สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ลาว,จิตรกรรมฝาผนัง,วิถีชีวิต,อุทัยธานี
Author จิราพร ปิ่นสุวรรณบุตร
Title การศึกษาภาพจิตรกรรมฝาผนังวิหารวัดอุโปสถารามความสัมพันธ์กับชาวลาวในท้องถิ่นจังหวัดอุทัยธานี
Document Type รายงานการวิจัย Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity - Language and Linguistic Affiliations ไท(Tai)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 84 Year 2547
Source รายงานประกอบวิชาการศึกษาโดยเสรีในแขนงวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
Abstract

ผู้เขียนได้ศึกษาจากหลักฐานทางเอกสารที่คนลาวถูกกวาดต้อนเข้ามาในภาคกลางของประเทศไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น และมีการอยู่อาศัยสืบต่อมาจนกระทั่งถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วิหารวัดอุโปสถารามได้รับการเขียนขึ้น

จากลักษณะการเขียนภาพจิตรกรรมภายนอกตัวอาคารอันเป็นลักษณะเฉพาะของศิลปะลาวจะพบในวัดที่มีความเกี่ยวเนื่องกับคนลาวหรือเป็นวัดที่สร้างขึ้นในชุนชนลาวเท่านั้น ประกอบกับปรากฏภาพผู้หญิงนุ่งผ้าซิ่น และผู้ชายมีรอยสักที่ขาในภาพจิตรกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ทางชาติพันธุ์แสดงตัวตนความเป็นลาวเมื่อครั้งอดีต ผู้เขียนนำเสนอว่าภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วิหารวัดอุโปสถารามนั้นน่าจะสัมพันธ์กับคนลาวที่อาศัยในจังหวัดอุทัยธานีในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ภาพจิตรกรรมได้รับการเขียนขึ้น

Focus

การแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของภาพจิตรกรรมฝาผนังวิหารวัดอุโปสถารามกับวิถีชีวิตของลาวที่อาศัยอยู่ในจังหวัดอุทัยธานี และความสัมพันธ์ระหว่างลาวครั่งและลาวเวียง

Theoretical Issues

ผู้เขียนศึกษาจากเอกสารหลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับชนชาติลาวที่ถูกกวาดต้อนเข้ามาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นซึ่งกระจายตัวกันอยู่ในหลายจังหวัดทั้งในเขตภาคกลาง ผู้เขียนสันนิษฐานว่าจังหวัดอุทัยธานีน่าจะมีลาวอพยพเข้ามาอยู่เนื่องจากเป็นหัวเมืองชั้นใน ประกอบกับในปัจจุบันพบว่ามีคนลาวอาศัยอยู่ในหลายอำเภอของจังหวัดอุทัยธานี ผู้เขียนได้ศึกษารูปแบบศิลปกรรมที่วิหารวัดอุโปสถารามจังหวัดอุทัยธานีซึ่งมีการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังภายนอกอาคารซึ่งเป็นรูปแบบเฉพาะของศิลปะลาวและพบเฉพาะวัดที่เกี่ยวข้องกับคนลาวหรือตั้งอยู่ในเขตชุมชนที่มีคนลาวอาศัยอยู่(หน้า22)

เมื่อพิจารณาจากรายละเอียดของภาพจิตรกรรมฝาผนังในส่วนที่เป็นการแสดงถึงวิถีชีวิตของชาวบ้าน ปรากฏว่ามีภาพผู้หญิงนุ่งผ้าซิ่นลักษณะคล้ายผ้ามัดหมี่และผู้ชายที่มีรอยสักบริเวณขา ผู้เขียนจึงมีการศึกษาเชื่อมโยงกับคนลาวในปัจจุบันที่อาศัยอยู่ในจังหวัดอุทัยธานีและเสนอว่าภาพดังกล่าวอาจแสดงถึงคนลาวที่อาศัยยู่ในจังหวัดอุทัยธานีในสมัยที่เขียนภาพจิตรกรรม

Ethnic Group in the Focus

กลุ่มชาติพันธุ์ลาว ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดอุทัยธานี โดยเน้นศึกษาความสัมพันธ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ลาวจากจิตรกรรมฝาผนังวิหารวัดอุโปสถาราม ซึ่งอาจจะเป็นลาวครั่งหรือลาวเวียง

Language and Linguistic Affiliations

ไม่มีข้อมูล

Study Period (Data Collection)

พฤศจิกายน 2546 - กุมภาพันธ์ 2547

History of the Group and Community

จากพงศาวดารในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นชนชาติลาวได้ถูกกวาดต้อนเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก คนลาวบางส่วนน่าจะเข้ามาอาศัยอยู่ในจังหวัดอุทัยธานีเนื่องจากในขณะนั้นเป็นหัวเมืองชั้นในและน่าจะอยู่อาศัยเรื่อยมาจนกระทั้งในสมัยัชกาลที่ 5 ได้มีการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วิหารวัดอุโปสถารามซึ่งเป็นการเขียนภายนอกตัวอาคารอันเป็นลักษณะศิลปะลาว ภาพจิตรกรรมมีการสอดแทรกวิถีชีวิตของผู้คนไว้ด้วย ซึ่งปรากฏภาพผู้หญิงนุ่งผ้าซิ่นและผู้ชายมีรอยสักที่ขา เป็นการแสดงให้เห็นถึงการที่มีลาวอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว ในปัจจุบันยังมีลาวที่อาศัยอยู่ในหลายอำเภอของจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งอยู่มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่บรรพบุรุษประมาณ 200-300 ปีมาแล้ว

Settlement Pattern

สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นเนื่องจากสงครามระหว่างไทยกับลาวทำให้มีการกวาดต้อนชาวลาวเข้ามาอยู่ในประเทศไทยเป็นจำนวนมากซึ่งชาวลาวเหล่านั้นได้ไปอาศัยอยู่ในภาคกลางหลายจังหวด เช่น สระบุรี ลพบุรี ราชบุรี(หน้า6-7)

ปัจจุบันในจังหวัดอุทัยธานีได้มีคนไทยเชื้อสายลาวกระจายกันตั้งถิ่นฐานอยู่ในหลายอำเภอ เช่น อำเภอเมือง อำเภอทัพทัน อำเภอห้วยคด อำเภอบ้านไร่ และอำเภอสว่างอารมณ์ โดยที่ยังดำรงรักษาขนบธรรมเนียมดั่งเดิมของตนไว้ (หน้า7)

Demography

ไม่มีข้อมูล

Economy

ไม่มีข้อมูล

Social Organization

ไม่มีข้อมูล

Political Organization

ไม่มีข้อมูล

Belief System

ชนชาติลาวเป็นชนชาติที่นับถือพุทธศาสนา เมื่อชนชาติลาวอพยพเข้ามาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้นจนถึงปัจจุบันก็ยังคงนับถือพุทธศาสนามาอย่างต่อเนื่อง และมีการสร้างวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน เช่น วัดหน่อพุทธางกูร วัดประตูสาร จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติและหลักธรรมจากคัมภีร์ต่างๆ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนเกิดความเข้าใจในหลักธรรมทางพุทธศาสนามากขึ้น (หน้า21-22)

Education and Socialization

ไม่มีข้อมูล

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

จิตรกรรมฝาผนังของวิหารวัดอุโปสถาราม น่าจะถูกเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เนื้อหาของภาพภายในวิหารเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนาประกอบด้วย เรื่องพระมาลัย พุทธประวัติอันเกี่ยวเนื่องกับกำเนิดพระพุทธรูปแก่นจันทน์ซึ่งน่าจะเขียนขึ้นเพื่อให้สัมพันธ์กับพระแก่นจันทน์ซึ่งเป็นพระประธานในวิหาร และภาพพระอสีติมหาสาวก ได้แก่ พระสาวกผู้ยิ่งใหญ่ 80 รูป ภายนอกวิหารซึ่งเป็นการเอกลักษณ์ของศิลปะลาวเขียนเรื่องการไปนมัสการรอยพระพุทธบาทซึ่งผู้เขียนเสนอว่าอาจจะเป็นรอยพระพุทธบาทที่สระบุรีนอกจากเนื้อหาดังกล่าวแล้วยังได้มีการสอดแทรกวิถีชิวิตของชาวบ้านลงไปด้วย เช่น ชาวบ้านทำบุญตักบาตร ชาวบ้านนั่งตำข้าว ส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยซึ่งลักษณะการแต่งกายโดยแบบคนไทยทั่วไป เช่น ไว้ผมปีก นุ่งโจงกระเบน แต่ก็มีปรากฏภาพบางส่วนซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นลาวโดยดูจากผ้านุ่งของหญิงสาวที่ปรากฏผู้เขียนเสนอว่าเป็นลักษณะการแต่งกายของลาวที่เรียกว่า "ผ้าซิ่น" ซึ่งปรากฏผ้าซิ่นที่มีลักษณะคล้ายผ้าซิ่นที่ทอด้วยเทคนิคการทอด้วยไหมมัดหมี่ที่ชื่อว่า "ลายหมี่คั่นหน้าแคบ" และ "หมี่สับขิด"

นอกจากนี้ ยังปรากฏผ้าซิ่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับผ้าซิ่นทอมือโบราณของลาวครั่งในจังหวัดอุทัยธานีแบบหนึ่ง คือ ทอลายด้วยกระจก ฝ้ายหรือไหมเป็นลายยาวตามแนวขวางต้ดกับความยาวผ้าซิ่นตั้งแต่ส่วนหัวจนถึงตีนซิ่น แต่ส่วนตีนหรือเชิงซิ่นจะทอผ้าใหญ่กว่าส่วนอื่น บนผ้าพื้นสี ซึ่งมีเอกลักษณะพิเศษคือส่วนอื่นๆ ของซิ่นจะเป็นสีอะไรก็ได้แต่เชิงซิ่นจะต้องเป็นสีแดงเท่านั้น(หน้า23-24)

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

กลุ่มชนชาติลาวที่ถูกกวาดต้อนมาอยู่ในจังหวัดอุทัยธานีจากภาพจิตรกรรมฝาผนังซึ่งเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (หน้า 19) ช่างได้ถ่ายทอดสภาพวิถีวิตของผู้คนออกมาโดยแสดงถึงผู้คนที่อยู่รวมกันหลายเชื้อชาติ ทั้งไทย จีน ลาว โดยแต่ละกลุ่มชนก็พยายามรักษารูปแบบวัฒนธรรมดั้งเดิมของตนไว้ ในด้านการแต่งกาย เช่น คนไทยจะนุ่งโจงกระเบนห่มสไบลายดอก หรือเสื้อแขนยาวแบบสมัยนิยมในรัชกาลที่ 5 ในขณะที่คนลาวนุ่งผ้ายาวกรอมเท้า เรียกว่าผ้าซิ่น (หน้า23-24) รวมทั้งการสักลายที่ขาของชายในภาพจิตรกรรมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ทางชาติพันธุ์แสดงตัวตนความเป็นลาวเมื่อครั้งอดีต (หน้า24)

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มี

Map/Illustration

แผนผังที่ 1 แผนที่ตั้งวัดอุโปสถาราม (หน้า32)
แผนผังที่ 2 แผนผังแสดงตำแหน่งภาพจิตรกรรมฝาผนังในวิหาร วัดอุโปสถาราม (หน้า33)
แผนผังที่ 3 แผนผังแสดงตำแหน่งภาพจิตรกรรมฝาผนังภายนอกวิหารวัดอุโปสถาราม(หน้า34)
ภาพที่ 1 การทอผ้าลายโบราณศิลปหัตถกรรมของชาวลาวเวียงและลาวครั่งที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอุทัยธานี (หน้า35)
ภาพที่ 2 - 9 แสดงลักษณะสิ่งก่อสร้างภายในวัดอุโปสถาราม (หน้า36-43)
ภาพที่10-16 แสดงจิตรกรรมภายในวิหารวัดอุโปสถาราม (หน้า40-50)
ภาพที่17-29 แสดงวิถีชีวิตชาวบ้านในจิตรกรรมฝาผนังวิหารวัดอุโปสถาราม (หน้า51-63)
ภาพที่ 30 จิตรกรรมฝาผนังเรื่องอสุภกรรม10 ในอุโบสถวัดเทวราชกุญชร(หน้า64)
ภาพที่ 31 การแต่งกายของขุนนางขณะเข้าเฝ้า(หน้า65)
ภาพที่ 32 การแต่งกายของขุนนางไทยสมัยรัชกาลที่ 5 (หน้า66)
ภาพที่ 33 ผู้หญิงสวมเสื้อแขนพอง กับโจงกระเบนและถือร่ม(หน้า67)
ภาพที่ 34 การแต่งกายของเจ้าคุณพระประยูรวงศ์(แพ บุนนาค)(หน้า68)
ภาพที่ 35 วัดดอนโม ในหลวงพระบางของประเทศลาว(หน้า69)
ภาพที่ 36 จิตรกรรมฝาผนังที่ตกแต่งด้วยกระจกสีนอกวิหาร(หน้า70)
ภาพที่ 37 สิมวัดหน้าพระธาตุ จังหวัดนครราชสีมา(หน้า71)
ภาพที่ 38 จิตรกรรมฝาผนังเขียนเกี่ยวกับพุทธประวัติด้านนอกสิม(หน้า72)
ภาพที่ 41 ภาพหญิงชาวบ้านสองคน นุ่งผ้าซิ่นลวดลายคล้ายผ้าซิ่นมัดหมี่ของชาวลาว จ.อุทัยธานี (หน้า75)
ภาพที่ 42 ผ้าซิ่นทอมัดหมี่"ลายหมี่คั่นหน้าแคบ"ของชาวลาวใน จ.อุทัยธานี (หน้า76)
ภาพที่ 43 ผ้าซิ่นทอมัดหมี่สับขิดของชาวลาว จ.อุทัยธานี (หน้า77)
ภาพที่ 44 หญิงชาวบ้านนั่งลงกับพื้นกำลังรับของจากชายชรา นุ่งซิ่นลายคล้ายผ้าซิ่นทอโบราณลายขวางของชาวลาวใน จ.อุทัยธานี (หน้า78)
ภาพที่ 45 ผ้าซิ่นทอมือโบราณลายขวางในปัจจุบันของชาวลาวครั่ง จ.อุทัยธานี (หน้า79)
ภาพที่ 46 ภาพชายชาวน่านสักดำบริเวณพุงถึงขา เรียกว่า ลาวพุงดำ(หน้า80)
ภาพที่ 47 ภาพชาวบ้านสองคนในภาพจิตรกรรมฝาผนังวิหารวัดอุโปสถาราม มีรอยสักดำบริเวณขา (หน้า81)
ภาพที่ 48 จิตรกรรมฝาผนังในภาคอีสานแสดงวัฒนธรรมการสักขา(หน้า82)
ภาพที่ 49 จิตรกรรมฝาผนังสมัยรัชกาลที่ 3 อุโบสถวัดหน่อพุทธางกูร(หน้า83)
ภาพที่ 50 จิตรกรรมฝาผนังสมัยรัชกาลที่ 3 อุโบสถวัดประตูสาร(หน้า84)

Text Analyst รุ่งทิวา กลางทัพ Date of Report 04 เม.ย 2556
TAG ลาวง, จิตรกรรมฝาผนัง, วิถีชีวิต, อุทัยธานี, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง