|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),เอดส์,แม่วาง,เชียงใหม่ |
Author |
ลิวา ผาดไธสง-ชัยพานิช |
Title |
เอดส์บนพื้นที่สูง : กรณีศึกษาของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงในอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร, สำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Total Pages |
70 |
Year |
2546 |
Source |
ภาควิชาภูมิศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
ผลการศึกษาพบว่าการแพร่กระจายของเชื้อเอดส์ในพื้นที่ศึกษาอยู่ในระดับที่ไม่รุนแรง โดยเพิ่งพบผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคเอดส์เพียงรายเดียวในปลายปี พ.ศ.2544 และยังไม่มีผลการยืนยันของผู้ติดเชื้อเอดส์เพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจัยทางวัฒนธรรมการมีเพศสัมพันธ์ที่มีจารีตประเพณีในการควบคุมทางสังคม รวมถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมในพื้นที่ ส่งผลให้อัตราการเคลื่อนย้ายของประชากรอยู่ในระดับที่ต่ำ จึงทำให้มีลักษณะสังคมปิด นอกจากนี้ยังมีปัจจัยทางภูมิศาสตร์ โดยพื้นที่ทำการศึกษาตั้งอยู่บนเขาที่มีความลาดชันและยังไม่มีการคมนาคมที่อำนวยความสะดวก อย่างไรก็ดี ถ้าสังคมกะเหรี่ยงมีการติดต่อกับสังคมภายนอกมากขึ้น ย่อมส่งผลให้มีการแพร่กระจายของโรคเอดส์เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยหากประชากรยังไม่มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเอดส์เพียงพอ ด้วยเหตุนี้จึงต้องส่งเสริมให้มีการเผยแพร่ความรู้ และสร้างแรงจูงใจให้ประชากรตระหนักถึงอันตรายและวิธีป้องกันการแพร่กระจายของโรคเอดส์ (หน้า 51-52, 56-58) |
|
Focus |
ศึกษาถึงความรู้ความเข้าใจเรื่องเอดส์ของกะเหรี่ยงในตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนโครงสร้างและองค์ประกอบของประชากร สภาพสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เพื่ออธิบายถึงสาเหตุและผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเอดส์ในพื้นที่ศึกษา (หน้า 5) |
|
Ethnic Group in the Focus |
หมู่บ้านกะเหรี่ยงตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ โดยเลือกตัวอย่างในการศึกษาจำนวน 55 ครัวเรือน (หน้า 8-9) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
สันนิษฐานว่าภาษากะเหรี่ยงน่าจะเกี่ยวข้องกับภาษาตระกูลธิเบต-พม่า ภาษาของกะเหรี่ยงสะกอ โปร์ และบเว มีความใกล้เคียงกัน แต่ไม่สามารถเข้าใจกันได้ เนื่องจากภาษาทั้งสองต่างรับอิทธิพลจากภาษาตระกูลมอญ-เขมร (หน้า 20) |
|
Study Period (Data Collection) |
เป็นการศึกษาในปี 2545 โดยผู้วิจัยได้เก็บข้อมูลภาคสนามเดือนมกราคม 2545 (หน้า 8) |
|
History of the Group and Community |
นักประวัติศาสตร์บางท่านสันนิษฐานว่าเดิมกะเหรี่ยงอาศัยอยู่บริเวณภาคตะวันออกของธิเบต แล้วย้ายมาตั้งถิ่นฐานในประเทศจีน จนกระทั่งถอยร่นลงมาอยู่ตามแม่น้ำโขง แม่น้ำสาละวินในพม่า และอพยพหนีภัยเข้ามาอยู่ในประเทศไทยเมื่อคราวสงครามระหว่างพระเจ้าอลองพญากับมอญ จากนั้นจึงมีการอพยพติดตามกันมาอย่างต่อเนื่อง (หน้า 19) |
|
Settlement Pattern |
กะเหรี่ยงตั้งถิ่นฐานอยู่บนที่ลุ่มก้นกะทะหรือที่ราบระหว่างหุบเขาสามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำลำธารได้สะดวก จะปลูกบ้านเรือนชิดกัน โครงสร้างของบ้านทำด้วยไม้ไผ่และหญ้าแฝก ยกสูงจากพื้นดิน ระหว่างบ้านแต่ละหลังจะมีสวนขนาดเล็กสำหรับปลูกพืช ผัก ผลไม้ และมียุ้งข้าวแยกจากตัวบ้าน บางบ้านมีคอกปศุสัตว์ แต่บริเวณบ้านจะไม่ล้อมรั้ว หมู่บ้านหนึ่งๆ จะมีเซี่ยเก็งคู (หัวหน้าผู้อาวุโส) เป็นผู้นำทางศาสนา ดังนั้นถ้าเซี่ยเก็งคูของหมู่บ้านใดเป็นผู้ที่นับหน้าถือตามาก หมู่บ้านนั้นก็จะมีขนาดใหญ่ ปัจจัยที่กำหนดขนาดของหมู่บ้านยังขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรและปัจจัยเรื่องโจรผู้ร้ายในบริเวณนั้น (หน้า 22-23) |
|
Demography |
ประชากรของตำบลแม่วินประกอบด้วยกะเหรี่ยง คนไทยพื้นเมือง และม้ง (หน้า 5-7) พบว่าอัตราการเจริญพันธุ์ของหมู่บ้านม้งมากที่สุด รองลงมาคือหมู่บ้านกะเหรี่ยงและคนไทยพื้นราบ ประชากรในพื้นที่ทำการศึกษาเป็นวัยเด็กร้อยละ 31 วัยแรงงานร้อยละ 63 วัยสูงอายุร้อยละ 6 มีอัตราการย้ายถิ่นของประชากรร้อยละ 90 เนื่องมาจากเหตุผลทางครอบครัว ร้อยละ 3.4 ย้ายเนื่องจากอาชีพการงานและการศึกษา (หน้า 39-47) นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลประชากรที่สัมภาษณ์ โดยระบุชื่อ นามสกุล และบ้านเลขที่ (หน้า 29-31) |
|
Economy |
ระบบเศรษฐกิจของประชากรเป็นไปเพื่อการบริโภคในครัวเรือน เมื่อมีผลผลิตส่วนเกินจึงจะนำไปแลกเปลี่ยนกับสินค้าอื่นๆ โดยร้อยละ 88 ทำการเกษตร ได้แก่ การปลูกข้าว และพืชไร่ เป็นการทำการเกษตรและโครงการหลวงในท้องถิ่นร้อยละ 89.5 มีเป็นส่วนน้อยที่ทำงานนอกหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังเลี้ยงสัตว์ไว้ใช้งานและทำพิธีกรรม ร้อยละ 18.2 ประกอบอาชีพรับจ้าง และร้อยละ 3 ค้าขาย รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือน 40,976 บาท/ปี (หน้า 23-24, 48-49) สังคมกะเหรี่ยงมีกรรมสิทธิ์ที่ดินภายในหมู่บ้านของตน ถ้าครอบครัวไหนต้องการใช้ที่ดินของครัวเรือนอื่นจะต้องได้รับอนุญาตจากหัวหน้าครัวเรือนนั้นๆ ก่อน และคนภายในหมู่บ้านสามารถหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันเป็นเจ้าของในกรรมสิทธิ์ที่ดินผืนนั้น ๆ ได้ (หน้า 23-24) |
|
Social Organization |
สังคมกะเหรี่ยงเป็นครอบครัวเดี่ยวและใช้แรงงานของคนในครอบครัว มีระบบจารีตประเพณีในการควบคุมทางสังคม และถือว่าบ้านเป็นอาณาจักรของภรรยาและบุตร เมื่อภรรยาเสียชีวิตลงสามีจึงไม่ค่อยแต่งงานใหม่ การเลือกคู่ครองของหนุ่มสาวจะเกิดขึ้นในงานศพ โดยทั้งสองฝ่ายจะมาร่วมร้องเพลงสวดศพตลอดคืน จึงเป็นโอกาสดีในการทำความรู้จักกัน ฝ่ายหญิงจะเป็นผู้บอกกับฝ่ายชายก่อน ถ้ามีการหย่าร้างกัน ฝ่ายที่ทอดทิ้งอีกฝ่ายหนึ่งก่อนจะต้องจ่ายค่าทดแทนให้กับอีกฝ่าย และบุตรจะอยู่ในความดูแลของภรรยา เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตคู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่และลูก ๆ จะได้รับมรดกในอัตราส่วนที่เท่ากัน (หน้า 24-26) ประชากรเฉลี่ยของครัวเรือนเท่ากับ 5.37 คน (หน้า 48) |
|
Political Organization |
อำเภอแม่วางแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลแม่วิน ตำบลดอนเปา ตำบลบ้านกาด ตำบลทุ่งรวงทอง และตำบลทุ่งปี้ ในตำบลแม่วินมีทั้งหมด 18 หมู่บ้าน (หน้า 4-5) แต่ละหมู่บ้านจะมีเซี่ยเก็งคู (หัวหน้าผู้อาวุโส) และสภาหมู่บ้านเป็นผู้ตัดสินและชี้ขาดกรณีพิพาทต่างๆ (หน้า 26) |
|
Belief System |
กะเหรี่ยงนับถือพุทธศาสนาและคริสต์ศาสนาควบคู่กับการนับถือผีเรือนหรือผีบรรพบุรุษ และผีบ้านหรือเทพารักษ์ผู้รักษาหมู่บ้าน โดยจะมีพิธีเลี้ยงผีเรือนอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ส่วนผีบ้านนั้นจะต้องจัดพิธีปีละ 2 ครั้ง ทั้งนี้เพื่อให้วิญญาณดังกล่าวปกป้องคุ้มครองจากภยันอันตรายและโรคภัยต่างๆ รวมถึงให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตร นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าบ้านเป็นสถานที่ทางวิญญาณของภรรยา ในโอกาสขึ้นบ้านใหม่จึงต้องทำพิธีเตอะมึงเซี่ยเพื่อบอกกล่าวให้ผีฝ่ายภรรยาทราบ (หน้า 24-25) รวมถึงเชื่อว่าทุกคนมีขวัญ 33 ขวัญ อยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การเจ็บไข้ได้ป่วยเกิดจากขวัญหลุดลอยออกไป จึงต้องทำพิธีเชิญขวัญกลับมา และเมื่อคนถึงแก่กรรมขวัญที่หูทั้งสองข้างจะละทิ้งไปยังโลกของคนตาย มนุษย์จึงกลายเป็นวิญญาณ และอาจกลับมาเกิดใหม่ในโลกมนุษย์ได้ (หน้า 27-29) |
|
Education and Socialization |
ประชากรส่วนใหญ่มีระดับการศึกษาค่อนข้างต่ำ คือ ร้อยละ 46.2 มีการศึกษาระดับชั้นประถม 4 หรือต่ำกว่า ร้อยละ18.6 จบระดับชั้นประถม 6 ร้อยละ15.9 จบระดับชั้นมัธยม 3 ร้อยละ 8.3 จบระดับชั้นมัธยม 6 และร้อยละ1.5 จบระดับปริญญาตรี โดยร้อยละ 79.3ยังคงศึกษาจากสถานศึกษาภายในหมู่บ้าน (หน้า 50) |
|
Health and Medicine |
สุขภาพของประชากรในพื้นที่ทำการศึกษาส่วนใหญ่มีภาวะการเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ และมีการตายด้วยโรคหัวใจวาย โรคชรา ฆ่าตัวตาย และติดเชื้อเอดส์เพียง 1 ราย (หน้า 46) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
หญิงที่แต่งงานแล้วจะแต่งกายด้วยผ้าซิ่นและสวมเสื้อครึ่งท่อน ส่วนหญิงที่ยังไม่แต่งงานจะสวมชุดขาวทรงกระบอก (หน้า 25) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
กะเหรี่ยงมีชื่อเรียกต่าง ๆ กัน เช่น ในภาคกลางเรียกกะเหรี่ยง พม่าเรียกกะยิ่น (Kayin) คนพื้นเมืองในภาคเหนือและไทยใหญ่เรียก ยาง ชาวยุโรปเรียก Karen และจัดอยู่ในตระกูลธิเบต-พม่า แบ่งเป็นกลุ่มสำคัญ ได้แก่ กะเหรี่ยงสะกอ (S Kaw Karen) อยู่ทางตะวันตกของจังหวัดเชียงใหม่ กะเหรี่ยงโปร์ (Pwo Karen) กะเหรี่ยงบเว (B'ghwe Karen) และกะเหรี่ยงตองตูหรือปะโอ (Pa-o) (หน้า 20) |
|
Social Cultural and Identity Change |
การแพร่ระบาดของโรคเอดส์ในกลุ่มชาวเขามีสาเหตุสำคัญมาจากการค้าประเวณี เนื่องจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ แรงกดดันทางเศรษฐกิจและสังคม ทั้งในเรื่องของการขาดแคลนที่ดินทำกิน ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ปัญหายาเสพติด ปัญหาความยากจน และกลไกควบคุมทางสังคมในท้องถิ่นหย่อนสมรรถภาพ นอกจากนี้วัฒนธรรมทางเพศของชาวเขาบางเผ่ายังเอื้ออำนวยกับการค้าประเวณี เนื่องจากได้รับการเรียนรู้ทางเพศมาตั้งแต่วัยเด็ก รวมถึงการรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากนายหน้าหรือผู้ที่เคยค้าประเวณี และค่านิยมในการมีรายได้สูงๆ (หน้า 36-37) |
|
Map/Illustration |
แผนที่พื้นที่ศึกษาตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ (หน้า 6) ตารางแสดงโครงสร้างอายุและเพศของผู้ให้สัมภาษณ์ (หน้า 9) แผนภาพภาวะที่ไม่มีความสมดุลย์ระหว่างสิ่งที่ทำให้เกิดโรค บุคคลและสิ่งแวดล้อม (หน้า 15) ตารางความชุกของผู้ป่วยเอดส์ในจังหวัดเชียงใหม่ (หน้า 33) แผนภูมิจำนวนประชากรของอำเภอแม่วางระหว่างปีพ.ศ.2538-2543 (หน้า 40) แผนภูมิโครงสร้างอายุประชากรกลุ่มต่างๆ ในตำบลเเม่วิน (หน้า 42) แผนภูมิเปรียบเทียบประชากรวัยต่าง ๆ ของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงในพื้นที่ศึกษา (หน้า 44) ตารางแสดงรายได้เฉลี่ยของครัวเรือนต่อปีในพื้นที่ศึกษา (หน้า 49) ตารางจำนวนประชากรตัวอย่างคิดเป็นร้อยละต่อความรู้ความเข้าใจเรื่องเอดส์ (หน้า 53) |
|
|