สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ไทยมุสลิม,การสื่อสาร,ทัศนคติ,การพึ่งตนเอง,พระนครศรีอยุธยา
Author มงคล พูนเพิ่มสุขสมบัติ
Title ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการสื่อสารกับทัศนคติต่อการพึ่งพาตนเองของชาวไทยมุสลิม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity มลายู ออแฆนายู มลายูมุสลิม ไทยมุสลิม, Language and Linguistic Affiliations ไม่ระบุ
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 167 Year 2534
Source หลักสูตรปริญญานิเทศศาสตรมหาบัณฑิต ภาควิชาการประชาสัมพันธ์ บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Abstract

งานวิจัยนี้พบว่าตัวแปรด้านการอ่านหนังสือพิมพ์ ที่มีความสัมพันธ์ต่อการพึ่งพาตนเองของไทยมุสลิม อำเภอพระนครศรีอยุธยา มี 4 ตัว ตัวแปรทั้งหมดอธิบายทัศนคติต่อการพึ่งตนเองได้ประมาณร้อยละ 27 คือ การอ่านคอลัมน์ต่างๆ จะมีอิทธิพลต่อทัศนคติต่อการพึ่งตนเองโดยมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการอ่านข่าวภายในประเทศ ข่าวเกษตรกรรมและคอลัมน์แพทย์ การอ่านคอลัมน์ตอบปัญหาหัวใจ มีความสัมพันธ์ในเชิงลบกับทัศนคติต่อการพึ่งตนเอง ตัวแปรด้านฟังวิทยุกระจายเสียงที่มีความสัมพันธ์ต่อการพึ่งพาตนเอง มี 7 ตัวแปร ทั้งหมดอธิบายทัศนคติต่อการพึ่งพาตนเองได้ประมาณร้อยละ 30 โดยการเปิดรับฟังข่าวภายในประเทศ รายการเพื่อการศึกษาและระยะเวลาในการเปิดรับมีความสัมพันธ์ในเชิงบวก การเปิดรับละครวิทยุ การสอนภาษาต่างประเทศ เพลงลูกทุ่งและความถี่ในการเปิดรับมีความสัมพันธ์ในเชิงลบ ตัวแปรด้านการเปิดรับโทรทัศน์ที่มีความสัมพันธ์ต่อการพึ่งพาตนเองมี 4 ตัว ตัวแปรอธิบายทัศนคติต่อการพึ่งพาตนเองได้ประมาณร้อยละ 25 โดยการเปิดรับละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์นักสืบต่างประเทศและข่าวต่างประเทศมีความสัมพันธ์ในเชิงบวก ส่วนความถี่ในการเปิดรับมีความสัมพันธ์ในทางลบ ตัวแปรด้านการสื่อสารระหว่างบุคคลที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับทัศนคติต่อการพึ่งพาตนเองมี 3 ตัวคือตัวแปรทั้งหมดสามารถอธิบายทัศนคติต่อการพึ่งพาตนเองได้ประมาณร้อยละ 15 ตัวแปรทั้งหมดมีความสัมพันธ์กับทัศนคติต่อการพึ่งพาตนเองในเชิงบวก ตัวแปรด้านการติดต่อกับสังคมภายนอกที่มีความสัมพันธ์กับต่อการพึ่งพาตนเองมีตัวเดียวคือ การเดินทางไปต่างจังหวัดซึ่งอธิบายทัศนคติต่อการพึ่งตนเองได้ประมาณร้อยละ 8 โดยมีความสัมพันธ์กับทัศนคติต่อการพึ่งตนเองในเชิงบวก

Focus

ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการสื่อสารกับทัศนคติต่อการพึ่งพาตนเองของไทยมุสลิม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

ไทยมุสลิม

Language and Linguistic Affiliations

ไม่ปรากฏชัดเจน กล่าวเพียงว่ากลุ่มตัวอย่างสามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้ทั้งหมด (หน้า 82)

Study Period (Data Collection)

พ.ศ. 2534

History of the Group and Community

ศาสนาอิสลาม เกิดขึ้นในประเทศซาอุดิอารเบีย เมื่อประมาณปี พ.ศ.1153 โดยมีพระนบีโมฮัมหมัดเป็นศาสดา พระองค์ประสูติที่เมืองเมกกะ ประมาณปี พ.ศ.1165 ศาสนาอิสลามได้แพร่เข้าสู่คาบสมุทรมลายู โดยมีพ่อค้าอาหรับ ชื่อ เคอร์ตัส เมย์และสุไลมัน เป็นผู้นำมา นอกจากนี้พวกอินเดียที่นับถือศาสนาอิสลามที่มาติดต่อค้าขายกับชนพื้นเมืองก็ช่วยเผยแผ่ศาสนา โดยแต่งงานกับชาวพื้นเมืองในไม่ช้าศาสนาอิสลามก็ตั้งหลักมั่นในแหลมมลายูและแพร่ขยายเข้าสู่พื้นที่ที่ปัจจุบันเป็นสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้วขยายไปทั่วประเทศ(หน้า 58)

Settlement Pattern

ไม่มีข้อมูล

Demography

ปัจจุบันพระนครศรีอยุธยา (พ.ศ.2534) เป็นจังหวัดที่มีไทยมุสลิมมากเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ คือประมาณ หนึ่งแสนหกพันคน อำเภอพระนครศรีอยุธยา มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 59,151 คน เป็นชาย 34,888 คน และหญิง 27,263 คน ในจำนวนนี้มีไทยมุสลิมประมาณ 14,790 คน (กรมการปกครอง,2531) (หน้า 5) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลาม มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ทั้งเพศชายและหญิงจำนวน 500 คนเป็นเพศชาย ร้อยละ 61.4 และเพศหญิงร้อยละ 38.6 กลุ่มตัวอย่างมีอายุระหว่าง 23 -27 ปีมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 28.60 รองลงมาคือ 28 - 32 ปี คิดเป็นร้อยละ 25.60 มีสถานภาพโสดมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 49.80 รองลงมาเป็นกลุ่มที่สมรสแล้ว ร้อยละ 44.6 (หน้า 11,76 - 78)

Economy

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย มีรายได้ต่อเดือนระหว่าง 3,001-5,000 บาทต่อเดือนมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 30.2 รองลงมามีรายได้ 2,001-3,000 บาท ร้อยละ 27.6 และมีผู้ไม่มีรายได้ถึงร้อยละ 15.6 ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด (หน้า 80)

Social Organization

ไทยมุสลิมในอำเภอพระนครศรีอยุธยา มีชีวิตความเป็นอยู่การแต่งกายตลอดจนกิริยามารยาทมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธต่างเพียงการปฏิบัติตามข้อบัญญัติตามศาสนา (หน้า 6) ไทยมุสลิมที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง ส่วนใหญ่ไม่มีตำแหน่งทางสังคม คิดเป็นร้อยละ 68.0 รองลงมาคือผู้นำศาสนา คิดเป็นร้อยละ 9.4 และกลุ่มที่น้อยที่สุดคือกรรมการสภาตำบลซึ่งมีจำนวนเท่ากับ ผสส. อสม. คิดเป็นร้อยละ 7.0 (หน้า 81)

Political Organization

ไม่ปรากฏชัดเจน กล่าวเพียงว่า กลุ่มตัวอย่างบางกลุ่มมีตำแหน่งทางสังคม เช่น ผู้นำศาสนา กรรมการสภาตำบล สมาชิกกลุ่มเกษตรกร อาสาสมัคร ผสส. อสม. (หน้า 81)

Belief System

เมื่อ 390 ปีก่อน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นจุดเริ่มต้นของศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ ในประเทศไทยโดยท่านเฉกอาหมัด (หน้า 5) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยทั้งหมดนับถือศาสนาอิสลาม (หน้า 11) ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่มีบทบัญญัติที่มีอิทธิพลต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์มากที่สุด เพราะศาสนามีส่วนกำหนดวิถีชีวิตของผู้นับถือตั้งแต่เกิดจนตาย (หน้า 57) หลักบัญญัติ 5 ประการของศาสนาอิสลามได้แก่ การปฏิญาณตนประกาศศรัทธา มีการกล่าวคำปฏิญาณเพื่อแนะแนวต่อเพื่อนมนุษย์ยอมรับสภาพของพระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียว การบำเพ็ญนมัสการ (การละหมาด) ทำวันละ 5 ครั้งคือ เวลาก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เวลาเที่ยง เวลาบ่าย เวลาพระอาทิตย์ตกและเวลาค่ำ เป็นการร้องขอความสงบสุขให้แก่มนุษยชาติทั้งมวล การถือศีลอด จะปฏิบัติกันในเดือนรอมาดอนเป็นเวลา 1 เดือนทุกปีผู้ใดละเลยถือว่าเป็นบาปและมีโทษมาก มีวัตถุประสงค์เพื่อฝึกหัดร่างกายและจิตใจให้มีความอดทน ให้ระลึกถึงความอดอยากของผู้ที่ยากจนไม่มีจะกิน การบริจาคทาน (ซะกาต) เป็นการกระจายความมั่งคั่งไปสู่กลุ่มชน ช่วยขจัดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนร่ำรวยและคนจนให้หมดสิ้นและเป็นการลดทอนช่องว่างของสังคม โดยมุสลิมทุกคนจะต้องสำรวจทรัพย์สินหมุนเวียนของตนในทุกรอบปีและจะต้องจ่ายเป็นศาสนพลี อัตราร้อยละ 2.5 ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเป็นธนบัตร เมื่อครบ 1 ปีจะนำเงินไปแจกจ่ายแก่บุคคลซึ่งกำหนดไว้ในอัลกุรอาน 8 ประเภท เช่น คนอนาถา เด็กกำพร้า คนขัดสน การประกอบพิธีฮัจย์ เป็นการเดินทางไปจาริกแสวงบุญที่เขตศักดิ์สิทธิ์ในเมืองเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย อย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิตโดยพิธีฮัจย์จะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ เดือนเชาวาลและเสร็จพิธีในวันขึ้น 8 ค่ำเดือน ซุ้ลฮิจญะฮ หลักบัญญัติ 5 ประการของศาสนาอิสลามมีจุดมุ่งหมายสำคัญคือ ทำให้ผู้ปฏิบัติเข้าใจและรู้จักถึงสภาวะเอกภาพของพระผู้เป็นเจ้า ความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา การให้ความรักต่อผู้อื่น มีการฝึกฝนตนเองและอดทนในการปฏิบัติด้วยความจริงใจ อิสลามสอนให้ผู้ศรัทธาดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่น มิใช่เพียงแต่บุคคลในเชื้อชาติเดียวกัน เข้าใจถึงความลำบากยากแค้นของผู้อื่นและให้มีจิตใจอารีช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในการเผยแพร่ศาสนาอิสลาม ห้ามมิให้มีการดูหมิ่นความเชื่อและศรัทธาของศาสนิกชนอื่นๆ อิสลามสอนให้ผู้ศรัทธาได้ปฏิบัติตนอยู่ในวิถีทางที่ถูกต้อง เห็นคุณค่าความเสมอภาคของมนุษยชาติ เคารพในสิทธิมนุษยชน อิสลามสอนให้ศรัทธายึดมั่นในวินัยบัญญัติของศาสนาอย่างเคร่งครัด ฝึกให้มีความเคารพในเกียรติศักดิ์ของตนเอง สอนให้ผู้ศรัทธามีประสบการณ์ต่อความยากลำบากและฝึกให้มีความนึกคิดเพื่อความแข็งแกร่งของตนเอง (หน้า 60 - 63)

Education and Socialization

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยมีการศึกษาในระดับปานกลาง มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือ ปวช.มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 23.4 รองลงมาเป็นกลุ่มที่มีการศึกษาระดับ ปวส.หรืออนุปริญญา ร้อยละ 20.6 (หน้า 79)

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

ไม่มีข้อมูล

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ไม่มีข้อมูล

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

การสื่อสาร การเปิดรับสื่อมวลชน สาเหตุที่กลุ่มตัวอย่างไม่เปิดรับหนังสือพิมพ์เนื่องจากไม่มีหนังสือพิมพ์อ่านมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 65.9 กลุ่มตัวอย่างที่อ่านหนังสือพิมพ์ ร้อยละ 55.5 ชอบอ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมากที่สุด การเปิดรับวิทยุกระจายเสียงกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ฟังวิทยุ คิดเป็นร้อยละ 87.8 เหตุที่ไม่เปิดรับวิทยุเนื่องมาจาก ไม่ชอบฟัง ไม่สนใจฟังมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 39.5 กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เปิดรับโทรทัศน์มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 87.0 การสื่อสารระหว่างบุคคล บุคคลที่ไทยมุสลิมอำเภอพระนครศรีอยุธยาพูดคุยด้วยเกี่ยวกับเรื่องความรู้ทางการเกษตรมากที่สุดคือ เพื่อนบ้าน คิดเป็นร้อยละ 29.0 แหล่งข่าวสารที่ไทยมุสลิมให้ความเชื่อถือมากที่สุดคือวิทยุโทรทัศน์ คิดเป็นร้อยละ 35.0 รองลงมาคือหนังสือพิมพ์ ร้อยละ 24.0 การติดต่อกับคนภายนอก กลุ่มตัวอย่าง เคยเดินทางไปต่างประเทศ คิดเป็นร้อยละ 35.0 สำหรับกลุ่มประเทศที่เคยเดินทางไปคือ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ร้อยละ 46.3 รองลงมาคือประเทศมาเลเซีย ร้อยละ 38.3 และญี่ปุ่นร้อยละ 15.4 ทัศนคติต่อการพึ่งพาตนเอง กลุ่มตัวอย่างมีทัศนคติต่อการพึ่งตนเองมากที่สุด จำนวน 282 คน รองลงมามีทัศนคติต่อการพึ่งตนเองมาก มีจำนวน 195 คน (หน้า 82 - 88)

