|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),หัตถกรรม,ลำพูน |
Author |
สโรชา เทพสุนทร |
Title |
งานหัตถกรรมของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง เขตหมู่บ้านพระบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลึ้ จังหวัดลำพูน |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
189 |
Year |
2542 |
Source |
หลักสูตรศิลปะบัณฑิต (ศิลปะไทย) ภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
กะเหรี่ยงบ้านพระบาทห้วยต้ม เป็นกะเหรี่ยงที่อพยพมาจากจังหวัดตากและเชียงใหม่ ด้วยความศรัทธาในตัวครูบาวงศ์และพระพุทธศาสนาจนยกเลิกพิธีกรรมดั้งเดิมของตน กะเหรี่ยงบ้านพระบาทห้วยต้มมีหัตถกรรมดั้งเดิมของตน คือ การทำเครื่องเงิน งานจักสาน และการทอผ้า และเมื่อมีหน่วยงานราชการเข้าไปส่งเสริมอาชีพด้วยการหาวัตถุดิบและหาตลาดให้กับการทำเครื่องเงิน เครื่องเงินจึงกลายเป็นสินค้าที่ส่งขายโดยทั่วไปและเป็นที่ต้องการของชาวต่างชาติ นอกจากนี้ยังมีอาชีพด้านหัตถกรรมที่เกิดขึ้นใหม่ ได้แก่ การตัดศิลาแลง และการตีมีด เป็นงานที่สร้างรายได้ให้กับคนกะเหรี่ยงบ้านพระบาทห้วยต้ม |
|
Focus |
กรรมวิธีการผลิต เทคนิค และหน้าที่ใช้สอยของงานหัตถกรรมของกะเหรี่ยง (หน้า 4) |
|
Ethnic Group in the Focus |
กะเหรี่ยง บริเวณวัดพระบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน (หน้า 2) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
กะเหรี่ยง หมู่บ้านพระบาทห้วยต้ม มีทั้งกะเหรี่ยงสะกอว์ และกะเหรี่ยงโปว์ ซึ่งแต่ละกลุ่มจะใช้ภาษาในกลุ่มของตนเอง และใช้ภาษาสะกอว์สื่อสารระหว่างกลุ่ม (หน้า 8) |
|
Study Period (Data Collection) |
มกราคม-กุมภาพันธ์ พ.ศ.2541 (หน้า 3) |
|
History of the Group and Community |
กะเหรี่ยง อพยพมาจากพม่าเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยมานานกว่า 200 ปี เนื่องมาจากความกดดันทางการเมืองและได้รับความกดขี่ กะเหรี่ยงที่อพยพมาประเทศไทยมี 2 กลุ่มใหญ่ คือ กะเหรี่ยงสะกอร์ (S'kar) และกะเหรี่ยงโปว์ (Pa-o) กะเหรี่ยงเข้ามาตั้งถิ่นฐานแถบชายแดนไทย-พม่า เช่นในเขตแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ จนไปถึงกาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ (หน้า 5) กะเหรี่ยงหมู่บ้านพระบาทห้วยต้ม เข้ามาตั้งหมู่บ้านอยู่รอบ ๆ วัดพระบาทห้วยต้ม ตั้งแต่ปี 2578 เนื่องมาจากศรัทธาในพุทธศาสนาและครูบาวงศ์ (ครูบาชัยวงศาพัฒนา) ที่จาริกเผยแพร่ศาสนาตามหมู่บ้านชาวเขาซึ่งส่วนใหญ่เป็นกะเหรี่ยงในจังหวัดตาก เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอนและลำพูน ด้วยความศรัทธา คนกะเหรี่ยงจึงอพยพมาตั้งบ้านเรือนอยู่รอบวัดพระบาทห้วยต้มครูบาซึ่งเป็นที่จำพรรษาของครูบาวงศ์ และทยอยอพยพเข้ามาเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นชุมชนใหญ่ จนได้ยกฐานะเป็นหมู่บ้านในปี 2519 (หน้า 7) |
|
Settlement Pattern |
การปลูกสร้างบ้านเรือนส่วนใหญ่จะไม่มีรั้วกั้น ประกอบด้วย ตัวบ้าน ยุ้งฉาง และลานบ้าน บริเวณบ้านมีพื้นที่ขนาดเล็กสำหรับทำสวน ใต้ถุนบ้านใช้เก็บเครื่องจักสาน อุปกรณ์ทางการเกษตร และใช้เป็นพื้นที่ทอผ้า ตัวบ้านยกพื้นสูง 5-6 ฟุต เสาและฝาบ้านส่วนใหญ่ใช้ไม้ไผ่ มีบางหลังใช้ไม้เนื้อแข็ง มุงหลังคาด้วยใบตองตึง บางหลังเปลี่ยนมาเป็นสังกะสีหรือกระเบื้อง บ้านแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ชานบันไดและห้องใหญ่ ห้องใหญ่ใช้ทำกิจกรรมทุกอย่าง ทั้งเป็นที่นอนและประกอบอาหาร มีเตาไฟตรงกลางห้อง เหนือเตาไฟ สร้างเป็นชั้นเก็บของและเก็บเมล็ดพันธุ์ เพื่อป้องกันแมลง บ้านอีกประเภทหนึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ มี 2 หลังคา เป็นห้องใหญ่ 1 ห้อง และห้องเล็ก 1 ห้องแยกเป็นอีก 1 หลังคา ด้านหลังสุดเป็นครัว และมีชานหน้าบ้าน บ้านของกะเหรี่ยงทั้ง 2 ประเภท ไม่มีหน้าต่าง ทำให้ภายในบ้านมืด (หน้า 12-14) |
|
Demography |
หมู่บ้านพระบาทห้วยต้ม เป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยง มีจำนวน 612 ครัวเรือน 710 ครอบครัว มีประชากรรวมกันทั้งหมด 2,614 คน ประชากรในหมู่บ้านนี้มีทั้งที่เป็นกะเหรี่ยงสะกอว์ และกะเหรี่ยงโปว์ กะเหรื่ยงสะกอว์อพยพมาจากอำเภอสามเงา อำเภอแม่ระมาด อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก กะเหรี่ยงโปว์อพยพมาจากอำเภอฮอด และกิ่งอำเภอดอยเต่าจังหวัดเชียงใหม่ (หน้า 8) |
|
Economy |
อาชีพส่วนใหญ่ของชาวบ้านพระบาทห้วยต้ม คือ การเกษตร ปลูกข้าวไร่ พืชสวนครัว ทำนาดำ ข้าวโพด อ้อย กล้วย และถั่วต่างๆ ตามพื้นที่รอบๆ หมู่บ้าน มีอาชีพอุตสาหกรรมในครัวเรือน ได้แก่ ฟันศิลาแลง (สกัดศิลาแลง) ทอผ้า เย็บเสื้อผ้า ทำถุงย่าม ทำหญ้าคา และตองตึง สำหรับมุงหลังคา ช่างเงิน ช่างเหล็ก ช่างจักสาน และเผาถ่าน อาชีพรับจ้างกับหน่วยงานราชการ รับจ้างเลี้ยงช้างและขี่ช้าง อาชีพค้าขาย มีร้านค้า หรือเป็นคนกลางนำสินค้าที่ผลิตได้ในหมู่บ้านไปขายยังหมู่บ้านอื่น อาชีพช่างฝีมือ เช่น ช่างก่อสร้าง ช่างซ่อมจักรยาน ทำเครื่องเงิน เป็นต้น ชาวบ้านที่นี่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ จึงไม่มีการเลี้ยงสัตว์ทั้งเพื่อบริโภคและขาย โดยเชื่อว่าสัตว์เป็นตัวนำโรคต่างๆ มาสู่คน (หน้า 17-18) |
|
Social Organization |
ครอบครัวกะเหรี่ยงบ้านพระบาทห้วยต้ม ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวเดี่ยว เมื่อแต่งงานสามีจะอยู่บ้านภรรยาอย่างน้อย 1 ปีจึงจะแยกครัวเรือนได้ ผู้หญิงมีหน้าที่หุงหาอาหาร (โดยอาหารส่วนใหญ่จะไม่ทำจากเนื้อสัตว์เลย) ทำงานภายในบ้าน ตำข้าว ทอผ้า ทำเครื่องเงิน ส่วนผู้ชาย จะออกไปทำไร่ ทำสวน ทำเครื่องจักสาน ตีเหล็กหรือทำเครื่องเงิน (หน้า 16) |
|
Political Organization |
หมู่บ้านพระบาทห้วยต้ม ปกครองโดยองค์การบริหารส่วนตำบล โดยเลือกกะเหรี่ยงที่อยู่ในพื้นที่เป็นตัวแทนทางราชการและชุมชน แต่ชาวบ้านยังคงศรัทธาครูบาวงศ์ ดังนั้นกิจกรรมหลายอย่างทั้งของทางราชการและชุมชนจะต้องได้รับความเห็นชอบจากครูบาวงศ์เสียก่อน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มบุคคลที่ชาวบ้านเคารพนับถือ ที่เรียกว่า "อาจารย์" หรือ "พระขาว" ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ มีหน้าที่คล้ายกับมัคทายกของวัด เป็นผู้นำทางด้านศีลธรรมและศาสนา (หน้า 7-8) |
|
Belief System |
ประชากรหมู่บ้านพระบาทห้วยต้มทั้งหมดนับถือพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการรักษาศีล 5 และการสวดมนตร์ประจำวัน 2 ครั้ง เช้า-เย็น และสวดมนตร์ในวันพระ 3-5 ครั้ง ตอนตื่นนอน รับประทานอาหารเช้า หลังจากตักบาตรทำบุญที่วัด หัวค่ำ และก่อนนอน มีเทศกาลวันสำคัญทางศาสนาพุทธเช่นเดียวกับคนพื้นราบ ส่วนพิธีกรรมแบบดั้งเดิมได้ยกเลิกไปเกือบหมด พิธีกรรมที่ยังมีอยู่จะประยุกต์เข้ากับศาสนาพุทธ ได้แก่ การทานข้าวใหม่ในเดือน 4 โดยนำข้าวเปลือกที่ผลิตได้ไปทานที่วัดตามแต่ศรัทธา และในหมู่บ้านยังมีผู้ประกอบพิธีที่เรียกว่า หมอผี อยู่จำนวนไม่น้อย เป็นผู้ผสมผสานพิธีการของชาวเขากับไทยพื้นราบ เช่น การรักษาคนไข้ด้วยน้ำมนตร์ สะเดาะเคราะห์ ผูกข้อมือสู่ขวัญเวลาถูกผี (หน้า 8-9) |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
บ้านพระบาทห้วยต้ม ได้รับบริการด้านอนามัยจากหน่วยพัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้นหรือส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอลี้ และโรงพยาบาลประจำจังหวัดลำพูนและยังได้รับการบริการด้านอนามัยจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และสุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ส่งเสริมภาวะทางโภชนาการและภาวะโลหิตจาง งานอนามัยแม่และเด็ก ตรวจหาเชื้อมาลาเรีย ส่งผู้ป่วยหนักไปโรงพยาบาล และอบรมบุคลากรในหมู่บ้านเพื่อทำหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (หน้า 10-11) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
การทำเครื่องเงิน เครื่องเงินกะเหรี่ยงบ้านพระบาทห้วยต้มนั้น แต่เดิมทำใช้ใส่เอง เพื่อแสดงว่าเป็นคนฐานะดี จนกระทั่งเงินหายากจึงหยุดทำ จนกระทั่งศูนย์ส่งเสริมชาวเขา ได้เข้ามาส่งเสริมให้ผลิต โดยนำเงินมาจากเชียงใหม่และหาตลาดให้ เครื่องเงินกะเหรี่ยงเป็นที่ต้องการของชาวต่างชาติ เนื่องจากเป็นงานที่มีเอกลักษณ์ โดย ประดิษฐ์ลวดลายจากธรรมชาติและสิ่งรอบตัว (หน้า 33) ขั้นตอนการทำเครื่องเงิน เริ่มจากหลอมเม็ดเงิน และนำเงินไปแช่น้ำเพื่อให้คงรูป จากนั้นนำไปทำให้มีขนาดและรูปแบบที่ต้องการ ปัจจุบันใช้เครื่องรีดเงิน แล้วนำไปขึ้นรูปซึ่งรูปแบบของกะเหรี่ยงมี 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ แบบตอกลายอัดแน่น รูปแบบเป็นปล้องแบบเม็ดข้าวสารหรือเม็ดทราย และแบบสานเป็นตะกร้อ ขั้นตอนต่อไปคือ การทำลวดลาย โดยใช้เครื่องมือตอกและอัดลายมาจากเครื่องรีดเงิน ลวดลายที่ประดิษฐ์มี 4 รูปแบบ ได้แก่ ลายเลียนแบบธรรมชาติ ลายเรขาคณิต ลายขัดสาน และลายเส้นเงินขด (หน้า 40,41,47,62) เครื่องเงินของกะเหรี่ยงบ้านพระบาทห้วยต้ม ทำเป็นเครื่องประดับ ได้แก่ สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล ต่างหูหรือดุมหู แหวน ห่วงคอ และจี้ประดับสร้อยคอ โดยกำไล ต่างหู แหวน และห่วงคอ ที่พบไม่มีการผลิตเพื่อจำหน่าย (หน้า 53-55) เครื่องจักสาน ไม้ไผ่เป็นวัสดุหลักที่ใช้ในการจักสาน ประเภทของเครื่องจักสานที่พบ ได้แก่ เครื่องมือที่ใช้ในงานเกษตรกรรม เช่น กือเคย์ (ตะกร้าสำหรับใส่ข้าวเปลือก) โจ๊กือ (หมวกกันฝนกันแดดขนาดใหญ่) เครื่องมือล่าสัตว์ เช่น เบอ (ไซดักปลา) ของใช้ภายในบ้าน เช่น โปละวี (ที่ใส่เสื้อผ้า) อิซะข่าย์ (ที่ใส่เกลือ) ของใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น ตาแหลว (เครื่องรางกันผี) ผ๊า (ที่ใส่เครื่องมือสักยันต์) ของเล่นสำหรับเด็ก เช่น กลอ (วัว) ตีโล (ตะกร้อสำหรับเด็ก) และเครื่องประดับ เช่น ต๊าพอเดอ (ปิ่นปักผม) จือปะสิ (แหวนที่ถักจากหวายหรือตอก) (หน้า179-185) การทอผ้า ลักษณะเครื่องทอของกะเหรี่ยง จะขึงด้ายกับไม้คาน 2 อันในแนวนอน คานด้านหนึ่งผูกติดกับหลัก ส่วนคานอีกด้านหนึ่งผู้ทอจะใช้สายหนังคล้องหัวท้ายติดกับเอวของตน เรียกเครื่องทอแบบนี้ว่า Back - Strap ด้ายที่อยู่กับเครื่องทอคือ ด้ายยืน สอดด้ายขวางและใช้ไม้กระทบให้แน่น ส่วนลวดลายนั้นใช้เทคนิค ขิด จก การร้อยลูกเดือย ฯลฯ ผ้าที่ทอเสร็จจะนำมาตัดเย็บเป็น เสื้อ ผ้าซิ่น โสร่ง ชุดยาวทรงกระสอบ ผ้าห่ม ย่าม กางเกง ผ้าโพกหัว (ภาคผนวก หน้า19-44) การผลิตศิลาแลง กะเหรี่ยงบ้านพระบาทห้วยต้ม ได้ความรู้การผลิตศิลาแลงจากวัดพระบาทตากผ้า อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน และมีพ่อค้ามารับซื้อศิลาแลงถึงในหมู่บ้าน บ้านพระบาทห้วยต้มมีลานศิลาแลงเป็นบริเวณกว้าง และลึกจากผิวดินไม่มากนัก เมื่อพบแหล่งศิลาแลงจะขุดดินออกจนถึงชั้นศิลาแลง แล้วถากปรับระดับผิวหน้าศิลาแลงให้อยู่ในระดับเดียวกัน ใช้ไม้แบบวัดขนาดตามมาตรฐาน แล้วจึงเซาะร่องและตัดศิลาแลงออกมา เมื่อตัดศิลาแลงออกมาใหม่ ศิลาแลงยังอ่อนตัวอยู่ เมื่อตัดออกมาแล้วจึงต้องรีบตบแต่งผิว แล้วจึงนำศิลาแลงที่ผลิตได้มาจัดเป็นกองไว้เตรียมขนย้าย (ภาคผนวก หน้า 77-78) การตีมีด การตีมีดเป็นอาชีพใหม่ที่ได้รับการส่งเสริมจากศูนย์พัฒนาชาวเขา ขั้นตอนการผลิต เริ่มจากนำเหล็กแหนมรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า นำไปฝนให้มีปลายโค้งแหลม นำไปเผาในเตาไฟจนแดง แล้วนำไปวางบนแท่นสำหรับตีเหล็ก ตีให้ได้รูปทรงตามต้องการขณะเหล็กยังร้อน แล้วทำด้ามจับโดยใช้ปลายของด้ามมีดตอกเข้าไปบนเหล็กงอ (หน้า 82) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
เอกลักษณ์ทางชาติพันธุ์ที่เด่นชัดของกะเหรี่ยง คือ ภาษา ในแต่ละกลุ่มของกะเหรี่ยงก็ยังใช้ภาษาที่แตกต่างกันออกไป การผลิตเครื่องจักสานเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันของกะเหรี่ยงก็มีรูปแบบการสาน และลักษณะรูปทรงของเครื่องจักสานซึ่งมีหลากหลายและมีเอกลักษณ์เฉพาะเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ประเภท การทอผ้าก็เป็นสิ่งหนึ่งที่บอกความเป็นชาติพันธุ์กะเหรี่ยง โดยมีเครื่องทอผ้าและลักษณะการทอผ้าที่มีรูปแบบเฉพาะและนำผ้าที่ได้จากการทอมาตัดเย็บเครื่องแต่งกายที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ (หน้า 8,179) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ตามปกติกะเหรี่ยงจะนับถือผี แต่กะเหรี่ยงบ้านพระบาทห้วยต้มได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธและปฏิบัติอย่างเคร่งครัดด้วยการสวดมนตร์ทุกวันและไม่บริโภคเนื้อสัตว์ ส่วนพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับผีนั้นได้ถูกยกเลิกไปเกือบหมด และมีการนับถือพุทธศาสนาไม่แตกต่างไปจากคนพื้นราบ และการที่ศูนย์พัฒนาชาวเขาได้เข้ามาส่งเสริมทางด้านอาชีพ ทำให้มีการผลิตงานหัตถกรรมเพื่อขาย และพัฒนารูปแบบสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น (หน้า 8-9,40) |
|
Map/Illustration |
แผนที่จังหวัดลำพูน (หน้า 18) แผนภูมิแสดงเชื้อสายชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ในประเทศไทย (หน้า 18) ตารางแสดงจำนวนจากการจำแนกตามเทคนิคการขึ้นรูป (หน้า 55-56) ตารางแสดงจำนวนจากการจำแนกตามเทคนิคการขึ้นลวดลาย (หน้า 56) ตารางแสดงจำนวนลวดลายที่พบบนเครื่องประดับ (หน้า 61) ตารางแสดงจำนวนจากการจำแนกตามเทคนิคการขึ้นรูป (หน้า 74) ตารางจำแนกประเภทตามเทคนิคการทำลวดลาย (หน้า 75) ตารางแสดงจำนวนลวดลายที่พบบนเครื่องประดับเงิน (หน้า 77) |
|
|