|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ไทเบิ้ง,ไทโคราช,ความสัมพันธ์ระหว่างชุมชน,ป่าดอนปู่ตา,มหาสารคาม |
Author |
ศักดา เชื้อประทุม |
Title |
ความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนกับป่าดอนปู่ตาในอำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ไทยโคราช คนโคราช คนบ้านเอ๋ง หลานย่าโม, ไทเบิ้ง ไทเดิ้ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไท(Tai) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(เอกสารฉบับเต็ม) |
Total Pages |
170 |
Year |
2538 |
Source |
วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม |
Abstract |
ผู้ศึกษาได้มีจุดมุ่งหมายที่จะศึกษาถึงลักษณะสภาพของป่าดอนปู่ในเขต อ.นาเชือก โดยเลือกหมู่บ้านที่จะทำการศึกษา 19 หมู่บ้าน และยังศึกษาถึงความสัมพันธ์และบทบาทของป่าดอนปู่ตากับวิถีชีวิต และศึกษาถึงลักษณะของพิธีกรรมและผลกระทบต่อชุมชน โดยมีการสำรวจในพื้นที่ที่เป็นป่าดอนปู่ตาและสัมภาษณ์ชาวบ้านถึงพิธีกรรมต่างๆ และคติความเชื่อรวมทั้งผลกระทบและความสัมพันธ์กับชุมชน(หน้า 7) ลักษณะโดยทั่วไปของป่าดอนปู่ตานั้นเป็นป่าทึบหรือโปร่งผันแปรตามลักษณะและจำนวนพื้นที่ และมีหนองน้ำธรรมชาติในพื้นที่ด้วย และจะมีศาลปู่ตาแห่งละ 1-3 หลัง และชาวบ้านได้ใช้พื้นที่นี้เก็บผลผลิตจากป่าเป็นอาหารตามฤดูกาลและเป็นยาสมุนไพร สำหรับพิธีกรรมนั้นก็มีพิธีกรรมเลี้ยงปู่ตาและเสี่ยงทายประจำปีในเดือน 6 โดยมีเฒ่าจ้ำเป็นผู้ประกอบพิธี และสำหรับผลกระทบต่อชุมชนนั้นก็เป็นเหมือนที่รวมอำนาจในการอำนวยทุกข์และสุขให้เกิดได้กับบุคคลที่มีความผูกพันกับผีบรรพชนในเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตและศรัทธาที่ยึดมั่นทางใจของชุมชน (abstract 1-2) |
|
Focus |
เป็นงานวิจัยเกี่ยวกับลักษณะการจัดการสิ่งแวดล้อมของชุมชนโดยเลือกศึกษาป่าดอนปู่ตา เพื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์กับชุมชน ลักษณะสภาพของป่าดอนปู่ตา พิธีกรรม ในพื้นที่ที่ทำการศึกษาเป็นหลัก |
|
Theoretical Issues |
ผู้วิจัยไม่ได้ระบุแนวคิดทฤษฎีที่ใช้อย่างชัดเจน แต่ได้พยายามอธิบายว่าป่าดอนปู่ตานั้นมีอยู่ในทุกชุมชนที่ศึกษาในอ.นาเชือก เป็นพื้นที่ที่มี่ความศักดิ์สิทธ์ ในความเชื่อของชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์สรรพสิ่งต่างๆ เช่น ไม้ สัตว์ป่า และสมุนไพร จากดอนปู่ตา แต่ชาวบ้านจะใช้ประโยชน์ด้วยความกลัว ศัรทธาและเคารพ นับว่ามีความผูกพันกันดอนปู๋ตาและมีพิธีกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับปู่ตา เช่น พิธีเลี้ยง เสี่ยงทาย และบนบาน ทำให้ดอนปู่ตายังดำรงอยู่เป็นแหล่งทรัพยากรที่มีคุณค่าของชุมชนต่อไป |
|
Ethnic Group in the Focus |
ชาวอีสานในอำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม (หน้า 1) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
