|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง,ความเป็นอยู่,ประเพณี,น่าน |
Author |
อำนวยศาสตร์ หัสดิน |
Title |
ปัจจัยที่มีผลต่อการยอมรับนวัตกรรมของชาวไทยภูเขาเผ่าแม้ว หมู่ที่ 19 บ้านป่ากลาง ตำบลศิลาแลง อำเภอปัว จังหวัดน่าน |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ม้ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
สำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
(เอกสารฉบับเต็ม) |
Total Pages |
99 |
Year |
2528 |
Source |
สาขาพัฒนาสังคม บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ |
Abstract |
ม้ง เป็นชาวเขาเผ่าหนึ่งที่มีการดำรงวิถีชีวิต ความเชื่อ ขนบธรรมเนียม ประเพณี แตกต่างไปจากคนไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นราบ วัตถุประสงค์ของการศึกษาเรื่องนี้เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการยอมรับนวัตกรรมของชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง วิธีการศึกษาผู้วิจัยกระทำโดยการสัมภาษณ์หัวหน้าครอบครัวม้ง จำนวน 197 คนหมู่บ้านที่ 19 บ้านป่ากลาง ต.ศิลาแลง อ.ปัว จ.น่าน ในปี พ.ศ. 2528 สำหรับผลของการศึกษาปรากฏดังนี้ คือ หัวหน้าครอบครัวม้งที่มีระดับการศึกษาสูง มีฐานะทางเศรษฐกิจดี มีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลบ่อยครั้ง รวมถึงการติดต่อกับชุมชนเมืองด้วย และหัวหน้าครอบครัวที่มีความสนใจรับรู้ข่าวสารจากสื่อมวลชนบ่อยครั้ง กลุ่มหัวหน้าครอบครัวต่าง ๆ เหล่านี้จะยอมมีการยอมรับนวัตกรรมมากกว่า |
|
Focus |
บรรยายถึงลักษณะทางสังคมและเศรษฐกิจ รวมถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการยอมรับนวัตกรรมของชาวไทยภูเขาเผ่าแม้ว อันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงอันทำให้สังคมชาวเขาเผ่าม้ง เริ่มมีลักษณะเป็นสังคมเชิงซ้อน (complex society) แบบคนไทยพื้นราบ ซึ่งอาจทำให้เกิดช่องว่างทางชนชั้นหรือปัญหาระหว่างชุมชนได้ (หน้า 4-5) |
|
Theoretical Issues |
ผู้วิจัยใช้ทฤษฎีการยอมรับนวัตกรรมและเชื่อมโยงกับทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคม (หน้า 7) จากผลการศึกษาพบว่า ในครัวเรือนที่หัวหน้าครอบครัวมีระดับการศึกษาสูง ฐานะทางเศรษฐกิจดี มีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัฐและชุมชนเมืองบ่อยครั้ง และยังมีการรับรู้ข่าวสารจากสื่อต่างๆ มาก ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการยอมรับนวัตกรรม อันส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ด้านทัศนคติต่อการยอมรับการศึกษา การสาธารณสุขและอนามัย การเกษตรแผนใหม่โดยการใช้เครื่องสูบน้ำ และการใช้เครื่องจักรกล โดยมีรถยนต์บรรทุกขนาดเล็กไว้ใช้งาน ซึ่งม้งส่วนใหญ่ต่างก็เห็นว่าสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตที่จะทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น |
|
Ethnic Group in the Focus |
ชาวเขาเผ่าม้ง (ผู้เขียนเรียก "ชาวเขาเผ่าแม้ว" ) โดยสัมภาษณ์หัวหน้าครอบครัวจำนวน 197 คน |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ผู้วิจัยกล่าวแต่เพียง ม้งที่มีความเข้าใจในภาษาไทย โดยส่วนใหญ่มีความเข้าใจบ้างและเข้าใจดี มากน้อยตามลำดับ ซึ่งม้งที่สามารถใช้ภาษาไทยได้มักเป็นคนวัยหนุ่มสาว ส่วนผู้ที่ไม่รู้และไม่เข้าใจในภาษาไทยมักเป็นคนในวัยชรา (หน้า 39) |
