|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),ความเชื่อ,ประเพณี,เชียงใหม่ |
Author |
Yoko Hayami |
Title |
Karen Tradition According to Christ or Buddha: The Implications of Multiple Reinterpretations for a Minority Ethnic Group in Thailand |
Document Type |
บทความ |
Original Language of Text |
ภาษาอังกฤษ |
Ethnic Identity |
ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
17 |
Year |
2539 |
Source |
Journal of Southeast Asian Studies 27, 2 (September 1996): 334-349? 1996 by National University of Singapore. |
Abstract |
เนื้อหาของบทความได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของกะเหรี่ยงในเรื่องของความเชื่อทั้งสองแบบ สำหรับความเชื่อดั้งเดิมเป็นความเชื่อที่ถือเป็นวัฒนธรรมประเพณีที่สืบต่อกันมาจากบรรพบุรุษ และความเชื่อใหม่ที่มาจากสังคมภายนอกนั้นกะเหรี่ยงได้ยึดถือปฏิบัติเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากสังคมภายนอก เนื่องจากทุกวันนี้กะเหรี่ยงติดต่อกับสังคมภายนอกทั้งทางกายภาพและเศรษฐกิจ การเป็นที่ยอมรับจากสังคมภายนอกว่ามีสถานภาพทางสังคมที่เท่าเทียมจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับวิถีชีวิตของกะเหรี่ยงในปัจจุบัน |
|
Focus |
อิทธิพลศาสนาคริสต์และพุทธที่มีต่อวิถีชีวิต ประเพณีของกะเหรี่ยงสะกอ (Sgaw) ใน อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ |
|
Ethnic Group in the Focus |
กะเหรี่ยงจัดเป็นชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่พื้นที่ภูเขา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ในตอนใต้ของรัฐฉาน (พม่า) และไทย กะเหรี่ยงจัดเป็นชาวเขาที่มีความสัมพันธ์กับชาวพุทธในพื้นที่ราบ เช่น ชาวรัฐฉาน มอญ พม่า ไทยเหนือและคนไทย เลี้ยงชีพด้วยการปลูกข้าวเป็นหลัก (หน้า 336) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษาที่กะเหรี่ยงใช้จัดอยู่ใน กลุ่มธิเบต-พม่า (Tibeto-Burman) โดยในกลุ่มกะเหรี่ยงจะแบ่งออกเป็นกลุ่มเล็กๆ ด้วยภาษาเฉพาะกลุ่ม ได้แก่ Pgho, Sgaw, Kayah และTaungthu (หน้า 336) |
|
Study Period (Data Collection) |
ผู้เขียนใช้เวลาจัดหาข้อมูล โดยการลงพื้นที่ เป็นเวลา 14 เดือน ระหว่าง ปี ค.ศ. 1987-1989 (หน้า 336) |
|
History of the Group and Community |
เดิมทีเชื่อว่าถิ่นฐานของกะเหรี่ยงอยู่ที่ทางตอนใต้ของรัฐฉาน เป็นแถบเทือกเขา กะเหรี่ยงมีการติดต่อกับชนชาติอื่นที่นับถือศาสนาพุทธ ได้แก่ ชาวรัฐฉาน มอญ พม่า และชาวไทยมากว่า 2 ศตวรรษ ในประเทศไทยสามารถแบ่งกะเหรี่ยงออกเป็นกลุ่มเล็ก โดยใช้ภาษากำหนด ได้ 4 กลุ่ม ได้แก่ Pgho, Sgaw, Kayah และTaungthu (หน้า 336) |
|
Demography |
ในประเทศไทยมีจำนวนประชากรกะเหรี่ยงราว 320,000 คน (สำรวจเมื่อ ปี ค.ศ. 1996) สำหรับในพม่าพบว่ามีประชากรกะเหรี่ยงกว่า 2.5 ล้านคน (หน้า 336) |
|
Economy |
อาชีพหลักของกะเหรี่ยงคือการเกษตรกรรม โดยเฉพาะการทำนาที่มีสองรูปแบบ คือนาขั้นบันไดและนาตามที่ราบปกติ นอกจากนี้ยังมีพืชไม้เมืองหนาวบ้าง โดยผลิตผลที่ได้จะเป็นทั้งเครื่องบริโภคภายในครัวเรือนและสินค้าแลกเปลี่ยนกับคนไทยที่อยู่ที่ราบ (หน้า 336) |
|
Social Organization |
ระบบทางสังคมของกะเหรี่ยงยังคงเป็นแบบดั้งเดิม กล่าวคือมีพื้นฐานความเชื่อและจารีตประเพณี พิธีกรรม การแต่งงาน แบบแผนทางการเกษตร และภาษา ซึ่งเรียกรวมเป็นภาษากะเหรี่ยงว่า lw a la (ธรรมเนียมและประเพณี) ในการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวกับความเชื่อต่างๆ ภายในจะมี hi kho เป็นผู้นำ ซึ่งตำแหน่งนี้เปรียบเสมือนหัวหน้าชุมชนด้านวัฒนธรรม นอกจากนี้ยังมีหัวหน้าชุมชนทางการปกครองอีกตำแหน่งอีกด้วย (หน้า 336 และ 345) |
|
Political Organization |
กะเหรี่ยงมีผู้นำทางวัฒนธรรม คือ hi kho ตำแหน่งนี้สืบทอดต่อ ๆ กันมาทางครอบครัว จัดว่ามีความสำคัญต่อชุมชนอย่างยิ่ง เมื่อตำแหน่งดังกล่าวว่างลงเนื่องจากเจ้าของเดิมไม่มีลูกชายในการสืบทอดหรือหันไปนับศาสนาคริสต์ ผู้ที่รับตำแหน่งนี้จะเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน (หน้า 345) สำหรับความสัมพันธ์กับทางรัฐบาลเป็นไปในเรื่องของการดูแลทางเศรษฐกิจ ดูแลจำนวนประชากรชาวเขาให้สอดคล้องกับทรัพยากรธรรมชาติที่มี นอกจากนี้ ในปี ค.ศ. 1960 รัฐบาลยังส่งเสริมการเผยแพร่พุทธศาสนา นิกายธรรมกาย ซึ่งเข้ามาในพื้นที่ราวปี ค.ศ. 1970 (หน้า 345) |
|
Belief System |
สังคมของกะเหรี่ยงผูกเชื่อมโยงเข้าด้วยความเชื่อดั้งเดิมเดียวกัน คือ การนับถือวิญญาณ ซึ่งมีอยู่ 2 ประเภทคือ วิญญาณที่คุ้มครองภายในครอบครัว และวิญญาณที่คุ้มครองน้ำและผืนดิน โดยเฉพาะความเชื่อในวิญญาณที่คุ้มครองให้ชุมชนร่มเย็นเป็นสุขนั้น จะสัมผัสได้หลังจากงานพิธีกรรม หรือการบูชาต่างๆ (หน้า 345) ต่อมา เมื่อมีศาสนาเข้ามาสามารถสรุปถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดังนี้ 1.ศาสนาคริสต์ เข้ามาเผยแพร่ในชุมชนกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เมื่อ ค.ศ. 1930 โดยนักเผยแพร่ศาสนาที่เดินทางจากพม่า คำสอนของศาสนาคริสต์ไม่สอดคล้องกับความเชื่อดั้งเดิมของกะเหรี่ยง แต่อย่างไรก็ตาม ศาสนาคริสต์ก็ยังได้รับความนิยมในหมู่ของกะเหรี่ยง เนื่องจากมิชชันนารีที่เข้ามาเผยแพร่ให้บริการด้านสุขภาพ การศึกษา อีกทั้งคัมภีร์ไบเบิลที่แปลจากต้นฉบับภาษาพม่าเพื่อให้เกิดความเข้าใจง่าย ศาสนาคริสต์จึงได้รับความนิยมพอควร (หน้า 344) 2.ศาสนาพุทธ เริ่มเข้าสู่ชุมชนกะเหรี่ยงโดยครูบาศรีวิชัย ต่อมารัฐบาลได้ให้การส่งเสริมนิกายธรรมกาย มีการประกอบพิธีกรรมของกะเหรี่ยงดั้งเดิมไปด้วยกับประเพณีทางพุทธศาสนา กะเหรี่ยงจะตั้งแท่นบูชาพระไว้บริเวณนอกบ้าน ส่วนในบ้านยังคงตั้งที่บูชาวิญญาณบรรพบุรุษ นอกจากนี้ในงานปีใหม่ของกะเหรี่ยงในราวเดือนมีนาคมนั้น กะเหรี่ยงได้อัญเชิญพระพุทธรูปมาในพิธีดังกล่าวอีกด้วย (หน้า 345- 347) |
|
Education and Socialization |
การศึกษาของกะเหรี่ยงเข้ามาพร้อมๆ กับศาสนา ที่เด่นชัดที่สุดคือการเข้ามาพร้อมกับศาสนาคริสต์ ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มิชชันนารีชาวอเมริกันได้เผยแพร่ศาสนาคริสต์ให้แก่กะเหรี่ยง ซึ่งเป็นธรรมดาที่การเผยแพร่ศาสนามักมาพร้อมกับการศึกษา(หน้า 344) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Folklore |
ตำนานที่กะเหรี่ยงเล่าสืบต่อกันมาคือตำนานของ Ywa กล่าวไว้ว่านานมาแล้ว Ywa ได้เรียกเด็กๆ ซึ่งเป็นพี่น้องกัน ได้แก่ กะเหรี่ยง(พี่คนโต) พม่า ไทย จีนและน้องชายคนเล็ก (คนขาว) โดยได้มอบหนังสือทองแห่งปัญญาให้กับพี่ชายคนโต เมื่อได้รับกลับนำมาวางไว้กลางทุ่ง เมื่อเผาทุ่งหนังสือจึงไหม้ไปด้วย หนังสืออีกเล่มตกอยู่ที่น้องคนเล็ก นั่นคือเหตุผลที่ว่าเหตุใดคนขาว (ชาวต่างชาติ) จึงได้มีการพัฒนาอยู่เสมอ อีกตำนานที่คล้ายกันโดยกล่าวว่ามีพี่น้องสองคนอาศัยอยู่ริมน้ำใกล้กับพม่า ทั้งสองมีหวีที่ทำจากเขี้ยวหมูป่าซึ่งจะนำมาสู่ชีวิตอมตะ ต่อมาเมื่อทั้งคู่มองหาดินแดนใหม่เกิดหิว พี่ชายคนโตจึงปรุงหอยทากเป็นอาหารส่วนคนน้องปรุงด้วยปู หอยทากสุกช้า น้องชายจึงกินก่อนและจากไปพร้อมกับชีวิตอมตะ (หน้า 338) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
เอกลักษณ์ทางวัฒธรรมของกะเหรี่ยงมีอยู่ทั้งหมด 3 เรื่อง 1.) ภาษาที่สามารถแบ่งกะเหรี่ยงออกเป็นกลุ่มย่อยได้ 4 กลุ่ม ได้แก่ Pgho, Sgaw, Kayah และ Taungthu (หน้า 336) 2.) ตำนานเรื่อง Ywa 3.) ความเชื่อเกี่ยวกับวิญญาณ (หน้า 338-347) ความสัมพันธ์กับชนชาติอื่นที่กะเหรี่ยงมีนั้นปรากฏตั้งแต่ในตำนาน Ywa ทั้ง จีน พม่า และไทย (หน้า 336) และในส่วนปัจจุบันคือมิชชันนารีชาวอเมริกันที่เป็นผู้สอนศาสนาคริสต์ และคนไทยพื้นราบที่นำวัฒนธรรมการนับถือศาสนาพุทธให้แก่กะเหรี่ยง (หน้า 336-345) |
|
Social Cultural and Identity Change |
การที่กะเหรี่ยงติดต่อกับชนชาติอื่นเนื่องมาจากความจำเป็นในการดำรงชีวิต ทำให้วัฒนธรรมและประเพณีจากภายนอกเข้ามามีบทบาทกับวิถีชีวิตของกะเหรี่ยงเป็นอย่างมาก จากเดิมที่มีความเชื่อในเรื่องวิญญาณ ความเชื่อของกะเหรี่ยงได้เพิ่มขึ้นและแบ่งเป็นสองความเชื่อ ได้แก่ ศาสนาคริสต์และพุทธ การดำรงชีวิตของกะเหรี่ยงจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีส่วนร่วมกับความเชื่อที่มาจากภายนอก โดยเข้าไปมีส่วนร่วมในพิธีกรรมต่างๆ และในขณะเดียวกันก็ยังคงพยายามดำเนินวิถีชีวิตดั้งเดิมของตนไปด้วย โดยไม่ให้ขาดตกบกพร่อง นัยสำคัญในการปรับตัวมานับถือศาสนาของกะเหรี่ยงคือ การต้องการเป็นที่ยอมรับว่าอยู่ในฐานะที่เท่าเทียมกับคนพื้นที่ราบ ในปัจจุบันมีกะเหรี่ยงที่มีบัตรประจำตัว มีการศึกษาที่ดี การแต่งกายที่เหมือนกับคนพื้นราบ สาเหตุของความต้องการการเป็นที่ยอมรับ เนื่องจากที่ผ่านมากะเหรี่ยงถูกมองว่าเป็นพลเมืองชั้นสองของประเทศเสมอ |
|
Map/Illustration |
1. At the annual Karen Baptist? หน้า 337 2. The rite (song khrau bann)? หน้า 337 |
|
|