|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
มุสลิม,นักศึกษา,กิจกรรม,พฤติกรรม,วัฒนธรรมอิสลาม,ภาคกลาง,ภาคใต้ |
Author |
พจนีย์ ทรัพย์สมาน |
Title |
อิทธิพลของวัฒนธรรมอิสลามที่มีต่อนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิมในสถาบันอุดมศึกษา |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไม่ระบุ |
Location of
Documents |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
149 |
Year |
2529 |
Source |
หลักสูตรปริญญาครุศาสตร์มหาบัณฑิต ภาควิชาอุดมศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
Abstract |
งานวิจัยชิ้นนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของวัฒนธรรมอิสลามที่มีต่อนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิมในสถาบันอุดมศึกษา และเปรียบเทียบอิทธิพลของวัฒนธรรมอิสลามที่มีต่อนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิมในสถาบันอุดมศึกษาในกรุงเทพมหานครและภาคใต้ โดยกลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยชิ้นนี้คือ นิสิตนักศึกษามุสลิมในมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และภาคใต้ 7 แห่ง จำนวน 446 คน ผลวิจัยพบว่าการกระทำ ความเชื่อ และแนวความคิดของนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิมได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมอิสลามมากกว่าร้อยละ 80 ส่วนมากเป็นพฤติกรรมด้านจริยธรรมและกิจกรรมนิสิตนักศึกษา ส่วนพฤติกรรมด้านวิชาการได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมอิสลามระหว่างร้อยละ 70 - 80 ส่วนพฤติกรรมด้านการดำรงชีวิตในสังคมได้รับอิทธิพลอยู่ระหว่างร้อยละ 50 - 60 ส่วนการเปรียบเทียบอิทธิพลของวัฒนธรรมอิสลามที่มีต่อนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิมที่อยู่ในกรุงเทพฯและภาคใต้พบว่า ประเภทพฤติกรรมของนักศึกษาไทยมุสลิมที่อยู่ภาคใต้ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมอิสลามมีค่าร้อยละสูงกว่าพฤติกรรมของนักศึกษามุสลิมในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะการดำเนินชีวิตในสังคม (หน้า ง - จ) |
|
Focus |
ศึกษาอิทธิพลของวัฒนธรรมอิสลามที่มีต่อนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิมในสถาบันอุดมศึกษา และเปรียบเทียบอิทธิพลของวัฒนธรรมอิสลามที่มีต่อนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิมในสถาบันอุดมศึกษาในกรุงเทพมหานครและภาคใต้ (หน้า ง , 5 , 131) |
|
Ethnic Group in the Focus |
กลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยชิ้นนี้คือ นิสิตนักศึกษามุสลิมในมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และภาคใต้ 7 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตสงขลา จำนวน 446 คน (หน้า ง , 32 - 33 , 131 - 132) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
|
Demography |
จากกลุ่มตัวอย่าง เพศของนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิมของสถาบันอุดมศึกษาในกรุงเทพมหานครมีเท่ากันคือร้อยละ 50 ส่วนในภาคใต้เพศชายมีร้อยละ 30.6 เพศหญิงร้อยละ 69.4 (หน้า 40 , 133 , 144) |
|
Social Organization |
นิสิตนักศึกษามุสลิมที่ศึกษาอยู่ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ จะรวมตัวและจัดตั้งกันเป็นกลุ่มหรือชมรมหรือชุมนุมขึ้นในสถาบันของตัวเอง เพื่อประโยชน์ในการประกอบกิจกรรมทางศาสนาประจำวัน และกิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม (หน้า 3) |
|
Belief System |
อิทธิพลของวัฒนธรรมอิสลามที่มีต่อนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิมในสถาบันอุดมศึกษาในด้านต่างๆ มีดังนี้ ด้านกิจกรรมนิสิตนักศึกษา วัฒนธรรมอิสลามมีผลต่อนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิมในด้านนี้สูงกว่าร้อยละ 90 โดยชายร้อยละ 93.2 หญิงร้อยละ 91.3 เห็นว่ากิจกรรมอาสาพัฒนาเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เพราะอิสลามสอนให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ส่วนนักศึกษามุสลิมหญิงร้อยละ 90.6 ชายร้อยละ 88.1 เห็นว่าการไปร่วมกิจกรรมทางศาสนาอื่น เช่น ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน เป็นกิจกรรมที่ขัดต่อวัฒนธรรมอิสลาม (หน้า 43 - 52) ด้านจริยธรรม วัฒนธรรมอิสลามมีอิทธิพลต่อด้านจริยธรรมสูงกว่าร้อยละ 90 โดยเห็นว่ามุสลิมไม่สามารถดื่มสุราได้ เพราะผิดหลักศาสนา การละหมาดช่วยขัดเกลาจิตใจให้ผ่องใส ลดความโกรธได้ เพราะจิตใจจะผูกพันกับพระเจ้า การถือศีลอดทำให้นึกถึงผู้อื่นและมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ (หน้า 53 - 61) ด้านการดำรงชีวิตในสังคม วัฒนธรรมอิสลามมีอิทธิพลต่อด้านการดำรงชีวิตในสังคมสูงกว่าร้อยละ 90 ทั้งเรื่องมุสลิมต้องไม่จุดธูปไหว้ศพหรือกราบศพ เพราะอิสลามห้ามกราบสิ่งอื่นใด ควรแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาดและรักษาร่างกายให้สะอาดอยู่เสมอ เพราะศาสดาเป็นตัวอย่างในเรื่องนี้ ความสะอาดเป็นส่วนหนึ่งของความศรัทธา ความดีใจที่พบมุสลิมอยู่ในสถานศึกษาหรือที่ทำงานเดียวกัน เพราะรู้สึกว่าเป็นพี่น้องกันและเข้าใจกันได้ง่าย (หน้า 62 - 71) ด้านวิชาการ วัฒนธรรมอิสลามมีอิทธิพลต่อด้านวิชาการสูงกว่าร้อยละ 90 ในเรื่องความเชื่อว่าศาสนาเป็นสิ่งดีงามในแง่ศีลธรรม เพราะช่วยให้คนมีหลักยึดทางจิตใจและช่วยในการดำเนินชีวิต (หน้า 72 - 80) ด้านบริการและสวัสดิการ ร้อยละ 72.4 ไม่อยากให้มีตารางเรียนในบ่ายวันศุกร์ เพราะจะได้ไปร่วมละหมาด ร้อยละ 78 ต้องการให้มหาวิทยาลัยจัดหอพักให้นิสิตนักศึกษามุสลิมเพราะสะดวกในการปฏิบัติศาสนกิจ (หน้า 81 - 84) เปรียบเทียบอิทธิพลของวัฒนธรรมอิสลามที่มีต่อนิสิตนักศึกษาไทยมุสลิมระหว่างสถาบันอุดมศึกษาในกรุงเทพมหานครกับภาคใต้ในด้านต่างๆ มีดังนี้ ด้านกิจกรรมนิสิตนักศึกษา อิทธิพลของวัฒนธรรมอิสลามในด้านนี้ระหว่างกรุงเทพฯและภาคใต้ แตกต่างกันมากกว่าร้อยละ 10 ได้แก่ การเต้นรำลีลาศระหว่างคู่ชายหญิง นิสิตนักศึกษามุสลิมไม่ควรทำเพราะผิดหลักศาสนา เรื่องการแต่งกายของนิสิตนักศึกษาหญิงในชุดว่ายน้ำหรือยิมนาสติกถือว่าไม่เหมาะสม เพราะมุสลิมส่งเสริมให้แต่งกายมิดชิด (หน้า 86 - 94) ด้านจริยธรรม อิทธิพลของวัฒนธรรมอิสลามในด้านนี้ระหว่างกรุงเทพฯและภาคใต้ แตกต่างกันมากกว่าร้อยละ 10 ได้แก่ การแสดงความเคารพบิดามารดาและญาติผู้ใหญ่ตามวัฒนธรรมอิสลามโดยการจับมือหรือการกล่าวคำให้สลาม (หน้า 95 - 106) ด้านวิชาการ อิทธิพลของวัฒนธรรมอิสลามในด้านนี้ระหว่างกรุงเทพฯและภาคใต้ แตกต่างกันมากกว่าร้อยละ 10 ในเรื่องศาสนาอิสลามไม่เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับวิทยาศาสตร์ เพราะเรื่องราวของวิทยาศาสตร์มีอยู่ในศาสนาทั้งสิ้น เรื่องการพบข้อความหรือเรื่องราวของศาสนาอิสลามในหนังสือที่ใช้ประกอบการค้นคว้าในมหาวิทยาลัยไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะแปลมาจากตำราของผู้เขียนชาวตะวันตกและไม่ใช่มุสลิม เรื่องศาสนาอิสลามส่งเสริมให้ศึกษาศาสตร์ความรู้ในสาขาต่างๆ เพราะศาสดาทรงสอนไว้ (หน้า 107 - 126) ด้านบริการและสวัสดิการ ในเรื่องนี้นักศึกษาไทยมุสลิมทั้งในกรุงเทพฯ และภาคใต้มีความคิดเห็นต่ำกว่าร้อยละ 90 (หน้า 127 - 130) |
|
Education and Socialization |
สถาบันการศึกษาในระดับมัธยมของกลุ่มตัวอย่างในกรุงเทพฯ มาจากโรงเรียนมัธยมทั่วไปร้อยละ 99.3 ส่วนกลุ่มตัวอย่างในภาคใต้จบจากโรงเรียนมัธยมร้อยละ 74.4 โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามร้อยละ 25.6 (หน้า 40 , 133) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
งานวิจัยชิ้นนี้มีตารางประกอบเพื่อนำเสนอข้อมูลค่าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย |
|
|