|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง,ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ กะเหรี่ยง,ป่าไม้,เชียงใหม่ |
Author |
ธเนศ ณุวงษ์ศรี |
Title |
การเปรียบเทียบการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของเกษตรกรชาวเขาเผ่าม้งและเผ่ากะเหรี่ยงในเขตศูนย์พัฒนา โครงการหลวงอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ม้ง, ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
126 |
Year |
2545 |
Source |
หลักสูตรปริญญวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (เกษตรศาสตร์) สาขาวิชาส่งเสริมการเกษตร บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
ศึกษาการอนุรักษ์ป่าของเกษตรกรม้งและกะเหรี่ยง โดยพบว่าการอนุรักษ์ป่าของเกษตรกรม้ง และกะเหรี่ยงมีความแตกต่างกัน และเหมือนกันในบางส่วน เช่น กะเหรี่ยงทำงานอนุรักษ์มากกว่าม้ง อาทิ การป้องกันไฟป่า การรักษาป่า และทั้งสองกลุ่มมีความแตกต่างกันคือ ม้งจะปลูกพืชระบบเชิงเดี่ยว ส่วนกะเหรี่ยงจะปลูกพืชหมุนเวียนด้วย สำหรับปัญหาที่พบส่วนใหญ่คือม้งจะมีปัญหาเรื่องการตัดไม้ทำลายป่า ส่วนกะเหรี่ยงพบปัญหาเรื่องไฟป่า และต้องการให้ทางการจัดสรรที่ดินทำกินให้มากขึ้น |
|
Focus |
ศึกษาเปรียบเทียบการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ของเกษตรกรม้งและกะเหรี่ยงในเขตศูนย์พัฒนา โครงการหลวงอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยเน้นศึกษาการวางแผนการทำงานอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ (หน้า 3, 29, 30) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ชาวเขาเผ่าม้งและชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงในเขตโครงการหลวงอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ (หน้า 4) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไม่ได้กล่าวถึงภาษาประจำเผ่า ม้งและกะเหรี่ยง ในกรณีศึกษานี้ ส่วนใหญ่พูด และเขียนภาษาไทยได้ ม้งพูดไทยได้ร้อยละ 98.18 เขียนภาษาไทยได้ร้อยละ 56.36 ส่วนกะเหรี่ยงพูดไทยได้ร้อยละ 89.57 เขียนภาษาไทยได้ร้อยละ 60.87 (หน้า 37,103) |
|
Study Period (Data Collection) |
ไม่ระบุช่วงเวลาที่ทำการวิจัย |
|
History of the Group and Community |
|
Demography |
ในบริเวณดอยสูง มีม้งอาศัยราว 80,507 คน และกะเหรี่ยง 309,610 คน ในเขตศูนย์พัฒนาโครงการหลวงอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ มีประชากรรวม 682 ครัวเรือน เป็นม้ง 220 ครัวเรือน เป็นกะเหรี่ยงจำนวน 462 ครัวเรือน มีจำนวนครอบครัว 818 ครอบครัว ประชากรรวม 3,518 คน สำหรับประชากรในการ วิจัย มี 170 คน เป็นม้ง 55 คน และกะเหรี่ยง 115 คน สัดส่วนของขนาดครอบครัวม้งประมาณ 6.31 คน (น้อยที่สุด 2 คน มากที่สุด 12 คน) ประมาณร้อยละ 45.45 มีสมาชิกใน ครอบครัว 7-9 คน ประมาณร้อยละ 30.91 ของครอบครัว มีจำนวนสมาชิก 4-6 คน ประมาณร้อยละ 16.36 มีสมาชิกใน ครอบครัว 1-3 คน และประมาณร้อยละ 7.27 มีสมาชิกในครอบครัวมากกว่า 10 คน ครอบครัวเกษตรกรกะเหรี่ยง มีสมาชิกในครอบครัวน้อยที่สุด 2 คน มากที่สุด 9 คน จำแนกเป็นร้อยละ 63.48 มีสมาชิก 4-6 คน ร้อยละ 22.61 มีสมาชิก 7-9 คน ร้อยละ 13.91 มีสมาชิกในครอบครัว 1-3 คน (หน้า 2-4, 22, 31, 39, 103) |
|
Economy |
มีการทำไร่ที่ทำให้ต้องตัดต้นไม้เป็นจำนวนมาก พื้นที่ถือครองของม้ง 7.39 ไร่ ส่วนครอบครัวกะเหรี่ยง มีที่ดินถือครอง เฉลี่ย 6.83 ไร่ (หน้า 2, 40) ปี พ.ศ. 2543 เกษตรกรม้งมีรายได้เฉลี่ยรวมจำนวน 93,161.64 บาท รายได้รวมต่ำสุด 2 หมื่นบาท รายได้รวมสูงสุด 5 แสนบาท เมื่อเทียบรายได้แล้วสามารถจำแนกได้ดังนี้ร้อยละ 47.27 มีรายได้มากกว่า 75,000 บาท ร้อยละ 27.27 มีรายได้ระหว่าง 25,001-50,000 บาท และร้อยละ 20 มีรายได้รวมระหว่าง 50,001-75,000 บาท และเกษตรกรม้ง จำนวนร้อยละ 5.45 มีรายได้ระหว่าง 10,001-25,000 บาท สำหรับเกษตรกรกะเหรี่ยง มีรายได้เฉลี่ยรวม 26,053.22 บาท รายได้รวมต่ำสุด 3 พันบาท รายได้รวมสูงสุด 2 แสนบาท จำแนกได้ดังนี้ร้อยละ 52.17 มีรายได้ 10,001-25,000 บาท ร้อยละ 29.57 มีรายได้ระหว่าง 25,001- 50,000 บาท ร้อยละ 12.17 มีรายได้ระหว่าง 5,001-10,000 บาท ร้อยละ 2.61 มีรายได้มากกว่า 75,000 บาท และที่มีรายได้ระหว่าง 0-5,000 บาท และ 50,001 - 75,000 บาท มีจำนวนร้อยละ 1.74 (หน้า 38,103) การทำการเกษตรของทั้งสองกลุ่มมีความแตกต่างกัน คือ ม้งจะปลูกพืชในระบบเชิงเดี่ยว ส่วนกะเหรี่ยงจะปลูกพืชในระบบหมุนเวียน โดยจะเว้นว่างพื้นที่เพาะปลูก ปล่อยทิ้งไว้ให้ต้นไม้โตขึ้นมา (หน้า จ 18,19,21) |
|
Political Organization |
เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีบทบาททางการเมือง ตัวอย่างเช่น ม้ง ได้เป็นผู้นำท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วย ผู้ใหญ่บ้าน เพียงร้อยละ 5.45 ไม่ได้เป็นจำนวนร้อยละ 94.55 ส่วนเกษตรกรกะเหรี่ยง ได้เป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เพียงร้อยละ 2.61 และไม่ได้เป็นจำนวนร้อยละ 97.39 ส่วนสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) มีเพียงเกษตรกรกะเหรี่ยง จำนวนร้อยละ 2.61 เท่านั้นที่ได้เป็น ส่วนม้งไม่มีใครได้เป็น สมาชิก อบต. (หน้า 45,ตารางหน้า 46) |
|
Belief System |
กะเหรี่ยงมีความเชื่อเรื่องผีและนำความเชื่อเรื่องจารีตประเพณีมาใช้ในการอนุรักษ์ป่า ได้แก่ พิธีบวชป่า การห้ามตัดต้นไม้ที่ผูกสายสะดือเด็กทารกแต่ละคนที่เกิด การทำไร่หมุนเวียน และสร้างแนวกันไฟ นอกจากนี้ กะเหรี่ยงยังมีความเชื่อเรื่องการอนุรักษ์ป่า ว่าควรปล่อยให้ต้นไม้ให้เติบโตเองตามธรรมชาติ กะเหรี่ยง มีวิธีแบ่งป่าออกเป็นป่าชนิดต่าง ๆ ได้ดังนี้ 1) ปก่าตะเดโตะ คือ ป่าในช่องเขา เป็นทางเดินของผี ไม่ให้ตัดไม้ทำลายป่าแผ้วถางเป็นที่ทำกิน แต่สามารถหาของป่า หาฟืน และสมุนไพรได้ 2) ปก่าเดหมื่อเบอ คือ ป่าที่ขึ้นบนเนินคล้ายหลังเต่า สายน้ำไหลอ้อม หรืออยู่ล้อมรอบ เหมือน "เขียดแลวกกไข่ " เชื่อว่ามีผีดุร้าย ไม่ให้นำพื้นที่นี้ไปทำประโยชน์ 3) ปก่าเซมอปู คือป่าซับน้ำ เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่และมีน้ำขังในพื้นที่ ตลอดทั้งปีมีน้ำไหลลงลำห้วย เชื่อว่า เป็นที่อยู่ของผีน้ำ ไม่ให้กินน้ำในพื้นที่นี้ 4) ปก่าที่หน่าจวะคี คือป่าขุนห้วย มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่บริเวณนั้น ไม่ให้ตัดไม้มาใช้ประโยชน์ 5) ปก่าที่เป่อถ่อ คือป่ามีน้ำผุด ถือว่ามีผีที่ดุร้าย ไม่ให้รบกวนในพื้นที่นั้น นอกจากนี้ตามความเชื่อของกะเหรี่ยง ยังห้ามตัดต้นไม้ดังต่อไปนี้ ต้นไทรที่มีลำต้นสูงใหญ่เชื่อว่าเป็นที่อยู่ของเทพ "หมื่อกาเขล่อ" ต้นไม้ที่เติบโตอยู่เป็นคู่กัน ต้นไม้ที่ปลายโน้มติดกับต้นไม้ต้นอื่น ต้นไม้ที่มีรังผึ้ง ต้นไม้ที่มีเถาวัลย์เกี่ยวอยู่ ต้นไม้ที่ขึ้นบนจอมปลวก เป็นต้น (หน้า 20,21,25,27,108) การนับถือศาสนา เกษตรกรม้ง นับถือศาสนาคริสต์ร้อยละ 63.64 นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 32.73 นับถือผีร้อยละ 3.64 ส่วนเกษตรกรกะเหรี่ยง นับถือพุทธร้อยละ 75.56 นับถือคริสต์ร้อยละ 18.26 และนับถือผีร้อยละ 6.09 (หน้า 36,103) |
|
Education and Socialization |
ม้งร้อยละ 98.18 พูดไทยได้เข้าใจ เขียนหนังสือภาษาไทยได้ร้อยละ 56.36 ส่วนกะเหรี่ยง พูดไทยได้เข้าใจร้อยละ 89. 57 เขียนหนังสือภาษาไทยได้ร้อยละ 60.87 สำหรับความเข้าใจการพูดและการเขียนภาษาไทยของ เกษตรกรกะเหรี่ยง ก็ไม่มีผลด้านการอนุรักษ์ป่าไม้เช่นกัน (หน้า 37, 64, 65,77, 78,103) ข้อมูลความรู้ในการอนุรักษ์ป่า เกษตรกรได้รับจากสื่อหลายแขนงเช่น ข่าวจาก โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วิทยุ หอกระจายข่าว โปสเตอร์ แผ่นพับ และการฝึกอบรบจากเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ผู้เขียนระบุว่าเกษตรกรม้งและกะเหรี่ยง มีความรู้ความความเข้าใจการเกษตรเชิงอนุรักษ์ทรัพยากรบนที่สูงเป็นอย่างดี โดยเกษตรม้งตอบคำถามได้ถูกต้อง เช่น การปลูกพืชคลุมดิน ช่วยให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ ดีกว่าปล่อยที่ดินให้รกร้าง หรือการปลูกพืชตระกูลถั่วไม่ว่าจะเป็นถั่วมะแฮะ ถั่วเหลือง เป็นการเพิ่มวัชพืชในพื้นที่ เป็นต้น ส่วนเกษตรกรกะเหรี่ยง ตอบคำถามได้ถูกต้องเช่น การปลูกหญ้าแฝกเป็นแถบขวางตามแนวระดับ ช่วยลดการกัดเซาะพังทลายของดิน จากการวิจัยพบว่า เกษตรกรม้งร้อยละ 90.91 และเกษตรกรกะเหรี่ยงร้อยละ 60.09 มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเกษตรเชิงอนุรักษ์สูงกว่าคะแนนเฉลี่ย (หน้า 42,43,48-55) สำหรับการเปรียบเทียบ การเผยแพร่ความรู้และการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่า เช่น การแนะนำเพื่อนบ้านให้ทราบถึงประโยชน์ของป่าไม้ อันตรายของไฟป่า การชักชวนเพื่อนบ้านให้ช่วยกันถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับป่าไม้ การเผยแพร่จิตสำนึกเรื่องการอนุรักษ์ป่าแก่ลูกหลาน การใช้สารเคมี การประชาสัมพันธ์เพื่อนบ้านไม่ให้บุกรุกทำลายป่า ไม่ให้ทำผิดกฎหมายป่าไม้ให้ร่วมกันปลูกป่า ชักชวนเพื่อนบ้านให้ร่วมพิธีกรรมในการอนุรักษ์ป่าของหมู่บ้าน ช่วยกันจัดกิจกรรมด้านอนุรักษ์ป่าไม้ของหมู่บ้าน และของรัฐ ของเกษตรกรม้งและกะเหรี่ยง (หน้า 74,87) |
|
Health and Medicine |
กล่าวถึงความเป็นอยู่ของม้งและกะเหรี่ยงว่า มีความยากจนและสุขภาพไม่ดี เจ็บไข้ได้ป่วยเป็นจำนวนมาก (หน้า 2) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
เกษตรกรม้งและกะเหรี่ยง ส่วนมากมีความพอใจการทำงานของ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และผู้นำในงานอนุรักษ์ป่า อยู่ในระดับปานกลาง ม้งมีความพอใจในระดับปานกลางมีจำนวนร้อยละ 69.01 และไม่ค่อยพอใจเพราะเจ้าหน้าที่ทำงานเคร่งครัด จำนวนร้อยละ 27.27 สำหรับคนที่พอใจมากมีเพียงร้อยละ 3.64 เกษตรกรกะเหรี่ยงพอใจเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในระดับปานกลาง จำนวนร้อยละ 85.22 และไม่พอใจเพราะเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่อำนวยความสะดวก คิดเป็นจำนวนร้อยละ 4.35 และมีความพอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ป่าไม้เป็นอย่างมาก จำนวนร้อยละ 10.43 (หน้า 46,ตาราง หน้า 47) |
|
Social Cultural and Identity Change |
|
Other Issues |
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การเปรียบเทียบการอนุรักษ์ป่าของเกษตรกรม้งและกะเหรี่ยงที่มีความแตกต่างกันทางสถิติได้แก่ การกำหนดเขตที่ทำกินในหมู่บ้าน การตรวจพื้นที่ป่าในเขตรับผิดชอบในหมู่บ้าน การร่วมกันกีดกันผู้บุรุกถางป่าในเขตรับผิดชอบของหมู่บ้าน การปลูกป่าเพื่อใช้เป็นป่าชุมชน การปลูกป่าตามโครงการของรัฐ การรักษาต้นไม้ที่ปลูก การป้องกันไฟป่า การดับไฟป่า การทำแนวป้องกันไฟป่า การประสานงานกับเจ้าหน้าที่ป้องกันไฟป่า ที่ไม่แตกต่างกันเช่น การประสานงานกับเจ้าหน้าที่ในการรักษาป่า การรายงานผู้นำชุมชนและเจ้าหน้าที่ เมื่อเห็นคนตัดต้นไม้ในหมู่บ้าน การปลูกต้นไม้ในที่ดินที่ครอบครอง (หน้า 88-93 ตารางหน้า 94-96) ปัญหาที่พบมากที่สุดในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าของม้ง ได้แก่ การลักลอบตัดต้นไม้มาสร้างบ้าน ปัญหาไฟป่าในช่วงหน้าแล้ง ความไม่เข้าใจการอนุรักษ์ป่าที่ถูกต้อง ความต้องการของเกษตรกรม้ง ต้องการให้มีการเผยแพร่ความรู้ และส่งเสริมการอนุรักษ์ป่าไม้ ต้องการให้ปลูกป่าทดแทนพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ต้องการให้มีการจัดสรรที่ทำกิน เกษตรกรกะเหรี่ยง มีปัญหามากที่สุดในการอนุรักษ์ป่า คือทำให้เกิดปัญหา ไฟป่าในหน้าแล้ง การลักลอบตัดต้นไม้ มาสร้างบ้าน ความไม่เข้าใจการอนุรักษ์ป่าไม้ที่ถูกต้อง ความต้องการ ได้แก่ ต้องการให้จัดสรรที่ทำกินให้ชาวบ้าน ให้ปลูกป่าทดแทนพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ต้องการให้เผยแพร่ความรู้ และส่งเสริมการอนุรักษ์ป่า (หน้า 97-102, ตาราง หน้า 98, 99, 102) |
|
Map/Illustration |
ตาราง ความสัมพันธ์ด้านต่างๆ เกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าของเกษตรกรม้งและกะเหรี่ยง (ตั้งแต่หน้า 36-59) รายได้รวมของครัวเรือน พ.ศ.2543 (หน้า 38) จำนวนสมาชิกในครัวเรือน (หน้า 39) พื้นที่การเกษตรที่ครอบครอง (หน้า 40) ระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ (หน้า 41) การได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าไม้ ( หน้า 44 ) การเข้าร่วมสมาชิกองค์กรหมู่บ้านของเกษตรกร (หน้า 46 ) ความพอใจและศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ กับผู้นำการอนุรักษ์ป่าไม้ (หน้า 47 ) การพบปะชาวเมือง ของเกษตรกร (หน้า 48) จำนวนผู้ตอบคำถามถูกเกี่ยวกับความรู้ด้านเกษตรเชิงอนุรักษ์ ทรัพยากรบนที่สูง (หน้า 49) ระดับความรู้เกี่ยวกับการเกษตรเชิงอนุรักษ์ (หน้า 51,52) ระดับการปฏิบัติเกี่ยวกับการอนุรักษ์ป่าของเกษตรกรม้ง และกะเหรี่ยง (หน้า 59) ความสัมพันธ์ด้านการอนุรักษ์ป่าของม้ง (ตั้งแต่หน้าหน้า 62-74) การเปรียบเทียบการอนุรักษ์ป่าของเกษตรกรม้ง และ กะเหรี่ยง (หน้า 94) ปัญหาการอนุรักษ์ป่าของม้ง (หน้า 98) ความต้องการ ให้มีการอนุรักษ์ป่าของม้ง (หน้า 99) ปัญหาการอนุรักษ์ป่าของกะเหรี่ยง (หน้า 101) ความต้องการให้มีการอนุรักษ์ป่าของกะเหรี่ยง (หน้า 102) แผนที่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงอินทนนท์ (ภาคผนวก ข หน้า 125) |
|
|