สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),นักเรียน,การปรับตัว,เชียงใหม่
Author นงลักษณ์ แก้ววงศ์ดี
Title ปัญหาการปรับตัวทางสังคมของนักเรียนชาวเขาเผ่าปกากะญอในโรงเรียนบ้านห้วยทราย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ปกาเกอะญอ, Language and Linguistic Affiliations จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 56 Year 2547
Source หลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
Abstract

ผู้เขียนพบว่า นักเรียนชาวเขาเผ่าปกากะญอมีปัญหาการปรับตัวทางสังคมด้านความสัมพันธ์กับเพื่อน และด้านความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมในโรงเรียนอยู่ในระดับปานกลาง โดยมีปัญหาเรื่องเพื่อนไม่ค่อยให้นักเรียนเป็นที่ปรึกษาอยู่ในระดับมาก อาจเป็นเพราะว่า นักเรียนชาวเขาเผ่าปกากะญอที่เป็นกลุ่มตัวอย่างที่เป็นเพศชายอยู่ช่วงวัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยที่ให้ความสำคัญของเพื่อนมาก ต้องการมีเพื่อนสนิทเพื่อนที่รู้ใจคอยให้คำปรึกษา แต่เนื่องจากความแตกต่างทางด้านประเพณี วัฒนธรรม ค่านิยมความสนใจและระยะเวลาที่เข้ามาศึกษาทำให้นักเรียนไม่มีเพื่อนพูดคุยด้วย (หน้า 41) ส่วนปัญหาการปรับตัวด้านความสัมพันธ์กับครูและด้านความสัมพันธ์กับชุมชนอยู่ในระดับน้อย โดยนักเรียนไม่กล้าปรึกษาปัญหากับครูเนื่องจากพึ่งเข้ามาอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ ทำให้ยังไม่มีความไว้วางใจที่จะให้บุคคลอื่นรับรู้ปัญหาของตนเอง และคนในชุมชนยังไม่มีความสนิทสนมกับนักเรียนทำให้ไม่กล้าที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนเท่าที่ควร (หน้า 43)

Focus

ศึกษาการปรับตัวทางสังคมของนักเรียนชาวเขาเผ่าปกากะญอในโรงเรียนบ้านห้วยทราย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

"กะเหรี่ยง" เป็นชื่อเรียกรวมๆ ที่มาจากภาษาอังกฤษว่า Karen ซึ่งฝรั่งเศสเรียกตามพม่าที่มาจากคำว่า "คะยิ่น" มีความหมายว่า คนป่า คนเถื่อนหรือทาสผู้วิจัยได้ศึกษากะเหรี่ยงสะกอ (Sgaw-Karen) เป็นกะเหรี่ยงกลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า "ปกากะญอ" ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด (หน้า 19)

Language and Linguistic Affiliations

กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงเชื้อสายสะกอหรือปกากะญอในกรณีศึกษาพูดภาษากะเหรี่ยงเป็นภาษาหลัก อยู่ในกลุ่มตระกูลธิเบต - พม่า (Tibeto-Burman) (หน้า 19) และพูดภาษาคำเมืองกับภาษาไทยกลางเป็นภาษาที่สอง (หน้า 21)

Study Period (Data Collection)

ไม่ระบุ

History of the Group and Community

กะเหรี่ยงที่สืบสายมาจากพวกโลโล - โนสุ (Lolo-Nosu) ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากพวกธิเบตได้อพยพเข้ามาในประเทศไทยเมื่อประมาณ 200 ปีที่แล้ว แบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆได้ 4 กลุ่มคือ กะเหรี่ยงสะกอ (Sgaw-Karen) กะเหรี่ยงโปว์ (Pwo-Karen) กะเหรี่ยงคะยา (Kayah-Karen) หรือกะเหรี่ยงบาเว (B' ghwe Karen) และกะเหรี่ยงตองสู/ตองซู่ (Thongsue, Taungthu) หรือกะเหรี่ยงปะโอ (หน้า 19) กะเหรี่ยงอาศัยกระจัดกระจายอยู่ตามบริเวณจังหวัดต่างๆ ทางภาคเหนือ ที่มีมากที่สุดได้แก่จังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะที่อำเภออมก๋อย และในอำเภออื่นๆ เช่น แม่แจ่ม จอมทอง อำสะเมิง และแม่วาง กะเหรี่ยงในจังหวัดเชียงใหม่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสะกอ (Sgaw Karen) หรือปกากะญอ ชีวิตความเป็นอยู่ที่เกือบจะใกล้เคียงกับคนพื้นราบแต่ยังมีความแตกต่างทางด้านประเพณีบางอย่างอยู่ (หน้า 21) กะเหรี่ยงสะกอ (Sgaw-Karen) เป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด เรียกตัวเองว่า "ปกากะญอ" คำว่า "ปกากะญอ" นี้แยกออกได้เป็น 2 พยางค์ คือ "ปกา" แปลว่า คน ส่วนคำว่า "กะญอ" แปลว่า ง่าย "คนง่ายๆ" สะท้อนโลกทัศน์ของชนเผ่าที่ว่าเป็นคนที่เรียบง่าย ซื่อตรง จริงใจรักธรรมชาติ รักความสงบ ชอบเสียงเพลงและมีจิตใจอ่อนโยน สนุกสนานร่าเริงและยิ้มแย้มเป็นมิตรกับคนที่มาเยือน (หน้า 19)

Settlement Pattern

ไม่มีข้อมูล

Demography

นักเรียนปกากะญอในพื้นที่ที่ศึกษามีทั้งหมด 39 คนคือ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 7 คนคิดเป็นร้อยละ 17.90 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 9 คนคิดเป็นร้อยละ 23.10 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 8 คนคิดเป็นร้อยละ 20.50 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 15 คนคิดเป็นร้อยละ 38.90 หากจัดจำแนกตามเพศจะมีนักเรียนชายจำนวน 25 คนคิดเป็นร้อยละ 64.10 มีนักเรียนหญิงจำนวน 14 คนคิดเป็นร้อยละ 35.90 (หน้า 30)

Economy

ลักษณะแบบแผนการผลิตและโครงสร้างทางเศรษฐกิจมีลักษณะแบบยังชีพ(Subsistence Economy) กล่าวคือเป็นการผลิตเพื่อบริโภคภายในครัวเรือน และวิธีการผลิตก็เป็นแบบประเพณีคือทำไปตามแบบอย่างที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษเป็นส่วนใหญ่ (หน้า 21)

Social Organization

โดยทั่วไปชุมชนกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในเขตอำเภอจอมทองมีองค์กรทางสังคมตามระบบจารีตเดิมมากกว่าระบบที่สร้างขึ้นใหม่ โดยโครงสร้างพื้นฐานมาจากความสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติซึ่งมีพื้นฐานจากสายเลือดการแต่งงาน และการอยู่รวมกันแบบครอบครัวขยาย แต่ว่าปัจจุบันมีแนวโน้มแยกเป็นครอบครัวเดี่ยว นอกจากนี้ ตามประเพณีมีข้อกำหนดให้ผู้ชายมีภรรยาได้เพียงคนเดียวจึงทำให้ครอบครัวมีขนาดเล็ก โดยที่หลังจากแต่งงานแล้วสามีจะต้องไปอยู่บ้านภรรยาระยะหนึ่งเพื่อเป็นแรงงานให้กับครอบครัวฝ่ายภรรยา หลังจากนั้นจึงแยกออกไปอยู่ตามลำพังเฉพาะครอบครัวของตนหรืออยู่ต่อไปจนกระทั่งน้องสาวของภรรยาคนต่อไปจะแต่งงาน ส่วนลูกสาวคนสุดท้องเมื่อแต่งงานแล้วจะต้องอยู่กับพ่อแม่ตลอดไป ในเรื่องความสัมพันธ์ฉันเพื่อนนั้นกะเหรี่ยงให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนมาก โดยจะซื่อสัตย์เชื่อมั่นและศรัทธาต่อกันและถือว่าความรักใคร่สัมพันธ์กันในเผ่ามีความสำคัญกว่าความสัมพันธ์ในครอบครัว (หน้า 20)

Political Organization

ไม่มีข้อมูล

Belief System

ชุมชนกะเหรี่ยงส่วนใหญ่นับถือผี แต่ก็มีบางส่วนที่นับถือศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และนับถือพุทธศาสนา (หน้า 40) ในการนับถือผีนั้นจะมีการสักการะบูชา คือภายในตัวบ้านจะมี "หิ้งผี" ถือว่าเป็นที่สิงสถิตของผีบรรพบุรุษผีบ้านและผีเรือน เป็นสถานที่อันเป็นที่นับถือ ผู้ใดจะล่วงละเมิดไม่ได้ ในสังคมของกะเหรี่ยงถือว่าความมั่งคั่งและการมีวัยอาวุโสเป็นสิ่งที่แสดงถึงสถานะที่สูงส่งในสังคม อย่างไรก็ตามปกากะญอก็ถือว่าการแสดงออกถึงความมั่งคั่งหรือการแสดงให้คนอื่นเห็นว่ามีสมบัติมากนั้นจะเป็นการชักชวนให้เพื่อนบ้านเห็นและมาขอความช่วยเหลือจากตน (หน้า 20)

Education and Socialization

นักเรียนปกากะญอส่วนใหญ่เป็นเพศชาย เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รองลงมาคือชั้นประถมศึกษาปีที่ 5, 6 และ 4 อายุระหว่าง 12-13 ปี รองลงมาคือ อายุระหว่าง 10-11 ปี (หน้า 40)

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ปกากะญอมีการติดต่อสื่อสารกับคนพื้นราบตลอด เนื่องจากต้องส่งลูกไปเรียนที่โรงเรียนในพื้นที่ราบ และยังมีการติดต่อกันในการซื้อขายเกี่ยวกับวัสดุในการก่อสร้างบ้าน (หน้า 20) จึงทำให้สามารถสื่อสารกับคนพื้นราบได้ดีจนทำให้พูดภาษาคำเมืองและภาษาไทยกลางได้ (หน้า 21) นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตคนพื้นราบด้วย และด้วยการติดต่อกับคนพื้นราบนี้จึงทำให้มีการนับถือพุทธศาสนาด้วย

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ผลจากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 17 ให้มีการศึกษาภาคบังคับ 9 ปี ทำให้นักเรียนปกากะญอ โรงเรียนบ้านห้วยสะแพดซึ่งไม่ได้เปิดการเรียนการสอนชั้นมัธยมศึกษา ต้องไปเรียนที่โรงเรียนบ้านห้วยทราย ซึ่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาที่อยู่ใกล้ที่สุด และประกอบกับที่โรงเรียนบ้านห้วยสะแพดมีบุคลากรไม่เพียงพอในการจัดการเรียนการสอน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 ของโรงเรียนบ้านห้วยสะแพด จึงต้องมาเรียนที่โรงเรียนบ้านห้วยทรายด้วย (หน้า 40) นักเรียนปกากะญอบ้านห้วยสะแพดที่มาเรียนที่โรงเรียนบ้านห้วยทราย มีปัญหาเรื่องการปรับตัวทางสังคมด้านความสัมพันธ์กับเพื่อน และสภาพแวดล้อมโรงเรียน อยู่ในระดับปานกลาง อาจเป็นเพราะนักเรียนปกากะญอกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น จึงมีปัญหาเรื่องไม่มีเพื่อนเป็นที่ปรึกษาอยู่ในระดับมาก ซึ่งอาจเพราะเป็นวัยที่ให้ความสำคัญกับเพื่อนมาก ต้องการเพื่อนสนิท เพื่อนที่รู้ใจคอยปรึกษา แต่เนื่องจากความแตกต่างด้านประเพณี วัฒนธรรม ค่านิยม ความสนใจ และระยะเวลาที่เข้ามาศึกษา ทำให้นักเรียนปกากะญอไม่มีเพื่อนพูดคุยด้วยมาก (หน้า 41) ส่วนปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมในโรงเรียน ประสบกับปัญหาเรื่องห้องน้ำไม่เพียงพอกับจำนวนนักเรียน อยู่ในระดับมาก อีกเรื่องคือปัญหาการใช้ห้องสมุดอยู่ในระดับน้อย เพราะมีทักษะมาจากโรงเรียนเก่าแล้ว ซึ่งแสดงว่านักเรียนสามารถนำทักษะจากสภาพแวดล้อมเดิมมาใช้กับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ (หน้า 41-42) นักเรียนปกากะญอมีปัญหาการปรับตัวทางสังคมด้านความสัมพันธ์กับครูและชุมชน อยู่ในระดับน้อย มีเรื่องนักเรียนไม่กล้าปรึกษาปัญหากับครูผู้สอนอยู่ในระดับปานกลาง และเรื่องครูไม่ให้คำปรึกษาที่ดีแก่นักเรียนอยู่ในระดับน้อย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่า นักเรียนปกากะญอเพิ่งเข้ามาอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ ยังไม่มีความไว้วางใจที่จะให้บุคคลอื่นรับรู้ปัญหาของตัวเอง แต่เมื่อกล้าที่จะขอคำปรึกษาจากครู ก็จะได้รับคำปรึกษาที่เหมาะสม ดังนั้น ครูควรให้ความสนใจ และเปิดโอกาสให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ รวมทั้งประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี นักเรียนจึงจะกล้าเปิดเผยปัญหาของตนเอง (หน้า 43) ส่วนปัญหาความสัมพันธ์กับชุมชน เรื่องคนในชุมชนไม่ค่อยสนใจนักเรียนอยู่ในระดับปานกลาง และชุมชนไม่เปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วม อยู่ในระดับน้อย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะ คนในชุมชนยังไม่มีความสนิทสนมกับนักเรียน ทำให้ไม่กล้าที่จะปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนเท่าที่ควร แต่ก็ยังเปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม แสดงให้เห็นว่าคนในชุมชนยอมรับนักเรียนปกากะญอ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน (หน้า 43)

Map/Illustration

ผู้เขียนได้ใช้ตารางเพื่ออธิบายข้อมูลเชิงปริมาณให้เห็นภาพที่ชัดเจน ในเรื่องของข้อมูลทั่วไปของนักเรียนและระดับปัญหาการปรับตัวทางสังคมในด้านต่างๆ (หน้า 30-37)

Text Analyst เปียทิพย์ จันทขันธ์ Date of Report 05 ก.ย. 2555
TAG ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง), นักเรียน, การปรับตัว, เชียงใหม่, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง