สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ลาหู่,การมีส่วนร่วม,การพัฒนา,เชียงราย
Author ศุภชัย สถีรศิลปิน
Title รายงานวิจัยเชิงปฏิบัติการ การมีส่วนร่วมของประชาชนกับการพัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาเผ่ามูเซอ ฉบับที่ 1 ประจำปี 2527
Document Type รายงานการวิจัย Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ลาหู่ ลาหู่ ละหู่ ลาฮู, Language and Linguistic Affiliations จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 35 Year 2527
Source สถาบันวิจัยชาวเขา กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย
Abstract

รายงานวิจัยเชิงปฏิบัติการชิ้นนี้ เพื่อทดสอบวิธีการต่างๆ ที่มีผลส่งเสริมการมีส่วนร่วมของมูเซอว่าได้ผลมากน้อยเพียงใด และค้นคว้าทดลองวิธีการหรือกิจกรรมที่เหมาะสมในการส่งเสริมความคิดริเริ่ม การพึ่งตนเองและชุมชน เพื่อนำประสบการณ์และข้อค้นพบไปใช้ประโยชน์เพื่อทำข้อเสนอแนะวิธีการหรือกิจกรรมที่เป็นกลวิธีหรือมาตรการอันเหมาะสมแก่การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชาวเขาที่มีสภาพคล้ายคลึงกัน กลุ่มชาติพันธุ์ในรายงานการศึกษาวิจัยชิ้นนี้คือชาวเขาเผ่ามูเซอ "เฌเร" หมู่บ้านห้วยน้ำริน ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย โดยรายงานชิ้นนี้เป็นระยะเริ่มแรกของการปฏิบัติงานตามโครงการวิจัย ที่กล่าวถึงสภาพทั่วไปของหมู่บ้านวิจัย สถานที่ตั้งและโครงสร้างประชากรโดยย่อ ประวัติความเป็นมาของมูเซอในหมู่บ้าน ประวัติการอพยพและความสำคัญของผู้นำการอพยพแต่ละช่วงปี ลำดับขั้นของการพัฒนาหมู่บ้านที่ทำให้มูเซอมีโอกาสติดต่อสัมผัสรูปแบบต่างๆ ของการพัฒนาที่นำเข้ามาในหมู่บ้านนับตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา และสุดท้ายได้กล่าวถึงระบบสังคมของมูเซอที่ประกอบด้วยผู้นำที่ส่งผลให้เกิดความร่วมมือในหมู่บ้าน (หน้าคำนำ,1)

Focus

ทดสอบวิธีการต่างๆ ที่มีผลส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนว่าได้ผลมากน้อยเพียงใด และค้นคว้าทดลองวิธีการหรือกิจกรรมที่เหมาะสมในการส่งเสริมความคิดริเริ่ม การพึ่งตนเองและชุมชน เพื่อนำประสบการณ์และข้อค้นพบไปใช้ประโยชน์เพื่อทำข้อเสนอแนะวิธีการหรือกิจกรรมที่เป็นกลวิธีหรือมาตรการอันเหมาะสมแก่การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชาวเขาที่มีสภาพคล้ายคลึงกัน (หน้า 1)

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

ชาวเขาเผ่ามูเซอ "เฌเร" หมู่บ้านห้วยน้ำริน ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย โดยมูเซอหมู่บ้านนี้มีชื่อเรียกตัวเอง 2 ชื่อ คือ "ล่าหู่นะ" หรือ "ล่าหู่เฌเร" (หน้าคำนำ, 1, 7)

Language and Linguistic Affiliations

ไม่มีข้อมูล

Study Period (Data Collection)

ไม่ระบุ

History of the Group and Community

มูเซอเรียกตนเองว่า "ล่าหู่" หรือ "ลาฮู" เป็นชาวเขากลุ่มหนึ่งที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยมีประวัติอพยพมาจากประเทศธิเบต ผ่านลงมาทางจีนตอนใต้ในอีก 2,000-3,000 ปีต่อมา อพยพเรื่อยมาถึงมณฑลยูนนานบริเวณลุ่มแม่น้ำโขงกับแม่น้ำสาละวิน มูเซออาศัยอยู่ทั้งในพม่า ลาว ภาคเหนือของประเทศไทย เฉพาะในไทยมูเซอเข้ามาตั้งรกรากเป็นเวลา 100 กว่าปีแล้ว มูเซอมีกลุ่มย่อยอีก 23 กลุ่มย่อย แต่ในไทยมีเพียง 7 กลุ่มย่อย คือ มูเซอดำ มูเซอแดง มูเซอ "เฌเร" มูเซอกุเลา มูเซอล่าบ้า มูเซอบาเกียว และมูเซอบาหลา ขณะที่นักวิชาการบางคนเชื่อว่ามีมูเซออีก 3 กลุ่มที่อพยพเข้ามาเพิ่มคือ มูเซอไกสี มูเซอล่าเลาะ และมูเซอปู่โหล ชนเผ่านี้ตั้งบ้านเรือนกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปทางภาคเหนือของไทย หนาแน่นบริเวณเทือกเขาต้นน้ำปิง จ. เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย มีมูเซออยู่บ้างใน จ.แม่ฮ่องสอน ตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์ และลำพูน (หน้า 2) มูเซอหมู่บ้านห้วยน้ำรินอพยพมาจากทางตอนใต้ของจีนจากดินแดนสิบสองปันนา อพยพลงทางใต้ผ่านประเทศพม่าเรื่อยมาจนถึงประเทศไทยทางด้าน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ในช่วงปี พ.ศ.2465 ตั้งหมู่บ้านอยู่ระยะหนึ่งแล้วจึงอพยพต่อไปยังบริเวณดอยช้าง จ.เชียงราย หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2475 มูเซอกลุ่มนี้ก็อพยพออกจากดอยช้างไปอยู่ที่อื่น โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกอพยพไปอยู่หมู่บ้านมอแอะหรือดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ กลุ่มที่สองอพยพไปอยู่บ้านระแหงในเขต จ.ตาก ประมาณปี พ.ศ. 2485 มูเซอบ้านระแหงก็อพยพไปอยู่หมู่บ้านแม่สอยลา ต.แจ้ซ้อน อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ส่วนอีกกลุ่มก็ย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านแม่สอยลา จ.ลำปาง ประมาณปี พ.ศ.2495 มูเซอบ้านระแหงก็อพยพจากลำปางไปตั้งหมู่บ้านบริเวณต้นน้ำแม่โถ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ทำมาหากินได้ระยะหนึ่งก็แตกหมู่บ้านอีกประมาณปี พ.ศ.2502 มูเซอส่วนหนึ่งอพยพกลับไปที่อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ อีกส่วนหนึ่งอพยพไปอยู่ที่อ.พราว จ.เชียงใหม่ และส่วนที่เหลือนำโดยนายจะกอก็อพยพมาตั้งหมู่บ้านใหม่ตามลำน้ำแม่โถไม่ไกลจากหมู่บ้านเดิมมากนัก และกลุ่มของนายจะกอก็ย้ายหมู่บ้านอีก 2 ครั้งในบริเวณเดียวกัน จนครั้งหลังสุดมาตั้งหมู่บ้านบริเวณ "ดอยมด" และต่อมามีมูเซอจากอ.อมก๋อย และอ.พราว อพยพกลับมาอยู่เพิ่มเติมรวมเป็นหมู่บ้านใหญ่ ประมาณปี พ.ศ.2518 ก็เกิดข้อขัดแย้งระหว่างมูเซอในหมู่บ้านด้วยกันเองและชาวไทยเหนือที่ตั้งหมู่บ้านอยู่ใกล้เคียง ทำให้ต้องอพยพกันต่อไปอีก โดยครั้งนี้มูเซอแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 อพยพไปอยู่ที่บ้านห้วยโป่ง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย กลุ่มที่ 2 นำโดยนายจะกออพยพไปอยู่ที่บ้านห้วยม่วง ใน จ.เชียงราย กลุ่มที่ 3 นำโดยนายจะเต๊าะ อพยพลงมาทางทิศตะวันตกไม่ไกลจากหมู่บ้านเดิมมากนัก และตั้งชื่อหมู่บ้านว่าบ้านแม่เมืองน้อย ปี พ.ศ.2521 หมู่บ้านแม่เมืองน้อยต้องแตกออกเป็น 2 หมู่บ้านอีกครั้งเพราะการทะเลาะของผู้นำหมู่บ้าน และในปี พ.ศ.2524 มูเซอบ้านห้วยม่วงก็ขัดแย้งกันจนต้องแตกหมู่บ้าน โดยนายจะกอพร้อมญาติพี่น้อง 33 ครัวเรือนแยกตัวออกไปตั้งหมู่บ้านในพื้นที่แห่งใหม่ คือหมู่บ้านแสนเจริญห่างจากหมู่บ้านเดิมประมาณ 1 กิโลเมตร หลังจากนั้นการอพยพย้ายถิ่นของมูเซอก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพราะมูเซอเป็นกลุ่มที่มีนิสัยชอบการอพยพโยกย้ายหมู่บ้าน โดยปัญหาที่เผชิญส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่ดินทำกินที่มีไม่เพียงพอและไม่เหมาะสมกับการเพาะปลูกและปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างผู้นำในหมู่บ้าน (หน้า 10 - 15)

Settlement Pattern

การตั้งถิ่นฐานของชาวบ้านห้วยน้ำริน จะสร้างบ้านห่างกันไม่มาก โดยแต่ละบ้านจะมียุ้งข้าวและคอกไก่ประจำบ้าน บางบ้านก็มีกองฟืนไว้ใช้เป็นเชื้อเพลิง รวมไปถึงครกกระเดื่องตำข้าว นอกจากนี้หมู่บ้านยังมีลานเต้นรำประจำหมู่บ้านอยู่บริเวณกลางบ้านเพื่อเป็นจุดนัดพบอีกด้วย (ดูแผนผังบ้านห้วยน้ำรินประกอบได้ที่หน้า 5) โดยชาวบ้านห้วยน้ำรินเห็นว่าหมู่บ้านของตัวเองสะดวกในหลายๆ ด้าน มีถนนเข้าถึงหมู่บ้าน สามารถเดินทางเข้าเมืองได้รวดเร็ว โรงเรียนอยู่ใกล้หมู่บ้านและมีเจ้าหน้าที่พัฒนาเข้ามาช่วยเหลือในทุกๆด้าน เป็นต้น (หน้า 16)

Demography

ประชากรมูเซอสำรวจโดยสถาบันวิจัยชาวเขาในปี พ.ศ.2528 มีจำนวน 272 หมู่บ้าน 6,820 ครัวเรือน มีประชากรรวม 38,558 คน คิดเป็นร้อยละ 8.44 ของจำนวนประชากรชาวเขาทั้งหมด (หน้า 2-3) หมู่บ้านห้วยน้ำรินมีประชากรรวม 188 คน ชาย 95 คน หญิง 93 คน สมาชิกอาศัยอยู่ร่วมกัน 37 ครัวเรือน 41 ครอบครัว จำนวนสมาชิกในครัวเรือนเฉลี่ย 5.1 คน จำนวนสมาชิกในครอบครัวเฉลี่ย 4.6 คน ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมาประชากรเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ประชากรส่วนใหญ่มีอายุน้อย ผู้ที่มีอายุ 0-14 ปี มีร้อยละ 44.2 ประชากรวัยแรงงาน (อายุ 15-59 ปี) มีจำนวนร้อยละ 52.2 ส่วนประชากรสูงอายุ 60 ปีขึ้นไปมีร้อยละ 3.6 (หน้า 8-10)

Economy

มูเซอทำไร่แบบเลื่อนลอย (ไร่หมุนเวียน) เสริมด้วยการขายฝิ่น เลี้ยงสัตว์ ล่าสัตว์ หาของป่า (หน้า 4)

Social Organization

ลักษณะโครงสร้างทางสังคมของมูเซอประกอบด้วย 2 หน่วย คือครอบครัวและหมู่บ้าน ครอบครัวยึดถือผัวเดียวเมียเดียวอย่างเคร่งครัด หากครอบครัวมีขนาดเล็กหรือมีสมาชิกน้อยเกินไป ทำให้ประสบปัญหาเศรษฐกิจหรือไม่สามารถประกอบพิธีกรรมได้ตามลำพังก็อาจจะไปอยู่ร่วมกับครอบครัวอื่นๆ ที่เป็นญาติเพื่อมีส่วนร่วมกิจกรรมทางประเพณี ส่วนในระดับหมู่บ้านจะผูกพันกันอย่างหลวมๆ แต่ละครัวเรือนมีอิสระจะแยกตัวเองออกไปจากหมู่บ้านได้ทุกเวลา บางครั้งทำให้หมู่บ้านขนาดใหญ่แตกกระจัดกระจายเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ได้ง่าย สมาชิกในหมู่บ้านจะทำอะไรต้องปรึกษาหัวหน้าหมู่บ้านอยู่เสมอ สังคมมูเซอนับถือญาติทางฝ่ายแม่ เพราะเด็กๆ เมื่อเกิดมาต้องอาศัยอยู่กับครอบครัวฝ่ายแม่กระทั่งแต่งงาน หากเป็นผู้ชายต้องออกจากบ้านไปอยู่กับภรรยา หากเป็นหญิงก็นำสามีเข้ามาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านของตน (หน้า 3-4) ความสัมพันธ์ของมูเซอเป็นไปแบบระบบเครือญาติ แม้ว่าจะเป็นญาติใกล้ชิดที่ไม่ได้เกิดร่วมบิดามารดาก็นับถือเป็นญาติกันทั้งสิ้น ทำให้ทั้งหมู่บ้านผูกพันกันจนเป็นญาติพี่น้องกันทั้งหมด ลักษณะเช่นนี้ทำให้เกิดการพึ่งพาช่วยเหลือกันเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องการแลกเปลี่ยนแรงงาน การประกอบพิธีกรรม การรักษาพยาบาล (หน้า 22-23)

Political Organization

การจัดระเบียบการปกครองของหมู่บ้านมูเซอจะมีหัวหน้าหมู่บ้าน ผู้นำทางศาสนา หมอผี ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มผู้นำชุมชนของหมู่บ้าน (หน้า 4) ผู้นำมูเซอมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ของมูเซอในหมู่บ้านสูงมาก เป็นผู้พิจารณากำหนดก่อตั้งหมู่บ้าน ปกครองสมาชิกในหมู่บ้านให้อยู่ในกรอบประเพณีและมีส่วนร่วมพิจารณาตัดสินคดีความ เป็นที่ปรึกษาให้แก่ลูกบ้าน (หน้า 15-16 และดูบทบาทและหน้าที่ของผู้นำชุมชนเป็นรายบุคคลได้ที่หน้า 24- 5)

Belief System

มูเซอนับถือทั้งเทพเจ้าและผีสาง เทวดา เทพเจ้าที่มูเซอเคารพมีชื่อว่า "กื่อซา" (หน้า 4)

Education and Socialization

ปี พ.ศ. 2521 เมื่อเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านห้วยน้ำริน มีการส่งเสริมการศึกษาของชาวเขา สร้างโรงเรียนชั่วคราว 1 หลัง มีครูช่วยสอนจากศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จ.เชียงราย ทำหน้าที่สอนหนังสือไทยให้กับนักเรียนมูเซอ ต่อมาโรงเรียนล้มเลิกไปเพราะเด็กนักเรียนมูเซอหันไปเรียนในโรงเรียนสังกัดสำนักงานการประถมศึกษาแห่งชาติเชียงรายที่สร้างขึ้นในหมู่บ้านแม่เมืองน้อยที่ไม่ห่างไกลกันนัก (หน้า 19)

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

มูเซอดำจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าชุดดำทั้งชายและหญิง (หน้า 7)

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ในหมู่บ้านห้วยน้ำริน การช่วยเหลือกันด้านแรงงานในงานส่งเสริมที่นำเข้ามาในหมู่บ้านเป็นไปในแบบต่างคนต่างทำ แบ่งพรรคแบ่งพวกออกเป็นกลุ่มๆ ไม่ขึ้นต่อกัน แม้แต่ในกลุ่มก็แยกกันทำงานต่างหากออกไป (หน้า 23)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ลำดับการพัฒนาหมู่บ้านห้วยน้ำริน 1.การดำเนินงานพัฒนาหมู่บ้าน ปี พ.ศ.2517 ศูนย์พัฒนาสงเคราะห์ชาวเขา จ.เชียงราย ส่งเจ้าหน้าที่ชุดสำรวจขึ้นไปปฏิบัติงานในหมู่บ้านมูเซอเมื่อครั้งที่ยังตั้งหมู่บ้านอยู่ที่ดอยมด โดยมีการสำรวจข้อมูลประชากรชาวเขา แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น รักษาโรคภัยไข้เจ็บ จ่ายยารักษาโรค สร้างความสัมพันธ์เบื้องต้น รวมไปถึงพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งหมู่บ้านโครงการพัฒนา ปี พ.ศ.2518 หมู่บ้านมูเซอแห่งนี้และบริวารจึงเป็นเขตการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หน่วยพัฒนาเคลื่อนที่และสงเคราะห์ชาวเขาโดยมีหมู่บ้านห้วยโต้งเป็นหมู่บ้านหลัก มีการสร้างโรงเรียนเพื่อสอนหนังสือให้เด็กมูเซอ ปี พ.ศ.2520 เริ่มมีเจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติงานในหมู่บ้านมูเซออย่างต่อเนื่อง มีหมู่บ้านห้วยม่วงเป็นหมู่บ้านหลัก โดยเจ้าหน้าที่จะเน้นเรื่องการเกษตร การพัฒนาสังคม อนามัยชุมชน งานด้านการศึกษา ปี พ.ศ.2521 เมื่อก่อตั้งหมู่บ้านห้วยน้ำรินแล้ว เจ้าหน้าที่หน่วยพัฒนาและสงเคราะห์ได้เข้าไปช่วยเหลือแนะนำส่งเสริมงานพัฒนาด้านต่างๆ ให้มูเซอ เช่น การปลูกพืชเศรษฐกิจ การศึกษา การสาธารณสุข ปี พ.ศ.2525 ภาควิชาส่งเสริมและเผยแพร่การเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับสถาบันวิจัยชาวเขาเชียงใหม่ ภายใต้การสนับสนุนของโครงการหลวงและกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา ทำโครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการยุทธวิธีส่งเสริมการเกษตรบนที่สูง เพื่อหาวิธีถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับชาวเขา โดยระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 ปี (พ.ศ.2525-2528) โดยผลการดำเนินโครงการนำความเจริญมาสู่หมู่บ้านห้วยน้ำรินอย่างมาก เช่น การปรับปรุงพื้นที่ทำกินให้เป็นแบบขั้นบันได การส่งเสริมปลูกพืชไม้ผลยืนต้นและไม้ผลเมืองหนาว 2.ลักษณะผู้นำกับความร่วมมือของชุมชน ผู้นำของมูเซอหมู่บ้านห้วยแม่รินในแต่ละยุคจะได้รับการนับถือจากคนในชุมชนแตกต่างกัน ผู้นำของหมู่บ้านมีหน้าที่ปกครองหมู่บ้าน เป็นผู้นำในการทำพิธีกรรมด้านต่างๆ การจะได้รับการยอมรับและความร่วมมือจากคนในชุมชนหรือไม่นั้น ย่อมขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัยส่วนตัว ฐานะทางสังคม ความขยันในการประกอบอาชีพ ซึ่งผู้นำแต่ละคนจะมีแตกต่างกัน โดยที่คนในชุมชนจะเป็นผู้กำหนดบรรทัดฐานถึงผู้นำชุมชนที่ตัวเองต้องการ (หน้า 18-35)

Map/Illustration

งานวิจัยชิ้นนี้มีตารางและรูปภาพประกอบเพื่อนำเสนอข้อมูลค่าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น

Text Analyst สิทธิพร จรดล Date of Report 08 ต.ค. 2555
TAG ลาหู่, การมีส่วนร่วม, การพัฒนา, เชียงราย, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง