|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ลาหู่,มูเซอดำ,การพัฒนาการเกษตร,เชียงใหม่ |
Author |
พยุงศักดิ์ ไชยกอ |
Title |
ความต้องการในการพัฒนาอาชีพการเกษตรของชาวเขาเผ่ามูเซอดำ หมู่บ้านดอยปู่หมื่นใน ตำบลแม่สาว อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ลาหู่ ลาหู่ ละหู่ ลาฮู,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มนุษยวิทยาสิรินธร
(เอกสารฉบับเต็ม) |
Total Pages |
83 |
Year |
2544 |
Source |
ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (เกษตรศาสตร์) สาขาวิชาส่งเสริมการเกษตร บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
ศึกษาสภาพการเกษตร ความต้องการพัฒนาอาชีพการเกษตร หาความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะส่วนบุคคล สถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของเกษตรกรกับความต้องการพัฒนาอาชีพการเกษตร ตลอดจนศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาอาชีพการเกษตรของเกษตรกรชาวเขาเผ่ามูเซอดำ หมู่บ้านดอยปู่หมื่นใน ต.แม่สาว อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ที่เป็นหัวหน้าครัวเรือน 36 คน จาก 36 หลังคาเรือน ผลการวิจัยพบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพรับจ้างและทำการเกษตร มีพื้นที่การเกษตรถือครองเฉลี่ย 14 ไร่ ปลูกพืชหลักๆ คือ ชา บ๊วย ลิ้นจี่ มีการเลี้ยงสัตว์ เช่น หมูและไก่ เพื่อประกอบพิธีกรรมและบริโภคในครัวเรือน ความต้องการพัฒนาอาชีพการเกษตร สิ่งที่เกษตรกรต้องการมากที่สุด คือ การถือครองที่ดิน แหล่งเงินกู้/สินเชื่อเพื่อการเกษตร ความรู้ด้านการเกษตร การฝึกอบรมและศึกษาดูงานด้านการเกษตร ความรู้ในการใช้ปุ๋ยเคมี การใช้ยาป้องกันกำจัดศัตรูพืช เส้นทางคมนาคมขนส่งสินค้าที่ควรพัฒนาขึ้น การเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ราคาผลผลิตทางการเกษตร การปรับปรุงคุณภาพผลผลิต การจัดตั้งกลุ่ม/รวมกลุ่ม การรับรู้ข่าวสารด้านการเกษตร เกษตรกรกลุ่มตัวอย่างมีปัญหาด้านพันธุ์พืชที่ให้ผลผลิตต่ำ ไม่มีคุณภาพ ขาดเทคโนโลยีมารองรับ แรงงานไม่เพียงพอ ขาดตลาดรับซื้อที่ให้ราคาเป็นธรรม นอกจากนี้สัตว์เลี้ยงก็เจริญเติบโตช้า เกษตรกรไม่ได้รับการศึกษา ขาดความรู้ด้านการเกษตร ข้อเสนอแนะจากผู้วิจัยคือ รัฐบาลควรใส่ใจส่งเสริมพัฒนาการเกษตรบนที่สูงอย่างจริงจัง โดยทำความเข้าใจสภาพพื้นที่ ทรัพยากรธรรมชาติและสังคมของเกษตรกร โดยใช้แนวทางในงานวิจัยชิ้นนี้เพื่อพัฒนาส่งเสริมอาชีพ ความเป็นอยู่ของเกษตรกรชาวเขาให้สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของเกษตรกร (ดูหน้าบทคัดย่อ) |
|
Focus |
ศึกษาสภาพการเกษตร ความต้องการพัฒนาอาชีพการเกษตร หาความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะส่วนบุคคล สถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของเกษตรกรกับความต้องการพัฒนาอาชีพการเกษตร ตลอดจนศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาอาชีพการเกษตรของเกษตรกรชาวเขาเผ่ามูเซอดำ หมู่บ้านดอยปู่หมื่นใน ต.แม่สาว อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ (หน้า ง, 73) |
|
Ethnic Group in the Focus |
เกษตรกรเผ่ามูเซอดำ ในหมู่บ้านดอยปู่หมื่นใน ตำบลแม่สาว อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นหัวหน้าครัวเรือนหมู่บ้านดอยปู่หมื่นใน 36 คน จาก 36 หลังคาเรือน (หน้า 3, 22) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษาพูดของลาฮูคือภาษาธิเบต - พม่า คล้ายคลึงกับชาวเขาเผ่าอื่น บางที่เหมือนกับภาษาของโลโลทางใต้ คำบางคำนำมาจากภาษาดั้งเดิมของจีนและไทยใหญ่ ลาฮูส่วนใหญ่พูดภาษาไทยและลาวพอเข้าใจได้ บางคนก็พูดภาษาจีนยูนนาน พม่า สามารถอ่านและเขียนอักษรโรมันที่พวกสอนศาสนานำเข้าไปเผยแพร่ได้อีกด้วย (หน้า 14) กลุ่มตัวอย่างเกษตรกรมูเซอดำบ้านดอยปู่หมื่นในไม่สามารถใช้ภาษาไทยติดต่อสื่อสารได้จำนวน 31 คน (ร้อยละ 86.10) ใช้ภาษาไทยได้ 5 คน (ร้อยละ 13.90) (หน้า 28-29 , 74) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ลาฮู (Lahu) หรือมูเซอมีถิ่นฐานเดิมอยู่ที่ธิเบตหรือบริเวณใกล้เคียง มีเชื้อสายธิเบต - พม่า เมื่อถูกชาวจีนรุกรานก็ค่อยๆ อพยพถอยร่นลงมาทางใต้ มาอาศัยอยู่ในประเทศลาวบ้าง รัฐฉานบ้าง บางกลุ่มก็เข้ามาอาศัยในประเทศไทยทางภาคเหนือใน จ.เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก ในไทยสามารถแบ่งลาฮูได้เป็น 4 กลุ่มคือ 1) ลาฮูนะ (Lahu Na) หรือมูเซอดำ 2) ลาฮูยี่ (Lahu Nyi) หรือมูเซอแดง 3) ลาฮูเซเล (Lahu Sheh Leh) 4) ลาฮูชี (Lahu Shi) หรือมูเซอเหลือง (หน้า 14) |
|
Demography |
มูเซออาศัยกระจัดกระจายทั่วไปในประเทศไทย จากการสำรวจในประเทศไทยมีหมู่บ้านมูเซอรวมทั้งสิ้น 419 หมู่บ้าน 14,696 ครัวเรือน จำนวนประชากรทั้งสิ้น 84,262 คน จากกลุ่มตัวอย่างเกษตรกรมูเซอบ้านดอยปู่หมื่นในเป็นเพศชายทั้งหมด ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 36-45 ปี อายุต่ำที่สุด 18 ปี อายุสูงสุด 55 ปี มีอายุเฉลี่ย 37.53 ปี (หน้า 25-26, 73) |
|
Economy |
ลาฮูพึ่งพาการทำเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่โดยทำไร่เลื่อนลอยหรือไร่หมุนเวียน นิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงบ้าง เช่น หมูและไก่ ส่วนวัวควายไม่นิยมเลี้ยง ส่วนใหญ่นิยมเลี้ยงไว้เพื่อบริโภคและใช้ในพิธีกรรม นอกจากนี้ลาฮูยังนิยมล่าสัตว์เอาเนื้อมาขายหรือบริโภคอีกด้วย (หน้า 16) กลุ่มตัวอย่างมีจำนวนแรงงานในครัวเรือนอยู่ในช่วง 1-3 คน มีจำนวน 29 ครอบครัว (ร้อยละ 81.56) จำนวนแรงงานในครัวเรือนอยู่ในช่วง 4-6 คน จำนวน 7 ครอบครัว (ร้อยละ 19.44) อาชีพหลักของเกษตรกรกลุ่มตัวอย่างคือรับจ้างทั่วไปจำนวน 21 คน (ร้อยละ 58.3) รองลงมาคือประกอบอาชีพทำการเกษตรจำนวน 14 คน (ร้อยละ 38.9) และอาชีพค้าขาย 1 คน (ร้อยละ 2.8) อาชีพรองคือทำการเกษตรจำนวน 23 คน (ร้อยละ 63.9) รองลงมาคือรับจ้างทั่วไปจำนวน 13 คน (ร้อยละ 36.1) โดยรายได้รวมของครอบครัวส่วนใหญ่อยู่ที่ 20,001-40,000 บาทต่อปี ร้อยละ 50 รองลงมาคือรายได้น้อยกว่า 20,000 บาทต่อปี ร้อยละ 33.3 รายได้รวมระหว่าง 40,001-60,000 บาทต่อปี ร้อยละ 11.1 รายได้ครัวเรือนมากกว่า 60,000 บาทต่อปี ร้อยละ 5.6 เกษตรกรมีรายจ่ายทำการเกษตรน้อยกว่า 5,000 บาทต่อปี ร้อยละ 63.9 รองลงมาครอบครัวมีรายจ่ายในการทำการเกษตรระหว่าง 5,001-10,000 บาทต่อปี ร้อยละ 19.4 รายจ่าย 10,001-15,000 บาทต่อปี ร้อยละ 8.3 และรายได้ครัวเรือนมากกว่า 15,000 บาทต่อปี ร้อยละ 8.3 (หน้า 29-32, 74) สภาพการเกษตร เกษตรกรส่วนใหญ่มีพื้นที่ทำการเกษตรเฉลี่ย 14 ไร่ต่อครอบครัว มีแปลงทำการเกษตร 2 - 3 แปลงต่อครอบครัว พืชหลักที่ปลูกคือ ชา บ๊วย ลิ้นจี่ ลูกไหน ท้อ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ ยากำจัดศัตรูพืช เพราะไม่มีปัจจัยหาซื้อได้ ลักษณะของดินอุดมสมบูรณ์ปานกลาง น้ำมีปริมาณเพียงพอต่อการเกษตร เกษตรกรส่วนใหญ่เลี้ยงสัตว์ 1-3 ชนิด คือ หมู ไก่ และวัว เพื่อใช้บริโภคในครัวเรือนและประกอบพิธีกรรม (หน้า 35-50, 75-77, 82) ความต้องการพัฒนาอาชีพ - สิ่งที่เกษตรกรต้องการมากที่สุด คือ การถือครองที่ดิน แหล่งเงินกู้/สินเชื่อเพื่อการเกษตร ความรู้ด้านการเกษตร การฝึกอบรมและศึกษาดูงานด้านการเกษตร ความรู้ในการใช้ปุ๋ยเคมี การใช้ยาป้องกันกำจัดศัตรูพืช เส้นทางคมนาคมขนส่งสินค้าที่ควรพัฒนาขึ้น การเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ราคาผลผลิตทางการเกษตร การปรับปรุงคุณภาพผลผลิต การจัดตั้งกลุ่ม/รวมกลุ่ม การรับรู้ข่าวสารด้านการเกษตร (หน้า 50-59, 77-80, 82) ปัญหาและอุปสรรค เกษตรกรกลุ่มตัวอย่างมีปัญหาด้านพันธุ์พืชที่ให้ผลผลิตต่ำ ไม่มีคุณภาพ ขาดเทคโนโลยีมารองรับ แรงงานไม่เพียงพอ ขาดตลาดรับซื้อที่ให้ราคาเป็นธรรม นอกจากนี้สัตว์เลี้ยงก็เจริญเติบโตช้า เกษตรกรไม่ได้รับการศึกษา ขาดความรู้ด้านการเกษตร เป็นต้น (หน้า 69-72, 82-83) |
|
Social Organization |
สังคมหมู่บ้านของลาฮูมีโครงสร้างหลวมๆ แต่ละครัวเรือนเป็นครอบครัวขยายประกอบด้วย หัวหน้าครัวเรือน ภรรยา บุตร บุตรเขย หลาน เพราะประเพณีแต่งงานกำหนดไว้ว่าชายต้องรับใช้พ่อแม่ฝ่ายหญิงที่ตนแต่งงานเป็นระยะเวลา 4 ปี ถึงสามารถสร้างบ้านของตนเองได้ ดังนั้นครอบครัวเดี่ยวที่เป็นเฉพาะสามี ภรรยา จึงไม่ค่อยมี เมื่อหัวหน้าครัวเรือนเสียชีวิต ตำแหน่งหัวหน้าจะตกอยู่กับภรรยา ลาฮูมีภรรยาเพียงคนเดียว เกิดจากการเลือกคู่ครองโดยอิสระ การแต่งงานฝ่ายหญิงมักจะมีอายุตั้งแต่ 14-16 ปี ฝ่ายชาย 15-20 ปี โดยฝ่ายชายต้องขอความยินยอมจากพ่อแม่ฝ่ายตนและส่งคนไปเจรจากับพ่อแม่ฝ่ายหญิง ถ้าตกลงก็แต่งงานกันวันนั้นที่บ้านฝ่ายหญิงโดยพิธีแต่งงานที่ไม่ใหญ่โต ไม่มีสินสอด ในงานแต่งงานต้องฆ่าหมู 1 ตัวเพื่อเซ่นไหว้แก่ผี ให้การแต่งงานมีความสุข เมื่อต้องการหย่าร้าง หากทั้ง 2 พอใจที่จะหย่า ก็แบ่งสมบัติเท่ากัน หากฝ่ายชายต้องการขอเลิกแล้วฝ่ายหญิงไม่ยอม สมบัติจะตกเป็นของฝ่ายหญิง และฝ่ายชายต้องเสียเงิน 150 บาท ถ้าฝ่ายชายไม่ยอมเลิก ฝ่ายหญิงต้องเสียเงิน 75 บาท และยกสมบัติให้ฝ่ายชาย (หน้า 15-16) จากกลุ่มตัวอย่างเกษตรกรที่เป็นหัวหน้าครัวเรือนส่วนใหญ่แต่งงานแล้วและอยู่กินด้วยกันมี 34 คน (ร้อยละ 94.4) เป็นหม้าย 2 คน (ร้อยละ 5.6) (หน้า 26, 73) จำนวนสมาชิกในครอบครัวของเกษตรกรที่อยู่ในช่วง 1-5 คน มีจำนวน 20 ครอบครัว (ร้อยละ 55.56) จำนวนสมาชิก 6-10 คน มีจำนวน 7 ครอบครัว (ร้อยละ 19.44) (หน้า 29, 74) กลุ่มตัวอย่างไม่มีตำแหน่งทางสังคมจำนวน 21 คน (ร้อยละ 58.3) มีตำแหน่งทางสังคม 15 คน (ร้อยละ 41.7) (หน้า 28, 74) |
|
Belief System |
แนวทางปฏิบัติทางศาสนาของลาฮูได้รับอิทธิพลหลากหลายและกว้างขวาง บางกลุ่มได้รับอิทธิพลจากศาสนาพุทธ บางกลุ่มได้รับอิทธิพลจากศาสนาคริสต์ เช่น ลาฮูนะ (มูเซอดำ) แต่ลาฮูส่วนใหญ่เชื่อในผีและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติ ผีที่มีอำนาจมากที่สุดสำหรับลาฮูคือ "ผีฟ้า" (ลาฮูเรียกว่า "งือซา") เปรียบเสมือนเป็นพระเจ้าเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งบนโลกนี้ นอกจากผีฟ้าแล้ว ลาฮูยังนับถือผีเรือนและผีหมู่บ้าน ผีดวงวิญญาณของบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วจะเซ่นไหว้เป็นประจำยามเจ็บป่วย ส่วนผีร้ายที่ลาฮูเกรงกลัว เช่น ผีน้ำ ผีป่า ผีไร่ ผีภูเขา (หน้า 17) เกษตรกรลาฮูกลุ่มตัวอย่างทุกคนนับถือศาสนาคริสต์ และให้ความสำคัญกับการมีส่วมร่วมในขนบธรรมเนียมประเพณี ได้แก่ การกินวอ คริสต์มาส การกินข้าวใหม่ การรับขวัญลูกเกิดใหม่ พิธีแต่งงาน และพิธีกรรมก่อนการเพาะปลูก (หน้า 27, 73) |
|
Education and Socialization |
กลุ่มตัวอย่างเกษตรกรลาฮูส่วนใหญ่ไม่เคยรับการศึกษาจำนวน 29 คน (ร้อยละ 80.5) รองลงมาคือจบประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 3 คน (ร้อยละ 8.3) จบการศึกษาต่ำกว่าประถมศึกษาปีที่ 4 และจบการศึกษาสูงกว่าประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวนเท่ากัน 2 คน (ร้อยละ 5.6) (หน้า 26-27, 73) เกษตรกรไม่ได้รับรู้ข่าวสารด้านการเกษตรจำนวน 28 คน (ร้อยละ 74.2) รับรู้ข่าวสารด้านการเกษตร 1 - 3 ครั้ง จำนวน 6 คน (ร้อยละ 20.3) รับรู้ข่าวสารด้านการเกษตร 4-6 ครั้ง จำนวน 1 คน (ร้อยละ 3.2) (หน้า 33, 74-75) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
เครื่องแต่งกายของลาฮู ผู้ชายใส่เสื้อดำทำด้วยฝ้าย เสื้อรั้งสูงเลยเอวขึ้นมา ส่วนมากเวลาใส่เสื้อจะไม่ติดกระดุม มีผ้าโพกหัวสีดำหรือสีน้ำเงิน กางเกงจะคล้ายกับกางเกงนอนตัวใหญ่ขายาวเลยเข่า มีผ้าคาดเอว บางคนใช้ผ้าพันขาด้วย ส่วนการแต่งกายของผู้หญิง จะใส่สีดำกางเกงหลวมขายาวถึงข้อเท้า เสื้อยาวถึงข้อเท้า แต่ผ่าด้านข้างจนถึงเอว ตกแต่งด้วยกระดุมเงินมากมายหลายแถว แขนเสื้อหลวมๆ มีผ้าลายเหลืองสลับสีขาวแดงเย็บติดกัน 3-4 ตอน นิยมโพกศรีษะด้วยผ้าดำยาวและเจาะใบหูทั้ง 2 ข้างสำหรับใส่ต้มหูที่ทำด้วยโลหะเงิน (หน้า 15) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ชาวเขาเผ่านี้เรียกตัวเองว่า "ลาฮู" ชาวจีนเรียกว่า "โลไฮ" คนไทยเรียกว่า "มูเซอ" (หน้า 14) กลุ่มตัวอย่างไม่เคยติดต่อกับเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรเลย ส่วนการติดต่อกับหมู่บ้านใกล้เคียงจำนวน 28 คน (ร้อยละ 77.8) เคยติดต่อบ้าง 1-3 ครั้ง จำนวน 7 คน (ร้อยละ 19.4) เคยติดต่อบ้าง 4-6 ครั้ง จำนวน 1 คน (ร้อยละ 2.8) (หน้า 34, 75) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
งานวิจัยชิ้นนี้มีตารางและรูปภาพประกอบเพื่อนำเสนอข้อมูลค่าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น |
|
|