Map/Illustration

ตาราง - จำนวนประชากรไทยมุสลิมในเขตอำเภอพระนครศรีอยุธยา(6) - จำนวนและร้อยละของไทยมุสลิม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จำแนกตามอายุ(77) - จำนวนและร้อยละของไทยมุสลิม จำแนกตามสถานภาพสมรส(78) - จำนวนและร้อยละของไทยมุสลิม จำแนกตามระดับการศึกษา(79) - จำนวนและร้อยละของไทยมุสลิม จำแนกตามรายได้(80) - จำนวนและร้อยละของไทยมุสลิม จำแนกตามตำแหน่งในสังคม(81) - จำนวนและร้อยละของบุคคลที่ไทยมุสลิมพูดคุยเรื่องความรู้ด้านต่างๆ(85) - ผลการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณระหว่างทัศนคติต่อการพึ่งพาตนเองกับตัวแปรอิสระด้านการเปิดรับหนังสือพิมพ์(90) - ผลการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณระหว่างทัศนคติต่อการพึ่งพาตนเองกับตัวแปรอิสระ ด้านการเปิดรับวิทยุกระจายเสียง(92) - ผลการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณระหว่างทัศนคติต่อการพึ่งพาตนเองกับตัวแปรอิสระ ด้านการเปิดรับวิทยุโทรทัศน์(93) - ผลการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณระหว่างทัศนคติต่อการพึ่งพาตนเองกับตัวแปรอิสระ ด้านการสื่อสารระหว่างบุคคล(97) - ผลการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณระหว่างทัศนคติต่อการพึ่งพาตนเองกับตัวแปรอิสระ ด้านการติดต่อกับสังคมภายนอก(99) - จำนวนและร้อยละของสาเหตุที่ไทยมุสลิมไม่อ่านหนังสือพิมพ์(119) - จำนวนและร้อยละของหนังสือพิมพ์ที่ชาวไทยมุสลิมอ่าน(120) - จำนวนและร้อยละของความบ่อยครั้งในการอ่านหนังสือพิมพ์ของชาวไทยมุสลิม(121) - จำนวนและร้อยละของการใช้เวลาในการอ่านหนังสือพิมพ์ของชาวไทยมุสลิม(122) - จำนวนและร้อยละของจุดประสงค์ในการอ่านหนังสือพิมพ์ของชาวไทยมุสลิม(123) - จำนวนและร้อยละของสาเหตุที่ชาวไทยมุสลิมไม่เปิดรับวิทยุกระจายเสียง(124) - จำนวนและร้อยละของสถานีวิทยุกระจายเสียงที่ชาวไทยมุสลิมเปิดรับฟัง(125) - จำนวนและร้อยละของความบ่อยครั้งในการเปิดรับวิทยุกระจายเสียง(126) - จำนวนและร้อยละของสาเหตุที่ชาวไทยมุสลิมเปิดรับวิทยุกระจายเสียงในช่วงเวลาต่างๆ(129) - จำนวนและร้อยละของสาเหตุที่ชาวไทยมุสลิมไม่เปิดรับวิทยุโทรทัศน์(129) - จำนวนและร้อยละของการเปิดรับโทรทัศน์ของชาวไทยมุสลิม(132) - จำนวนและร้อยละของจุดประสงค์ในการเปิดรับวิทยุโทรทัศน์ของชาวไทยมุสลิม(133) - จำนวนและร้อยละของบุคคลที่ชาวไทยมุสลิมพูดคุยด้วยเกี่ยวกับเรื่องความรู้ทางการเกษตร(135) - จำนวนและร้อยละของบุคคลที่ชาวไทยมุสลิมพูดคุยด้วยเกี่ยวกับเรื่องความรู้ด้านสาธารณสุข(135) - จำนวนและร้อยละของบุคคลที่ชาวไทยมุสลิมพูดคุยด้วยเกี่ยวกับเรื่องความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(137) - จำนวนและร้อยละของบุคคลที่ชาวไทยมุสลิมพูดคุยด้วยเกี่ยวกับเรื่องความรู้ทางด้านนันทนาการ(138) - จำนวนและร้อยละของความถี่ในการพูดคุยของชาวไทยมุสลิมกับญาติหรือเพื่อนบ้านในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา(139) - จำนวนและร้อยละของความถี่ในการพูดคุยของชาวไทยมุสลิมกับเกษตรตำบลในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา(140) - จำนวนและร้อยละของความถี่ในการพูดคุยของชาวไทยมุสลิมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา(140) - จำนวนและร้อยละของความถี่ในการพูดคุยของชาวไทยมุสลิมกับผู้นำศาสนาในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา(141) - จำนวนและร้อยละของชาวไทยมุสลิม ซึ่งมีประสบการณ์นอกสังคมในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา(142) - จำนวนและร้อยละของชาวไทยมุสลิมที่เคยเดินทางไปต่างประเทศ(142) ภาพ - แบบจำลองแนวคิดในการวิจัย(8)

Text Analyst สุวิทย์ เลิศวิมลศักดิ์ Date of Report 05 ม.ค. 2566
TAG ไทยมุสลิม, การสื่อสาร, ทัศนคติ, การพึ่งตนเอง, พระนครศรีอยุธยา, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง