|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ลเวือะ,การทอผ้า,เชียงใหม่ |
Author |
จรัญญา ลีพาแลว |
Title |
การทอผ้าของชาวละว้าบ้านมืดหลอง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ลัวะ (ละเวือะ) ลเวือะ อเวือะ เลอเวือะ ลวะ ละว้า,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
74 |
Year |
2545 |
Source |
หลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาอาชีวศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
การทอผ้าของละว้า ทั้งในอดีตและปัจจุบันยังคงใช้กี่ขนาดเล็ก ที่เรียกว่ากี่เอวเป็นอุปกรณ์หลัก ฝ้ายและด้ายที่ใช้ทอผ้า มีทั้งฝ้ายที่ปลูกเองและซื้อจากอำเภอแม่แจ่ม เช่นเดียวกับสีที่ใช้ในการย้อมผ้าจะได้จากสีธรรมชาติและสีเคมี การทอผ้าในอดีตของละว้าในอดีตจะทอไว้ใช้ในพิธีกรรมและใช้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น ปัจจุบันมีพ่อค้าจากพื้นราบสนใจสั่งซื้อผ้าทอละว้า บางประเภทเพื่อนำไปจำหน่าย นอกจากนี้มีการรวมกลุ่มสตรีในหมู่บ้าน เพื่อทอผ้าขายเป็นรายได้เสริมภายในครอบครัว ซึ่งโดยทั่วไปแล้วชาวบ้านจะทอผ้าเมื่อมีเวลาว่างจากงานประจำ ในส่วนของลวดลายผ้าทอละว้าจากอดีตจนปัจจุบันจะพบเพียง 2 ลายคือ ลายเส้นที่เกิดจากการมัดย้อม เส้นยืนบนผืนผ้าซิ่น โดยที่ผู้ทอต้องใช้ความชำนาญมากเป็นพิเศษในการทอเพื่อให้ได้ลายเส้นสวยงาม และอีกลายคือลายข้าวหลามตัดซึ่งทอไว้สำหรับเป็นผ้าคลุมศพคนตาย สันนิษฐานว่าอาจได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนานิกายมหายาน |
|
Focus |
ศึกษาและรวบรวมข้อมูลการทอผ้าของละว้าบ้านมืดหลอง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษาละว้าจัดอยู่ในตระกูลออสโตรเอเชียติก หรือเรียกให้แคบลงว่า ตระกูลภาษามอญ-เขมร สาขาย่อยปะหล่อง-ว้า (Palaung - Wa)(หน้า 7) |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
ลัวะหรือละว้าเป็นชนเผ่าโบราณที่กระจายตัวอยู่ทั่วไปในแถบหุบเขาของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในภาคเหนือของประเทศไทยพบที่เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง เชียงราย แพร่และพบในแถบเมืองเชียงตุงและเมืองยองในพม่า ตามตำนานล้านนาลัวะเป็นคนที่อยู่ในภาคเหนือมาก่อน และได้บอกชัดเจนถึงการตั้งถิ่นฐานชุมชนลัวะที่บริเวณเชิงดอยสุเทพเรียงรายลงมาตามที่ราบริมน้ำปิง มีหลักฐานว่าชุมชนลัวะนับถือดอยสุเทพเป็น "ภูเขาศักดิ์สิทธิ์" เพราะเป็นที่สิงสถิตย์ของ "ปู่แสะย่าแสะ" และผีบรรพบุรุษของลัวะ เชื่อกันว่ากลุ่มลัวะหรือละว้าที่อาศัยอยู่ตามแนวตะเข็บของเชียงใหม่ - แม่ฮ่องสอนถือได้ว่าเป็นลัวะดั้งเดิมกลุ่มใหญ่ที่สุดที่ยังหลงเหลือในภาคเหนือของประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีนักวิชาการหลายท่านที่ได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับ "ลัวะ" ว่ามีหลักแหล่งเดิมอยู่ตอนกลางของแหลมอินโดจีน โดยเฉพาะที่ "ละว้าปุระ" คือเมืองลพบุรีในปัจจุบันและได้อพยพไปทางเหนือโดยยึดแม่น้ำปิงเป็นแนวการเดินทาง พวกแรกๆ ได้อพยพไปตั้งถิ่นฐานอยู่ตามฝั่งแม่น้ำคง ในรัฐไทยใหญ่ (Shan State) ของพม่า ส่วนพวกที่ตามมาทีหลังได้ตั้งถิ่นฐานกระจัดกระจายอยู่ตามลุ่มน้ำปิงในประเทศไทย เรียกว่าพวก "กว้าเขิ้ด" ไทยเราเรียกว่า ลัวะ (Lua) (หน้า 1-2, 6) ชุมชนละว้าบ้านมืดหลอง หลังการสิ้นสุดสงครามของขุนหลวงวิลังคะเจ้าเมืองเชียงใหม่ผู้นำลัวะกับพระนางจามเทวีเจ้าเมืองลำพูน ละว้าแถบลุ่มแม่ปิงส่วนหนึ่งได้หลบหนีภัยสงครามมุ่งหน้าสู่ดอยสูงแถบรอยต่อจังหวัดเชียงใหม่และแม่ฮ่องสอนบริเวณเทือกเขาถนนธงไชยกลาง การอพยพมาในสภาพของผู้แพ้สงครามอาจเป็นสาเหตุหลักในการเลือกขุนเขาสูงเป็นแหล่งตั้งชุมชนในสมัยโบราณ เพื่อง่ายต่อการสื่อสารและง่ายต่อการป้องกันอันตรายจากสัตว์ป่า หรืออาจจะคุ้นเคยกับการอยู่ที่สูงมาก่อน "เยืองฮล่อง" หรือ "เยืองแมะฮล่อง" คือชื่อชุมชนโบราณของกลุ่มละว้าอีกกลุ่มในจำนวนกลุ่มละว้าอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง เช่น เยืองโคระ (บ้านแปะ) เยืองโฮระ (บ้านเฮาะเก่า) เมืองฮล่องโบราณขุนเขาสูง (ทิศตะวันตกของหมู่บ้านมืดหลองปัจจุบัน) ประกอบด้วยบุคคล 3 กลุ่มคือ กลุ่มขุนสะมาง กลุ่มเยืองเหงียกและกลุ่มเยืองเรียง (เยือง หมายถึง รากไม้) เยืองฮล่องสิ้นสุดลงเนื่องจากตั้งไกลแหล่งน้ำ จึงต้องย้ายหาที่ใหม่และสุดท้ายคือชุมชนบ้านมืดหลองในปัจจุบัน ซึ่งย้ายมาได้ประมาณ 300 ปี ปัจจุบันบ้านมืดหลองมีกลุ่มเชื้อสายเยืองแมะฮล่องโบราณเพียง 2 กลุ่มคือ กลุ่มขุนสะมางและกลุ่มเยืองเหงียกส่วนล่าสุดคือกลุ่มที่ผู้แต่งงานข้ามกลุ่ม(หน้า 22-25) |
|
Settlement Pattern |
หมู่บ้านของละว้า มักจะตั้งอยู่ในหุบเขาที่สูงกว่าน้ำทะเลประมาณ 1,000 ฟุต อยู่ใกล้กับต้นน้ำลำธาร มีพื้นที่นาและไร่ ล้อมรอบหมู่บ้าน ภายในหมู่บ้านมีสาธารณูปโภค เช่น ระบบชลประทาน บางหมู่บ้านมีไฟฟ้า นอกจากนี้หมู่บ้านละว้ายังมีสถานที่สำคัญ เช่น โบสถ์คริสต์เตียน โบสถ์คริสต์ตัง วัด (บางหมู่บ้านไม่มี) โรงเรียนประถมศึกษา สถานีอนามัย (เฉพาะที่ทำการตำบล) เญียะยู ซึ่งเป็นศาลาผีสำหรับประกอบพิธีกรรมหรือเลี้ยงผี บางหมู่บ้านมี 2 หลังเนื่องจากการนับถือผีที่ต่างตระกูล (หน้า 10) บ้านมืดหลอง ผังชุมชนมีลักษณะรวมเป็นกลุ่มโดยมี ยุ้งข้าวหมู่บ้านอยู่กลางหมู่บ้าน มีลำห้วยแม่ตูมไหลผ่านทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ด้านทิศตะวันตกของหมู่บ้านเป็นที่ตั้งของศาลาผี เสาสะกัง แผงโซล่าเซลและวัด มีประปาหมู่บ้านตั้งอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้าน (หน้า 27) |
|
Demography |
ลัวะดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ตามแนวตะเข็บของเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน รวมชุมชนละว้าทั้งหมดมีประมาณ 700 หลังคาเรือน ละว้าที่ตั้งถิ่นฐานบนภูเขา มีสถานะเป็นชาวเขาเมื่อ พ.ศ. 2538 มีประชากรจำนวน 14,152 คน (หน้า 2) บ้านมืด หลอง เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 มีจำนวนประชากรทั้งหมด 267 คน จากทั้งหมด 48 หลังคาเรือน จำแนกเป็นเพศชาย 136 คน เพศหญิง 131 คน ในกลุ่มสตรีทอผ้ามีสมาชิกจำนวน 49 คน(หน้า 28) |
|
Economy |
ทอผ้า (ดู Art and Crafts) |
|
Political Organization |
บ้านมืดหลอง มีผู้ปกครองคือ พ่อหลวง (ผู้ใหญ่บ้าน) ผู้สืบเชื้อสายมาจากสะมางโบราณ ในพิธีกรรมจะเป็นหมอผี และปัจจุบันขุนสะมางจะได้รับการนับถือสูงสุดในหมู่บ้าน อภิสิทธิ์ในการเลือกที่ทำกินจะขึ้นกับบุคคลทั้ง 3 กลุ่ม ตกลงกันว่าจะลือกที่ทำกินจุดใด(หน้า 25) ลักษณะโครงสร้างการปกครองของหมู่บ้าน มีผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ อบต. กรรมการ สารวัตรกำนัลและหมอผี(หน้า 28) |
|
Belief System |
พวกละว้าในเขตตำบลบ่อหลวง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพวกที่นับถือศาสนาพุทธ ในพิธีศพจะเผาแล้วนำอัฐิไปฝังไว้ในที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะนอกเขตชุมชน (หน้า 6) พิธี "โนกควายเนิอม" หรือ "โนกสปัยซ" จุดมุ่งหมายสำคัญคือเพื่อให้ผีปกป้องดูแลคนในหมู่บ้าน และช่วยให้ทำไร่ทำนาได้พืชผลที่อุดมสมบูรณ์ พิธีเลี้ยงผีหมู่บ้าน 4-5 ปีจึงจะจัดขึ้นครั้งหนึ่ง ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจของหมู่บ้าน ในพิธีจะแบ่งออกเป็น 3 วันคือ - วันดา เป็นวันเตรียมของพิธี - วันเลี้ยงผี นำควายไปผูกที่เสาสะกัง ใช้หอกแทงควายจนตาย นำเลือดควายและชิ้นส่วนต่างๆ อย่างละน้อยบูชาที่เสานี้ จะมีการตีกลองประกอบตลอดตั้งแต่เริ่มจนเสร็จพิธี - วันส่งเคราะห์ (เตาสะอาง) หลังจากเลี้ยงผีหมู่บ้านแล้ว ส่งเคราะห์โดยใช้หมาดำและลูกหมูรวมทั้งกระทงส่งเคราะห์จากทุกบ้าน ขั้นตอนสุดท้ายในการส่งเคราะห์คือ นำหมาดำลอดใต้ศาลาผี คนในหมู่บ้านสาดน้ำไล่เคราะห์และยิงปืน จุดประทัด โห่ร้องแสดงความยินดีที่สิ่งไม่ดีทั้งหลายออกไปจากหมู่บ้าน (หน้า 10) สัตว์ที่ใช้ในพิธีกรรมส่วนใหญ่จะเป็น หมู ไก่ หมา วัวและควาย ซึ่งควายจะใช้ในพิธีกรรมขนาดใหญ่และซึ่งผู้มีฐานะในหมู่บ้านเป็นผู้จัด (หน้า 28) บ้านมืดหลอง ทุกบ้านนับถือผีอย่างเคร่งครัด ส่วนศาสนาพุทธมีการนับถือน้อย ทุกบ้านจะเลี้ยงผี 3 จุดคือ ผีใต้ถุนบ้าน ผีหัวบันไดบ้าน และผีในตัวบ้าน ทุกปีจะทำพิธีผีทั้ง 3 จุด ปีละ 1 ครั้ง (หน้า 25) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
ละว้าบ้านมืดหลองจะให้ความสำคัญอย่างมากในผ้าทอที่ใช้ในโอกาสพิเศษ เช่น เสื้อสีดำของสตรี (เอื่อเป่ะลอง) จะกุ๊นตะเข็บด้วยด้ายเงินอย่างประณีตสวยงาม นอกจากนี้ยังมีผ้าที่ใช้ในพิธีศพ จะออกแบบลวดลายบนผืนผ้าด้วยรูปข้าวหลามตัด ซึ่งผู้ที่จะทอผ้าชนิดนี้ต้องเป็นหญิงที่สูงอายุเท่านั้น (หน้า 2-3) ประเภทของผ้าทอละว้า - เสื้อขาวสตรี เป็นผ้าทอสีขาวทั้งผืนตัดแบ่งครึ่งเย็บต่อเป็นผืนลักษณะคล้ายกระสอบผ่าร่องรูปตัววีที่คอจะตัดแขนทั้งสองข้างในการเย็บต่อและเก็บตะเข็บ และนำด้ายสีต่างๆ เย็บเป็นสีสันบนผืนผ้า หญิงละว้าทุกคนต้องมีอย่างน้อย 3 ชุด เพราะเป็นชุดที่ใส่ประจำวันและในพิธีกรรม แม้ในบางพิธีจะใส่เสื้อสีดำแต่ข้างในก็ต้องใส่เสื้อสีขาวก่อน - เสื้อสีดำสตรี ทอผ้าทั้งผืนด้วยสีดำขอบสีเลือดหมูกว้างประมาณ 1 นิ้วครึ่งถึง 2 นิ้ว นำมาตัดเย็บเช่นเดียวกับเสื้อขาว ต่างเพียงเสื้อสีดำจะเพิ่มด้ายแต่งขอบด้วยด้ายลวดเงินเส้นเล็กๆ นำมาถักแล้วปักลงในแนวรอยต่อด้านหน้าและด้านหลังอย่างประณีต ผ้าชนิดนี้จะสวมใส่ในพิธีกรรมเท่านั้นคือ งานพิธีเลี้ยงผีเสาสะกัง งานพิธีแต่งงานและงานพิธีเลี้ยงผีฟ้าผ่าในไร่ - ผ้าซิ่นละว้า เป็นผ้าซิ่นที่ทอยากที่สุดในบรรดาผ้าทอละว้าทั้งหมด ยิ่งลายละเอียดมากยิ่งต้องใช้ความชำนาญสูง ผ้ามีจุดเด่นตรงที่วิธีการมัดลายเส้นยืน หน้าแคบด้วยข้อจำกัดของกี่ทอผ้า ปัจจุบันมี 2 แบบ แบบลายเส้นสีน้ำเงินสลับขาวที่เกิดจากฝ้ายมัดย้อมเส้นยืนและการนำเส้นด้ายไหมมัดย้อมเส้นยืนเพิ่มเข้าไปในผืนผ้า - ผ้าพันแขนและผ้าพันแข้งของผู้หญิง เกิดจากการทอผ้าทั้งผืนแล้วนำมาตัดแบ่งเป็นผ้าพันแขนและแข้ง ผ้าพันแขนส่วนใหญ่จะเย็บต่อกันเป็นรูปทรงกระบอก ในเวลาสวมใส่จะใช้เป็นลักษณะการม้วนหรือพันรอบแข้งแล้ว ใช้สกุนหรือห่วงที่ข้อเท้าทับผ้าไว้ให้ติดกับแข้ง สีส่วนใหญ่นิยมใช้สีดำและสีน้ำเงิน ส่วนผ้าพันแขนมีทั้งสีน้ำเงิน สีขาว เวลาสวมจะใส่เข้าชุดกับตัวเสื้อ - กางเกงผู้ชาย เกิดจากการนำผ้าทอ 7 ชิ้นมาเย็บต่อให้เป็นผืนรูปทรงกระบอกยาวถึงตาตุ่ม จึงต้องใช้ความชำนาญในการตัดเย็บเพื่อให้ได้รูปทรงที่สวยงาม - เสื้อสีขาวของผู้ชาย เกิดจากการนำผ้า 4 ชิ้น มาเย็บต่อเป็นผืนคล้ายเสื้อแบบจีน ไม่มีกระดุม ตัวเสื้อเกิดจากผ้า 2 ชิ้น เย็บต่อตะเข็บใต้รักแร้ทั้ง 2 ข้าง เว้นทรงกระบอกตรงแขนสำหรับต่อแขน ด้านหลังเย็บต่อแนวตามเส้นกระดูกสันหลัง ตกแต่งลวดลายด้านหน้ารูปสี่เหลี่ยมหรือ "ตัวตวน" เหมือนในผ้าคลุมศพ ใส่เฉพาะในงานพิธีกรรมเท่านั้น โดยจะสวมเข้าชุดกับกางเกงสีขาวซึ่งส่วนมากจะมีคนละ 1 ชุดเท่านั้น - ผ้าปูศพ ละว้าเรียกว่า "ผ้าลัมเบ" ใช้เฉพาะในพิธีศพเท่านั้น เกิดจากการทอผ้าทั้งผืน มาตัดแบ่งครึ่งแล้วเย็บตัวเป็นผืนตามความยาว ลวดลายที่ใช้จะสลับสีระหว่างขาวกับชมพู ต้องทอจากฝ้ายเท่านั้น และผู้ทอต้องอายุ 40 ปีขึ้นไป ทุกบ้านต้องมีอย่างน้อย 2 ชุด เพราะเมื่อมีคนตายถ้าไม่มีผ้าชนิดนี้จะนำไปฝังที่ป่าช้าไม่ได้ - ผ้าคลุมศพ ละว้าเรียกว่า "ผ้าตวน" เกิดจากผ้าทอ 2 ผืนมาเย็บรวมกันโดยลาย "ตัวตวน" รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนจะแยกทอหนึ่งผืนเมื่อนำมาตัดแบ่งจะได้เป็น 2 ผืน ส่วนขอบจะทอผ้าอีก 1 ผืนมาตัดครึ่งแล้วเย็บต่อกับผ้าตวน - ผ้าห่มละว้า ปัจจุบันมี 2 แบบ ชนิดทอด้วยฝ้ายสีขาวทั้งผืนและแดงสลับขาว ผ้าห่มจะใช้ทั้งในพิธีแต่งงานและพิธีศพแต่ปัจจุบันใช้เป็นเปลใส่เด็กติดหลังแทนการอุ้ม - ย่าม เกิดจากผ้าทอทั้งผืนนำมาตัดเป็น 2 ชิ้นเย็บขอบตกแต่งให้เป็นถุง ย่ามเมื่อถูกนำไปใช้ในพิธีศพจะใช้จำนวน 3, 5, 7 หรือ 9 ใบ ขึ้นกับฐานะของผู้ตาย - ถุงใส่แถบ เกิดจากการทอผ้าผืนเล็ก เย็บขอบตามแนวยาวให้ได้รูปตรงกลางสำหรับใส่เหรียญแถบ ปัจจุบันถุงใส่แถบจะใช้ในพิธีแต่งงานเท่านั้น (หน้า 31-33) สีที่ใช้ย้อมผ้ามีทั้งสีที่ได้จากธรรมชาติและสีเคมี หากเป็นผ้าที่ใช้ในพิธีกรรมจะใช้สีย้อมจากธรรมชาติเป็นหลักและสีเคมีตกแต่งหรือใช้ด้ายหรือสีสำเร็จแทนสีเคมี (หน้า 40) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
เรียกตัวเองว่า "ละเวือะ" (หน้า 26) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ปัจจุบันมีอุตสาหกรรมทอผ้าด้วยเครื่องจักรทันสมัย รัฐบาลส่งเสริมอาชีพทอผ้าในชนบทใช้กี่กระตุกในการทอผ้า (หน้า 13) ผ้าพันแขนและผ้าพันแข้งของผู้หญิง ปัจจุบันใส่เฉพาะหญิงที่อายุเกิน 40 ปีขึ้นไป ส่วนวัยรุ่นจะหันมาใส่กางเกงวอร์มไม่นิยมใส่สกุนกางเกงผู้ชาย ปัจจุบันนิยมซื้อจากร้านในพื้นที่ราบ และโอกาสในการสวมใส่เริ่มน้อยลง แต่ในพิธีศพยังมีความจำเป็นต้องให้คลุมผู้ตายด้วยผ้าฝ้ายทอมือสีขาว เพราะผีจะไม่เอาผ้าที่ซื้อจากคนพื้นที่ราบและมิใช่ผ้าฝ้าย ผ้าปูศพ ในอดีตผู้ทอต้องอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันมีข้อยกเว้นให้คนอื่นทอให้ได้ หากได้รับอนุญาตจากคนแก่ก่อน ปัจจุบันย่ามถูกทอและออกแบบตามความพอใจของผู้ทอซึ่งต่างกับในอดีตที่ย่ามละว้าจะทอสีพื้นขาวจากฝ้าย ขอบใช้สีแดงเลือดหมูตกแต่งด้วยด้ายสีแดง สีน้ำเงินและสีเหลือง (หน้า 32-33) |
|
Map/Illustration |
ภาพ - ชาวเขา (อาจจะเป็นละว้า) จิตรกรรมบนตู้ไม้ลายกำมะลอที่พิพิธภัณฑ์กรุงเทพฯ (12) - ชาวลัวะในเขตที่ราบสูง (BOLOVEN) ทางตอนใต้ของประเทศลาว(12) - ชาวลัวะจากเขตที่ราบสูงทางตอนใต้ของประเทศลาว(14) - สาวละว้าบ่อหลวง(14) - จิตรกรรมวัดป่าแดด อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่(18) - ผ้าซิ่นแบบละว้า(18) - ผ้าซิ่นลัวะ(18) - ย่ามแบบต่างๆ ของละว้าในพิธีศพ(34) - ผ้าตวนและผ้าลัมเบสำหรับคลุมศพและปูศพคนตาย(34) - ผ้าพันแขนผู้หญิง(34) - ผ้าห่มในอดีต(35) - ผ้าห่มในปัจจุบัน(35) - ชุดสีขาวผู้หญิง(35) - ชุดสีดำผู้หญิง(35) - ชุดสีขาวละว้าบ้านมืดหลอง(36) - ชุดสีดำในพิธีเลี้ยงผีเสาสะกังบ้านมืดหลอง(36) - ชุดผู้ชายละว้าเจืองละมาง(ในพิธีศพ)(37) - หญิงละว้าเล่นเฆ(ในพิธีศพ)(37) - ชุดกี่ทอผ้าละว้า(39) - ชุดกี่เอวขนาดทอย่าม(39) - ย้อมสีธรรมชาติจากรากไม้(42) - ฝ้ายย้อมสีจากธรรมชาติ(42) - สีย้อมผ้า(42) - สีด้ายย้อมด้วยใบแน(42) - ฝ้าย(43) - ดีดฝ้าย(43) - ดึงเส้นใย(43) - เส้นด้ายจากฝ้าย(43) - เครื่องมือมัดด้ายเส้นยืน(43) - ย้อมด้ายมัดเส้นยืน(44) - แกะเชือกมัดลาย(44) - ลายที่ได้จากการมัดเส้นยืน(44) - จัดเรียงด้ายเตรียมลงกี่(44) - ทอผ้าซิ่นจากผ้าฝ้ายย้อมสีธรรมชาติ(44) - ลายผ้าซิ่นละว้า(45) - ลายข้าวหลามตัดในผ้าตวน(46) แผนภูมิ - แสดงกหารแบ่งสาขาภาษาตระกูลออสโตรเอเชียติคของ เจรารด์ ดิฟโฟล์ (Gerard Diffloth)(7) - แสดงภาษาในตระกูลออสโตรเอเชียติค(8) - แสดงการจัดแบ่งสาขาย่อยภายในสาขาปะหล่องของเจรารด์ ดิฟโฟล์ (Gerard Diffloth)(9) ตาราง - แสดงกิจกรรมประจำปีละว้าบ้านมืดหลอง(30) - แสดงช่วงเวลาที่ใช้ในกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวของกับการทอผ้าของละว้าบ้านมืดหลอง(38) - แสดงความสัมพันธ์ระหว่างประเภทผ้าทอและอายุผู้ทอผ้าแบบละว้า(47) - แสดงขั้นตอนการทอผ้าซิ่นละว้าบ้านมืดหลอง(48) |
|
|