สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),ผ้าทอ,ลวดลาย,อุทัยธานี
Author สุนทร เกตุอินทร์
Title โครงสร้างลวดลายผ้าทอกะเหรี่ยง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
Document Type วิทยานิพนธ์ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ปกาเกอะญอ, Language and Linguistic Affiliations จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(เอกสารฉบับเต็ม)
Total Pages 80 Year 2545
Source หลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาอาชีวศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Abstract

การทอผ้ากับกะเหรี่ยงเป็นของคู่กัน แม้ว่าปัจจุบันจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการแต่งกาย แต่กะเหรี่ยงส่วนใหญ่ยังคงรักษาวัฒนธรรมการทอผ้า โดยใช้เครื่องทอผ้าแบบเข็มขัดคาดอยู่ด้านหลัง การทอผ้าของกะเหรี่ยงไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด ส่วนใหญ่จะมีโครงสร้างลวดลายการทอผ้าที่เหมือนกัน อุปกรณ์ที่ใช้ในการทอผ้ากะเหรี่ยง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ได้แก่ กี่เอว สำหรับลักษณะโครงสร้างลวดลาย เทคนิคการผลิตและการจัดหมวดหมู่ผ้าทอ สรุปได้ว่า ลักษณะโครงสร้างหลักของผ้าทอมี 2 แบบคือ การทอแบบธรรมดา ซึ่งเป็นการทอผ้าเป็นผืนนำไปตัดเย็บเป็นชุดของเด็กหญิงกะเหรี่ยง แบบที่สองคือการทอแบบลวดลาย ผ้าที่กะเหรี่ยงนิยมทอใช้ส่วนใหญ่จะมีลวดลายประกอบ ซึ่งนำมาตัดเย็บเป็นของใช้และเครื่องนุ่งห่มต่างๆ โดยแต่ละประเภท มีลักษณะการทอที่ไม่เหมือนกัน เราสามารถสังเกตได้ว่าผู้ทอ กำลังทอผ้าเพื่อนำไปใช้ประโยชน์อะไร โดยพิจารณาจากลักษณะของลวดลาย สีและขนาดของผ้าที่ทอ

Focus

ศึกษาโครงสร้างลวดลายผ้าทอกะเหรี่ยง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

กะเหรี่ยง

Language and Linguistic Affiliations

ไม่ปรากฏชัดเจน

Study Period (Data Collection)

พ.ศ.2545

History of the Group and Community

กะเหรี่ยงในอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เดิมอยู่กระจายตัวตามแนวเขาถนนธงไชย ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ขึ้นมาถึงสุดเขตแดนภาคเหนือแต่ถูกพม่าขับไล่ ในระยะแรกมีกะเหรี่ยงอพยพเข้ามาตั้งชุมชนเพียง 5-8 หลังคาเรือน ต่อมาในปี พ.ศ. 2531 มีกะเหรี่ยงอพยพเข้ามาสร้างที่อยู่อาศัยอีกประมาณ 90-100 หลังคาเรือนจนทำให้ปัจจุบันมีประชากรเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 300-400 หลังคาเรือน (หน้า 6,43-44)

Settlement Pattern

กะเหรี่ยงเลือกที่ตั้งหมู่บ้านในบริเวณที่ลุ่มก้นกระทะหรือที่ราบเชิงเขาหรือหุบเขาที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ(หน้า 43) การปลูกเรือนของกะเหรี่ยง ไม่นิยมปลูกให้อยู่ในแนวเดียวกัน แม้จะสร้างเรือนหันเข้าหากัน แต่ประตูจะวางในตำแหน่งที่ไม่ตรงกันและจะไม่ปลูกเรือนขวางตะวัน หัวหน้าครอบครัวจะเป็นผู้เลือกสถานที่ที่จะปลูกเรือน(หน้า 44)

Demography

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาคือผู้ประกอบอาชีพทอผ้า ในอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ที่มีความชำนาญพิเศษและมีอาชีพการทอผ้าไม่น้อยกว่า 10 ปี จำนวน 10 คน(หน้า 40) ปัจจุบันกะเหรี่ยงในอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานีมีทั้งหมด 4 หมู่บ้าน แต่ละหมู่บ้านจะมีประชากรประมาณ 300 - 400 คน(หน้า 44)

Economy

กะเหรี่ยงในอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานีประกอบอาชีพการทำไร่ ทำนา เลี้ยงสัตว์และทอผ้าในยามที่ว่างจากการเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตร ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำไร่เป็นหลักเนื่องจากสภาพพื้นที่และสภาพภูมิอากาศเอื้ออำนวย พืชที่นิยมปลูก ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดและอ้อย ส่วนสัตว์ที่เลี้ยงได้แก่ หมู เป็ดและไก่ เพื่อใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาของกะเหรี่ยง(หน้า 44)

Social Organization

ไม่มีข้อมูล

Political Organization

การเลือกผู้นำชุมชนของกะเหรี่ยงในอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี มีวิธีการเลือกโดยสรรหาผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนมาเป็นผู้นำหมู่บ้าน (หน้า 44)

Belief System

กะเหรี่ยงในอำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ(หน้า 44)

Education and Socialization

การถ่ายทอดกรรมวิธีการทอผ้าของชาวกะเหรี่ยงให้กับเด็กผู้หญิง จะเริ่มสอนตั้งแต่อายุ 7 -10 ปี โดยเริ่มจากการทอสิ่งของเครื่องใช้ง่ายๆ ก่อน(หน้า 10)

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

หญิงกะเหรี่ยงจะปลูกฝ้าย ปั่นฝ้ายและจะทอเป็นผืนผ้าในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันและใช้ในงานพิธีกรรมต่างๆ สีที่ใช้ในการย้อมผ้าเป็นสีที่ได้จากธรรมชาติ เช่น จากเปลือกไม้ รากไม้และใบไม้ ลวดลายจะมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนเนื่องจากสตรีกะเหรี่ยงทุกคนทอผ้าใช้เอง โดยมีเครื่องทอผ้าที่สามารถปรับความสั้นยาวได้ตามขนาดรูปร่างของผู้ทอ ซึงเรียกว่า "กี่เอว" ลวดลายในการทอผ้าจะได้จากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ พืชผักและสัตว์ต่างๆ ในท้องถิ่นและเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นไปของสังคมอีกด้วย วัสดุที่ใช้ในการทอผ้าส่วนใหญ่เป็นวัสดุที่ผลิตขึ้นเอง(หน้า 10,21) ผ้าของกะเหรี่ยงส่วนใหญ่จะมีลวดลายประกอบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ประโยชน์ ความนิยมเกี่ยวกับการการประกอบลวดลายในผ้าแต่ละผืนเพื่อนำไปตัดเย็บแต่ละชนิดจะไม่เหมือนกัน เช่น ชุดหญิงสาวจะมีลวดลายขวางลำตัวบริเวณเหนืออกเล็กน้อย ส่วนผ้าซิ่นสำหรับหญิงที่แต่งงานแล้วจะมีลวดลายสลับสีตลอดทั้งตัวและเสื้อก็จะทอลวดลายบริเวณไหล่อย่างสวยงาม (หน้า 24) ผ้าทอกะเหรี่ยงส่วนใหญ่มีหน้าแคบ เสื้อผู้ชายกะเหรี่ยงจะเป็นตัวตรงเลยเอว คอแหลมและช่องด้านข้างสามารถสอดแขนออกมา ไม่มีการตัดเย็บเป็นรูปแบบอื่น ส่วนเสื้อสตรีมีทั้งเป็นตัวเสื้อตัวเดียวและต่อยาวลงมาเป็นกระโปรง นอกจากนี้สีเสื้อยังสามารถจำแนกสถานภาพของสตรีได้อีกด้วย(หน้า 26) การจัดกลุ่มลวดลาย สามารถจำแนกได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ลายที่เกิดจากการทอจกหรือยกดอก แบ่งลวดลายออกเป็น ลายที่เลียนแบบจากพืชผัก ผลไม้ เช่น ลายเมล็ดฟัก ลายดอกหมาก ลายต้นไม้ ลายที่เลียนแบบจากสัตว์ เช่น ลายแมงมุม ลายผีเสื้อ ลายปากนก ลายเต่า ลายตะขาบ ส่วนลายอื่นๆ ได้แก่ ลายที่เกิดจากการสังเกตจากสิ่งรอบตัวหรือการผสมผสานระหว่างลายทำให้เกิดลวดลายใหม่ๆ รวมทั้งรูปทรงเรขาคณิต เช่น ลายขอบตา ลายพันแข้ง ลายตะกร้าและลายซิกแซก เป็นต้น ลายมัดหมี่หรือลายตาคาด ด้ายที่ย้อมด้วยวิธีนี้สามารถนำไปทอเป็นด้ายยืน ลักษณะลายที่ปรากฏจะคล้ายสายน้ำไหลบนผ้าซิ่นของผู้หญิงหรือโสร่งของผู้ชาย ลายปัก เป็นการสร้างลวดลายบนผืนผ้าหลังจากที่ทอผ้าเสร็จ โดยใช้ด้ายสีแดงเป็นหลักแต่สลับด้วยสีเหลืองและสีเขียว หรืออาจจะมีการแทรกลูกเดือยระหว่างด้ายสีต่างๆ เช่น ลายแมงมุม ลายจิงโจ้น้ำ ลายตะกร้า ลายกิ่งก้านของปล้องไม้ไผ่ ลายตานกฮูก เป็นต้น(หน้า 30-36) การทอผ้าของกะเหรี่ยงไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใด ส่วนใหญ่จะมีโครงสร้างลวดลายการทอที่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผู้หญิงหรือผู้ชาย ลักษณะโครงสร้างลวดลายและเทคนิคการผลิต การจัดหมวดหมู่ของผ้าทอกะเหรี่ยง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี มีลักษณะโครงสร้างลวดลาย 2 ชนิดคือ การทอแบบธรรมดาหรือการทอลายขัด เป็นวิธีการทอผ้าขั้นพื้นฐาน ใช้สำหรับทอผ้าเพื่อเย็บชุดเด็กหญิงของกะเหรี่ยง มีโครงสร้างหลักโดยการสอดด้ายขวางเข้าไประหว่างด้ายยืนแยกสลับกัน ขึ้น 1 ลง 1 หรือขึ้น 2 ลง 2 ตามจำนวนของเส้นด้ายที่เรียงไว้ขณะขึ้นเครื่องทอ ผ้าที่ได้จะมีสีเดียวกันทั้งผืน เนื้อผ้าสม่ำเสมอ การทอแบบลวดลาย ผ้าที่กะเหรี่ยงทอไว้ใช้ส่วนใหญ่จะมีลวดลาย โดยแต่ละผืนที่นำมาตัดเย็บเป็นเครื่องนุ่งห่มแต่ละชนิดจะไม่เหมือนกัน ซึ่งสามารถสังเกตได้ว่าผู้ทอผ้า ทอผ้าเพื่อใช้ในประโยชน์อะไรได้โดยการสังเกตจาก ลักษณะของลวดลาย สีและขนาด(หน้า 65) ปัจจุบันการสร้างบ้านของกะเหรี่ยงในอำเภอบ้านไร่ มี 2 ลักษณะได้แก่ เรือนกะเหรี่ยงแบบชนบทและเรือนกะเหรี่ยงแบบชานเมือง เรือนแบบชนบทจะเป็นเรือนเครื่องผูกปลูกด้วยไม้ไผ่และแฝก ยกพื้นสูงมีชายคาคลุมตลอดทั้งบ้าน ตัวเรือนแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนชาน ส่วนเตาไฟและส่วนเก็บของ เตาไฟจะอยู่กึ่งกลางห้อง เวลานอนพ่อแม่จะนอนด้านในสุดของตัวเรือน ลูกสาวและลูกเล็กๆ จะนอนข้างเตาไฟฝั่งตรงข้ามพ่อแม่ อีกด้านหนึ่งของเตาไฟเป็นที่สำหรับแขกนอน ลูกชายหากอยู่ในวัยหนุ่มจะอยู่นอกห้อง(หน้า 45)

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

ปัจจุบันการทอผ้าของกะเหรี่ยงเริ่มลดน้อยลงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและความเชื่อที่ว่า หญิงทุกคนจะต้องทอผ้าได้นั้นเริ่มลดลงเนื่องจากเยาวชนรุ่นใหม่ต้องได้รับการศึกษาจึงเป็นผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมการทอผ้า(หน้า 44)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มี

Map/Illustration

ภาพ - แผนที่แสดงการกระจายตัวของประชากรกะเหรี่ยง(หน้า7) - สภาพโดยทั่วไปของหมู่บ้านกะเหรี่ยง(หน้า8) - สภาพและลักษณะโดยทั่วไปของชุมชนกะเหรี่ยง(หน้า9) - รูปทรงบ้านที่อยู่อาศัยของกะเหรี่ยง(หน้า9) - การหีบฝ้าย(หน้า17) - เครื่องปั่นฝ้าย(หน้า17) - เครื่องพันด้ายให้เป็นไจ(หน้า18) - อุปกรณ์ต่างๆในการทอผ้า(หน้า20) - เครื่องทอผ้าแบบคาดหลัง(หน้า22) - การแต่งกายหญิงกะเหรี่ยง(หน้า25) - การแต่งกายของสตรีกะเหรี่ยงที่แต่งงานแล้ว(หน้า25) - ลายต้นไม้(หน้า30) - ลายดอกทานตะวัน(หน้า30) - ลายขาแมงมุม(หน้า32) - ลายซิกแซก(หน้า34) - ลายผสม(หน้า35) - การปักลายป้องไม้ไผ่มีกิ่งก้าน(หน้า36) - การปักด้ายสีผสมลูกเดือย(หน้า37) - แผนภูมิสังคมมิติแสดงถึงการถ่ายทอดความรู้กระบวนการทอผ้า(หน้า45) - แผ่นหนังสำหรับการคาดด้านหลัง(หน้า47) - ไม้สำหรับพันผ้า(หน้า48) - ไม้กระทบ(หน้า49) - ชุดการแต่งกายของหญิงกะเหรี่ยง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี(หน้า53) - เสื้อของสตรีกะเหรี่ยง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี(หน้า54) - เสื้อของสตรีกะเหรี่ยง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี(หน้า55) - เสื้อของสตรีกะเหรี่ยง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี(หน้า56) - ชุดของหญิงสาวชาวกะเหรี่ยง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี(หน้า57) - ผ้าซิ่นของสตรีกะเหรี่ยง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี(หน้า58) - เสื้อและผ้าซิ่นของสตรีกะเหรี่ยง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี(หน้า59) - วิธีการทอลูกเดือยประกอบลงบนผืนผ้า(หน้า60) - การทอผ้าประกอบกระจุกด้ายของกะเหรี่ยง(หน้า61)

Text Analyst สุวิทย์ เลิศวิมลศักดิ์ Date of Report 29 มิ.ย 2560
TAG ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง), ผ้าทอ, ลวดลาย, อุทัยธานี, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง