|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ไทยมุสลิม,วัฒนธรรม,การบริโภค,สตูล |
Author |
ปราณี จันทศรี |
Title |
วัฒนธรรมการบริโภคอาหารของชาวไทยมุสลิม อำเภอเมือง จังหวัดสตูล |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเนเชี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
190 |
Year |
2547 |
Source |
หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตร์มหาบันฑิต สาขาวิชาไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณ |
Abstract |
ผู้วิจัยได้ศึกษาวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของไทยมุสลิม อำเภอเมือง จังหวัดสตูล ทั้งในโอกาสปกติและโอกาสพิเศษ ในโอกาสปกติ ได้จำแนกตามวัย ในวัยทารก เน้นอาหารที่มีลักษณะเหลวละเอียด บริโภคง่าย การบริโภคอาหารในวัยเด็กและ วัยรุ่น เน้นการเลือกบริโภคตามที่ตนต้องการโดยออกไปบริโภคนอกบ้าน นิยมบริโภคอาหารจานเดียว การบริโภคอาหารในวัยผู้ใหญ่ ในวัยนี้ต้องการอาหารที่มีประโยชน์และให้คุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะต้องทำงานหนัก และในวัยชรา ลักษณะอาหารต้องเป็นอาหารอ่อน สะดวกในการบริโภค ย่อยง่ายและช่วยในการขับถ่าย
วัฒนธรรมการบริโภคในโอกาสพิเศษ จำแนกตามโอกาส ดังนี้ ในโอกาสเจ็บป่วย ต้องเป็นอาหารอ่อน รสชาติจืด ในโอกาสต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยือน จะเหมือนกับการบริโภคอาหารในโอกาสปกติ เพียงแต่เพิ่มปริมาณ และอาจทำอาหารเป็นพิเศษ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฐานะ และความสำคัญของผู้มาเยือน การบริโภคอาหารในโอกาสประเพณีต่าง ๆ ต้องไม่เป็นอาหารต้องห้ามทางศาสนา ต้องเป็นอาหารที่สะอาด บริโภคหลังจากที่ทำพิธีเสร็จแล้ว และการบริโภคอาหารในโอกาสฉลองความสำเร็จหรือประสบโชค เป็นอาหารที่แตกต่างจากโอกาสปกติ ต้องปรุงด้วยเนื้อวัว และเนื้อแพะ ปรุงขึ้นใหม่บริโภคมื้อเดียวหลังจากเสร็จพิธีทางศาสนา (หน้า 243) |
|
Focus |
ศึกษาวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของไทยมุสลิมอำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล ทั้งในโอกาสปกติโดยจำแนกตามวัย ได้แก่ วัยทารก วัยเด็กและวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ และวัยชรา และในโอกาสพิเศษ ได้แก่ เจ็บป่วย ต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยือน ในประเพณีต่าง ๆ และในโอกาสฉลองความสำเร็จหรือประสบโชค (หน้า 6,7) |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ประชากรในอำเภอเมืองสตูลส่วนใหญ่ใช้ภาษาไทยถิ่นใต้ในชีวิตประจำวัน และยังใช้ภาษามลายูอยู่ในบางตำบล (หน้า 43) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
เมืองสตูลเดิมเคยเป็นอำเภอหนึ่งของเมืองไทรบุรีหรือเคดาร์ (Kedah) เรียกว่า "มูเก็มสะโตย" (Mukim Setoi) มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยที่เมืองไทรบุรีเป็นของไทยยุคกรุงศรีอยุธยาผ่านมาจนถึงสมัยพระเจ้าตากสิน คนไทยในดินแดนนี้พูดภาษามลายูเป็นภาษาถิ่น นามเรียกขานของสถานที่ต่าง ๆ ในแถบทะเลอันดามัน จึงเป็นภาษามลายูแทบทั้งสิ้น คำว่า "สตูล" เพี้ยนมาจากภาษามลายูว่า "สะโตย" หมายถึง ต้นสะท้อน อาจเป็นเพราะว่าในตำบลหรือบ้านนี้มีต้นกระท้อนงอกงามโดยทั่วไป ชาวมลายูในประเทศเพื่อนบ้าน ยังเรียกสตูลว่า "สะโตย" หรือ "มูเก็มสะโตย" และเมื่อได้รับการยกฐานะเป็นเมืองในภายหลัง เรียกว่า "นัครีสะโตย" ต่อมาหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ.2475 เมืองนัครีสะโตยก็เปลี่ยนเป็นเมืองสตูลและเป็นอำเภอเมืองสตูลตลอดมา (หน้า 39) |
|
Demography |
จังหวัดสตูลมีไทยมุสลิมอาศัยอยู่ประมาณร้อยละ 80 ของประชากรทั้งหมด (หน้า 4) |
|
Economy |
ผู้วิจัยได้สรุปเกี่ยวกับการผลิตว่า ประชากรในอำเภอเมือง จังหวัดสตูล ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนยางพารา ทำสวนปาล์มน้ำมัน สวนผลไม้ ทำนา ปลูกพืชผัก ทำป่าไม้ ค้าขาย และการประมง (หน้า 5,43)
และได้นำเสนอรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับการบริโภคดังนี้
วัฒนธรรมการบริโภคอาหารในวัยทารก (หน้า 46-55) จะเป็นอาหารเหลวละเอียด ปรุงจนสุก ได้แก่ อาหารประเภทต้ม เป็นน้ำข้าว น้ำนมถั่วเหลือง ข้าวต้ม นมผง อาหารประเภทบด เป็นข้าวบดกับผัก ไข่และเนื้อสัตว์ต่าง ๆ กล้วยน้ำว้าสุกบด ขนมกวน นมมารดา และผลไม้ การประกอบอาหารต้องคำนึงถึงความสะอาด เวลาในการบริโภค คือ เช้า กลางวัน เย็น อาหารที่บริโภคนั้นจะเป็นอาหารเสริมหลังจากทานนมแม่แล้ว ลักษณะการบริโภคอาหาร โดยการอุ้มให้นมแม่ ถ้าเลี้ยงโดยนมผงจะอุ้มใส่ตัก หรือให้นอนในที่นอนหรือในเปล
วัฒนธรรมการบริโภคอาหารในวัยเด็กและวัยรุ่น (หน้า 56-80)
การบริโภคอาหารของเด็กและวัยรุ่น ผู้ปกครองจะไม่ค่อยพิถีพิถันมากนัก เพราะวัยเด็กและวัยรุ่นมีความรับผิดชอบในการเลือกบริโภคอาหารที่ตนต้องการ ส่วนใหญ่นิยมออกไปบริโภคนอกบ้าน ส่วนเด็กที่ไปโรงเรียนจะทานมื้อเช้าและเย็นที่บ้าน ทานมื้อเที่ยงที่โรงเรียน นอกจากนั้นก็จะเป็นอาหารระหว่างมื้อ ถ้าไม่ได้เรียนหนังสือ จะออกทะเลหาปลา จะบริโภคตอนสาย บริโภคอีกครั้งตอน 14.00-15.00 น. ส่วนมื้อเย็นจะบริโภคอาหารพร้อมกันกับสมาชิกในครอบครัว อาหารคาวที่ทานมีทั้งต้ม ผัด ยำ แกง (อาหารประเภทแกงจะเป็นอาหารมุสลิมเป็นชื่อเป็นภาษามลายู ) อาหารประเภทเครื่องจิ้ม ทอด ย่าง อาหารจานเดียว อาหารหวานเป็นประเภทเชื่อม บวด ทอด ต้ม ฉาบ เครื่องดื่มเย็น เป็นน้ำแข็งหวาน ชาดำเย็น น้ำอัดลม และผลไม้ตามฤดูกาล
วัฒนธรรมการบริโภคอาหารในวัยผู้ใหญ่ (หน้า 80-105)
ในช่วงอายุ 20-60 ปี ในวัยนี้ต้องใช้แรงงานในการทำงาน ด้วยอาชีพที่ต้องออกทะเล ทำให้ต้องรีบเร่ง การบริโภคเพียงเพื่อให้มีแรงประกอบอาชีพ และบริโภคไม่เป็นเวลา อาหารที่บริโภคเป็นประเภทเดียวกับเด็กและวัยรุ่น แต่จะมีอาหารพื้นบ้านและอาหารมลายูเพิ่มขึ้น โดยเป็นอาหารที่อิ่มนานและมีรสจัด มีอาหารหวานประเภทนึ่ง เช่น ขนมบูตู ทำจากแป้งข้าวเจ้า และเครื่องดื่มประเภทร้อน ได้แก่ โกปี้ (กาแฟร้อน) ชาร้อน
เวลาในการบริโภคขึ้นอยู่กับการประกอบอาชีพ บางคนบริโภคครบ 3 มื้อ บางคนบริโภคเพียงมื้อเที่ยงและมื้อเย็น หรือมื้อค่ำ
วัฒนธรรมการบริโภคอาหารในวัยชรา (หน้า 105-113)
วัยชรา อายุ 60 ปีขึ้นไป มีทั้งที่ยังช่วยเหลือตนเองได้ และบางคนต้องได้รับการดูแลจากบุตรหลาน ชาวบ้านวัยชราส่วนใหญ่จะอยู่กับบ้าน ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ การบริโภคจึงเป็นแบบง่าย ๆ ไม่คำนึงถึงคุณค่าอาหารและรสชาติมากนัก บริโภคอาหารประเภทต้ม ยำ แกง โดยเน้นอาหารรสไม่จัด เปื่อย และนุ่ม เน้นบริโภคเนื้อปลามากกว่าเนื้อสัตว์อื่น ๆ บริโภคอาหารหวานประเภทแกงบวด เชื่อม ต้ม ทอด ผัก ผลไม้ และเครื่องดื่ม บริโภคครบ 3 มื้อ
วัฒนธรรมการบริโภคอาหารในโอกาสเจ็บป่วย (หน้า 114-125)
อาหารที่ทำให้ผู้ป่วยบริโภคเป็นอาหารรสไม่เผ็ด บริโภคง่าย บริโภคอาหารต้มที่เป็นอาหารทะเล และผัก มีอาหารประเภทยำ แกง อาหารจานเดียว เครื่องจิ้ม อาหารทอด ย่าง อาหารหวานที่นิยมทำให้ผู้ป่วย เป็นถั่วเขียวต้ม เครื่องดื่มร้อน และผลไม้ตามฤดูกาล ผู้ป่วยต้องบริโภค 3 มื้อ ตรงเวลา เพราะต้องทานยา
วัฒนธรรมการบริโภคอาหารในโอกาสต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยียน (หน้า 126-134)
ไทยมุสลิมนิยมมาเยี่ยมเยียนเมื่อมีการเกิด การเจ็บ การตาย หรือในโอกาสที่มีเทศกาลต่าง ๆ ผู้มาเยี่ยมเยียนส่วนมากเป็นญาติที่ใกล้ชิดกัน แต่เจ้าของบ้านต้องต้อนรับอย่างดีด้วยอาหารต่าง ๆ เช่น ปลาหมึกต้มน้ำตาล ต้มพุงวัว ผัดปู ยำวุ้นเส้น แกงเขียวหวาน น้ำพริกมะม่วง ปลาทอด น้ำแข็งหวาน น้ำอัดลม และผลไม้ อาหารที่ใช้เลี้ยงอาจเป็นอาหารชนิดเดียวกับที่บริโภคในชีวิตประจำวัน แต่เพิ่มปริมาณให้มากขึ้นให้เพียงพอกับผู้มาเยี่ยมเยียน |
|
Social Organization |
การแต่งงานของไทยมุสลิม
ในการเลือกคู่ครองและการแต่งงานของไทยมุสลิมต้องเป็นไปตามศาสนบัญญัติ โดยมุสลิมจะต้องแต่งงานกับมุสลิมด้วยกันเท่านั้น แต่ในกรณีแต่งงานกับคนนอกศาสนาจะต้องให้นับถือศาสนาอิสลามเสียก่อน เพื่อเป็นการวางรากฐานการนับถือศาสนาอิสลามให้กับลูก (หน้า 136) |
|
Belief System |
ศาสนาอิสลาม (บทนำ)
ความเชื่อเกี่ยวกับการบริโภคอาหารของไทยมุสลิม อำเภอเมือง จังหวัดสตูล
วัยทารก (หน้า 56)
สิ่งที่เด็กควรรับประทาน ได้แก่ กล้วย น้ำส้มคั้น แป้งข้าวโพดกวน จะทำให้ขับถ่ายสะดวก นมแม่ที่จะให้ทานเป็นอาหารหลักจนถึง 4 เดือน จากนั้นจะให้ทานข้าวบด และผัก การป้อนอาหารต้องป้อนด้วยมือขวา และมีข้อห้ามต่าง ๆ เช่น ห้ามทานปลาจะทำให้เป็นพยาธิ ทานอาหารหวานก่อนอาหารคาวจะทำให้ปวดท้อง ห้ามป้อนอาหารด้วยมือซ้ายจะเกิดอัปมงคล บริโภคเนื้อสัตว์จะทำให้เกิดโรค บริโภคผลไม้ในตอนเช้าจะทำให้ปวดท้อง
