|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ออแรนายู มลายูมุสลิม มุสลิมมลายู,มุสลิม,คณะกรรมการอิสลาม,แนวทางแก้ไขปัญหา,จังหวัดชายแดนภาคใต้ |
Author |
จักรพันธุ์ วงษ์บูรณาวาทย์ |
Title |
แนวทางแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในทัศนของกรรมการอิสลามประจำจังหวัด |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเนเชี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มนุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
65 |
Year |
2523 |
Source |
วิทยาลัยการปกครอง |
Abstract |
วัตถุประสงค์ของงานวิจัยชิ้นนี้เพื่อต้องการทราบทัศนะของกรรมการอิสลามประจำจังหวัดว่า อะไรเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเขามีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไรบ้าง โดยใช้วิธีแจกแบบสอบถามและสัมภาษณ์กรรมการอิสลาม โดยเป็นการวัดทัศนคติของกรรมการอิสลามในประเด็นต่างๆ ดังนี้คือ ความเห็นเรื่องความช่วยเหลือของรัฐบาลในการอุปถัมภ์ค้ำชูศาสนาอิสลามว่าเพียงพอหรือไม่ โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความเห็นว่าไม่เพียงพอ ความเห็นเรื่องรัฐบาลเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาท้องถิ่นเพียงพอหรือไม่ โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นว่าไม่เพียงพอ และได้เสนอแนะให้รัฐบาลช่วยเหลือใน 3 ประเด็นหลักๆ คือ 1) ความต้องการด้านโครงสร้างหลัก 2) ความต้องการโครงสร้างทางเศรษฐกิจ 3) ความต้องการโครงสร้างทางสังคม สำหรับความเห็นที่ว่า ฐานะทางเศรษฐกิจของคนในท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้นแล้วหรือยัง ซึ่งกลุ่มตัวอย่างโดยส่วนใหญ่เห็นว่ายังไม่ดีพอ สำหรับสาเหตุของปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้และแนวทางแก้ไข กลุ่มตัวอย่างเห็นว่าสาเหตุหลักๆ มาจากเจ้าหน้าที่ของรัฐมากที่สุด รองลงมาคือปัญหาทางเศรษฐกิจ การศึกษา และสาเหตุอื่นๆ นอกจากนี้ ยังได้สอบถามความเห็นจากกรรมการอิสลามประจำจังหวัดว่าประชาชนในท้องถิ่นของเขาได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มใดมากที่สุด กลุ่มตัวอย่างโดยส่วนใหญ่เห็นว่า ความเดือดร้อนมาจากกลุ่มโจรผู้ร้ายทั่วๆ ไป จากเจ้าหน้าที่รัฐ จากขจก. และจากกลุ่มอื่นๆ เช่น ผกค. โจรลักเล็กขโมยน้อย และพวกติดยาเสพติด กรรมการอิสลามประจำจังหวัดยังมีความเห็นว่าคุณสมบัติความรู้ ความสามารถของข้าราชการทั่วไปมีเพียงพออยู่แล้ว ส่วนคุณสมบัติด้านอื่นๆ เช่น ความซื่อสัตย์สุจริต ความเสียสละอุทิศตนให้ส่วนรวม ความยุติธรรม และความจริงใจที่มีต่อประชาชน ยังต้องปรับปรุงแก้ไขทั้งสิ้น สำหรับผู้วิจัยได้ระบุแนวทางการแก้ไขปัญหา ดังนี้ 1) ปรับปรุงแก้ไขที่ตัวข้าราชการ เพื่อให้เป็นบุคคลที่มีภาพพจน์ที่ดีในสายตาประชาชน 2) ปรับปรุงแก้ขทางด้านโครงสร้างหลัก โดยเน้นหนักความเจริญด้านถนนหนทางและการคมนาคมที่สะดวก 3) ปรับปรุงทางด้านสังคม โดยส่งเสริมให้มีการศึกษาอย่างทั่วถึง เน้นความสำคัญของการศึกษาในหลักสูตรภาษาไทย 4) ปรับปรุงด้านเศรษฐกิจ โดยประกันราคาสินค้า หาทางกำจัดพ่อค้าคนกลางโดยการตั้งสหกรณ์ ให้ประชาชนสามารถเพิ่มรายได้โดยวิธีการต่างๆ 5) ปรับปรุงโครงการเข้าถึงประชาชน โดยให้กรรมการอิสลามมีบทบาทร่วมในโครงการต่างๆ ของทางราชการ 6) ปรับปรุงการบริหารงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ใหม่เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงานและเอกภาพในการปกครองบังคับบัญชาระหว่างส่วนราชการต่างๆ โดยเฉพาะหน่วยงานของทหาร ตำรวจ และพลเรือน (ดูหน้าบทคัดย่อ) |
|
Focus |
ต้องการทราบทัศนะของกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเกี่ยวกับสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีแนวทางแก้ไขปัญหา (ดูบทคัดย่อ) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ศึกษาคณะกรรมการอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีจำนวน 32 คน |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ใช้ภาษามลายูเป็นภาษาหลักและใช้ภาษาไทยบ้าง |
|
Study Period (Data Collection) |
ประมาณเดือนสิงหาคม 2523 (หน้า 2) |
|
History of the Group and Community |
กรรมการอิสลามประจำจังหวัดเป็นผู้นำที่สำคัญและมีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนี้ต้องเป็นบุคคลที่ได้รับความเคารพ ยกย่องและนับถือ เป็นบุคคลชั้นนำของท้องถิ่นโดยมีโต๊ะอิหม่ามซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาอิสลามของแต่ละมัสยิดเป็นผู้เลือกบุคคลที่เห็นว่าเหมาะสมและมีคุณสมบัติมาดำรงตำแน่งนี้ การเป็นกรรมการอิสลามจังหวัดเป็นตำแหน่งตลอดชีวิตจนกว่าจะตายหรือลาออกไปก่อนเท่านั้น หน้าที่สำคัญของกรรมการอิสลามประจำจังหวัดคือ เป็นที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการจังหวัดในกิจการด้านศาสนา เป็นผู้บรรยายธรรมอิสลาม อบรมจริยธรรม ตัดสินปัญหาขัดแย้งในเรื่องครอบครัวมรดก ความขัดแย้งในหลักปฏิบัติในศาสนาอิสลามแก่ชาวมุสลิม (หน้า 1) ในกลุ่มตัวอย่างกรรมการอิสลาม 32 คนในงานวิจัยชิ้นนี้ มีภูมิลำเนาเดิมหรือเกิดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 30 คน (สตูล 5 คน ยะลา 5 คน นราธิวาส 6 คน ปัตตานี 14 คน) นอกเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ 2 คน (กรุงเทพฯและนครศรีธรรมราช จังหวัดละ 1 คน) (หน้า 10) จากงานวิจัย ระยะเวลาการเป็นกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสามารถแบ่งได้ดังนี้คือ เป็นกรรมการอิสลามมาแล้วไม่เกิน 6 ปี จำนวน 9 คน เป็นกรรมการอิสลามมาแล้วไม่เกิน 7 -15 ปี จำนวน 12 คน เป็นกรรมการอิสลามมาแล้วตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปจำนวน 9 คน และไม่ตอบจำนวน 2 คน (หน้า 15-16) |
|
Demography |
กรรมการอิสลามที่ศึกษาจำแนกตามกลุ่มอายุได้ดังนี้คือ อายุระหว่าง 23-41 ปี มี 4 คน กลุ่มอายุปานกลาง 42-57 ปี มี 14 คน กลุ่มสูงอายุ 58 ปีขึ้นไป มี 13 คน (ดู หน้า 4-5) |
|
Economy |
จากกลุ่มตัวอย่าง 32 คน พบว่าคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดมีอาชีพจำแนกได้ดังนี้ คือ รับราชการซึ่งมีทั้งดะโต๊ะยุติธรรมและครู 7 คน โต๊ะครู 3 คน ทำสวน 7 คน ทำนา 1 คน ประกอบธุรกิจส่วนตัว 14 คน ในจำนวนนี้มีผู้ที่กำลังและเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสมาชิก 3 คน กำลังดำรงตำแหน่งประธานสภาจังหวัดและสมาชิกสภาจังหวัด 4 คน กำลังดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาล 1 คน นอกจากนี้ยังแบ่งกลุ่มตัวอย่าง 32 คน ได้อีกว่า เป็นกลุ่มข้าราชการ 7 คน และไม่ใช่กลุ่มข้าราชการ 25 คน (หน้า 5) ส่วนใหญ่ (81.2%) มีความเห็นเกี่ยวกับฐานะเศรษฐกิจของคนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ว่าไม่เพียงพอ โดยมีเพียง 2 คน (6.3%) เห็นว่าเพียงพอแล้ว โดยข้อเสนอแนะในการพัฒนาเพื่อยกระดับการพัฒนาฐานะทางเศรษฐกิจของประชาชนคล้ายๆ ความเห็นในการพัฒนาท้องถิ่น (ดูหน้า 28-30) |
|
Social Organization |
ขนาดครอบครัวของกลุ่มตัวอย่างมีแนวโน้มที่เป็นครอบครัวขนาดใหญ่ กรรมการอิสลามจำนวน 16 ครอบครัวมีบุตรตั้งแต่ 6 คนขึ้นไป (สูงสุด 15 คน) ครอบครัวขนาดเล็กที่มีบุตรไม่เกิน 3 คน มีเพียงร้อยละ 19.4 เท่านั้น (หน้า 11-12) |
|
Political Organization |
ร้อยละ 53.1 ของกรรมการอิสลามมีความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า มาจากเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะการที่มุสลิมถูกเจ้าหน้าที่รัฐดูถูกและรังแก ไม่ให้ความเป็นธรรม ปฏิบัติการด้วยความรุนแรงทำให้ประชาชนเกิดความแค้นรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อข้าราชการ ร้อยละ 15.6 ของกรรมการอิสลามมีความเห็นว่า ปัญหาเศรษฐกิจเป็นสาเหตุรองลงมา โดยเฉพาะความยากจนและการว่างงาน ส่วนสาเหตุประการที่สาม คือปัญหาเรื่องการศึกษา โดยกรรมการอิสลามเห็นว่าการศึกษายังไม่สอดคล้องและเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดร้อยละ 36.9 เห็นว่า กลุ่มที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมากที่สุดคือกลุ่มโจรผู้ร้ายทั่วไป อันดับ 2 คือเจ้าหน้าที่รัฐ และอันดับ 3 คือ ขจก. (ขบวนการแบ่งแยกดินแดน) ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่เหลือคือ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) พวกติดยาเสพติด (ดูหน้า 32-39) กรรมการอิสลามประจำจังหวัดร้อยละ 45.2 เห็นว่าคุณสมบัติด้านความซื่อสัตย์สุจริตของข้าราชการที่ติดต่อยังมีไม่เพียงพอ ร้อยละ 16.1 เห็นว่าเพียงพอแล้ว ส่วนอีกร้อยละ 38.7 ไม่แน่ใจ ส่วนด้านการเสียสละและอุทิศตนแก่ส่วนรวมนั้นร้อยละ 51.7 เห็นว่ายังไม่เพียงพอ ร้อยละ 24.1 ระบุว่าเพียงพอแล้ว ด้านความรู้ความสามารถ คณะกรรมการอิสลามจำนวนครึ่งหนึ่งเห็นว่าเพียงพออยู่แล้ว คุณสมบัติด้านความยุติธรรม กรรมการอิสลามร้อยละ 46.7 เห็นว่ายังไม่พอเพียง เพราะมีการเลือกเขาเลือกเรา ไม่ให้ความยุติธรรมอย่างเต็มที่ ขณะที่ร้อยละ 13.3 เห็นว่าเพียงพอแล้ว ส่วนอีกร้อยละ 40 ยังไม่แน่ใจ ขณะที่คุณสมบัติด้านความจริงใจต่อประชาชน กรรมการอิสลามจำนวนร้อยละ 46.9 เห็นว่าเจ้าหน้าที่ยังมีไม่เพียงพอ ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะข้าราชการไม่ประสงค์ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อ (หน้า 40 - 43) สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในทัศนะของกรรมการอิสลาม ปรากฎว่าต้องการปรับปรุงแก้ไขที่ตัวราชการเป็นอันดับแรก (49.1%) แนวทางแก้ไขประการที่ 2 คือ ปรับปรุงด้านการศึกษา โดยขยายขอบข่ายการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ทั่วถึงและครอบคลุมตรงกับความต้องการของคนในท้องถิ่น ประการที่ 3 คือการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ โดยให้มีโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อให้ประชาชนมีงานทำ ประการสุดท้ายคือ การเพิ่มบทบาทในกรรมการอิสลามประจำจังหวัดให้มามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหามากยิ่งขึ้น (หน้า 43-50) |
|
Belief System |
ในการถามความเห็นของกรรมการอิสลามเกี่ยวกับความช่วยเหลือของรัฐบาลด้านการอุปถัมภ์ค้ำชูศาสนาอิสลาม กรรมการอิสลามส่วนใหญ่ (64.5%) มีความเห็นว่ารัฐบาลยังช่วยเหลือกิจการด้านศาสนาไม่เพียงพอ ขณะที่ร้อยละ 25.8 เห็นว่าเพียงพอแล้ว สำหรับผู้ที่มีความเห็นว่ารัฐบาลให้ความช่วยเหลือไม่เพียงพอได้แสดงเจตจำนงให้รัฐบาลช่วยเหลือดังนี้ 1) ให้รัฐบาลเพิ่มทุนอุดหนุนด้านศาสนาอิสลามให้มากขึ้น 2) ให้รัฐบาลพิจารณาเงินอุดหนุนเพื่อนำไปเป็นค่าพาหนะและค่าใช้จ่ายต่างๆ ของกรรมการอิสลามประจำจังหวัด เพื่ออกปฏิบัติหน้าที่ เช่น การบรรยายธรรม 3) ให้สนับสนุนโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามอย่างจริงจัง 4) ให้รัฐบาลวางมาตรการควบคุมการบริหารเงินอุดหนุนศาสนาอิสลามให้รัดกุม เพื่อขจัดปัญหาการคอร์รัปชั่น 5) ให้รัฐบาลหยุดหรือปิดสถานที่ราชการในวันสำคัญของศาสนาอิสลามโดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ดูหน้า 20-24) |
|
Education and Socialization |
กรรมการอิสลามประจำจังหวัดมีภูมิหลังการศึกษาทั้ง 2 หลักสูตรคือหลักสูตรภาษาไทยและหลักสูตรการศึกษาทางศาสนาอิสลาม โดยระดับการศึกษาขั้นต่ำสุดของกลุ่มตัวอย่างคือชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และระดับการศึกษาสูงสุดคือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 8 หรือ ม.ศ.5 ส่วนการศึกษาทางศาสนาของกรรมการอิสลามประจำจังหวัดค่อนข้างสูงกว่าการศึกษาในหลักสูตรภาคภาษาไทยเป็นอย่างมาก เพราะในการศึกษาภาคภาษาไทยมีเพียง 8 คน ที่ได้รับการศึกษาระดับมัธยมปลาย ขณะเดียวกันการศึกษาทางด้านศาสนาอิสลามของคณะกรรมการอิสลามมีพื้นฐานการศึกษาศาสนาเทียบเท่าอย่างน้อยมัธยมปลายถึงปริญญาโทถึง 22 คน (68.8%) ในจำนวนนี้มีพื้นฐานการศึกษาระดับอนุปริญญา ปริญญาตรี และปริญญาโทถึง 7 คน และได้รับการศึกษาจากต่างประเทศ 11 คน คือประเทศมาเลเซีย 6 คน ซาอุดิอาระเบีย 5 คน นอกจากนี้มีผู้ที่ไม่ตอบแบบสอบถามและเป็นผู้ศึกษาเองจำนวน 3 คน กรรมการอิสลามประจำจังหวัดชายแดนภาคใต้ส่วนใหญ่พูด อ่าน และเขียนภาษาไทยได้ดี มีเพียง 2-4 คน เท่านั้นที่ไม่สามารถพูด อ่านและเขียนภาษาไทยได้เลย โดยเฉพาะด้านการเขียนที่มีถึงร้อยละ 50 ที่ไม่สามารถเขียนได้ดี (ดูหน้า 5-10) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Other Issues |
นอกจากนี้ งานวิจัยยังสอบถามความเห็นของกรรมการอิสลามในด้านอื่นๆ สรุปได้ดังนี้คือ คำถามที่ว่ารัฐบาลเข้ามามีบทบาทพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญดีพอแล้วหรือยัง กรรมการอิสลามกว่าร้อยละ 81.2 ยังไม่พอใจในบทบาทหรือความช่วยเหลือของรัฐบาล มีเพียงแค่ร้อยละ 9.4 ที่มีความพอใจ และอีกร้อยละ 9.4 ไม่แน่ใจ สำหรับข้อเสนอของกรรมการอิสลามในประเด็นนี้ ได้เสนอให้รัฐบาลปรับปรุงแก้ไขด้านโครงสร้างหลักมาเป็นอันดับ 1 (26%) โดยอยากให้รัฐบาลสร้างถนนหนทางให้ทั่วถึงทุกตำบล หมู่บ้าน เพื่อการติดต่อคมนาคมที่สะดวกยิ่งขึ้น ส่วนข้อเสนอแนะรองๆ ลงมา คือการพัฒนาโครงสร้างทางสังคม เน้นหนักเรื่องการศึกษาและศาสนาอิสลาม ส่วนความต้องการพัฒนาโครงสร้างทางเศรษฐกิจ อยากให้สร้างโรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดสรรที่ดินว่างเปล่าให้เป็นที่ทำกินแก่ประชาชน (หน้า 24 - 28) ผู้วิจัยยังได้เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนี้ ก. การปรับปรุงแก้ไขข้าราชการ ดังนี้ 1) ให้ข้าราชการทุกระดับและทุกสังกัดเข้ารับการปฐมนิเทศเพื่อให้ทราบถึงสาเหตุอันแท้จริงของปัญหา ตลอดจนความแตกต่างในด้านประเพณี ความเชื่อ วัฒนธรรม ศาสนา 2) กวดขันและติดตามการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด 3) ส่งเสริมให้ข้าราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้เรียนภาษามลายูท้องถิ่น 4) ส่งราชการที่นับถือศาสนาอิสลามตลอดจนผู้ที่สามารถพูดภาษามลายูท้องถิ่นได้มาประจำในพื้นที่ 5) สร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานแก่ราชการ ข. ปรับปรุงด้านโครงสร้างหลัก โดยสร้างความเจริญแก่ท้องถิ่นและชุมชนในรูปแบบการสร้างถนนหนทาง เพื่อความสะดวกในการคมนาคม ค. ปรับปรุงทางด้านสังคม เน้นที่การศึกษาให้ทั่วถึง พัฒนามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการศึกษาตามหลักสูตรภาษาไทย ปรับปรุงและประยุกต์การศึกษาภาษามลายูท้องถิ่น สอนหลักศาสนาพุทธและอิสลามให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น ง. ปรับปรุงด้านเศรษฐกิจ โดยยกระดับฐานะและรายได้ให้ดีและมีมากขึ้น 1) พิจารณาปรับปรุงแก้ไข ยกระดับรายได้และความเป็นอยู่ เร่งส่งเสริมการปลูกยางพันธุ์ทดแทน 2) ส่งเสริมให้จัดตั้งสหกรณ์สวนยางหรือสหกรณ์พืชผักผลไม้ขึ้น 3) ให้รัฐบาลประกันราคายางและพืชผักผลไม้ทุกชนิด 4) ให้รัฐบาลสร้างชลประทานขนาดเล็ก 5) ให้รัฐบาลหาพันธุ์ยางที่ดีที่สุด แจกให้แก่ชาวสวนเพื่อปลูกทดแทน 6) สำรวจที่ดินว่างเปล่าเพื่อจัดสรรให้ประชาชนได้เข้าไปทำกิน 7) ให้กรมประมงจำกัดเขตการประมงขนาดเล็กและขนาดใหญ่ 8) ในการสร้างนิคมสร้างตนเองในคราวต่อไป รัฐบาลควรให้ประชาชนท้องถิ่นได้เข้าไปจับจองก่อนประชาชนที่มาจากที่อื่น 9) ให้รัฐบาลจัดตั้งหรือส่งเสริมให้มีโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีงานทำ 10) สร้างการคมนาคมที่สะดวกเพื่อให้ประชาชนนำสินค้าออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว 11) ประชาสัมพันธ์โครงการต่างๆ ของรัฐบาลกับประชาชนในพื้นที่ 12) สร้างท่าเรือน้ำลึกในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จ. ปรับปรุงโครงการเข้าถึงประชาชน ฉ. การปรับปรุงการบริหารในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้องค์กรของรัฐที่มีอยู่ประสานงานร่วมมือกันทำงาน (หน้า 51-65) |
|
Map/Illustration |
ตาราง จำนวนกรรมการอิสลามในแต่ละจังหวัดที่เข้าร่วมสัมมนาและให้ความร่วมมือกรอกแบบสอบถาม (หน้า 3) ความสามารถในการพูด อ่านและเขียนภาษาไทยของกรรมการอิสลามประจำจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หน้า 8) เปรียบเทียบพื้นฐานการศึกษาไทยและศาสนาอิสลามของกรรมการอิสลามประจำจังหวัด (หน้า 9) เปรียบเทียบพื้นฐานการศึกษาตามหลักสูตรภาษาไทยระหว่างกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกับบุตร (หน้า 13) เปรียบเทียบอาชีพระหว่างกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกับบุตร (หน้า 14) หน้าที่สำคัญของกรรมการอิสลามประจำจังหวัด (หน้า 17) ความเห็นของกรรมการอิสลามประจำจังหวัดต่อความช่วยเหลือของรัฐบาลในกิจการศาสนา (หน้า 20) ความเห็นของกรรมการอิสลามประจำจังหวัดต่อความช่วยเหลือของรัฐบาลในกิจการศาสนาแยกตามอายุ (หน้า 21) ความเห็นของกรรมการอิสลามประจำจังหวัดต่อความช่วยเหลือของรัฐบาลในกิจการศาสนาแยกตามระยะเวลาในการเป็นกรรมการอิสลามประจำจังหวัด (หน้า 23) รัฐบาลได้เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยทั่วไปดีพอแล้วหรือยัง (หน้า 24) แนวความต้องการเพื่อให้รัฐบาลช่วยเหลือตามทัศนะของกรรมการอิสลามประจำจังหวัด (หน้า 26) ฐานะทางเศรษฐกิจของคนในท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยทั่วไปดีแล้วหรือยัง (หน้า 28) แนวทางแก้ไขเพื่อยกฐานะทางเศรษฐกิจของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ดีขึ้น (หน้า 29) สาเหตุที่ทำให้สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้รุนแรงอยู่ในขณะนี้ (หน้า 33) ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มใดบ้าง (หน้า 36) เจ้าหน้าที่ของรัฐสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในทัศนของกรรมการอิสลามประจำจังหวัด (หน้า 38) ความรู้สึกที่มีต่อข้าราชการในด้านต่างๆ ในทัศนของกรรมการอิสลามประจำจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หน้า 40) แนวทางแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์ที่รุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หน้า 44) แนวทางแก้ไขกลุ่มที่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน (หน้า 48) |
|
|