|
Study Period (Data Collection) |
ผู้วิจัยใช้ช่วงเวลาในการเก็บข้อมูลตั้งแต่ 9 - 29 เมษายน พ.ศ. 2528 (หน้า 25) |
|
History of the Group and Community |
แต่เดิมชาวเขาเผ่าม้งอาศัยอยู่บริเวณแม่น้ำฮวงโฮ ของประเทศจีนถูกรุกรานจนต้องอพยพลงไปทางตอนใต้ กระจายตัวออกไปตามพรมแดนเวียดนาม ลาว พม่า และไทย และเริ่มอพยพเข้าสู่ประเทศไทยจากฝั่งลาวครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2533 โดยส่วนใหญ่ตั้งถิ่นฐาน ในจังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ แพร่ น่าน ลำปาง ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์และเลย โดยเฉพาะที่จังหวัดน่านที่อำเภอทุ่งช้าง ตำบลบ่อเกลือเหนือ ตำบลบ่อเกลือใต้ อำเภอปัว เพราะพื้นที่ตอนนั้นเป็นภูเขาสูงอยู่ติดกับแขวงไชยบุรีของลาว เริ่มอพยพไปอยู่หมู่ที่ 19 บ้านป่ากลาง ต.ศิลาแลง อ.ปัว จ.นาน เมื่อ พ.ศ.2508 สภาพม้งในขณะนั้นยังมีเครื่องมือเครื่องใช้ดั้งเดิม การแต่งกายแบบประจำเผ่า ยังยึดถือประเพณีนิยมเก่าอย่างเหนียวแน่น ไม่มีการศึกษาและอุปกรณ์ดำรงชีวิตที่ทันสมัยอย่างในปัจจุบัน (หน้า 2) |
|
Demography |
ไม่ทราบจำนวนครัวเรือนและจำนวนประชากรที่แน่ชัด ทราบแต่เพียงว่ามีครอบครัวที่ย้ายออกไปอยู่ถิ่นอื่น 12 ครัวเรือน และทำการสัมภาษณ์ได้ 197 ครัวเรือน รวมมีจำนวนครัวเรือน 207 ครัวเรือน (หน้า 25) ในจำนวนนี้มีหัวหน้าครัวเรือนที่เป็นเพศชาย 180 คน และเพศหญิง 17 คน โดยกลุ่มหัวหน้าครัวเรือนเหล่านี้ ส่วนใหญ่มีอายุในช่วงระหว่าง 21-40 ปี มีจำนวน 123 คน และที่เหลือ 74 คน เป็นหัวหน้าครัวเรือนที่มีอายุ 41-80 ปี (หน้า 38) |
|
Economy |
ม้งส่วนใหญ่มีรายได้ระหว่าง 1,501-3,000 บาทต่อเดือน และผู้ที่มีรายได้สูงกว่า 3,001 บาทจะเป็นครอบครัวที่ประกอบอาชีพค้าขาย หรือบางคนก็ทำนาทำไร่ควบคู่กันไป ส่วนกลุ่มที่มีการศึกษาสูงจะทำงานกับองค์การระหว่างประเทศและรับราชการ นอกจากนี้คนที่มีผีมือในการทำเครื่องเงินยังได้รับการส่งเสริมอาชีพจากโครงงานศิลปาชีพพิเศษด้วย (หน้า 42) ส่วนการยอมรับนวัตกรรมทางการเกษตรนั้น ม้งได้นำเครื่องสูบน้ำมาใช้ด้วยแต่มีจำนวนไม่มาก เพื่อเป็นการประหยัดแรงงาน และเอื้อประโยชน์ในการขยายผลผลิตให้กับพืชอีกด้วย ส่วนผู้ที่ไม่มีเครื่องสูบน้ำจะมีกังหันวิดน้ำซึ่งหน่วยราชการทำไว้ให้ (หน้า 48) |
|
Education and Socialization |
ระดับการศึกษาของหัวหน้าครอบครัวส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำ คือ ตั้งแต่ ป.1-ป.7 มีจำนวน 83 คน ส่วนม้งที่มีการศึกษาสูง คือ ตั้งแต่ ม.ศ.1-เรียนสูงกว่า ม.ศ.5 มีเพียง 27 คน ซึ่งเป็นคนหนุ่มสาวที่เรียนมาจากครู ตำรวจตระเวนชายแดน บางคนทางราชการจัดการศึกษาให้ตั้งแต่เด็กและได้รับการศึกษาไทยในหมู่บ้านและในเมือง และยังมีผู้ที่ไม่ได้เรียนหนังสือถึง 87 คน ซึ่งมักเป็นคนในวัยสูงอายุ (หน้า 40) นอกจากนี้หัวหน้าครอบครัวทั้งหมดต่างมีความต้องการให้บุตรได้เรียนเหนังสือ แต่ขึ้นอยู่กับฐานะทางครอบครัว และจำนวนบุตรด้วย (หน้า 41) |
|
Health and Medicine |
ภายหลังจากการอพยพลงมาอยู่พื้นราบทำให้ม้งต้องมีการติดต่อพบปะกับเจ้าหน้าที่และชุมชนเมืองบ่อยขึ้น ประกอบกับการได้รับการศึกษาทำให้ได้รับคำแนะนำจากครู เจ้าหน้าที่อนามัยและเพื่อการปรับตัวให้เข้ากับคนพื้นราบมากขึ้นในเรื่องของการแต่งกาย ทำให้ม้งจำนวน 174 ครัวเรือนที่ทำความสะอาดเสื้อผ้าทุกวัน เพื่อผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนให้เข้ากับคนส่วนใหญ่ได้ (หน้า 46) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
กล่าวถึงแต่เพียงการติดต่อกับเจ้าหน้าที่และชุมชนเมือง โดยใน 1 เดือนม้งที่มาติดต่อบ่อยครั้งจะเป็นกลุ่มที่รับราชการหรือเป็นลูกจ้างขององค์กรช่วยเหลือระหว่างประเทศ และเป็นเจ้าของกิจการค้าขายโดยเฉพาะหัวหน้าครัวเรือนที่มีร้านผลิตภัณฑ์เครื่องเงิน เพื่อต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่เพื่อไปร่วมงานตามโครงการ นอกจากนี้ก็ยังมีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆ เช่น ครู เจ้าหน้าที่การเกษตร เจ้าหน้าที่อนามัย เป็นต้น ส่วนการติดต่อกับชุมชนเมืองมักเป็นเจ้าของกิจการค้าขาย อาชีพรับราชการและรับจ้างทำงานเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรช่วยเหลือระหว่างประเทศ (หน้า 43-44) |
|
Social Cultural and Identity Change |
การเปลี่ยนแปลงทางสังคม - จากการที่คนรุ่นใหม่ได้รับการศึกษาตั้งแต่อายุน้อย จึงได้เปรียบในด้านความรู้ความสามารถที่จะใช้ภาษาไทยในการติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานราชการ ทำให้คนรุ่นใหม่เป็นผู้นำจากการเลือกตั้งของรัฐ อันเป็นที่ยอมรับของชุมชนในเรื่องทางราชการ ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีผู้นำซึ่งเป็นที่ยอมรับของชุมชนซึ่งเป็นผู้อาวุโส มีหน้าที่ในการบริหารทำให้เกิดผู้นำซ้ำซ้อนขึ้น แต่ในบางกรณีผู้นำตามจารีตประเพณีกับผู้นำอย่างเป็นทางการก็เป็นคนเดียวกัน เป็นคนอยู่ในวัยหนุ่มและมีการศึกษาแสดงให้เห็นว่าม้งเริ่มมีการยอมรับคนที่มีความรู้และอยู่ในวัยหนุ่ม ขณะเดียวกันขนาดครอบครัวก็มีขนาดเล็กลงจากที่มีลักษณะเป็นครอบครัวขยาย มาเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น อันเป็นผลมาจากการวางแผนครอบครัว ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเครือญาติเริ่มลดน้อยลงด้วย ค่านิยมจากสังคมภายนอก ทำให้เกิดการรับทั้งการแต่งกาย การใช้เครื่องประดับ การมีรถจักรยานยนต์ รถยนต์บรรทุกขนาดเล็กมาใช้ นอกจากนี้ความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ลดน้อยลง รวมถึงการรักษาพยาบาลแบบดั้งเดิม ก็มาเป็นแบบแพทย์สมัยใหม่ การเปลี่ยนแปลงในทางเศรษฐกิจ - แต่เดิมม้งมีระบบเศรษฐกิจการผลิตแบบยังชีพภายในครอบครัวและชุมชนเท่านั้น ในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นแบบกึ่งยังชีพกึ่งเศรษฐกิจ ในบางพื้นที่ก็ได้เปลี่ยนเป็นแบบระบบเศรษฐกิจเต็มตัว ทำให้เกิดการรู้จักใช้เครื่องมือทุ่นแรงทางการเกษตรมากขึ้น ยังมีการใช้ระบบการเงินแบบดอกเบี้ย และการบริการด้านการเงินจากสถาบันการเงิน ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการเริ่มเข้าสู่สภาพสังคมในลักษณะสังคมเชิงซ้อน (complex society) (หน้า 3-4) |
|
Map/Illustration |
ตารางแสดงระดับการยอมรับนวัตกรรมแต่ละประเภท (หน้า 51), แผนภูมิแสดงปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลต่อการยอมรับนวัตกรรมของแม้วหมู่ที่ 19 บ้านป่ากลาง ต.ศิลาแลง อ.ปัว จ.น่าน (หน้า 17) |
|
|