เดือนพฤศจิกายน 2536 - ตุลาคม 2538 (หน้า 9) |
|
History of the Group and Community |
อ.นาเชือก เดิมเป็นตำบลที่ขึ้นกับ อ.บรบือ แต่เนื่องจากพื้นที่นั้นอยู่ไกลจากตัวอำเภอมาก การคมนาคมไม่สะดวก จึงทำให้ฝ่ายปกครองไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง จึงยกฐาน ต.นาเชือก และ ต.เขวาไร่ ให้ตั้งเป็นกิ่งอำเภอนาเชือก เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2503 ต่อมาก็ได้เปลี่ยนแปลงกรแบ่งเขตตำบลขึ้นใหม่ในท้องที่ กิ่ง อ.นาเชือก อ.บรบือ และ อ.พยัคฆภูมิพิสัย มี ต.หนองโพธิ์, ต.สำโรง, ต.ปอพาน และ ต.หนองเรือ และในปี 2506 ก็ได้ตั้งเป็นอำเภอ (หน้า 19) |
|
Settlement Pattern |
การตั้งหมู่บ้านโดยทั่วไปจะจัดสรรพื้นที่ส่วนหนึ่งที่มักเป็นที่ดอนให้เป็นส่วนของป่าดอนปู่ตา เป็นผืนป่าใกล้หมู่บ้านมีจำนวนพื้น ที่ต่างกันออกไป ตั้งแต่ 1 ไร่ถึง 100 ไร่ ซึ่งภายในพื้นที่ป่าดอนปู่ตานั้นมักจะอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า และมีความเชื่อว่าห้ามบุกรุกและล่าสัตว์ในบริเวณป่าดอนปู่ตา และมีกฎ และกติกาการปรับเมื่อมีผู้ล่วงละเมิด (หน้า 81) |
|
Demography |
สำหรับการปกครองส่วนท้องถิ่น อ.นาเชือกนั้นแบ่งการปกครองออกเป็น 10 ตำบล 115 หมู่บ้าน มีประชากรทั้งสิ้น 62,859 คน ชาย 30,578 คน และหญิง 32,281 คน (หน้า 20และตารางหน้า 21 ) มีความหนาแน่นเฉลี่ย 486 คนต่อตารางกิโลเมตร (หน้า 22)และได้มีการสัมภาษณ์โดยเลือกกลุ่มตัวอย่าง 190 รายดังนี้(หน้า 8-9) กลุ่มผู้นำชุมชน ผู้อาวุโส ครู พระ ซึ่งมีบทบาทเกี่ยวข้องกับป่าดอนปู่ตาชุมชนละ 3 ราย รวม 57 ราย เฒ่าจ้ำทุกชุมชน 19 ราย กลุ่มประชากรทั่วไปชุมชนละ 6 ราย รวม 114 ราย |
|
Economy |
มีการทำไร่ทำนาเป็นอาชีพหลักโดยพึ่งพิงธรรมชาติเป็นหลัก (หน้า 27) ซึ่งมีการเพาะปลูกพืชหลายชนิดที่สำคัญคือข้าว พืชไร่ และไม้ผล (ตารางที่ 2 หน้า 24) นอกจากนี้ ยังมีการเก็บของป่าล่าสัตว์บ้าง (หน้า 28-29) |
|
Belief System |
ในเกือบทุกหมู่บ้านของอ.นาเชือก จ.มหาสารคามนั้นจะมีพื้นที่ป่าดอนปู่ตาประจำหมู่บ้าน ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้านที่คุ้มครองผู้คนและหมู่บ้านให้อยู่เป็นสุขปราศจากภัยอันตรายทั้งปวง พื้นที่ป่าดอนปู่ตาส่วนใหญ่นั้นเดิมจะเป็นป่ารกทึบ และมีสิ่งก่อสร้างคือศาล (ตูบ) ที่เป็นอาคารขนาดเล็ก 1 หลัง บางแห่งอาจมี 2 หลัง สำหรับวางเครื่องเซ่นและประกอบพิธีกรรม ซึ่งลักษณะของพิธีกรรมจะแตกต่างกันออกไปตามท้องถิ่น โดยที่จะเหมือนกันคือมีเฒ่าจ้ำหรือกระจ้ำทำหน้าที่ประกอบพิธี เฒ่าจ้ำ นี้จะเป็นบุคคลที่ทางหมู่บ้านพิจารณาว่ามีความเหมาะสม ซึ่งชาวบ้านจะมีความเชื่อว่าปู่ตานั้นควรจะมีการเซ่นสรวงและไม่ล่วงละเมิด จะทำให้แต่ความสุขสงบ (หน้า 43) โดยปกติมีพิธีกรรมดังนี้ - เดือน 5 เป็นการสรงน้ำศาลปู่ตา โดยใช้น้ำหอม ดอกไม้ ธูปเทียนและการทำดาบ ปั้นรูปช้างรูปม้า ไว้บนศาลปู่ตา และชาวบ้านร่วมกันสาด สรงน้ำที่ศาลปู่ตา - เดือน 6 พิธีเลี้ยงผีปู่ตาจะทำกันในวันพุธขึ้น 15 เดือน หรือวันพุธอื่น ๆ ภายในเดือนพฤษภาคมตามแต่ละท้องถิ่น ชาวบ้านทุกคนจะไปร่วมพิธีโดยมีเหล้า 1 ไห ไก่ 2 ตัวและดอกไม้ธูปเทียนเพื่อเสี่ยงทายถึงสภาพอากาศในปีนั้นโดยเสี่ยงทายจากคางไก่ ถ้าโค้งงอสวยงามแสดงว่าจะอยู่เย็นเป็นสุข ข้าวปลาอุดมสมบูรณ์ ถ้าคางหงิกงอแสดงว่าจะแห้งแล้ง และยังมีการเสี่ยงทายบั้งไฟ ถ้าบั้งไฟขึ้นได้สูงแสดงว่าชาวบ้านจะอยู่เย็นเป็นสุข ถ้าไม่ขึ้นหรือแตกกลางคันเชื่อว่าจะเกิดความแห้งแล้งไปในปีนั้น (หน้า 56) - เดือน 3 ก็จะมีการเลี้ยงผีปู่ตานี้อีกครั้ง ชาวบ้านจะนำข้าวเหนียวไปคนละ 1 กระติบ หญ้าคามัดเป็นปมแทนวัว ควาย เป็ด ไก่ที่มีอยู่ในบ้าน เพื่อให้ท่านได้คุ้มครองดูแลไม่ให้เจ็บป่วย - เดือน 12 ทำข้าวเม่า เดือน 10 ทำข้าวสาก เดือน 3 ทำข้าวจี่ ชาวบ้านจะนำสิ่งเหล่านี้ไปถวายผีปู่ตา (หน้า 45-46) พิธีการบนบาน เครื่องประกอบ ได้แก่ ไก่หนุ่ม ไก่สาว ไข่ต้ม เหล้า 1 ไห ดอกไม้ ธูปเทียน หญ้าคาที่มัดเป็นปม เป็นสัญลักษณ์แทนวัวควายหรือสัตว์เลี้ยงในหมู่บ้าน ซึ่งจะทำเป็นรายบุคคล กล่าวคือถ้าใครมีเรื่องเดือดร้อนก็จะไปทำพิธีในดอนปู่ตาเพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย เรียกว่าการบ๋า เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว จะต้องมาทำพิธีปลงบ๋า โดยเชิญเฒ่าจ้ำมาทำพิธีให้ ถ้าผู้ใดไม่ปลงบ๋าจะมีอันตรายถึงชีวิต(หน้า 54) สำหรับศาสนาหลักของชาวบ้านใน อ.นาเชือกนั้นส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ มีผู้นับถือศาสนาคริสต์และอิสลามบ้างเล็กน้อย (หน้า 25) |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
การสาธารณสุขเป็นแผนใหม่ มีโรงพยาบาลชุมชน 1 แห่ง สถานีอนามัย 11 แห่ง (หน้า 26) สำหรับการรักษาที่เป็นภูมิปัญญานั้นไม่มีกล่าวถึงในงาน แต่จะเชื่อว่าหากไปละเมิดดอนปู่ตาแล้วจะเกิดอาเพศ โรคภัยไข้เจ็บต้องไปขอขมาลาโทษ (หน้า 63) และมีการเก็บพืชสมุนไพรบางชนิดจากป่าดอนปู่ตามาใช้ด้วย (ตารางที่ 3 หน้า 66-73) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ในปัจจุบันชาวบ้านยังใช้พื้นที่ดอนปู่ตาเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมประจำปี คือพิธีเลี้ยง เสี่ยงทาย และบนบานเพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษ เพื่อรักษาพื้นที่ป่าไว้ได้โดยอาศัยความเชื่อถือในผีบรรพบุรุษทำให้ชาวบ้านไม่กล้าล่วงละเมิดไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม (หน้า 78) ชาวบ้านนั้นยังเชื่อมั่นและศรัทธาในผีปู่ตาอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะพิธีกรรมต่าง ๆ ที่ยังกระทำกันอยู่เสมอ (หน้า 79) |
|
Map/Illustration |
แผนที่ประกอบจำนวน 2 ชิ้น(ภาพที่1-2) ภาพประกอบ 65 ชิ้น(ภาพที่ 3-68) (ภาคผนวก ค) |
|
|