วัยเด็กและวัยรุ่น (หน้า 78-80)
ห้ามบริโภคอาหารรสเผ็ดเกินไปจะทำให้ตาเสีย ทานอาหารที่มีรสเค็มช่วยไม่ให้เป็นโรคคอพอก อาหารหวานห้ามบริโภคก่อนอาหารคาวในตอนเช้าจะทำให้ปวดท้อง บริโภคผลไม้ก่อนอาหารเช้าจะทำให้ปวดท้อง เครื่องดื่มที่ผสมน้ำแข็ง เด็กทานแล้วฟันเสีย ผู้ใหญ่มักจะคอยเตือนให้เด็กและวัยรุ่นทานให้ตรงเวลาและครบทุกมื้อ และไม่ให้ใช้มือซ้ายตักอาหาร ถือเป็นสิ่งอัปมงคล
วัยผู้ใหญ่ (หน้า 104-105)
ไม่นำเนื้อสัตว์ที่ตายเอง นอกจากอาหารทะเลมาประกอบอาหารเพราะผิดหลักศาสนา อิสลาม ไม่นำเนื้อสัตว์ที่ศาสนบัญญัติห้ามบริโภคมาประกอบอาหารและอาหารต้องสะอาดด้วยการล้างน้ำผ่าน หญิงหลังคลอด ห้ามบริโภคขนุน แตงโม มะมุด จำปาดะ สับปะรด มะละกอสุก ลางสาด จะทำให้ไม่สบายถึงเสียชีวิต ห้ามบริโภคแตงกวา บวบ ฟักทอง ฟักเขียว ผักกาดดอง จะทำให้คางแข็ง อาหารสำหรับคนท้องต้องรสไม่จัด คนเป็นริดสีดวงทวาร และหญิงมดลูกอักเสบห้ามบริโภคหน่อไม้ มื้อเช้านิยมบริโภคเครื่องดื่มเพื่อไม่ให้ท้องว่าง ไม่บริโภคผลไม้มื้อเช้าก่อนอาหาร
วัยชรา (หน้า 112-113)
วัยชราที่เป็นโรคปวดตามข้อ ห้ามทานหน่อไม้ เนื้อไก่พันธุ์ ประกอบอาหารตามบัญญัติศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด
ผู้เจ็บป่วย (หน้า 124-125)
ไม่ทานอาหารที่แสลงกับโรค การบริโภคข้าวต้มจะทำให้อาการทุเลาและหายในที่สุด ห้ามบริโภคข้าวหมากจะทำให้วิงเวียนศีรษะ ห้ามบริโภคปลาที่มีเงี่ยง ห้ามบริโภคข้าวเหนียวและหอยจะทำให้เย็นในร่างกาย ห้ามบริโภคปลาดุก ปลากระเบน ทำให้อาการกำเริบ ห้ามบริโภคแกงที่มีส่วนผสมของหน่อไม้ ห้ามผู้ป่วยที่เป็นแผลบริโภคเนื้อไก่ ทำให้แผลหายช้า ให้ทานอาหารหวานช่วยบำรุงร่างกาย ยกเว้นข้าวเหนียว ขนุน ทุเรียน เงาะ ลางสาด มะมุด แตงโม แตงกวา บวบ ฟักเขียว ฟักทอง ทำให้เย็นในร่างกาย ทุเรียนทำให้ร้อนใน ให้ทานอาหารและน้ำที่ร้อนและอุ่น ต้องเตรียมอาหารแยกสำหรับผู้ป่วยและให้ผู้ป่วยบริโภคคนเดียว และใช้ช้อนกลางตักอาหาร
ผู้มาเยี่ยมเยือน (หน้า133-134)
เจ้าบ้านจะไม่นำอาหารที่ไม่ดีให้ผู้มาเยี่ยมเยือนบริโภค มีความเชื่อว่าเป็นการเสียศักดิ์ศรี เป็นสิ่งอัปมงคลต่อตนเองและครอบครัว อาหารทุกอย่างจะต้องใหม่ไม่ผ่านการบริโภคมาก่อน เจ้าบ้านจะชวนให้ผู้มาเยี่ยมเยือนบริโภคอาหารก่อนเสมอ อย่างน้อย 1 มื้อ
ก่อนกลับ
ในโอกาสประเพณีต่าง ๆ (หน้า 165-171)
อาหารต้องทำให้ถูกต้องตามบัญญัติศาสนา เจ้าภาพต้องนำสัตว์มาเชือดเอง ผู้เชือดและผู้ปรุงต้องเป็นมุสลิมเท่านั้น ไม่นิยมอาหารจากการถนอมอาหาร เชื่อว่าเป็นอาหารที่ไม่ดี เชื่อว่านำเนื้อแพะมาประกอบอาหารจะได้บุญมาก รองลงมาเป็นวัว ไม่นำปลามาประกอบอาหาร เพราะเป็นอาหารที่บริโภคในชีวิตประจำวัน อาหารที่นำไปทำบุญต้องแยกไว้ต่างหาก ไม่นำอาหารที่ผ่านการบริโภคไปทำบุญ อาหารที่ใช้ในพิธีจะไม่แจกให้แขกที่นับถือศาสนาอื่น ผู้หญิงและเด็กจะไม่บริโภคร่วมกับผู้ชาย ไม่ยืนหรือเดินบริโภคเพราะผิดหลักศาสนา
วัฒนธรรมการบริโภคอาหารในโอกาสประเพณีต่าง ๆ (หน้า 134-171)
วัฒนธรรมการบริโภคอาหารในโอกาสประเพณีต่าง ๆ ไทยมุสลิมอำเภอเมืองสตูล ยังยึดถือการสืบทอดวัฒนธรรมจากบรรพบุรุษถือปฏิบัติสืบต่อกันมาโดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับอาหารนั้นต้องขึ้นอยู่กับฐานะของแต่ละครอบครัว
-เมื่อเด็กแรกเกิด จะทำพิธีอะซาน (พูดกรอกที่หูข้างขวา) กอมัต (พูดกรอกที่หูข้างซ้าย) แล้วเคี้ยวอินทผลัมนำน้ำหวานจากอินทผลัมมาป้อนให้เด็ก เชือดไก่ 2 ตัว สำหรับประกอบอาหาร 1 ตัวและให้หมอทำคลอด 1 ตัว และรับประทานอาหารร่วมกัน
-พิธีโกนผมไฟ ตั้งชื่อ และพิธีเชือดสัตว์ (อะกีกะห์) ทำเมื่อเด็กอายุครบ 7 วัน สำหรับพิธีเชือดสัตว์ ทำเฉพาะบุคคลและผู้มีความสามารถเท่านั้น ทำบุญเพื่อหวังผลในโลกหน้า สัตว์ที่ใช้ อาจเป็น วัว ควาย แพะ แกะ ต้องมีอายุ 2 ปีขึ้นไป หรือต้องผลัดฟันก่อนและเป็นสัตว์ไม่พิการ ทำอาหารเลี้ยงผู้รู้ ญาติมิตร เพื่อนฝูง มีการสวดขอพร เพื่อระลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า
-ประเพณีแต่งงาน หลังจากประกอบพิธีแล้ว พ่อแม่ฝ่ายหญิงบอกกล่าวเชิญชวนญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงให้กินเหนียว ก่อนแขกจะกลับยังแจกข้าวเหนียวให้คนละห่อ
-ประเพณีงานศพ ต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 24 ชั่วโมง อาหารการกินจึงประกอบขึ้นอย่างง่าย ๆ หลังจากฝังศพเสร็จเรียบร้อยแล้ว
-พิธีเข้าสุนัต จัดให้กับบุตรชายที่มีอายุ 8-15 ปี มีการจัดเลี้ยงอาหารตามฐานะ มีข้าวสุก 1 หม้อ แกงและขนมหวานอย่างละ 1 หม้อ
-วันตรุษหรือวันฮารีรายอ เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยมุสลิม มีการเลี้ยงฉลองและประกอบกิจกรรม 7 วัน ละหมาดในตอนเช้า ไปเยี่ยมกุโบร์ (สุสาน) ไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ โดยนำอาหารคาว หวานไปเลี้ยงด้วย มีการเชือด อูฐ วัว ควาย แพะ แกะ นำเนื้อมาแจกเป็นอาหารแก่พี่น้องมุสลิม
-วันเมาลิด จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงศาสดามูฮำหมัดในวันประสูติ ตรงกับวันที่ 12 เดือนรอบีอุลเอาวัล ผู้มีฐานะดีจะทำบุญที่บ้าน ทำอาหาร 2-3 อย่าง โดยเชิญผู้นำศาสนานำสวดขอพรพระเจ้าที่บ้าน และร่วมบริโภคอาหาร และมีการทำบุญรวมกันที่มัสยิด
-ประเพณีการถือศีลอด จัดขึ้นในเดือนรอมฎอนหรือเดือนที่เก้าของปีนับตามปฏิทินของอิสลาม การถือศีลอด คือ การละเว้นการกิน การดื่ม การเสพย์สุขทางเพศตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนกระทั่งดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เป็นเวลา 1 เดือน อาหารมื้อแรกประกอบอาหารในเวลา 03.00 น. มื้อที่สองเริ่มในเวลา 16.30-18.00 น.
อาหารที่ใช้บริโภคในประเพณี ส่วนใหญ่เหมือนกับที่ใช้บริโภคในชีวิตประจำวัน อาหารที่เพิ่มขึ้นมา เช่น แกงกุรม่า แกงคั่วใหญ่ ไก่กอและ ขนมรังต้อ (ขนมดอกจอก) ขนมแนหรำ ขนมดอกจันทร์
วัฒนธรรมการบริโภคอาหารในโอกาสฉลองความสำเร็จหรือประสบโชค (หน้า 171-179)
ไทยมุสลิมไม่เชื่อเรื่องโชคลาภ แต่เชื่อในผลการกระทำของพระผู้เป็นเจ้าที่บันดาลให้มีความสุข ความเจริญก้าวหน้าในชีวิต ถ้าปฏิบัติดี ไม่ขัดต่อคำสอนของศาสนา จึงมีการทำบุญเลี้ยงฉลอง เชิญผู้นำศาสนาไปทำพิธีทางศาสนาและร่วมบริโภคอาหาร โดยเน้นทำอาหารคาวด้วยเนื้อวัวและเนื้อแพะ จะบริโภคในตอนเที่ยงหลังทำพิธีทางศาสนาเสร็จ
ความเชื่อในการประกอบและบริโภคอาหารในโอกาสฉลองความสำเร็จหรือประสบโชคมีลักษณะเช่นเดียวกับความเชื่อในโอกาสประเพณีต่าง ๆ |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
ผู้เจ็บป่วยไทยมุสลิมอำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล ส่วนใหญ่ได้รับการรักษาอย่างดีจากแพทย์ เนื่องจากรัฐบาลให้สวัสดิการด้านการรักษาหลายรูปแบบ ชาวบ้านจึงนิยมไปรักษาที่โรงพยาบาล นอกจากเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือในระยะพักฟื้นที่ต้องรักษาอยู่กับบ้าน (หน้า 114) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
วัฒนธรรมการบริโภคอาหารเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ อาหารของไทยมุสลิมเป็นเอกลักษณ์ที่สอดคล้องและผสมผสานอยู่กับความเชื่อและบทบัญญัติทางศาสนาอิสลาม เช่น ก่อนบริโภคอาหารต้องกล่าวนามพระผู้เป็นเจ้าก่อน การบริโภคเนื้อสัตว์ต้องฆ่าโดยชาวมุสลิมเท่านั้น ถ้ามีการเชือดแพะจะเป็นมงคลแก่ชีวิต เพราะแพะเป็นอาหารที่ประเสริฐ เป็นที่ยอมรับของพระผู้เป็นเจ้า ห้ามบริโภคอาหารด้วยมือซ้าย จะเห็นได้ว่าไทยมุสลิมมีความเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า บทบัญญัติ และหลักคำสอนในศาสนาอิสลามเป็นอย่างมาก ซึ่งได้ส่งผลถึงพฤติกรรมและการกระทำในทุกด้านของการดำรงชีวิต รวมทั้งในด้านอาหารที่ทำให้เกิดวัฒนธรรมการบริโภคอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของไทยมุสลิม (หน้า 187) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
แผนที่อำเภอเมืองสตูล (หน้า 241) |
|
|