน(หน้า 90) - ซุ้มที่ประทับรับเสด็จสมเด็จฯ พระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ(หน้า 91) - สภาพแวดล้อมตามธรรมชาติบริเวณชุมชนกะเหรี่ยง(หน้า 91) - บรรยากาศการศึกษานอกระบบของกะเหรี่ยง(หน้า 110) - การทอผ้าของกะเหรี่ยง(หน้า 111) - การจัดตั้งธนาคารข้าว(หน้า 111) - การอบรมการส่งเสริมด้านสุขภาพอนามัย(หน้า 112) - การจัดที่พักอาศัยของกะเหรี่ยง(หน้า 112) - การจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมของกะเหรี่ยง(หน้า 113) - สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยเป็นระเบียบมากขึ้น(หน้า 113) - ส่งเสริมกีฬาและนันทนาการ(หน้า 114) แผนภูมิ - แสดงกิจกรรมการจัดการศึกษานอกระบบและความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมทั้ง 3 ประเภท(หน้า 21)

Text Analyst สุวิทย์ เลิศวิมลศักดิ์ Date of Report 30 ม.ค. 2560
TAG โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู (กะเหรี่ยง), สังคม, เศรษฐกิจ, ความเชื่อ, เชียงใหม่, การจัดการ, การศึกษานอกระบบ, ราชบุรี, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง