|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
เวียต,ญวน,สถาปัตยกรรม,สกลนคร |
Author |
สุรัตน์ วรางค์รัตน์ |
Title |
เรือนพักอาศัยชาวไทย-เวียดนาม บ้านท่าแร่ สกลนคร |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
เวียด เหวียตเกี่ยว ไทยใหม่,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ออสโตรเอเชียติก(Austroasiatic) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
107 |
Year |
2542 |
Source |
สำนักศิลปวัฒนธรรม สถาบันราชภัฏสกลนคร |
Abstract |
บ้านท่าแร่ตั้งชุมชนขึ้นเมื่อ พ.ศ.2427 โดยกลุ่มแคธอลิคชาวเวียดนาม ในระยะเวลาต่อมามีชาวเวียดนามจากเมืองต่างๆ อพยพเข้ามาอยู่และมีคนพื้นเมืองปะปนอยู่ด้วย ที่อยู่อาศัยในระยะแรกๆ จะเป็นกระท่อม ต่อมาเปลี่ยนเป็นอาคารเรือนไม้ชั้นเดียว เรือนเกย และเรือนร้านค้าสองชั้น กลุ่มพ่อค้าเป็นกลุ่มแรกที่เริ่มสร้างอาคารอิฐ เนื่องมาจากมีความจำเป็นต้องปลูกอาคารเพื่อวางสินค้าจำหน่าย ความมั่นคงทางฐานะของกลุ่มพ่อค้าเนื่องมาจากการประกอบธุรกิจหลายชนิด เช่น การนำกองฟืนไปรับจ้างขนฟืนที่บ่อตะกั่ว ประเทศลาว การซื้อขายข้าว หนังวัว ปลาร้า อาคารก่ออิฐเป็นจุดเด่นของหมู่บ้าน นอกจากรูปทรงจะเป็นอาคารแบบฝรั่งเศสแล้ว ยังตกแต่งอาคารด้วยศิลปะเวียดนาม เช่น วงโค้งเหนือกรอบประตูเป็นลายเรียงอิฐลายปูนปั้นประดับประตูเข้าอาคาร ภายในอาคารสร้างแท่นพระเพื่อใช้สวดมนต์หรือทำพิธีกรรมต่างๆ ความศรัทธาในศาสนาทำให้นำปริศนาธรรม และเรื่องราวของนักบุญในศาสนามาประดิษฐ์เป็นภาพประดับตามแท่นบูชา จะเห็นได้ว่ารูปแบบอาคารก่ออิฐได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสโดยผ่านช่างเวียดนามที่ได้รับความรู้จากช่างฝรั่งเศสเป็นสำคัญ นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากบาทหลวงชาวฝรั่งเศสที่สอนศาสนาคริสต์เป็นผู้สนับสนุนแนะนำ จึงทำให้อาคารพักอาศัยดังกล่าวกลายเป็นเอกลักษณ์ของบ้านท่าแร่ (หน้า 105-106) |
|
Focus |
ศึกษาลักษณะสถาปัตยกรรมโดยเฉพาะลักษณะเรือนของชุมชนท่าแร่ ซึ่งเป็นชุมชนญวน |
|
Ethnic Group in the Focus |
คนไทยเชื้อสายเวียดนามที่บ้านท่าแร่ สกลนคร ส่วนใหญ่เป็นชาวนาที่อพยพมาจากเขตเวียดนามตอนกลาง (หน้า 8) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
บ้านท่าแร่ หรือบ้านท่าแฮ่ เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานเกือบ 1 ศตวรรษ ความเจริญเติบโตของชุมชนได้เริ่มขึ้นประมาณ พ.ศ. 2427 โดยในยุคแรกเริ่มนี้ มีการตั้งหมู่บ้านโดยชาวคริสตังที่อพยพมาจากเมืองสกลนครและกลุ่มชาวพื้นเมืองที่อพยพเข้ามาอยู่ในบ้านท่าแร่ การตั้งชุมชนนั้นเกิดจากปัญหาการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจที่ชาวคริสต์ในตัวเมืองสกลนครต้องประสบปัญหาจากการถูกเจ้าหน้าที่รัฐกลั่นแกล้ง อันเนื่องมาจากการนับถือศาสนาที่แตกต่างกัน เมื่อบาทหลวงเกโกและครูทัน เป็นครูญวนจากกลุ่มคริสตังจังหวัดสกลนครเข้ามาดำเนินการล้างบาปให้กับผู้เข้ารีตในเมืองสกลนครพบว่าชาวคริสตังเหล่านี้ถูกราชการกลั่นแกล้ง จึงวางแผนย้ายสถานที่เผยแพร่ศาสนาไปอยู่แห่งใหม่ กลุ่มชาวคริสต์ทั้งญวนและคนพื้นเมืองย้ายไปอยู่ทางฝั่งเหนือของหนองหารห่างจากตัวเมืองสกลนคร และตั้งรกรากอยู่ที่นั่น ต่อมาเรียกว่า "บ้านท่าแฮ่" หรือบ้านท่าแร่จนทุกวันนี้ คนกลุ่มแรกเริ่มที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานนี้มีประมาณ 20 ครอบครัว ภายหลังมีคนอพยพเข้ามาพึ่งบารมีบาทหลวงมากขึ้น รวมทั้งกลุ่มคนที่เป็นข้าทาสเจ้าเมืองสกลนครอพยพครอบครัวเข้ามาอยู่ที่บ้านท่าแร่และสามารถมีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง ชุมชนท่าแร่ช่วง พ.ศ.2428-หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นเวลาของการเคลื่อนย้ายกลุ่มชาวเวียดนามจากเมืองต่างๆ เข้ามาอยู่ในอาณาจักรโดยเฉพาะภาคอีสาน ในสมัยรัชกาลที่ 1 องเชียงสือ พาไพร่พลมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ในสมัยรัชกาลที่ 3 และรัชกาลที่ 5 มีการกวาดต้อนกลุ่มญวนข้ามโขงเข้ามาตั้งบ้านเรือนในเมืองต่างๆ ในสมัยรัชกาลที่ 6 ฝรั่งเศสยึดครองเวียดนาม เกิดความยากแค้นอดอยากขึ้นในประเทศ ทำให้ชาวเวียดนามจากเมืองต่างๆ บางส่วนอพยพเข้ามาในพื้นที่ภาคอีสาน สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดความวุ่นวายขึ้นในประเทศ ทำให้ชาวเวียดนามที่รักสงบเข้ามาอยู่ที่บ้านท่าแร่เป็นจำนวนไม่น้อย กลุ่มชาวเวียดนามส่วนใหญ่ที่บ้านท่าแร่ สกลนครไม่ใช่ชาวเวียดนามที่มาจากเขตชุมชนในเมืองใหญ่ แต่เป็นชาวนาในเขตเวียดนามตอนกลาง หลังสงครามโลกครั้งที่สอง มีกลุ่มคนญวนกลุ่มใหญ่อพยพเข้ามาในประเทศไทยมาอยู่ในจังหวัดต่าง ๆของภาคอีสาน ซึ่งมีจำนวนหนึ่งที่มีความสามารถในการก่อสร้างบ้านเรือน บ้างเข้ามารับจ้างญวนที่มีฐานะปลูกสร้างบ้านไม้และอาคารก่ออิฐที่บ้านท่าแร่ (หน้า1-11) |
|
Settlement Pattern |
ในยุคที่บาทหลวงยอแซฟ กอมมูริเออร์เข้ามารับตำแหน่งเจ้าวัดในปี พ.ศ.2428 พร้อมนำแนวคิดการพัฒนาเมืองตามแบบยุโรปเข้ามาใช้กับชุมชนบ้านท่าแร่ โดยเฉพาะการวางผังเมือง มีการแบ่งพื้นที่เป็นตารางสี่เหลี่ยมตาหมากรุก มีถนนใหญ่และถนนที่เป็นซอยเชื่อมต่อถึงกันโดยตลอด โดยมีวัดเป็นศูนย์กลางชุมชน ซึ่งเป็นการจัดผังเมืองในรูปแบบของยุโรป (หน้า 21) |
|
Economy |
ในอดีต ชาวบ้านท่าแร่เป็นผู้ที่ขยันขันแข็งในการทำงาน อาชีพที่สำคัญของผู้คนสมัยอดีตมีดังนี้ 1. การบรรทุกฟืนบ่อกั่ว ในค.ศ.1931 (พ.ศ.2474) มีบริษัทฝรั่งเศสเข้ามาดำเนินการทำบ่อตะกั่วในลาว บริษัทต้องใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิงจำนวนมาก แรงงานขนฟืนจากป่าไปส่งโรงงานจึงเป็นอาชีพที่ได้รับความนิยม โดยในฤดูแล้งชาวบ้านท่าแร่จะข้ามโขงไปทำงานที่บ่อตะกั่ว ฤดูทำนาจึงกลับบ้านท่าแร่ 2. การทำนา นำข้าวที่ได้ไปแลกเปลี่ยนและขายก็เป็นอาชีพหลักของชาวอีสานมาช้านาน โดยเฉพาะบ้านท่าแร่ซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ 3. การค้าหนังวัว-ควาย ซึ่งเป็นจุดเด่นของเศรษฐกิจบ้านท่าแร่ มีการฟอกหนังบรรทุกกองเกวียนไปขายถึงโคราชและตามร้านรับซื้อหนังในตัวเมืองสกลนครที่รับซื้อหนังสัตว์ป่า การค้าหนังฟอกหนังเป็นความรู้ที่มีอยู่ในกลุ่มชาวเวียดนาม โดยชาวเวียดนามได้อพยพเข้าสู่บ้านท่าแร่ 4. การค้าปลาร้า ซึ่งเป็นอาหารที่สำคัญต่อชาวอีสาน และบ้านท่าแร่ก็อยู่ในชัยภูมิที่เหมาะสมต่อการทำปลาร้า เนื่องจากอยู่ใกล้หนองหารซึ่งเป็นแหล่งสัตว์น้ำที่สำคัญ (หน้า65-74) |
|
Social Organization |
ในอดีต คณะมิชชันนารีในส่วนปกครองมิชชังท่าแร่-หนองแสงมีบทบาทต่อชาวบ้านท่าแร่ การสร้างสัมพันธภาพระหว่างคณะมิชชันนารีกับชาวบ้านมีส่วนสำคัญในการเกื้อหนุนให้ชุมชนเกิดความอบอุ่นใจในการพึ่งพาอาศัยมิชซังในเรื่องของปัจจัยต่างๆ ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต เช่น ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม (หน้า 11) |
|
Political Organization |
ปัจจุบันบ้านท่าแร่เป็นหมู่บ้านหนึ่งในตำบลท่าแร่ ซึ่งมี 8 หมู่บ้าน คือ บ้านท่าแร่ บ้านพะโค บ้านท่าแร่เหนือ บ้านหนองบัวทอง บ้านป่าพนาวัลย์ บ้านท่าแร่สามัคคี บ้านท่าแร่พัฒนา บ้านสร้างแก้วสมานมิตร (หน้า 1) |
|
Belief System |
ชาวบ้านท่าแร่นับแต่ยุคแรกเริ่มก่อตั้งชุมชนจนถึงยุคปัจจุบันนั้น นับถือศาสนาคริสต์ (แคธอลิค) โดยส่วนใหญ่ ในยุคแรกเริ่มของบ้านท่าแร่นั้น สภาพทางสังคมของผู้นับถือศาสนาคริสต์จะมีการปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาที่แตกต่างจากพุทธศาสนิกชน เช่น การรับศีลล้างบาป การทำพิธีมิซซาโดยมีบาทหลวงเป็นผู้ประกอบพิธี (หน้า 3) |
|
Education and Socialization |
|
Health and Medicine |
ในยุคแรกเริ่มตั้งชุมชนจนถึงสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวบ้านท่าแร่พึ่งพาคณะมิชชันนารีเป็นอย่างมาก รวมทั้งในเรื่องยารักษาโรคด้วย (หน้า 11) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
รูปแบบของอาคารที่อยู่อาศัยของชุมชนบ้านท่าแร่มีความเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสเศรษฐกิจและกระแสภายนอก คือ กลุ่มช่างปลูกบ้านที่เดินทางมาจากเวียดนามภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยผู้เขียนแบ่งการศึกษาอาคารบ้านเรือนเป็นสองชนิด คือ 1.อาคารที่ใช้วัสดุประเภทไม้เป็นหลัก ได้แก่ กระท่อม คือเพิงที่มุงด้วยหญ้าแฝก เป็นบ้านยุคแรกของการตั้งชุมชนตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2428 "เรือนเกย" คืออาคารไม้รุ่นแรกๆ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากรูปแบบของเรือนชนชั้นสูง เรือนร้านค้าชั้นเดียวและเรือนร้านค้าสองชั้น เป็นเรือนไม้ที่ปลูกริมถนนเพื่อใช้ค้าขายและสามารถอยู่อาศัยได้ด้วย (หน้า 19-34) 2.อาคารที่ใช้ก่ออิฐเป็นหลักหรือคฤหาสน์ เป็นอาคารที่มีรูปแบบแปลกตากว่าชุมชนอื่นๆ ในสกลนครที่ไม่พบบ้านเรือนชนิดนี้ มีอายุอยู่ในช่วง 50-60 ปีมาแล้ว การปลูกสร้างอาคารที่เป็นตึกสามารถบอกถึงรสนิยมของเจ้าของเรือนซึ่งต้องการที่พักโอ่โถง สง่างามแตกต่างจากเรือนไม้ทั่วไป และช่างที่ก่อสร้างอาคารอิฐมีความชำนาญพิเศษ ที่ได้รับการถ่ายทอดจากช่างฝรั่งเศสในช่วงยุคล่าอาณานิคม นอกจากนั้น ฐานะทางเศรษฐกิจของผู้ปลูกสร้างอาคารอิฐค่อนข้างมั่นคง เนื่องจากวัสดุและแรงงานในการก่อสร้างต้องนำมาจากต่างประเทศ (หน้า 41) การตกแต่งภายในของคฤหาสน์นั้น ได้รับรูปแบบอิทธิพลทางสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสมาโดยผ่านการเรียนรู้จากช่างญวน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 เป็นเวลาที่ฝรั่งเศสมีอิทธิพลเหนือเวียดนาม ช่างก่อสร้างในเวียดนามซึ่งได้เรียนรู้สถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสได้อพยพเข้าสู่สุวรรณเขต ข้ามแม่น้ำโขง และได้กระจายเข้าสู่ท่าแร่ สกลนคร นอกจากอิทธิพลจากช่างเวียดนามแล้ว คำแนะนำของบาทหลวงสอนศาสนาเองก็มีอิทธิพลต่อรูปแบบสถาปัตยกรรม เนื่องจากชุมชนท่าแร่กำเนิดขึ้นโดยการก่อตั้งของบาทหลวงแคธอลิค ภายใต้การชี้นำของบาทหลวง ทำให้วิถีชีวิตของชาวชุมชนมีแนวทางที่คล้ายคลึงกัน รวมทั้งรูปแบบของสถาปัตยกรรมและการวางผังเมืองด้วย (หน้า 81-82) เนื่องด้วยประชากรของบ้านท่าแร่โดยส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ นิยายโรมันแคธอลิค โดยมีวัดเป็นศูนย์กลางในการประกอบพิธีกรรม ความเชื่อทางศาสนาจึงปรากฏในรูปแบบของงานศิลปกรรม ทั้งสถาปัตยกรรม ประติมากรรมและวิจิตรศิลป์ ในอาคารบ้านเรือนโดยเฉพาะในคฤหาสน์ของผู้มีฐานะ จะปรากฏเป็นลายปูนปั้นหน้าอาคาร และภายในอาคาร เป็นภาพสลักไม้ตามแท่นพระที่สวยงาม (หน้า 86-88) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Map/Illustration |
ผู้เขียนใช้แผนที่ แผนผังโครงสร้าง และรูปภาพ มาแสดงเพื่อบอกเล่าข้อมูลให้ชัดเจนขึ้น เช่น - รูปโบสถ์ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ เป็นรูปเรือ สัญลักษณ์ของการอพยพออกจากเมืองสกลนคร ในเดือนพฤษจิกายน ค.ศ.1884 (หน้า 18) - รูปกระท่อม หรือกระต๊อบ ที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้อพยพก่อนปลูกบ้านไม้ถาวร (หน้า 20) - ผังบ้านไม้ชั้น 1 และชั้น 2 ของนายหนูเจียม พงษ์พิศ (หน้า 39-40) - รูปขบวนกองเกวียนบรรทุกสินค้าในภาคอีสาน (หน้า 76) - รูปบัวหัวเสาแบบคอรินเธียน ที่เสาปูนบ้านองเพิง ได้รับอิทธิพลจากศิลปะฝรั่งเศส (หน้า 95) - รูปแท่นพระภายในอาคารชั้นบน ของคฤหาสน์นายคำสิงห์ อุดมเดช (หน้า 102) |
|
|