|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),ผู้ใหญ่บ้าน,การปกครอง,แม่ฮ่องสอน,ภาคเหนือ |
Author |
เบญญาภา สกุลวนาการ |
Title |
ลักษณะผู้ใหญ่บ้านที่ชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยงต้องการ: อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร, สำนักหอสมุดแห่งชาติ |
Total Pages |
102 |
Year |
2544 |
Source |
หลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยณิวัฒนา |
Abstract |
ผลการวิจัยพบว่าลักษณะของผู้ใหญ่บ้านที่ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงในอำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอนต้องการมากที่สุดคือ ผู้ใหญ่บ้านที่เป็นที่พึ่งของลูกบ้านได้ ให้คำปรึกษาช่วยเหลือและห่วงใยลูกบ้าน รองลงมาคือ ผู้ใหญ่บ้านที่มีส่วนร่วมกับสังคมดี เข้ากับคนในหมู่บ้านได้ มีลักษณะประนีประนอม คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน มีความรับผิดชอบดี มีความอดทน เป็นผู้นำแบบประชาธิปไตย ปฏิบัติตามหน้าที่ถูกต้องเป็นกลาง ส่วนผู้ใหญ่บ้านที่ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงต้องการน้อยที่สุดคือ ผู้นำเลี้ยงผีไร่ประจำปี รองลงมาคือ ผู้นำซึ่งมุ่งแต่งานแต่ไม่สนใจความรู้สึกของคน และผู้ใหญ่บ้านที่เป็นทายาทของผู้นำแต่เดิม (หน้า 79) |
|
Focus |
ศึกษาลักษณะของผู้ใหญ่บ้านที่ชนเผ่ากะเหรี่ยงในอำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ต้องการ (หน้า 4) |
|
Ethnic Group in the Focus |
กะเหรี่ยงอำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 382 คน (หน้า 58) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ชนเผ่ากะเหรี่ยงจัดอยู่ในตระกูลธิเบต-พม่า สันนิษฐานว่าถิ่นฐานเดิมอยู่ทางตะวันออกของธิเบต ต่อมาจึงอพยพมาตั้งถิ่นฐานในประเทศจีน ก่อนจะถูกราชวงศ์จิ๋นรุกราน จึงแตกพ่ายหนีลงมาปะทะกับชนชาติไทย จนกระทั่งถอยร่นมาตั้งถิ่นฐานบริเวณลำน้ำโขงกับแม่น้ำสาละวินในประเทศพม่า การอพยพหนีภัยสงครามของกะเหรี่ยงเข้าสู่ประเทศไทยครั้งสำคัญในคราวพระเจ้าอลองพญาทำสงครามกับมอญในปี 2318 ครั้งนั้นกะเหรี่ยงได้หลบหนีเข้าสู่ประเทศไทยพร้อมกับมอญ และในปี พ.ศ.2428 เมื่ออังกฤษเข้ายึดพม่าเหนือได้ การอพยพของกะเหรี่ยงน่าจะเกิดขึ้นเมื่อตอนที่พระนเรศวรทรงยกทัพไปตีเมืองตองอูตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาด้วย แต่ปัจจุบันปัญหาเศรษฐกิจกลับเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กะเหรี่ยงอพยพเข้ามาหาที่ทำกินในประเทศไทย (หน้า 48-49) |
|
Settlement Pattern |
ในอดีตกะเหรี่ยงจะปลูกบ้านอยู่รวมกันประมาณ 20-30 ครัวเรือน บ้านเรือนมีลักษณะเป็นโรงเรือนยาวและกั้นแบ่งเป็นห้องๆ แต่ปัจจุบันจะตั้งถิ่นฐานกระจายตัวอยู่ตามไหล่เขา และบริเวณใกล้แหล่งน้ำ บ้านเรือนมีลักษณะเป็นเรือนไม้ยกพื้น หลังคามุงแฝกหรือสังกะสี มีเตาไฟอยู่กลางบ้าน มีเฉลียงสำหรับรับแขก ไม่มีรั้วล้อมรอบ บางบ้านมีคอกสำหรับเลี้ยงสัตว์ (หน้า 50-51) |
|
Demography |
จำนวนประชากรของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่อยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนปี 2545 จำแนกตามเพศ วัย จำนวนหมู่บ้าน หลังคาเรือน และจำนวนครอบครัวในแต่ละอำเภอ อำเภอเมืองมีประชากร 7,978 คน อำเภอขุนยวมมีประชากร 7,817 คน อำเภอปายมีประชากร 3,545 คน อำเภอแม่สะเรียงมีประชากร 15,212 คน อำเภอแม่ลาน้อยมีประชากร 14,857 คน อำเภอสบเมยมีประชากร 18,898 คน อำเภอปางมะผ้ามีประชากร 509 คน (หน้า 53) |
|
Economy |
กะเหรี่ยงประกอบอาชีพเกษตรกรรมแบบยังชีพด้วยการทำนาแบบขั้นบันได และทำไร่ข้าวแบบหมุนเวียน นอกจากนี้ยังปลูกข้าวโพด พริก มะเขือ ถั่ว มัน เผือก ไว้บริโภค ในอดีตกรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดินยังไม่มีเจ้าของชัดเจนและถือเป็นของหมู่บ้าน ปัจจุบันมีการจัดให้มีการถือครองที่ดินเฉลี่ย 5.4 ไร่/ครัวเรือน ส่วนใหญ่นิยมปลูกกาแฟ กะหล่ำปลี มะเขือเทศ และถั่วเหลืองเป็นพืชเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังประกอบอาชีพรับจ้าง หาของป่า และประกอบอุตสาหกรรมในครัวเรือน เช่น ทอผ้า สานตะกร้า (หน้า 51-52) กลุ่มประชากรในกรณีศึกษาประกอบอาชีพเกษตรกรรมร้อยละ 73 รับจ้างทั่วไปร้อยละ 20.2 ค้าขายร้อยละ 2.1 และรับจ้างในโรงงานร้อยละ 0.8 ในจำนวนนี้มีประชากรที่ไม่ได้ประกอบอาชีพร้อยละ 3.9 โดยประชากรร้อยละ 80 มีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 3,000 บาท ร้อยละ 13.4 มีรายได้ 3,001-6,000 บาท/เดือน ร้อยละ 4.5 มีรายได้ 6,001-9,000 บาท/เดือน ร้อยละ 1.8 มีรายได้ 9,001-12,000 บาท/เดือน ส่วนประชากรที่มีรายได้ต่อเดือนสูงกว่า 12,001 บาท มีเพียงร้อยละ 0.3 (หน้า 70) |
|
Political Organization |
หมู่บ้านกะเหรี่ยงจะมีเซี่ยเก็งคูเป็นผู้นำหมู่บ้านในการประกอบพิธีกรรมและเป็นตุลาการตัดสินลงโทษผู้กระทำผิด บางหมู่บ้านเซี่ยเก็งคูยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการติดต่อกับอำเภอ (หน้า 3) ถึงแม้ปัจจุบันจะมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ปกครองดูแล้วก็ตาม แต่หมู่บ้านกะเหรี่ยงก็ยังให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้อาวุโสในหมู่บ้าน (หน้า 52) จากกรณีศึกษาพบว่าลักษณะผู้ใหญ่บ้านที่กะเหรี่ยงต้องการมากที่สุดคือ ผู้ใหญ่บ้านที่เป็นที่พึ่งของลูกบ้านได้ ให้ความช่วยเหลือและคำปรึกษา รองลงมาคือ ผู้ใหญ่บ้านที่มีส่วนร่วมกับสังคมดี สามารถเข้ากับคนในหมู่บ้านได้ และมีลักษณะประนีประนอม นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ส่วนลักษณะผู้ใหญ่บ้านที่ต้องการน้อยที่สุดคือ ลักษณะผู้ใหญ่บ้านที่เป็นผู้นำเลี้ยงผีไร่ประจำปี รองลงมาคือ ผู้นำที่มุ่งแต่งานโดยไม่ใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่น (หน้า 73) ทั้งนี้ ได้สรุปความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทางประชากรกับลักษณะผู้ใหญ่บ้านที่กะเหรี่ยงต้องการ แตกต่างกันตามเพศ วัย การศึกษา สถานภาพ อาชีพ กลุ่มประชากรที่ต้องการผู้ใหญ่บ้านลักษณะดังกล่าวมากที่สุด คือ เพศหญิง กลุ่มที่มีอายุระหว่าง 30-39 ปี กลุ่มที่ไม่ได้รับการศึกษา กลุ่มที่มีสถานภาพเป็นสมาชิกในครัวเรือน กลุ่มที่ประกอบอาชีพรับจ้างในโรงงานอุตสาหกรรม กลุ่มที่มีรายได้ 9,001 - 12,000 บาท ขึ้นไป และกลุ่มที่มีความเชื่อเรื่องผี (หน้า 80-81) |
|
Belief System |
เดิมชนเผ่ากะเหรี่ยงมีความเชื่อแบบวิญญาณนิยม (Aninism) เชื่อว่ามีวิญญาณสิงสถิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง จึงต้องบวงสรวงต่อวิญญาณเหล่านั้น เพื่อให้คุ้มครองมวลมนุษย์ ต่อมาเมื่อมีการเผยแพร่ศาสนาเข้าไปในชุมชน กะเหรี่ยงจึงหันมานับถือศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์ อย่างไรก็ดี ยังคงมีกะเหรี่ยงที่นับถือศาสนาควบคู่กับการประกอบพิธีกรรมแบบดั้งเดิม (หน้า 52) กลุ่มประชากรในกรณีศึกษานับถือศาสนาคริสต์มากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 49.7 รองลงมานับถือศาสนาพุทธร้อยละ 49 นอกจากนี้ยังมีประชากรที่นับถือผีอีกร้อยละ 1.3 (หน้า 71) |
|
Education and Socialization |
ประชากรกะเหรี่ยงยังขาดโอกาสทางการศึกษาอยู่มาก ร้อยละ 75 ของประชากรกะเหรี่ยงทั้งประเทศยังไม่ได้รับการศึกษา มีประชากรกะเหรี่ยงในจังหวัดแม่ฮ่องสอนเพียงร้อยละ 1.1 ที่ได้รับการศึกษา ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับการศึกษามีถึงร้อยละ 76.1 มีเพียงร้อยละ 44.8 ที่พูดภาษาไทยได้ ร้อยละ 19.4 อ่านภาษาไทยได้ และร้อยละ 18.4 เขียนภาษาไทยได้ (หน้า 53) โดยกลุ่มประชากรในกรณีศึกษาส่วนใหญ่ได้รับการศึกษาในระดับประถมศึกษา คิดเป็นร้อยละ 37.2 รองลงมาในระดับมัธยมศึกษาร้อยละ 29.1 ระดับปริญญาตรีร้อยละ 4.7 และสูงกว่าปริญญาตรีร้อยละ 0.3 ในจำนวนนี้มีประชากรที่ไม่ได้รับการศึกษาร้อยละ 28.7 (หน้า 69) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
กะเหรี่ยงมีชื่อเรียกต่างๆ กัน เช่น ในภาคกลางเรียกกะเหรี่ยง พม่าเรียกกะยิ่น (Kayin) คนพื้นเมืองในภาคเหนือและไทยใหญ่เรียก ยาง ชาวยุโรปเรียก Karen และจัดอยู่ในตระกูลธิเบต-พม่า โดยแบ่งเป็นกลุ่มสำคัญ ได้แก่ กะเหรี่ยงสะกอ (S Kaw Karen) อยู่ทางตะวันตกของจังหวัดเชียงใหม่ กะเหรี่ยงโปว์ (Pwo Karen) กะเหรี่ยงบเว (B'ghwe Karen) และกะเหรี่ยงตองตูหรือปะโอ (Pa-o) (หน้า 49-50) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
ตารางประชากรชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยง อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน (หน้า 53) สัดส่วนกลุ่มตัวอย่างประชากรในอำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน (หน้า 59) จำนวนและร้อยละกลุ่มตัวอย่างจำแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพในครัวเรือน อาชีพ รายได้ ความเชื่อ ศาสนา (หน้า 68-71) คะแนนเฉลี่ยของลักษณะผู้ใหญ่บ้านที่ชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยงต้องการ (หน้า 72, 74-76) ร้อยละของลักษณะผู้ใหญ่บ้านที่ชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยงต้องการ (หน้า 77) ลักษณะหรือแบบอย่างผู้นำที่ดีในความรู้สึกของกลุ่มตัวอย่าง (หน้า 78) |
|
|