|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
มอญ,ประเพณี,ราชบุรี |
Author |
จวน เครือวิชฌยาจารย์ |
Title |
ประเพณีมอญที่สำคัญ |
Document Type |
หนังสือ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
มอญ รมัน รามัญ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
140 |
Year |
2538 |
Source |
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Abstract |
ประเพณีมอญสามารถบอกถึงวิถีชีวิตของคนไทยเชื้อสายมอญตั้งแต่เกิดจนตาย รวมทั้งประเพณีในพุทธศาสนา เช่น การเทศน์มหาชาติที่คนไทยเชื้อสายมอญแถบลุ่มแม่น้ำแม่กลองยังยึดถือปฏิบัติกันอยู่ ประเพณีมอญดังกล่าวบางอย่างมีแนวปฏิบัติคล้ายกับประเพณีของคนไทยเชื้อสายอื่นๆ บางครั้งก็แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะคนไทยเชื้อสายมอญที่อาศัยอยู่ลุ่มแม่น้ำแม่กลองในเขตบ้านโป่ง อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี มีประเพณีบางอย่างที่คนไทยเชื้อสายมอญเห็นว่าไม่สำคัญก็ค่อยๆ สูญหายไปตามสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีประเพณีที่เห็นว่าสำคัญและดำรงรักษาไว้ แม้ว่าอาจจะมีการปรับเปลี่ยนบ้าง เช่น ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีโกนผมไฟ ประเพณีนับถือผีบ้าน ฯลฯ ซึ่งกลายเป็นอัตลักษณ์มอญเป็นที่น่าภูมิใจของคนไทยเชื้อสายมอญ (หน้า คำนำ, คำนำผู้เขียน) |
|
Focus |
พรรณนาประเพณีต่างๆ ที่สำคัญซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของคนไทยเชื้อสายมอญ เช่น ประเพณีแต่งงาน ประเพณีหญิงตั้งครรภ์และการอยู่ไฟ ประเพณีโกนผมไฟ ประเพณีนับถือผีบ้านและอื่นๆ (หน้า 13-14) |
|
Ethnic Group in the Focus |
คนไทยเชื้อสายมอญ ที่อาศัยอยู่ลุ่มแม่น้ำแม่กลองในเขตบ้านโป่ง อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี (หน้า 13) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
|
Belief System |
ตามความเชื่อของมอญ ปัจจัย 4 อย่างอันจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค เป็นปัจจัยที่มนุษย์เราจึงสร้างประเพณี พิธีกรรมความเชื่อเพื่อให้สามารถดำรงอยู่ได้ คนไทยเชื้อสายมอญจึงมีประเพณี พิธีกรรมที่เกี่ยวกับปัจจัย 4 ดังนี้ ประเพณีนับถือผีบ้าน ประเพณีการนับถือผีบ้านเป็นมรดกทางนามธรรมที่สำคัญของคนไทยเชื้อสายมอญ ผู้เป็นลูกหลานต้องยอมรับผีบ้านประจำตระกูลของตนและสืบทอดโดยไม่ขาดสาย โดยคนไทยเชื้อสายมอญจะทำการเซ่นไหว้ผีบ้านทุกปี กำหนดวันเซ่นไหว้ในเดือน 4,6,12,2 โดยบ้านใดเซ่นไหว้เดือนไหน ก็ต้องเซ่นไหว้ในเดือนนั้นประจำเสมอ โดยมีเครื่องเซ่นไหว้ ได้แก่ ขนมลูกสะบ้าทอด ขนมนางแอบ ขนมคันเหลา ขนมห่อใบตองแดง ข้าวเหนียวนึ่ง ขนมเปียกปูน ขนมข้าวตอก-งา โดยพิธีการเซ่นไหว้ ผู้ชำนาญการผีจะจัดวางเครื่องเซ่นไหว้ตามตำแหน่งให้ถูกต้อง แล้วเริ่มอัญเชิญหีบหรือกระบุงเสื้อผ้าอาภรณ์ผีบ้านลงมาเปิดตรวจสอบ จากนั้นเริ่มกล่าวคำอัญเชิญเจ้าฟ้าพระมหากษัตริย์-ผีบ้าน-สมุน ไพร่บ่าวให้มารับเครื่องเซ่นไหว้ประจำทุกปี ประเพณีขึ้นบ้านใหม่ ประเพณีขึ้นบ้านใหม่ของคนไทยเชื้อสายมอญแบ่งออกได้ 2 แบบ ได้แก่ พิธีกรรมขึ้นบ้านใหม่แบบปัจจุบัน (ยุคโลกาภิวัตน์) กับพิธีกรรมขึ้นบ้านใหม่แบบโบราณ 1. พิธีกรรมขึ้นบ้านใหม่แบบปัจจุบัน (ยุคโลกาภิวัตน์) ผู้คนส่วนใหญ่จัดพิธีกรรมแบบง่าย ๆ คือ เจ้าของบ้านใหม่หาฤกษ์งามยามดีจากท่านผู้รู้ หรือพระภิกษุสงฆ์ที่ตนเคารพนับถือมอบให้ท่านเป็นผู้กำหนด เมื่อได้วันแล้ว จะไปนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ ตามจำนวนที่ต้องการ โดยให้ท่านไปเจริญ พระพุทธมนต์ที่บ้านใหม่ตอนเช้า ฉันภัตตาหาร กรวดน้ำแผ่บุญกุศล เจิมประตูบ้าน ประตูห้องนอนพร้อมให้ท่านประพรมน้ำ พุทธมนต์ทั่วทั้งบ้านใหม่ เป็นอันเสร็จพิธีตามประเพณี 2. พิธีกรรมขึ้นบ้านใหม่แบบโบราณ แบ่งเป็น 2 แบบ คือ แบบพิธีกรรมอย่างง่าย และแบบพิธีกรรมแบบครบถ้วน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานภาพทางเศรษฐกิจของแต่ละบ้าน 2.1 พิธีกรรมอย่างง่าย เพียงเจ้าของบ้านใหม่หาฤกษ์งามยามดี เชิญญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือมาร่วมงาน ให้ท่านช่วยจัดระเบียบแบบโบราณ มอบให้ท่านผู้เกิดวันอะไร ต้องถือวัตถุสิ่งของใด จัดลำดับตั้งขบวนแถวเดินนำหน้าขบวนแถวจนถึงคนสุดท้ายตามประเพณี 2.2 พิธีกรรมแบบครบถ้วน การจัดพิธีกรรมแบบนี้ต้องกระทำทุกอย่างตามโบราณประเพณี ดังนี้ 2.2.1 เริ่มต้นด้วยการเลือกวันดีในพิธีกรรม วันใดก็ได้ในรอบอาทิตย์ ยกเว้นวันเสาร์เพราะถือว่าเป็นวันอปมงคล 2.2.2 เมื่อได้วันแล้ว ให้จัดการเรื่องพระภิกษุสงฆ์ โดยไปนิมนต์ตามจำนวนที่ต้องการเพื่อให้ท่านเจริญพุทธมนต์ ฉันภัตตาหารเช้า และประพรมน้ำมนต์ทั่วไป 2.2.3 เชิญญาติพี่น้อง ผู้ใหญ่ มิตรสหาย และผู้มีเกรียติไปร่วมงาน 2.2.4 ฤกษ์พิธีกรรมต้องเริ่มตอนบ่าย ช่วงเวลาไหนก็ได้ตามสะดวก ประเพณีการแต่งงาน คนไทยเชื้อสายมอญ มีพิธีการแต่งงานดังนี้ 1.แต่งงานแบบวิวาหมงคล เป็นพิธีการแต่งงานที่จัดขึ้น ณ บ้านฝ่ายหญิง ฝ่ายชายต้องยกขบวนขันหมากไปทำพิธีการแต่งงานที่บ้านเจ้าสาว 2.แต่งงานแบบอาวาหมงคล เป็นพิธีการแต่งงานที่จัดขึ้น ณ บ้านเจ้าบ่าว ฝ่ายหญิงต้องพากันไปทำพิธีแต่งงานบ้านเจ้าบ่าว 3.แต่งงานนอกระบบ เป็นการแต่งงานระหว่างชาย-หญิง โดยไม่แจ้งเรื่องราวต่อพ่อแม่ทั้ง 2 ฝ่าย ไปจดทะเบียนแต่งงานที่อำเภอตามกฎหมาย โดยก่อนจะแต่งงานจะมีการเจรจาของพ่อสื่อแม่สื่อของฝ่ายชายต่อฝ่ายหญิงก่อนเสมอ เมื่อตกลงกันได้แล้วจะทำการหมั้นหมาย โดยฝ่ายชายจะนำเงินทองหมั้นหมายเสมือนเป็นคำมั่นสัญญาของทั้ง 2 ฝ่าย ในวันทำพิธีแต่งงาน ฝ่ายชายจะยกขบวนขันหมากไปยังบ้านฝ่ายหญิง โดยเจ้าสาวจะเตรียมสถานที่ประกอบพิธีแต่งงานไว้ก่อนให้เรียบร้อย เมื่อมาถึงบ้านเจ้าสาว จะมีประเพณีกั้นประตู โดยคนฝ่ายเจ้าสาว 2 คน เจ้าบ่าวจะต้องมอบซองสีใส่เงินให้คนกั้นประตูคนละซองจึงผ่านเข้าไปได้ เมื่อประกอบพิธีแต่งงานเสร็จแล้วรอถึงการส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ ประเพณีหญิงตั้งครรภ์และการอยู่ไฟ ตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน คนไทยเชื้อสายมอญยังยึดถือปฏิบัติ "ประเพณีหญิงตั้งครรภ์และการอยู่ไฟ" โดยบรรพชนไทยเชื้อสายมอญมีข้อสั่งสอนให้หญิงตั้งครรภ์ (ท้อง) ปฏิบัติตนสืบมาจนถึงทุกวันนี้ ได้แก่ คำสั่งสอนหญิงตั้งครรภ์พึงปฏิบัติ ผู้ใหญ่สมัยก่อนสั่งสอนต้องทำการชี้แนะนำหญิงตั้งครรภ์ว่าสิ่งใดควรทำ ไม่ควรทำ เช่น - อย่ายกวัตถุสิ่งของที่ใช้แรงมาก อย่าทำการงานที่ต้องออกแรงจนสุดกำลัง - กินอาหารที่ควรกิน เป็นการบำรุงครรภ์และต้องงดเว้นอาหารที่ไม่สมควรกิน - ดื่มน้ำที่ควรดื่ม งดเว้นน้ำที่ไม่ควรดื่ม กิจกรรมที่หญิงตั้งครรภ์ต้องปฏิบัติ คนไทยเชื้อสายมอญ ยึดมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างแนบแน่น ประเพณีจึงยึดถือเอาพุทธศาสนาเป็นหลัก ให้หญิงตั้งครรภ์พึงปฏิบัติดังนี้ - ให้ไปกราบไหว้ปู่ ย่า ตา ยาย ญาติผู้ใหญ่หรือผู้ทรงคุณวุฒิ - ให้ทำอาหารคาว-หวานตักบาตรวันโกน-วันพระ - ให้ทำการใส่บาตรพระภิกษุสงฆ์ที่มาบิณฑบาตทุกเช้า - ให้ออกกำลังตักน้ำถวายพระภิกษุตอนเย็น - ให้ไปกราบไหว้หมอตำแยประจำตนและผีบ้านผีเรือน สิ่งที่หญิงตั้งครรภ์ต้องงดเว้น เพื่อทารกในครรภ์ของตนมีสุขภาพอนามัยสมบูรณ์และปราศจากโรคภัยต่าง ๆ ควรให้หญิงตั้งครรภ์งดเว้นสิ่งต่อไปนี้ - งดเว้นอาหารที่มีรสเผ็ด อาหารที่แข็งกระด้างย่อยยาก - ห้ามนั่งกลางนอกชานหรือเฉลียงบ้าน ห้ามนั่งเหยียดขา หรือนั่งห้อยขา - ห้ามนั่งหัวบันไดบ้าน ห้ามนั่งพิงเสาบ้าน - ห้ามส่งศพออกไปป่าช้า ห้ามยกหีบศพ ห้ามไม่ให้ยกถาดเครื่องศพ การดูแลระวังรักษาครรภ์ - การสนทนาปราศรัย ต้องสุภาพอ่อนหวาน เป็นคนมีกิริยามารยาทเรียบร้อย - ต้องกราบไหว้ระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัย ต้องกราบไหว้สามีตนก่อนนอนเสมอ - ต้องทาขมิ้นทั่วตัว และที่ครรภ์ประจำจนกว่าจะถึงวันคลอดทารก เมื่อหญิงตั้งครรภ์คลอดทารกแล้วหมอตำแยต้องรีบอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดปราศจากกลิ่นคาวต่างๆ เอาผ้าพันหน้าท้องหลายๆ ชั้น ให้ขึ้นบนเตียงหน้าไฟทันที ก่อไฟให้เกิดความร้อนพอทนได้ เพื่อให้มดลูกเข้าที่ ประเพณีโกนผมไฟ ประเพณีการโกนผมไฟถือเป็นวัฒนธรรมประเพรีประจำชาติของมอญและเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่คนมอญถือปฏิบัติ โดยกำหนดวันเดือนปีโกนผมไฟ ที่นิยมกันมากคือ เดือน 4,5,6 และ 12 ซึ่งการโกนผมไฟทำได้ 2 แบบ 1.แบบประหยัด สำหรับครอบครัวที่มีฐานะทางเศรษฐกิจไม่ค่อยดี 2.แบบการจัดใหญ่ โดยมากเป็นครอบครัวที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี โดยตอนแรกเชิญญาติผู้ใหญ่มาร่วมงานเพื่อช่วยกันเตรียมของกินของใช้วันงาน เช้าวันงานก็นิมนต์พระภิกษุสงฆ์ที่มาที่บ้าน เพื่อเจริญพุทธมนต์ภายในวงสายสิญจน์ และให้พระภิกษุที่เป็นประทานถือกรรไกรตัดผมเด็กให้เป็นพิธี ข้อสำคัญคือต้องโกนผมก่อนเวลาเที่ยงวันเสมอ ประเพณีบรรพชาและอุปสมบท การบวชแบบคนไทยเชื้อสายมอญมี 2 แบบ คือ 1. การบวชแบบเงียบ ไม่จัดงานใหญ่โต เพียงนิมนต์พระอุปัชฌาย์คู่สวดและพระภิกษุสงฆ์ที่นั่งอันดับมีเครื่องอัฐบริขารครบ ถึงกำหนดเวลาพากันเข้าโบสถ์ บวชเป็นพระภิกษุได้เลย 2.การบวชแบบจัดงานใหญ่ เจ้าภาพจัดงานใหญ่โตใช้เงินทองมาก จัดเตรียมงานก่อนเวลาล่วงหน้า มีขั้นตอนดังนี้ 2.1 กำหนดวันการบวช ญาติผู้ใหญ่ไปขอพระอุปัชฌาย์ให้ท่านกำหนดวันเวลาการบวช 2.2 ส่งบัตรเชิญให้กับญาติและเพื่อนฝูง 2.3 เอาลูกหลานไปฝากวัด โดยต้องเอาไปฝากก่อนวันบวชเพื่อจะได้ท่องบทอุปสมบท และเรียนรู้แบบแผนความเป็นอยู่ชีวิตประจำวันของพระภิกษุสงฆ์ตั้งแต่เช้าจรดเย็น 2.4 กอง-เหมาสาวแห่ เป็นงานบวชที่มีการแห่ต้นเทียน พุ่มดอกไม้ บายศรีและเครื่องไทยทานถวายพระภิกษุสงฆ์ โดยเชิญสาว ๆ มาถือต้นเทียนหรือพุ่มดอกไม้ 2.5 ดนตรี ขบวนแห่จะได้สนุกสนาน เช่น แตรวง กลองยาว หรือ มโหรี 2.6 ม้าแห่นาค เพื่อให้นาคมีสง่าราศีต้องให้ขี่ม้าที่ประดับประดาไว้สวยงาม 2.7 มหรสพสมโภช เจ้าภาพที่ร่ำรวยจะฉลองงานให้ครึกครืนในคืนวันสุกดิบ มักหาภาพยนตร์หรือนาฏดนตรี (ลิเก) 2.8 เครื่องพิธีบรรพชาอุปสมบท เช่นเครื่องอัฐบริขาร เครื่องถวายพระภิกษุสงฆ์ 2.9 กิจกรรมในวันสุกดิบน้อย เช่น การทำขนมจีนเลี้ยงแขกในวันสุกดิบ 2.10 กิจกรรมในวันสุกดิบใหญ่ เป็นวันบวชจริง 2.11 การทำขวัญนาคหรือเทศน์สอนนาค กิจกรรมวันอุปสมบท ประมาณ 6 โมงเช้า จะมีกิจกรรมแห่นาคเที่ยว แต่งกายพ่อนาคนุ่งผ้าม่วง สวมเสื้อครุยนาค ห่มสไบทับบนเสื้อครุยนาค สวมชฎา เดินเท่ามือพนมกรไม่มีสาวอุ้มต้นเทียน และต้องกลับถึงบ้านทันพระภิกษุสงฆ์ฉันภัตตาหารเช้าเพื่อให้พ่อนาคมีโอกาสตักบาตรและถวายภัตตาหารเช้า พิธีปลงผมนาค ประมาณ 8.30 น. เริ่มพิธีปลงผมโดยให้บิดามารดาตัดผมพ่อนาคก่อน ตามด้วยญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงตามลำดับ มารดาเป็นผู้ถือถาดที่รองรับด้วยใบบัวคอยรับเส้นผมเสร็จแล้วจะห่อเส้นผมทั้งหมดด้วยใบบัว อธิษฐานขอให้ลูกหลานบวชเรียนอยู่ร่มเย็น แล้วนำไปเสียบเก็บไว้บนคบไม้ใหญ่ หลังจากนั้นอาบน้ำพ่อนาค และนุ่งขาวห่มขาว เลี้ยงฉลองก่อนเข้าโบสถ์ ตอนบ่ายจะนำพ่อนาคไปอุปสมบถที่วัด จัดริ้วขบวนอีกแบบหนึ่งให้บิดาถือตาลปัตร สะพายบาตรเดินนำหน้าริ้วขบวนตามด้วยมาดดาถือทูนพานแว่นฟ้าผ้าไตร ตามด้วยญาติพี่น้องและสาวๆ ถือพุ่มต้นเทียน ดอกไม้ บายศรี ไทยทาน ดนตรีแห่ ส่วนพ่อนาคถือธูปเทียนเดินไปถึงวัด แห่เดินประทักษิณเวียนขวามือรอบโบสถ์ 3 รอบ เป็นการคารวะตามพิธี เมื่อเดินผ่านลูกนิมิต้องนำกรวยดอกไม้จากมือพ่อนาคที่พนมอยู่ไปวางที่ใบเสมา 1 กรวย จนครบ 3 รอบ รอบสุดท้ายให้พ่อนาคนั่งลงบนเสื่อตรงพัทธสีมาหน้าโบสถ์ บิดามารดาทั้งสองคนเอาผ้าไตรจีวรมอบส่งให้พ่อนาค ด้วยการวางพาดลงบนแขนทั้งสองข้างของพ่อนาค โดยพ่อนาคต้องนั่งคุกเข่าพนมมือ ประเพณีสงกรานต์ วันสงกรานต์จะมีในวันที่ 13-14-15 เมษายน ของทุกปี โดยในวันนั้นทุกคนจะหาโอกาสเดินทางกลับบ้านเกิด เพื่อไปร่วมทำบุญกุศลในเทศกาลประเพณีสงกรานต์ และไปคารวะญาติผู้ใหญ่ พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ฯลฯ โดยชาวบ้านม่วงจะจัดเตรียมงานในวันที่ 12 เมษายน ซึ่งสมัยนี้เรียกว่าวัน "สุกดิบ" ทุกคนจะช่วยกันจับจ่ายใช้สอยหาวัสดุข้าวของมาประกอบอาหารตามต้องการตามกำลังทรัพย์ ในวันที่ 13 เมษายน เป็นวันมหาสงกรานต์ที่เรียกว่า "วันกรานต์ข้าวแช่" โดยตอนเช้าทุกบ้านจะนำข้าวแช่ 1 ชุด พร้อมกับดอกไม้ธูปเทียนจุดบูชาถวายบูชาข้าวแช่แด่เทพีสงกรานต์ตั้งเอาไว้บนศาลเพียงตา เป็นพิธีต้อนรับเทพีสงกรานต์ หลังจากนั้น แต่ละคนจะนำข้าวแช่ไปถวายพระภิกษุสามเณรตามวัดวาอารามต่างๆ หลังจากนั้นก็ตำข้าวแช่ไปส่งคารวะญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ และเชิญเพื่อ ฝูงรับประทานข้าวแช่สังสรรค์กับตามประเพณีสงกรานต์อย่างสนุกสนาน คนหนุ่มสาวรวมตัวกันไปดูการละเล่นหรือเล่นพื้นบ้านตามประเพณีสงกรานต์ ในวันที่ 14 เมษายน เรียกว่า "วันเนาว์" เป็นวันที่คาบเกี่ยวกับเก่ากับใหม่ มีกิจกรรมเหมือนวันที่ 13 เมษายนเกือบทุกอย่าง ส่วนวันที่ 15 เมษายน เรียกว่า "วันเถลิงศก" หรือวันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีสงกรานต์ตามปีโหราศาสตร์มีการทำบุญกุศล ส่ง ถวายข้าวแช่เป็นครั้งสุดท้าย และจะมีการสรงน้ำพระพุทธ และพระภิกษุสงฆ์ปิดท้ายงานประเพณีสงกรานต์ ประเพณีช่วยเหลืองานศพ พี่น้องคนไทยเชื้อสายมอญ ตำบลบ้านม่วง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี มีการจัดงานศพตามประเพณีที่สืบทอดมาจากบรรพชน แต่การปฏิบัติจะแตกต่างจากชุมชนอื่นบ้าง โบราณประเพณีแยกศพออกเป็น 2 ประเภท - ศพคนตายไม่ดี เช่น ผูกคอตาย รถชนตาย ถูกยิงตาย ฯลฯ ชาวบ้านเรียกคนตายประเภทนี้ว่า "ศพพวกตายโหง" จัดเป็นพวกตายไม่ดี การช่วยเหลือศพคนตายประเภทนี้จะต้องรีบเร่งกันช่วยต่อโลงบรรจุศพ รีบเอาไปฝังหรือใส่โกดังศพที่วัดทันที เมื่อเวลาครบปีจะขุดศพหรือกระดูกขึ้นมาจัดงานบำเพ็ญกุศล เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะโบราณประเพณีถือว่า ศพคนตายไม่ดี ถ้าหากมีการจัดงานต่างๆ จะเกิดความหายนะ เสนียดจัญไร เกิดการตายไม่ดีสืบเนื่องต่อไปแก่วงศ์ตระกูลไปเจ็ดชั่วโคตร - ศพของคนที่ตายดี เช่น คนสูงอายุ ตายด้วยโรคชรา หรือตายเพราะเจ็บไข้ได้ป่วยธรรมดาทั่วไป ฯลฯ ถือว่าตายแบบสามัญ โดยมากเจ้าภาพจะแจ้งข่าวให้บรรดาเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงเพื่อให้รับรู้และถ้าใครสะดวกก็มาช่วยงานได้ โดยในพิธีจะมีการอาบน้ำศพในช่วงเวลา บ่ายโมง บ่ายสองโมง หรือบ่ายสามโมง ตามสะดวก ตกดึกพวกชาวบ้านที่มาช่วยงาน จะเตรียมตัวไปฟังพระสวดอภิธรรม โดยมากเวลาประมาณ 2 ทุ่ม พระท่านเริ่มสวดตั้งแต่ 2-4 จบ ในวัดเผาศพจะทำการเคลื่อนศพออกจากบ้านต้องเป็นเวลาตอนบ่าย เรียกว่า "ตะวันบ่ายควาย" ชาวบ้านบ้านม่วงจะจัดหาธูปหรือดอกไม้จันทน์หรือฟืนสำหรับเผาศพ ประเพณีเทศกาลเรือยาว คนไทยเชื้อสายมอญมีเทศกาลแข่งเรือยาว เมื่อพระภิกษุสงฆ์ออกพรรษาวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 เป็นต้นไป จนถึงกลางเดือน 12 ลอยกระทงแล้ว สิ้นสุดเทศกาลแข่งเรือยาวตามประเพณีช่วยกันยกเรือยาวเก็บที่วัดของตนต่อไปเพื่อเทศกาลปีหน้า จุดประสงค์ในการแข่งเรือยาวเพื่อเป็นการฉลองเทศกาลขนมกระยาสารทมอญ และต้อนรับการออกพรรษาของพระภิกษุสงฆ์, สร้างความสามัคคีของชาวพุทธของแต่ละวัดและหมู่บ้านพบปะกันฉันพี่น้อง, เพื่อการลากจูงเรือแห่กฐินผ้าป่าและขันหรือกระจาดกัณฑ์มหาชาติเวสสันดรชาดก ประเพณีเทศกาลเทศน์มหาชาติ คนไทยเชื้อสายมอญมีความศรัทธาเชื่อมั่น "เทศนามหาชาติเวสสันดรชาดก" มาก เชื่อกันว่าตามพระสัจธรรมที่ท่านพระมาลัยมหาเถระอรหันต์ได้แสดงว่า ถ้าผู้ใดได้สดับรับฟังพระธรรมเทศนามหาเวสสันดร ตั้งแต่ต้นจนจบแล้วจะได้รับผลานิสงส์มหากุศลยิ่งใหญ่ เทศมหาชาติ เป็นพระธรรมเทศนาที่กล่าวถึงพระชาติสุดท้ายในจำนวนทศชาติยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ท่านได้ทรงสร้างสม บำเพ็ญพระบรมบารมีอย่างเหลือจะพรรณนา จนถึงพระชาติสุดท้ายเสวยพระชาติเป็น "พระมหาเวสสันดร" หรือ เรียกขานกันภาธรรมเทศนาว่า "มหาชาติ" แบ่งออกเป็น 13 กัณฑ์ การจัดงานเทศกาลมหาชาติ นิยมจัดวันออกพรรษา แรม 1 ค่ำ เดือน 11 จนถึงเดือน 12 สิ้นเดือนอ้าย-เดือนยี่ |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Other Issues |
ประเพณี พิธีกรรมในรอบปีทั้ง 12 เดือน ของคนไทยเชื้อสายมอญแถบลุ่มน้ำแม่กลอง มีดังนี้ เดือน 5 สงกรานต์ข้าวแช่ แห่ปลา, ค้ำโพธิ์, โรยทราย, ชักบังสุกุล และสรงน้ำพระสงฆ์ เดือน 6 พิธีแรกนาขวัญ ไถ ปักดำนาตามประเพณี เดือน 7 ทำบุญ ถวายทานผ้าอาบน้ำฝนแด่พระสงฆ์ เดือน 8 หล่อเทียนจำนำพรรษา, ถวายเทียนจำนำพรรษา พานพุ่มแด่พระสงฆ์ เดือน 9 ฤดูการทำนาหว่านข้าวกล้า ปักดำนา เดือน 10 ตำข้าวเหนียวทำขนมตักบาตร ตักบาตรน้ำผึ้ง เดือน 11 กวนขนมกระยาสารท ตักบาตรออกพรรษา เดือน 12 ตั้งศาลพระแม่โพสพที่ทุ่งนำ เพื่อเซ่นไหว้ผีบ้านและถวายพระสงฆ์ที่วัด เดือน 1 (อ้าย) ตำข้าวเม่าข้าวใหม่เซ่นไหว้ผีบ้านและถวายพระสงฆ์ที่วัด เดือน 2 (ยี่) ประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าว และลงแขกนวดข้าวเดือน 3 สารทข้าวหลาม ทำบุญฟืนก่อไฟถวายพระสงฆ์ และทำบุญวันมาฆบูชา เดือน 4 สิ้นฤดูทำนา ชายเข้าป่าตัดไม้ล่องแพ จักสาน หญิงเข้าหูกทอผ้านุ่งผ้าห่ม |
|
Text Analyst |
วศิน เชี่ยวจินดากานต์ |
Date of Report |
27 ม.ค. 2564 |
TAG |
มอญ, ประเพณี, ราชบุรี, |
Translator |
- |
|