สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject มอญ,วัฒนธรรม,ภาษาศาสตร์,การตั้งชื่อ,กาญจนบุรี
Author นริศรา โฉมศิริ
Title การศึกษาบริบททางภาษาศาสตร์และวัฒนธรรมของชื่อชาวมอญ กรณีศึกษาชาวมอญ บ้านวังกะ ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity - Language and Linguistic Affiliations ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 129 Year 2547
Source หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล
Abstract

ภาษาที่ใช้ในการตั้งชื่อ นอกจากใช้ภาษามอญแล้ว ยังใช้ภาษาพม่า ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ตลอดจนพบว่ามีการประสมภาษาในการตั้งชื่อ นอกจากนี้ มอญเพศหญิงกลุ่มอายุที่ 3 มีชื่อเป็นภาษามอญมากที่สุด ส่วนเพศชายกลุ่มอายุ 45 ปีขึ้นไปจะมีชื่อเป็นภาษาพม่ามากที่สุด มอญเพศหญิงและเพศชาย กลุ่มอายุ 1-10 ปีมีชื่อเป็นภาษาไทยมากที่สุด ในเรื่องโครงสร้างทางภาษาของชื่อพบว่า ชื่อของมอญในกลุ่มอายุ 45 ปีขึ้นไปมีจำนวนพยางค์และการสร้างคำที่ซับซ้อนน้อยกว่าชื่อของคนกลุ่มอายุน้อยเพศเดียวกัน ทางด้านที่มาและความหมายของชื่อแสดงให้เห็นถึงค่านิยม ความเชื่อและวิถีชีวิตของมอญ ส่วนใหญ่ชื่อเพศชายมีความหมายถึง ความรักชาติ ชัยชนะ ส่วนชื่อเพศหญิงมีความหมายเกี่ยวกับความสวยงาม สำหรับเรื่องการเปลี่ยนชื่อของมอญพบว่ามาจากเหตุผลทางสังคมมากที่สุด

Focus

ศึกษาบริบททางภาษาศาสตร์และวัฒนธรรมในการตั้งชื่อของคนมอญ กรณีศึกษามอญ บ้านวังกะ ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ครอบคลุมประเด็นต่างๆคือ ภาษาที่ใช้ในการตั้งชื่อ โครงสร้างทางภาษาของชื่อ ที่มาและความหมายในการตั้งชื่อที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อและวัฒนธรรมของมอญ รวมทั้งการเปลี่ยนชื่อและคุณสมบัติของผู้ที่ตั้งชื่อให้ได้

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

มอญ

Language and Linguistic Affiliations

ภาษามอญ จัดอยู่ในสายโมนิค เป็นสายหนึ่งใน 12 สายของภาษาตระกูลมอญ เขมร ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มตะวันออกเฉียงใต้ ภาษามอญมีโครงสร้างที่ไม่ซับซ้อน ลักษณะประโยคเรียงลำดับในแบบ ประธาน - กิริยา - กรรม มีลักษณะเด่น 2 ลักษณะปนกันอยู่คือ ลักษณะของภาษาคำโดดและภาษาคำติดต่อ และใช้ลักษณะน้ำเสียง 2 ประเภท คือ "Head Register" เป็นการออกเสียงด้วยเสียงที่ชัดเจนและระดับเสียงค่อนข้างสูง ส่วนอีกประเภทหนึ่งคือ "Chest Register" เป็นการออกเสียงต่ำทุ้มและมีลมหายใจแทรก โดยเป็นเสียงที่มีความก้องกังวานและมีลม โครงสร้างพยางค์ในภาษามอญประกอบด้วยหน่วยเสียงพยัญชนะอย่างน้อย 1 หน่วยเสียงและเสียงสระ 1 หน่วยเสียง พยางค์จึงมีส่วนประกอบอย่างน้อย 2 หน่วยเสียง ลักษณะคำในภาษามอญประกอบขึ้นด้วยเสียงและความหมาย สามารถจำแนกได้เป็น คำเดี่ยว คำประสมและคำผสาน (หน้า 28,37 -40) ชื่อของมอญในบริบททางภาษาศาสตร์ มอญบ้านวังกะใช้ภาษาในการตั้งชื่อมากกว่า 1 ภาษา นอกจากจะใช้ภาษามอญแล้ว ยังใช้ภาษาพม่า ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ชื่อภาษามอญ ไม่ว่าจะเป็นมอญที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานหรือลูกหลานมอญที่เกิดที่บ้านวังกะก็ตาม ส่วนใหญ่จะมีชื่อเป็นภาษามอญและไม่ว่าเพศชายหรือเพศหญิง ส่วนใหญ่แล้วจะมีชื่อที่มีคำว่า (MON) ที่แปลว่ามอญ ประกอบอยู่ในชื่อของตน โดยมอญเพศหญิงในกลุ่มอายุที่ 3 (อายุ 26-45 ปี) จะมีชื่อเป็นภาษามอญมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 39.0 ส่วนเพศชายกลุ่มอายุที่ 3 (อายุ 26-45 ปี) พบว่ามีการนำภาษามอญมาใช้ในการตั้งชื่อมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 35.0 ชื่อภาษาพม่า มอญเพศหญิงและเพศชายในกลุ่มอายุที่ 1 (อายุ 1- 10 ปี) มีการนำภาษาพม่ามาใช้น้อยที่สุด เพศหญิงและเพศชายในกลุ่มอายุที่ 4 (อายุ 46 ปีขึ้นไป) มีการนำภาษาพม่ามาใช้มากที่สุด (ร้อยละ 41.0 และ 40.0 ตามลำดับ) ที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะคนกลุ่มอายุที่ 4 ทั้งชายและหญิงส่วนใหญ่ย้ายถิ่นฐานมาจากพม่าหรือเกิดที่ประเทศไทยและมาอยู่ที่หมู่บ้านวังกะเป็นรุ่นแรก จึงใช้ภาษาพม่าในการตั้งชื่อ ชื่อภาษาไทย มอญบ้านวังกะทั้งเพศหญิงและชายทุกกลุ่มอายุ จะมีชื่อที่ 2 ที่ใช้ภาษาไทยในการตั้งชื่อ โดยเฉพาะมอญในกลุ่มอายุที่ 1 (อายุ 1-10 ปี) ส่วนใหญ่จะมีชื่อเป็นภาษาไทยตั้งแต่เกิดเพราะพ่อแม่ต้องการให้ลูกกลมกลืนกับคนไทย นอกจากนี้ยังพบชื่อภาษาอังกฤษในมอญกลุ่มอายุที่ 1 ( 1-10 ปี) ชื่อภาษาอังกฤษที่พบส่วนใหญ่จะเป็นชื่อเกี่ยวกับผลไม้ต่างประเทศ เช่น แอปเปิ้ล เชอรี่ เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบการตั้งชื่อแบบประสมภาษาคือการใช้ภาษาต่างชาติมารวมกัน ส่วนใหญ่เป็นการประสมระหว่างภาษามอญกับภาษาพม่า โดยเป็นชื่อเฉพาะบุคคล อีกด้วย โครงสร้างภาษาในชื่อมอญบ้านวังกะ ส่วนใหญ่เป็นชื่อที่มีพยางค์ตั้งแต่ 1- 4 พยางค์ ชื่อ 2 พยางค์พบมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 45.0 ชื่อที่มีพยางค์เดียวคิดเป็นร้อยละ 33.0 โดยพยัญชนะที่อยู่ในตำแหน่งต้นอาจเป็นพยัญชนะต้นเดี่ยวหรือพยัญชนะควบกล้ำก็ได้ ส่วนพยัญชนะท้ายจะเป็นพยัญชนะเสียงเดียวเสมอ (หน้า 42-49)

Study Period (Data Collection)

พ.ศ. 2547

History of the Group and Community

มอญบ้านวังกะ ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี มอญกลุ่มแรกเริ่มอพยพเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 40 ครอบครัวในช่วง พ.ศ. 2492 (ค.ศ.1949) กลุ่มที่ 2 เข้ามาราวเดือน มีนาคม พ.ศ.2493 และกลุ่มที่ 3 เข้ามาราวเดือนมีนาคม พ.ศ. 2494 สมทบกับพวกที่เข้ามา 2 กลุ่มแรกรวมได้ประมาณ 60 ครอบครัว โดยเดินทางเข้ามาทางด่านพระเจดีย์ 3 องค์และทางแม่น้ำบีคลี่ มารวมตัวอยู่ที่บ้านนิเถะ กิ่งอำเภอสังขละบุรี มอญเหล่านี้เดินทางมาจากเมาะกะเนียง เจ้าคะเลและเมาะละแหม่ง (หน้า 10)

Settlement Pattern

ลักษณะบ้านของมอญบ้านวังกะ สร้างด้วยไม้ไผ่และใบหญ้าแฝกแห้ง ยกพื้นสูงเนื่องจากอยู่ติดน้ำ บ้านมอญทุกหลังต้องมีหิ้งพระยื่นออกมานอกตัวบ้าน (หน้า 14)

Demography

กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาคือ มอญที่อาศัยอยู่ที่บ้านวังกะ ในช่วงปี พ.ศ. 2545-2546 จำแนกเป็น 4 กลุ่มอายุ กลุ่มที่ 1 (1-10 ปี) กลุ่มที่ 2 (11-25 ปี) กลุ่มที่ 3 (26-45 ปี) กลุ่มที่ 4 (45 ปีขึ้นไป) รวมได้จำนวน 1,600 ชื่อ โดยสุ่มเป็นชื่อ เพศชาย 800 ชื่อและเพศหญิง 800 ชื่อ (หน้า ง) บ้านวังกะ ปัจจุบัน มีประชากรประมาณ 1,000 กว่าครัวเรือน มอญส่วนใหญ่ (ร้อยละ 90) อพยพมาจากหมู่บ้านต่างๆ ในอำเภอเมืองเย ในเมืองเมาะละแหม่ง ในรัฐมอญ ประเทศพม่า นอกจากนี้ยังมีผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่า เชื้อสายมอญ (บัตรสีชมพู) ที่เข้ามาในประเทศไทยก่อน พ.ศ. 2519 อีกประมาณ 3,400 คน และเข้ามาในประเทศไทยหลัง พ.ศ. 2519 (บัตรสีส้ม) จำนวน 9,675 คน ร้อยละ 70 เป็นคนเชื้อสายมอญ ที่เหลือเป็นคนเชื้อชาติพม่าและกะเหรี่ยงตั้งถิ่นฐานกระจัดกระจายอยู่เกือบทุกหมู่บ้านในเขตอำเภอสังขละบุรี (หน้า 11 - 12) รวมแล้วในหมู่บ้านวังกะ ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี มีมอญอาศัยอยู่ประมาณ 20,000 คน (หน้า 42)

Economy

ไม่มีข้อมูล

Social Organization

มอญบ้านวังกะนับว่ามีฐานะความเป็นอยู่ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับชนชาติอื่นในหมู่บ้านเดียวกัน เพราะมอญบ้านวังกะมีความขยันในการทำมาหากิน เป็นสังคมที่รักความสงบ และรักพวกพ้อง (หน้า 14)

Political Organization

บ้านวังกะ ใช้รูปแบบการปกครองท้องถิ่นเหมือนหมู่บ้านไทยทั่วไป มีผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ดูแลและมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอีก 4 คน โดยแยกออกเป็นฝ่ายปกครอง 2 คนและฝ่ายปราบปราม 2 คน ภายในหมู่บ้านมีการแบ่งกลุ่มการปกครองออกเป็นคุ้ม จำนวน 28 คุ้ม มีสมาชิกคุ้มละ 20 หลังคาเรือน โดยมีหัวหน้าคุ้มและรองหัวหน้าคุ้มคอยดูแล โดยลูกบ้านแต่ละคุ้มจะเป็นผู้เลือกและเป็นผู้ปลดออกจากตำแหน่งได้ ในกรณีที่มีข้อพิพาทหรือเรื่องใดๆเกิดขึ้น ลูกบ้านจะแจ้งหัวหน้าคุ้มให้ช่วยไกล่เกลี่ยและตัดสิน หากไม่สามารถตกลงกันได้ ก็จะส่งเรื่องไปยังผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและผู้ใหญ่บ้าน ตามลำดับ (หน้า 13)

Belief System

มอญบ้านวังกะมีความเลื่อมใสในพุทธศาสนา โดยมีหลวงพ่ออุตตมะแห่งวัดวังก์วิเวการาม เป็นศูนย์รวมจิตใจของมอญ ผู้ใหญ่หรือคนแก่เมื่อเดินเข้าสู่ปากทางเข้าวัดหรือในเขตบริเวณวัดจะถอดรองเท้าออก เพราะเชื่อว่าหากใส่รองเท้าเข้าวัดจะทำให้ตนและศาสนาเสื่อมลงและจะเป็นบาปติดตัว และจะไม่พูดเสียงดังหยาบคาย ไม่เป็นสิริมงคล นอกจากนี้ มอญยังนิยมตักบาตรพระทุกเช้าอีกด้วย (หน้า 14-15) ความเชื่อเกี่ยวกับการตั้งชื่อมอญ เช่น การตั้งชื่อตามพิธี "โจกะปู้" ของมอญบ้านวังกะ เป็นพิธีเกี่ยวกับการดูฤกษ์ยามในการตั้งชื่อให้เด็กตามตำราการตั้งชื่อ โดยมีญาติพี่น้องหรือผู้มีความรู้เป็นผู้ประกอบพิธี มีการนิมนต์พระมาตักบาตรที่บ้าน ถ้าเด็กไม่แข็งแรงก็จะขายให้พระเพื่อเป็นพิธีสะเดาะเคราะห์ จากนั้นพระจะตั้งชื่อให้แล้วพระจะฝากให้พ่อแม่เด็กเลี้ยงต่อ นอกจากตำราการตั้งชื่อแล้วยังมีความเชื่อในเรื่องดวงชะตาโดยการนำอักษรประจำวันเกิดมาตั้งชื่อเพื่อเป็นสิริมงคลอีกด้วย (หน้า 80 - 81) การตั้งชื่อเด็กยังมีความสัมพันธ์กับรูปลักษณ์และลักษณะนิสัยของเจ้าของชื่อ การตั้งชื่อตามสิ่งแวดล้อมและสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงว่า มอญให้ความสำคัญเรื่องเหตุการณ์และช่วงเวลาที่เด็กเกิดอีกด้วย ความหมายของชื่อมอญบ้านวังกะ สามารถจำแนกได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ คือ ชื่อที่มีความหมายเกี่ยวกับธรรมชาติ คุณธรรม ค่านิยมและชื่อที่มีความหมายถึงวิถีชีวิตของมอญ ชื่อมอญเพศชายส่วนใหญ่มีความหมายถึงความรักชาติและรักแผ่นดิน (หน้า 103) การเปลี่ยนชื่อและการมีชื่อที่ 2 การเปลี่ยนชื่อของบุคคลส่วนใหญ่จะเปลี่ยนจากภาษาต่างชาติ เช่นภาษามอญหรือภาษาพม่า มาเป็นภาษาไทยหรือใช้ชื่อที่ 2 เป็นภาษาไทย ทั้งนี้เป็นเพราะเพื่อความสะดวกแก่การเรียก และเพื่อความกลมกลืนกับคนไทย นอกจากนี้การเปลี่ยนชื่อยังมีเหตุผลมาจากสังคมอีกด้วย เช่น เนื่องจากชื่อของเด็กที่ตั้งให้ตั้งแต่แรกอาจมีความหมายไม่ดีและใช้เรียกชื่อเด็กเท่านั้น ดังนั้นเมื่อโตขึ้นจึงมีการตั้งชื่อให้ใหม่ ทั้งนี้ชื่อที่ 2 จะเป็นภาษาอะไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับบุคคลที่ตั้งชื่อให้เด็ก ผู้ที่ตั้งชื่อ ส่วนใหญ่ร้อยละ 90.0 คือพ่อแม่เด็ก รองลงมาคือ บรรพบุรุษหรือคนในครอบครัวและพระภิกษุสงฆ์ หมอตำแย เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้อาวุโสในหมู่บ้านเป็นผู้ตั้งชื่อให้ ส่วนผู้ที่ตั้งชื่อหรือเปลี่ยนชื่อให้มอญเป็นชื่อที่ 2 นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นนายอำเภอและเจ้าหน้าที่ทางอำเภอเป็นผู้ตั้งให้ (หน้า 104 -106)

Education and Socialization

ไม่มีข้อมูล

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

วิถีชีวิตของมอญมักจะอาศัยใกล้กับแหล่งน้ำ (หน้า 14) มอญในกลุ่มอายุที่ 1 (อายุ 1-10 ปี) ส่วนใหญ่จะมีชื่อเป็นภาษาไทยตั้งแต่เกิดเพราะพ่อแม่ต้องการให้ลูกกลมกลืนกับคนไทย(หน้า 56)

Social Cultural and Identity Change

ปัจจุบันการตั้งชื่อตามพิธี "โจกะปู้" ของมอญบ้านวังกะ ไม่ค่อยนิยมจัดทำแล้ว(หน้า 81)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มี

Map/Illustration

ตาราง - ตัวอย่างชื่อภาษามอญ เพศหญิง กลุ่มอายุที่ 1 (อายุ 1-10 ปี) (หน้า 43) - ตัวอย่างชื่อภาษามอญ เพศหญิง กลุ่มอายุที่ 2 (อายุ 11-25 ปี) (หน้า 44-45) - ตัวอย่างชื่อภาษามอญ เพศหญิง กลุ่มอายุที่ 3 (อายุ 26-45 ปี) (หน้า45-46) - ตัวอย่างชื่อภาษามอญ เพศหญิง กลุ่มอายุที่ 4 (อายุ 46 ปีขึ้นไป) (หน้า 46-47) - ตัวอย่างชื่อภาษามอญ เพศชายกลุ่มอายุที่ 1 (อายุ 1-10 ปี) (หน้า 47) - ตัวอย่างชื่อภาษามอญ เพศชาย กลุ่มอายุที่ 2 (อายุ 11-25 ปี) (หน้า 48) - ตัวอย่างชื่อภาษามอญ เพศชาย กลุ่มอายุที่ 3 (อายุ 26-45 ปี) (หน้า 49) - ตัวอย่างชื่อภาษามอญ เพศชาย กลุ่มอายุที่ 4 (อายุ 46 ปีขึ้นไป) (หน้า 49-50) - ตัวอย่างชื่อภาษาพม่า เพศหญิง กลุ่มอายุที่ 1 (อายุ 1-10 ปี) (หน้า 51) - ตัวอย่างชื่อภาษาพม่า เพศหญิง กลุ่มอายุที่ 2 (อายุ 11- 25 ปี) (หน้า 51 - 52) - ตัวอย่างชื่อภาษาพม่า เพศหญิง กลุ่มอายุที่ 3 (อายุ 26-45 ปี) (หน้า52 - 53) - ตัวอย่างชื่อภาษาพม่า เพศหญิง กลุ่มอายุที่ 4 (อายุ 46 ปีขึ้นไป) (หน้า 53) - ตัวอย่างชื่อภาษาพม่า เพศชายกลุ่มอายุที่ 1 (อายุ 1-10 ปี) ( หน้า 53) - ตัวอย่างชื่อภาษาพม่า เพศชาย กลุ่มอายุที่ 2 (อายุ 11-25 ปี) (หน้า 54) - ตัวอย่างชื่อภาษาพม่า เพศชาย กลุ่มอายุที่ 3 (อายุ 26-45 ปี) (หน้า 54) - ตัวอย่างชื่อภาษาพม่า เพศชาย กลุ่มอายุที่ 4 (อายุ 46 ปีขึ้นไป) (หน้า55) - ตารางแสดงความถี่ภาษาที่ใช้ในการตั้งชื่อของมอญ บ้านวังกะ แบ่งตามอายุ(หน้า 58) - จำนวนพยางค์ชื่อมอญบ้านวังกะ กลุ่มอายุ 1-10 ปี (หน้า 77) - จำนวนพยางค์ชื่อมอญบ้านวังกะ กลุ่มอายุ 11-25 ปี (หน้า77) - จำนวนพยางค์ชื่อมอญบ้านวังกะ กลุ่มอายุ 26-45 ปี (หน้า 78) - จำนวนพยางค์ชื่อมอญบ้านวังกะ กลุ่มอายุ 46 ปีขึ้นไป (หน้า 78) - ตารางแสดงความหมายของชื่อมอญ บ้านวังกะ ที่มีการแบ่งตามเพศและอายุ (หน้า 94)

Text Analyst สุวิทย์ เลิศวิมลศักดิ์ Date of Report 23 มี.ค 2549
TAG มอญ, วัฒนธรรม, ภาษาศาสตร์, การตั้งชื่อ, กาญจนบุรี, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง