สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง ผู้ลาว โซ่ง ไตดำ,ผ้าทอ,เพชรบุรี
Author นิยม ออไอศูรย์
Title การศึกษาการสืบทอดงานศิลปะผ้าทอของกลุ่มไทยทรงดำในจังหวัดเพชรบุรี
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ไทดำ ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง ไทยทรงดำ ไทดำ ไตดำ โซ่ง, Language and Linguistic Affiliations ไท(Tai)
Location of
Documents
ห้องสมุดกลางสถาบันวิทยบริการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย Total Pages 184 Year 2539
Source หลักสูตรปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต ภาควิชาศิลปศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract

จากการศึกษาพบว่ากลุ่มไทยทรงดำในพื้นที่ศึกษายังคงสืบทอดวัฒนธรรมการทอผ้าไว้ได้ เนื่องจากปัจจัย 3 ประการ ประการแรก คือ ความเชื่อเรื่องผี แถน (ผีฟ้า) โดยเฉพาะผีบรรพบุรุษ ไทยทรงดำจึงต้องใช้ผ้าและเครื่องแต่งกายพื้นเมืองในการประกอบกิจในพิธีกรรม ประการที่สอง สตรีไทยทรงดำบางส่วนยังคงตระหนักและเห็นคุณค่าในการอนุรักษ์วัฒนธรรมการทอผ้าของกลุ่ม ประการที่สาม เป็นผลจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบุรีที่จัดให้มีการชุมนุมกลุ่มไทยทรงดำ จึงเป็นการกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในกิจกรรมการทอผ้าพื้นเมือง (หน้า 124)

Focus

ศึกษาการสืบทอดประเพณีและวัฒนธรรมการทอผ้า ตลอดจนประวัติความเป็นมา ความเชื่อ เทคนิคและกรรมวิธีในการสร้างสรรค์ รวมถึงคุณค่าทางศิลปะและประโยชน์ใช้สอย ของผ้าทอไทยทรงดำในเขตจังหวัดเพชรบุรี (หน้า 7)

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

กลุ่มไทยทรงดำจำนวน 50 ครัวเรือนที่อาศัยอยู่ในเขตอำเภอเขาย้อย อำเภอหนองหญ้าปล้อง และอำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี (หน้า 7)

Language and Linguistic Affiliations

ไทยทรงดำเป็นกลุ่มชนที่พูดภาษาตระกูลไทย-ลาว ซึ่งมีบรรพบุรุษอาศัยอยู่แถบลุ่มแม่น้ำดำ และลุ่มแม่น้ำแดงทางตอนเหนือของเวียดนาม (หน้า 13)

Study Period (Data Collection)

ระหว่างเดือนมิถุนายน พ.ศ.2537 ถึง เดือนมีนาคม พ.ศ.2539 โดยเป็นการสำรวจข้อมูลภาคสนาม 12 เดือน (หน้า 6)

History of the Group and Community

ไทยทรงดำในเขตจังหวัดเพชรบุรีมีถิ่นฐานเดิมอยู่ทางตอนเหนือของประเทศสาธารณรัฐเวียดนาม และแถบเมืองทันต์ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ถูกกวาดต้อนเข้ามาด้วยเหตุผลทางการเมืองหลายครั้ง เช่น ในสมัยกรุงธนบุรีโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกและเจ้าพระยาสุรสีห์ยกทัพไปตีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ เจ้าเมืองเวียงจันทน์ได้กวาดต้อนครอบครัวไทดำจากเมืองแถง (เมืองเดียนเบียนฟู) มาถวาย ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าอุปราชราชวงศ์ยกทัพไปปราบเมืองคอยที่หลวงพระบาง และกวาดต้อนไทดำลงมาอยู่ที่เพชรบุรี และในคราวยกกองทัพไปตีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในปีพ.ศ.2381 เป็นต้น (หน้า 31-32, 114-115)

Settlement Pattern

ไทยทรงดำในเขตจังหวัดเพชรบุรีตั้งถิ่นฐานกระจายตัวตามอำเภอต่างๆ เช่น อำเภอเมือง อำเภอบ้านแหลม อำเภอหนองหญ้าปล้อง อำเภอบ้านลาด อำเภอเขาย้อย และอำเภอท่ายาง เป็นต้น (หน้า 31, 115)

Demography

ไม่มีข้อมูล

Economy

ไม่มีข้อมูล

Social Organization

สังคมของไทยทรงดำมีการแบ่งชนชั้นตามเชื้อสายวงศ์ตระกูลออกเป็น 2 ชนชั้น คือ ชนชั้นผู้ท้าวและชนชั้นผู้น้อย มีบุตรชายเป็นผู้สืบสกุล ในกรณีที่มีบุตรชายหลายคน คนเล็กจะได้เป็นเจ้าของเรือนและเลี้ยงผีบรรพบุรุษ (หน้า 125)

Political Organization

ไม่มีข้อมูล

Belief System

ในท้องถิ่นเดิมไทดำมีความเชื่อเรื่องผีบรรพบุรุษร่วมสายตระกูล และใช้วงศ์ตระกูลเป็นเกณฑ์ในการแบ่งชนชั้น แบ่งได้เป็น 2 ชนชั้น คือ ชนชั้นผู้ท้าว และชนชั้นผู้น้อย มีการสืบทอดผีประจำตระกูลและเลี้ยงผีบรรพบุรุษ และจะทำพิธีเซ่นไหว้ทุกสัปดาห์ (พิธีปาดตง) หรือเซ่นไหว้ตามประเพณีทุกปี หรือ 2-3 ปี/ครั้ง (พิธีเสนเฮือน) โดยจะมีหมอ (priest) ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าเมืองให้เป็นประธานในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ รวมถึงให้คำปรึกษาทางด้านพิธีกรรม มีองจางและองแงเป็นผู้ช่วย ส่วนมด (sorcerer) จะทำพิธีรักษาอาการเจ็บป่วยด้วยการเสี่ยงทาย และรักษาโดยการเสนหรือเสียเคราะห์ เพื่ออ้อนวอนให้ผีนั้นๆ ส่งขวัญกลับคืนสู่ผู้ป่วย หรือในบางรายอาจต้องใช้วิธีรักษาโดยการใช้เวทย์มนต์ ของขลังบังคับให้ผีนั้นๆ ปล่อยขวัญกลับคืนสู่ผู้ป่วย (หน้า 17-20) นอกจากนี้ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับผีต่างๆ เช่น เชื่อว่าแถนหรือผีฟ้าสามารถดลบันดาลความเป็นไปแก่มวลมนุษย์/ มีความเชื่อเรื่องผีเมืองหรือผีบ้าน โดยมีศาลปู่เจ้าประจำหมู่บ้าน จะมีพิธีเซ่นไหว้เป็นประจำทุกปี/เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนเมื่อเกิดมาจะมีขวัญติดตัวมาด้วย การเจ็บป่วยต่างๆ เกิดจากความเป็นไปในทางที่ไม่ดีของขวัญหรือขวัญตกหล่นจากร่างกาย เมื่อตายขวัญจึงจะออกจากร่างกาย และกลับไปยังเมืองฟ้าหรือสถานที่ที่เหมาะสมกับสถานภาพของผู้ตาย และเชื่อว่าทุกหนทุกแห่งมีผีเจ้าป่าเจ้าเขาสิงสถิตอยู่ ซึ่งความเชื่อดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการทอผ้าของไทยทรงดำ เช่น ในพิธีศพจะทอผ้าเพื่อนำมาทำ แฮว (พาหนะที่จะพาวิญญาณของผู้ตายไปเฝ้าแถน) และจะเว้นการทอผ้า 3 วัน ในช่วงวันตรุษ และ 5 วัน ในช่วงวันสงกรานต์ เป็นต้น (หน้า 15-17, 116-117) ในงานนี้ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าลาวโซ่งในจังหวัดเพชรบุรียังรักษาระบบความเชื่อและพิธีกรรมดั้งเดิมไว้มากน้อยเพียงใด

Education and Socialization

ไทยทรงดำถือว่าการทอผ้าเป็นกิจกรรมของสตรี ดังนั้น ถ้าครอบครัวใดไม่มีผ้าทอไว้ใช้ในพิธีกรรม สตรีไทยทรงดำบ้านนั้นก็จะถูกเพื่อนบ้านตำหนิว่าเป็นผู้เกียจคร้าน บกพร่องในหน้าที่ของกุลสตรีที่ดี เด็กผู้หญิงจึงต้องเรียนรู้เรื่องการทอผ้าเมื่ออายุราว 13-18 ปี โดยจะได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์และความชำนาญด้านการทอผ้าโดยตรงจากแม่ และย่าหรือยาย ด้วยวิธีการทำให้ดู หรือให้หัดทำตามขั้นตอนที่บอก บางครั้งอาจให้ลองฝึกหัดลอกเลียนแบบจากตัวอย่าง รวมถึงมีการซักถามและแลกเปลี่ยนการสร้างสรรค์ลวดลายกับเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกันเด็กคนที่สามารถทอผ้าได้สวยงามก็จะได้รับการชมเชยจากเพื่อนบ้าน ส่วนเด็กคนที่ได้รับการฝึกหัดแล้วแต่ยังทอผ้าไม่ได้ ถือว่าขาดความสนใจและไม่ใส่ใจในงานที่เป็นกิจกรรมของสตรี จะได้รับการลงโทษด้วยการว่ากล่าวตักเตือน หรือทุบตีบ้างเล็กน้อย (หน้า 112-113)

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ลักษณะเด่นของผ้าทอไทยทรงดำ คือ การนำลวดลายแบบเรขาคณิตมาสร้างสรรค์ลายอย่างมีความสมดุล ให้ความรู้สึกเรียบง่าย มีสัดส่วนที่พอเหมาะกับประโยชน์ใช้สอย โดยลวดลายของผ้าไทยทรงดำแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ลวดลายที่เกิดจากการทอ ลวดลายการปะผ้า ซึ่งเกิดจากการนำผ้าไหมย้อมสีต่างๆ มาตัดเป็นชิ้นสามเหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยม แล้วนำมาตรึงเย็บต่อกันให้เกิดลวดลาย เช่น ลายขอกูด ลายดาวลอย ลายหมาย่ำ ลายหลืมหลาม ลายหงอนนาค ลายดอกเต้า ลายเอื้อขอดขอ ลายเอื้อดอกจันทร์ ลายดอกผักแว่น ลายดอกแก้ว ลายเอื้อแก่นแตง ลายตานาแก้ว เป็นต้น และลวดลายการปักผ้า (ลายแส้ว) ด้วยเส้นไหมย้อมสี เทคนิคการปัก 2 วิธี คือ วิธีปักทึบและปักไขว้ โดยนิยมปักจากด้านหลัง เช่น ลายดอกจันทร์ ลายขาบัว ลายดอกพรม ลายดอกแปดกลีบ ลายบานจ้าย ลายดอกเข็ม เป็นต้น ส่วนลวดลายที่มีจังหวะการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ เช่น ลวดลายของซิ่นลายแตงโม นอกจากนี้ ลวดลายและสีของผ้ายังสอดประสานกลมกลืนกันอย่างมีเอกภาพ ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมสีดำและสีครามเข้มเป็นหลัก ขณะเดียวกันก็มีความขัดแย้งของคู่สีตรงกันข้าม เช่น แดง-เขียว แดง-ขาว แดง-ดำ แดง-ส้ม แดง-เหลือง เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับงานผ้าทอ การแต่งกายของไทยทรงดำในชีวิตประจำวันและในพิธีกรรมคล้ายคลึงกัน จะแตกต่างกันก็เพียงเสื้อผ้าที่ใช้ในพิธีกรรมนั้นจะเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่ ซึ่งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายในชีวิตประจำวันของชายประกอบด้วย กางเกงขาสั้น (ส้วง ก้อม หรือส้วงขาเต้น) เสื้อไท และย่าม ส่วนผู้หญิงจะนุ่งผ้าซิ่นลายแตงโม เสื้อก้อม ผ้าเปียว (ผ้าโพกศีรษะ) ส่วนเสื้อผ้าในพิธีกรรมสำคัญอย่างเช่นงานศพ ผู้เป็นบุตรชายของผู้ตายจะต้องใช้ผ้าสี่เหลี่ยมคาดศีรษะและสวมเสื้อต๊กซึ่งทำจากฝ้ายทอเนื้อหยาบ และจะมีพิธีส่งวิญญาณผู้ตายไปเฝ้าแถนในเมืองฟ้า โดยจะมีผ้าแฮวซึ่งประกอบด้วยผ้าฝ้ายและผ้าไหมย้อมสีสวยงามเป็นพาหนะในการส่งวิญญาณ (หน้า 85, 120-123, 129-131, 143-144)

Folklore

มีเรื่องเล่าถึงประวัติความเป็นมาของไทยทรงดำว่า ถือกำเนิดจากเทวดาและเทพธิดาที่ลงมาจุติบนภูเขาของทุ่งนาเตา ห่างจากเมืองแถง (เมืองเดียนเบียนฟู) ไปทางทิศตะวันออก จากนั้นจึงตั้งบ้านเรือนบริเวณเมืองแถง มีผู้ปกครองคนแรกคือ ขุนลอคำ มีอาณาเขตกว้างขวางครอบคลุมทางเหนือตั้งแต่เมืองไฮ เมืองชอ เมืองลา จดเมืองฮ่อ (จีนยูนนาน) และมีการสืบสันติวงศ์ต่อกันมาจนถึงสมัยของดึกเทื้อง จึงมีการขุดคูสร้างกำแพงเมืองและปลูกต้นไผ่ล้อมรอบเมืองเชียงแล เมื่อดึกเทื้องถึงแก่กรรมจึงมีพิธีศพและเซ่นไหว้ด้วยกระบือ หมู เป็ด ไก่ จนเป็นประเพณีเซ่นไหว้ดึกเทื้องต่อมา (หน้า 12-13) นอกจากนี้ ไทยทรงดำยังได้ถ่ายทอดมโนภาพเกี่ยวกับจักรวาล อาณาบริเวณสรรพสิ่งบนโลกมนุษย์ผ่านเอกสารความโตเมืองหรือหนังสือเล่าเรื่องเมือง มีใจความว่าเดิมแผ่นดินของเมืองมนุษย์กับเมืองสวรรค์อยู่ติดกัน และมีรูปร่างคล้ายดอกเห็ด สัตว์สามารถพูดภาษาคนได้ แถนบันดาลให้เกิดความแห้งแล้ง ปู่เจ้าเป็นผู้ทำพิธีขอฝน จนเกิดภาวะน้ำท่วมโลก แต่สรรพสัตว์ก็สามารถพ้นจากภัยพิบัติมาได้ด้วยการเข้าไปหลบภัยอยู่ในน้ำเต้าปุงขนาดยักษ์ของแถน หลังจากนั้น จึงอพยพแยกย้ายกันไปตั้งถิ่นฐานตามที่ต่างๆ ด้วยเหตุนี้ไทยทรงดำจึงใช้เอกสารความโตเมืองสำหรับอ่านเพื่อส่งวิญญาณผู้ตายให้เดินทางไปพบบรรพบุรุษและเข้าสู่เมืองฟ้า (หน้า 20) นิทานเกี่ยวกับที่มาของลายผักกูดหรือลายขอกูดบนผ้าของไทยทรงดำเล่าว่า ครอบครัวหนึ่งมีสะใภ้ผู้มีความกตัญญูทำอาหารให้คนในครอบครัวทานทุกวัน วันหนึ่งนางออกไปเก็บผักกูดเพื่อมาทำอาหารเหมือนเช่นเคย แต่ปรากฏว่าไม่มีผักกูดหลงเหลืออยู่สักต้น นางเสียใจและร้องไห้ น้ำตาของนางตกถึงพื้น อานิสงค์จากความกตัญญูของนาง ทันใดนั้นผักกูดก็แข่งยอดแย่งกันขึ้นมามากมาย นางรำลึกถึงบุญคุณของผักกูดจึงนำรูปผักกูดมาเป็นลวดลายบนผ้า (หน้า 166) มีนิทานเกี่ยวกับที่มาของลายฮอยหมาย่ำหรือรอยหมาย่ำเล่าว่า สมัยโบราณคนยังไม่มีพันธุ์ข้าวปลูก หมาซึ่งเป็นเพื่อนกับคนจึงเดินทางไปยังเมืองฟ้าเพื่อถามแถนถึงเหตุผลว่าเหตุใดคนจึงไม่มีข้าวปลูก แถนเห็นใจหมาจึงให้พันธุ์ข้าวหมา หมาจึงนำพันธุ์ข้าวมาให้คนปลูก คนสำนึกในบุญคุณจึงนำรอยเท้าของหมามาเป็นลายปักบนผ้า (หน้า 167)

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

กลุ่มชนไทยทรงดำคือชนชาติไทยกลุ่มหนึ่งที่นิยมแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำ จึงถูกเรียกว่าไทดำ มีถิ่นฐานเดิมอยู่ทางตอนเหนือของสาธารณรัฐเวียดนาม และในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ก่อนจะอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในจังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดอื่น ๆ (หน้า 32)

Social Cultural and Identity Change

ในอดีตการทอผ้าถือเป็นกิจกรรมสำคัญที่สตรีไทยทรงดำจะต้องเรียนรู้และปฏิบัติได้ ต่อมาเมื่อกระแสความเจริญทางด้านเทคโนโลยีและค่านิยมสมัยใหม่ได้แทรกซึมเข้าสู่สังคมไทยทรงดำ ทำให้ค่านิยมในการทอผ้าของเด็กผู้หญิงเปลี่ยนไป โดยมีความเห็นว่า การเรียนหนังสือที่โรงเรียนสำคัญกว่าการทอผ้าอยู่กับบ้าน มีเพียงบางครอบครัวที่ยังเห็นความสำคัญของการทอผ้าและถ่ายทอดความรู้ให้กับบุตรหลานในยามว่าง ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับความสมัครใจของบุตรหลานเป็นสำคัญ (หน้า 113) ซึ่งสาเหตุสำคัญของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสืบเนื่องมาจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 7 พ.ศ. 2535-2539 ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านทรัพยากรและระบบเศรษฐกิจจากเกษตรกรรมไปสู่อุตสาหกรรมและพาณิชย์กรรม (หน้า 115-116) คนรุ่นใหม่จึงหันมาแต่งกายตามสมัยนิยมและทอผ้าแบบกี่กระตุกกันมากขึ้น คงมีเฉพาะหญิงวัย 50-60 ปี ที่ยังคงแต่งกายและทอผ้าแบบโบราณอยู่ ประกอบกับมีสิ่งของอำนวยความสะดวกเพิ่มมากขึ้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งพาข้าวของเครื่องใช้แบบพื้นเมือง (หน้า 124)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

วัสดุ-อุปกรณ์ในการทอผ้าของสตรีไทยทรงดำ ได้แก่ ฝ้าย ไหม ใยสังเคราะห์ กี่ ฟืม เขาหูก ไม้ม้วนผ้าและหลักม้วนผ้า คานแขวน กระสวย หลอดด้ายพุ่ง เป็นต้น ซึ่งจะผลิตขึ้นจากวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น ส่วนกรรมวิธีในการย้อมเย็นจะใช้สีที่ได้จากธรรมชาติ เช่น ครั่ง/ ต้นแกแล/ เมล็ดคำแสด/ ไม้ฝาง/ ผลมะเกลือ/ ต้นคราม และเปลือกต้นประดู่ เป็นต้น (หน้า 74, 118-119, 126-127)

Map/Illustration

ผู้วิจัยได้ใช้ตารางและรูปภาพประกอบการนำเสนอข้อมูล เช่น ตารางแสดงภูมิหลังของสตรีไทยทรงดำที่ทอผ้าตามสถานภาพ (หน้า 50) ตารางแสดงค่าความถี่และค่าร้อยละของสตรีไทยทรงดำที่ทอผ้า เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของกลุ่ม เทคนิค-กรรมวิธี วัสดุ-อุปกรณ์ ลวดลาย สี และคติความเชื่อประเพณีท้องถิ่น (หน้า 52, 58, 63, 66, 69, 71, 77, 90, 97) ภ าพลวดลายบนผ้าของไทยทรงดำ ผ้าซิ่นลายแตงโม และเครื่องแต่งกาย (หน้า 170-172)

Text Analyst ดวงใจ พิชิตณรงค์ชัย Date of Report 05 พ.ย. 2555
TAG ลาวโซ่ง ไทยโซ่ง ผู้ลาว โซ่ง ไตดำ, ผ้าทอ, เพชรบุรี, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง