สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ออแรนายู มลายูมุสลิม มุสลิมมลายู,มุสลิม,คณะกรรมการอิสลาม,แนวทางแก้ไขปัญหา,จังหวัดชายแดนภาคใต้
Author จักรพันธุ์ วงษ์บูรณาวาทย์
Title แนวทางแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในทัศนของกรรมการอิสลามประจำจังหวัด
Document Type รายงานการวิจัย Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม, Language and Linguistic Affiliations ออสโตรเนเชี่ยน
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มนุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 65 Year 2523
Source วิทยาลัยการปกครอง
Abstract

วัตถุประสงค์ของงานวิจัยชิ้นนี้เพื่อต้องการทราบทัศนะของกรรมการอิสลามประจำจังหวัดว่า อะไรเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเขามีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไรบ้าง โดยใช้วิธีแจกแบบสอบถามและสัมภาษณ์กรรมการอิสลาม โดยเป็นการวัดทัศนคติของกรรมการอิสลามในประเด็นต่างๆ ดังนี้คือ ความเห็นเรื่องความช่วยเหลือของรัฐบาลในการอุปถัมภ์ค้ำชูศาสนาอิสลามว่าเพียงพอหรือไม่ โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความเห็นว่าไม่เพียงพอ ความเห็นเรื่องรัฐบาลเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาท้องถิ่นเพียงพอหรือไม่ โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นว่าไม่เพียงพอ และได้เสนอแนะให้รัฐบาลช่วยเหลือใน 3 ประเด็นหลักๆ คือ 1) ความต้องการด้านโครงสร้างหลัก 2) ความต้องการโครงสร้างทางเศรษฐกิจ 3) ความต้องการโครงสร้างทางสังคม สำหรับความเห็นที่ว่า ฐานะทางเศรษฐกิจของคนในท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้นแล้วหรือยัง ซึ่งกลุ่มตัวอย่างโดยส่วนใหญ่เห็นว่ายังไม่ดีพอ สำหรับสาเหตุของปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้และแนวทางแก้ไข กลุ่มตัวอย่างเห็นว่าสาเหตุหลักๆ มาจากเจ้าหน้าที่ของรัฐมากที่สุด รองลงมาคือปัญหาทางเศรษฐกิจ การศึกษา และสาเหตุอื่นๆ นอกจากนี้ ยังได้สอบถามความเห็นจากกรรมการอิสลามประจำจังหวัดว่าประชาชนในท้องถิ่นของเขาได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มใดมากที่สุด กลุ่มตัวอย่างโดยส่วนใหญ่เห็นว่า ความเดือดร้อนมาจากกลุ่มโจรผู้ร้ายทั่วๆ ไป จากเจ้าหน้าที่รัฐ จากขจก. และจากกลุ่มอื่นๆ เช่น ผกค. โจรลักเล็กขโมยน้อย และพวกติดยาเสพติด กรรมการอิสลามประจำจังหวัดยังมีความเห็นว่าคุณสมบัติความรู้ ความสามารถของข้าราชการทั่วไปมีเพียงพออยู่แล้ว ส่วนคุณสมบัติด้านอื่นๆ เช่น ความซื่อสัตย์สุจริต ความเสียสละอุทิศตนให้ส่วนรวม ความยุติธรรม และความจริงใจที่มีต่อประชาชน ยังต้องปรับปรุงแก้ไขทั้งสิ้น สำหรับผู้วิจัยได้ระบุแนวทางการแก้ไขปัญหา ดังนี้ 1) ปรับปรุงแก้ไขที่ตัวข้าราชการ เพื่อให้เป็นบุคคลที่มีภาพพจน์ที่ดีในสายตาประชาชน 2) ปรับปรุงแก้ขทางด้านโครงสร้างหลัก โดยเน้นหนักความเจริญด้านถนนหนทางและการคมนาคมที่สะดวก 3) ปรับปรุงทางด้านสังคม โดยส่งเสริมให้มีการศึกษาอย่างทั่วถึง เน้นความสำคัญของการศึกษาในหลักสูตรภาษาไทย 4) ปรับปรุงด้านเศรษฐกิจ โดยประกันราคาสินค้า หาทางกำจัดพ่อค้าคนกลางโดยการตั้งสหกรณ์ ให้ประชาชนสามารถเพิ่มรายได้โดยวิธีการต่างๆ 5) ปรับปรุงโครงการเข้าถึงประชาชน โดยให้กรรมการอิสลามมีบทบาทร่วมในโครงการต่างๆ ของทางราชการ 6) ปรับปรุงการบริหารงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ใหม่เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงานและเอกภาพในการปกครองบังคับบัญชาระหว่างส่วนราชการต่างๆ โดยเฉพาะหน่วยงานของทหาร ตำรวจ และพลเรือน (ดูหน้าบทคัดย่อ)

Focus

ต้องการทราบทัศนะของกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเกี่ยวกับสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีแนวทางแก้ไขปัญหา (ดูบทคัดย่อ)

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

ศึกษาคณะกรรมการอิสลามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีจำนวน 32 คน

Language and Linguistic Affiliations

ใช้ภาษามลายูเป็นภาษาหลักและใช้ภาษาไทยบ้าง

Study Period (Data Collection)

ประมาณเดือนสิงหาคม 2523 (หน้า 2)

History of the Group and Community

กรรมการอิสลามประจำจังหวัดเป็นผู้นำที่สำคัญและมีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนี้ต้องเป็นบุคคลที่ได้รับความเคารพ ยกย่องและนับถือ เป็นบุคคลชั้นนำของท้องถิ่นโดยมีโต๊ะอิหม่ามซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาอิสลามของแต่ละมัสยิดเป็นผู้เลือกบุคคลที่เห็นว่าเหมาะสมและมีคุณสมบัติมาดำรงตำแน่งนี้ การเป็นกรรมการอิสลามจังหวัดเป็นตำแหน่งตลอดชีวิตจนกว่าจะตายหรือลาออกไปก่อนเท่านั้น หน้าที่สำคัญของกรรมการอิสลามประจำจังหวัดคือ เป็นที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการจังหวัดในกิจการด้านศาสนา เป็นผู้บรรยายธรรมอิสลาม อบรมจริยธรรม ตัดสินปัญหาขัดแย้งในเรื่องครอบครัวมรดก ความขัดแย้งในหลักปฏิบัติในศาสนาอิสลามแก่ชาวมุสลิม (หน้า 1) ในกลุ่มตัวอย่างกรรมการอิสลาม 32 คนในงานวิจัยชิ้นนี้ มีภูมิลำเนาเดิมหรือเกิดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 30 คน (สตูล 5 คน ยะลา 5 คน นราธิวาส 6 คน ปัตตานี 14 คน) นอกเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ 2 คน (กรุงเทพฯและนครศรีธรรมราช จังหวัดละ 1 คน) (หน้า 10) จากงานวิจัย ระยะเวลาการเป็นกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสามารถแบ่งได้ดังนี้คือ เป็นกรรมการอิสลามมาแล้วไม่เกิน 6 ปี จำนวน 9 คน เป็นกรรมการอิสลามมาแล้วไม่เกิน 7 -15 ปี จำนวน 12 คน เป็นกรรมการอิสลามมาแล้วตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปจำนวน 9 คน และไม่ตอบจำนวน 2 คน (หน้า 15-16)

Settlement Pattern

ไม่มีข้อมูล

Demography

กรรมการอิสลามที่ศึกษาจำแนกตามกลุ่มอายุได้ดังนี้คือ อายุระหว่าง 23-41 ปี มี 4 คน กลุ่มอายุปานกลาง 42-57 ปี มี 14 คน กลุ่มสูงอายุ 58 ปีขึ้นไป มี 13 คน (ดู หน้า 4-5)

Economy

จากกลุ่มตัวอย่าง 32 คน พบว่าคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดมีอาชีพจำแนกได้ดังนี้ คือ รับราชการซึ่งมีทั้งดะโต๊ะยุติธรรมและครู 7 คน โต๊ะครู 3 คน ทำสวน 7 คน ทำนา 1 คน ประกอบธุรกิจส่วนตัว 14 คน ในจำนวนนี้มีผู้ที่กำลังและเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสมาชิก 3 คน กำลังดำรงตำแหน่งประธานสภาจังหวัดและสมาชิกสภาจังหวัด 4 คน กำลังดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาล 1 คน นอกจากนี้ยังแบ่งกลุ่มตัวอย่าง 32 คน ได้อีกว่า เป็นกลุ่มข้าราชการ 7 คน และไม่ใช่กลุ่มข้าราชการ 25 คน (หน้า 5) ส่วนใหญ่ (81.2%) มีความเห็นเกี่ยวกับฐานะเศรษฐกิจของคนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ว่าไม่เพียงพอ โดยมีเพียง 2 คน (6.3%) เห็นว่าเพียงพอแล้ว โดยข้อเสนอแนะในการพัฒนาเพื่อยกระดับการพัฒนาฐานะทางเศรษฐกิจของประชาชนคล้ายๆ ความเห็นในการพัฒนาท้องถิ่น (ดูหน้า 28-30)

Social Organization

ขนาดครอบครัวของกลุ่มตัวอย่างมีแนวโน้มที่เป็นครอบครัวขนาดใหญ่ กรรมการอิสลามจำนวน 16 ครอบครัวมีบุตรตั้งแต่ 6 คนขึ้นไป (สูงสุด 15 คน) ครอบครัวขนาดเล็กที่มีบุตรไม่เกิน 3 คน มีเพียงร้อยละ 19.4 เท่านั้น (หน้า 11-12)

Political Organization

ร้อยละ 53.1 ของกรรมการอิสลามมีความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า มาจากเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะการที่มุสลิมถูกเจ้าหน้าที่รัฐดูถูกและรังแก ไม่ให้ความเป็นธรรม ปฏิบัติการด้วยความรุนแรงทำให้ประชาชนเกิดความแค้นรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อข้าราชการ ร้อยละ 15.6 ของกรรมการอิสลามมีความเห็นว่า ปัญหาเศรษฐกิจเป็นสาเหตุรองลงมา โดยเฉพาะความยากจนและการว่างงาน ส่วนสาเหตุประการที่สาม คือปัญหาเรื่องการศึกษา โดยกรรมการอิสลามเห็นว่าการศึกษายังไม่สอดคล้องและเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดร้อยละ 36.9 เห็นว่า กลุ่มที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมากที่สุดคือกลุ่มโจรผู้ร้ายทั่วไป อันดับ 2 คือเจ้าหน้าที่รัฐ และอันดับ 3 คือ ขจก. (ขบวนการแบ่งแยกดินแดน) ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่เหลือคือ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) พวกติดยาเสพติด (ดูหน้า 32-39) กรรมการอิสลามประจำจังหวัดร้อยละ 45.2 เห็นว่าคุณสมบัติด้านความซื่อสัตย์สุจริตของข้าราชการที่ติดต่อยังมีไม่เพียงพอ ร้อยละ 16.1 เห็นว่าเพียงพอแล้ว ส่วนอีกร้อยละ 38.7 ไม่แน่ใจ ส่วนด้านการเสียสละและอุทิศตนแก่ส่วนรวมนั้นร้อยละ 51.7 เห็นว่ายังไม่เพียงพอ ร้อยละ 24.1 ระบุว่าเพียงพอแล้ว ด้านความรู้ความสามารถ คณะกรรมการอิสลามจำนวนครึ่งหนึ่งเห็นว่าเพียงพออยู่แล้ว คุณสมบัติด้านความยุติธรรม กรรมการอิสลามร้อยละ 46.7 เห็นว่ายังไม่พอเพียง เพราะมีการเลือกเขาเลือกเรา ไม่ให้ความยุติธรรมอย่างเต็มที่ ขณะที่ร้อยละ 13.3 เห็นว่าเพียงพอแล้ว ส่วนอีกร้อยละ 40 ยังไม่แน่ใจ ขณะที่คุณสมบัติด้านความจริงใจต่อประชาชน กรรมการอิสลามจำนวนร้อยละ 46.9 เห็นว่าเจ้าหน้าที่ยังมีไม่เพียงพอ ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะข้าราชการไม่ประสงค์ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อ (หน้า 40 - 43) สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในทัศนะของกรรมการอิสลาม ปรากฎว่าต้องการปรับปรุงแก้ไขที่ตัวราชการเป็นอันดับแรก (49.1%) แนวทางแก้ไขประการที่ 2 คือ ปรับปรุงด้านการศึกษา โดยขยายขอบข่ายการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ทั่วถึงและครอบคลุมตรงกับความต้องการของคนในท้องถิ่น ประการที่ 3 คือการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ โดยให้มีโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อให้ประชาชนมีงานทำ ประการสุดท้ายคือ การเพิ่มบทบาทในกรรมการอิสลามประจำจังหวัดให้มามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหามากยิ่งขึ้น (หน้า 43-50)

Belief System

ในการถามความเห็นของกรรมการอิสลามเกี่ยวกับความช่วยเหลือของรัฐบาลด้านการอุปถัมภ์ค้ำชูศาสนาอิสลาม กรรมการอิสลามส่วนใหญ่ (64.5%) มีความเห็นว่ารัฐบาลยังช่วยเหลือกิจการด้านศาสนาไม่เพียงพอ ขณะที่ร้อยละ 25.8 เห็นว่าเพียงพอแล้ว สำหรับผู้ที่มีความเห็นว่ารัฐบาลให้ความช่วยเหลือไม่เพียงพอได้แสดงเจตจำนงให้รัฐบาลช่วยเหลือดังนี้ 1) ให้รัฐบาลเพิ่มทุนอุดหนุนด้านศาสนาอิสลามให้มากขึ้น 2) ให้รัฐบาลพิจารณาเงินอุดหนุนเพื่อนำไปเป็นค่าพาหนะและค่าใช้จ่ายต่างๆ ของกรรมการอิสลามประจำจังหวัด เพื่ออกปฏิบัติหน้าที่ เช่น การบรรยายธรรม 3) ให้สนับสนุนโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามอย่างจริงจัง 4) ให้รัฐบาลวางมาตรการควบคุมการบริหารเงินอุดหนุนศาสนาอิสลามให้รัดกุม เพื่อขจัดปัญหาการคอร์รัปชั่น 5) ให้รัฐบาลหยุดหรือปิดสถานที่ราชการในวันสำคัญของศาสนาอิสลามโดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ดูหน้า 20-24)

Education and Socialization

กรรมการอิสลามประจำจังหวัดมีภูมิหลังการศึกษาทั้ง 2 หลักสูตรคือหลักสูตรภาษาไทยและหลักสูตรการศึกษาทางศาสนาอิสลาม โดยระดับการศึกษาขั้นต่ำสุดของกลุ่มตัวอย่างคือชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และระดับการศึกษาสูงสุดคือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 8 หรือ ม.ศ.5 ส่วนการศึกษาทางศาสนาของกรรมการอิสลามประจำจังหวัดค่อนข้างสูงกว่าการศึกษาในหลักสูตรภาคภาษาไทยเป็นอย่างมาก เพราะในการศึกษาภาคภาษาไทยมีเพียง 8 คน ที่ได้รับการศึกษาระดับมัธยมปลาย ขณะเดียวกันการศึกษาทางด้านศาสนาอิสลามของคณะกรรมการอิสลามมีพื้นฐานการศึกษาศาสนาเทียบเท่าอย่างน้อยมัธยมปลายถึงปริญญาโทถึง 22 คน (68.8%) ในจำนวนนี้มีพื้นฐานการศึกษาระดับอนุปริญญา ปริญญาตรี และปริญญาโทถึง 7 คน และได้รับการศึกษาจากต่างประเทศ 11 คน คือประเทศมาเลเซีย 6 คน ซาอุดิอาระเบีย 5 คน นอกจากนี้มีผู้ที่ไม่ตอบแบบสอบถามและเป็นผู้ศึกษาเองจำนวน 3 คน กรรมการอิสลามประจำจังหวัดชายแดนภาคใต้ส่วนใหญ่พูด อ่าน และเขียนภาษาไทยได้ดี มีเพียง 2-4 คน เท่านั้นที่ไม่สามารถพูด อ่านและเขียนภาษาไทยได้เลย โดยเฉพาะด้านการเขียนที่มีถึงร้อยละ 50 ที่ไม่สามารถเขียนได้ดี (ดูหน้า 5-10)

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

นอกจากนี้ งานวิจัยยังสอบถามความเห็นของกรรมการอิสลามในด้านอื่นๆ สรุปได้ดังนี้คือ คำถามที่ว่ารัฐบาลเข้ามามีบทบาทพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญดีพอแล้วหรือยัง กรรมการอิสลามกว่าร้อยละ 81.2 ยังไม่พอใจในบทบาทหรือความช่วยเหลือของรัฐบาล มีเพียงแค่ร้อยละ 9.4 ที่มีความพอใจ และอีกร้อยละ 9.4 ไม่แน่ใจ สำหรับข้อเสนอของกรรมการอิสลามในประเด็นนี้ ได้เสนอให้รัฐบาลปรับปรุงแก้ไขด้านโครงสร้างหลักมาเป็นอันดับ 1 (26%) โดยอยากให้รัฐบาลสร้างถนนหนทางให้ทั่วถึงทุกตำบล หมู่บ้าน เพื่อการติดต่อคมนาคมที่สะดวกยิ่งขึ้น ส่วนข้อเสนอแนะรองๆ ลงมา คือการพัฒนาโครงสร้างทางสังคม เน้นหนักเรื่องการศึกษาและศาสนาอิสลาม ส่วนความต้องการพัฒนาโครงสร้างทางเศรษฐกิจ อยากให้สร้างโรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดสรรที่ดินว่างเปล่าให้เป็นที่ทำกินแก่ประชาชน (หน้า 24 - 28) ผู้วิจัยยังได้เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนี้ ก. การปรับปรุงแก้ไขข้าราชการ ดังนี้ 1) ให้ข้าราชการทุกระดับและทุกสังกัดเข้ารับการปฐมนิเทศเพื่อให้ทราบถึงสาเหตุอันแท้จริงของปัญหา ตลอดจนความแตกต่างในด้านประเพณี ความเชื่อ วัฒนธรรม ศาสนา 2) กวดขันและติดตามการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด 3) ส่งเสริมให้ข้าราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้เรียนภาษามลายูท้องถิ่น 4) ส่งราชการที่นับถือศาสนาอิสลามตลอดจนผู้ที่สามารถพูดภาษามลายูท้องถิ่นได้มาประจำในพื้นที่ 5) สร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานแก่ราชการ ข. ปรับปรุงด้านโครงสร้างหลัก โดยสร้างความเจริญแก่ท้องถิ่นและชุมชนในรูปแบบการสร้างถนนหนทาง เพื่อความสะดวกในการคมนาคม ค. ปรับปรุงทางด้านสังคม เน้นที่การศึกษาให้ทั่วถึง พัฒนามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการศึกษาตามหลักสูตรภาษาไทย ปรับปรุงและประยุกต์การศึกษาภาษามลายูท้องถิ่น สอนหลักศาสนาพุทธและอิสลามให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น ง. ปรับปรุงด้านเศรษฐกิจ โดยยกระดับฐานะและรายได้ให้ดีและมีมากขึ้น 1) พิจารณาปรับปรุงแก้ไข ยกระดับรายได้และความเป็นอยู่ เร่งส่งเสริมการปลูกยางพันธุ์ทดแทน 2) ส่งเสริมให้จัดตั้งสหกรณ์สวนยางหรือสหกรณ์พืชผักผลไม้ขึ้น 3) ให้รัฐบาลประกันราคายางและพืชผักผลไม้ทุกชนิด 4) ให้รัฐบาลสร้างชลประทานขนาดเล็ก 5) ให้รัฐบาลหาพันธุ์ยางที่ดีที่สุด แจกให้แก่ชาวสวนเพื่อปลูกทดแทน 6) สำรวจที่ดินว่างเปล่าเพื่อจัดสรรให้ประชาชนได้เข้าไปทำกิน 7) ให้กรมประมงจำกัดเขตการประมงขนาดเล็กและขนาดใหญ่ 8) ในการสร้างนิคมสร้างตนเองในคราวต่อไป รัฐบาลควรให้ประชาชนท้องถิ่นได้เข้าไปจับจองก่อนประชาชนที่มาจากที่อื่น 9) ให้รัฐบาลจัดตั้งหรือส่งเสริมให้มีโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีงานทำ 10) สร้างการคมนาคมที่สะดวกเพื่อให้ประชาชนนำสินค้าออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว 11) ประชาสัมพันธ์โครงการต่างๆ ของรัฐบาลกับประชาชนในพื้นที่ 12) สร้างท่าเรือน้ำลึกในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จ. ปรับปรุงโครงการเข้าถึงประชาชน ฉ. การปรับปรุงการบริหารในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้องค์กรของรัฐที่มีอยู่ประสานงานร่วมมือกันทำงาน (หน้า 51-65)

Map/Illustration

ตาราง จำนวนกรรมการอิสลามในแต่ละจังหวัดที่เข้าร่วมสัมมนาและให้ความร่วมมือกรอกแบบสอบถาม (หน้า 3) ความสามารถในการพูด อ่านและเขียนภาษาไทยของกรรมการอิสลามประจำจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หน้า 8) เปรียบเทียบพื้นฐานการศึกษาไทยและศาสนาอิสลามของกรรมการอิสลามประจำจังหวัด (หน้า 9) เปรียบเทียบพื้นฐานการศึกษาตามหลักสูตรภาษาไทยระหว่างกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกับบุตร (หน้า 13) เปรียบเทียบอาชีพระหว่างกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกับบุตร (หน้า 14) หน้าที่สำคัญของกรรมการอิสลามประจำจังหวัด (หน้า 17) ความเห็นของกรรมการอิสลามประจำจังหวัดต่อความช่วยเหลือของรัฐบาลในกิจการศาสนา (หน้า 20) ความเห็นของกรรมการอิสลามประจำจังหวัดต่อความช่วยเหลือของรัฐบาลในกิจการศาสนาแยกตามอายุ (หน้า 21) ความเห็นของกรรมการอิสลามประจำจังหวัดต่อความช่วยเหลือของรัฐบาลในกิจการศาสนาแยกตามระยะเวลาในการเป็นกรรมการอิสลามประจำจังหวัด (หน้า 23) รัฐบาลได้เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยทั่วไปดีพอแล้วหรือยัง (หน้า 24) แนวความต้องการเพื่อให้รัฐบาลช่วยเหลือตามทัศนะของกรรมการอิสลามประจำจังหวัด (หน้า 26) ฐานะทางเศรษฐกิจของคนในท้องถิ่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยทั่วไปดีแล้วหรือยัง (หน้า 28) แนวทางแก้ไขเพื่อยกฐานะทางเศรษฐกิจของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ดีขึ้น (หน้า 29) สาเหตุที่ทำให้สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้รุนแรงอยู่ในขณะนี้ (หน้า 33) ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มใดบ้าง (หน้า 36) เจ้าหน้าที่ของรัฐสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในทัศนของกรรมการอิสลามประจำจังหวัด (หน้า 38) ความรู้สึกที่มีต่อข้าราชการในด้านต่างๆ ในทัศนของกรรมการอิสลามประจำจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หน้า 40) แนวทางแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์ที่รุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (หน้า 44) แนวทางแก้ไขกลุ่มที่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน (หน้า 48)

Text Analyst สิทธิพร จรดล Date of Report 06 พ.ย. 2555
TAG ออแรนายู มลายูมุสลิม มุสลิมมลายู, มุสลิม, คณะกรรมการอิสลาม, แนวทางแก้ไขปัญหา, จังหวัดชายแดนภาคใต้, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง