สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),การทอผ้า,ภาคเหนือ
Author ศริญญา นาคราช, สุภัทรา รัตนคอน
Title ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงกับการทอผ้า
Document Type อื่นๆ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity ปกาเกอะญอ, Language and Linguistic Affiliations จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 64 Year
Source รายงานประกอบวิชา Folk Art and Handicraft 104310 คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Abstract

การทอผ้าของกะเหรี่ยงมี 2 ชนิดคือ การทอธรรมดาและการทอลวดลาย การทอผ้าของกะเหรี่ยงจะใช้ด้ายซึ่งทำจากใยฝ้ายเท่านั้น ผ้าที่ได้จากการทอแบบกะเหรี่ยงจะเป็นผ้าหน้าแคบ ดังนั้นเครื่องนุ่งห่มจึงมีลักษณะคงที่คือนำผ้าทั้งผืนเย็บประกอบกันโดยพยายามหลีกเลี่ยงการตัด สีที่ใช้ย้อมจะมี 2 ชนิด ได้แก่ สีวิทยาศาสตร์ และสีธรรมชาติซึ่งได้จากพันธุ์ไม้ต่างๆ เช่น เปลือกไม้สัก ยอดต้นสัก เปลือกปอแดง ขมิ้น ต้นคราม เป็นต้น การประดิษฐ์ลวดลายในผืนผ้าขณะทอมี 5 วิธีคือ ลายเส้นในเนื้อผ้า ลายสลับสี ลายจก ลายขิดและการทอลายโดยการแทรกวัสดุอื่นประกอบ นอกจากนี้ การประดับลวดลายบนลายผ้าสามารถบอกถึงสถานะทางสังคมของผู้สวมใส่ได้อีกด้วย เช่น เสื้อของหญิงในหมู่บ้านภูเหม็นบนที่แต่งงานแล้วจะมี 2 แบบ แบบแรกทอลายทั้งตัวและแบบที่ทอเป็นผ้าพื้นทั้งผืน มักจะมีพื้นเป็นสีดำหรือสีน้ำเงิน แล้วทอดอกหรือปักลวดลายด้วยด้ายหรือไหมพรมสีชมพูเข้มหรือสีแดงเป็นหลัก ส่วนซิ่นก็จะมี 2 แบบ คือ ลายขวางตลอดทั้งตัว ส่วนแบบที่สอง เป็นลายขวางและใช้ผ้าที่ทอจากที่ทอเข็มขัดคาดหลังสามชิ้นมาเย็บต่อกันเช่นกันแต่ต่างกันที่ส่วนหัวซิ่นจะทอเป็นผ้าพื้นแดงช่วงกว้างๆ เป็นต้น แต่ปัจจุบันเด็กส่วนใหญ่นิยมใส่เสื้อและกางเกงสำเร็จรูปที่หาซื้อได้จากพ่อค้าในตลาด

Focus

ศึกษาวัฒนธรรมการทอผ้าและการแต่งกาย วิธีทอ วัสดุ การตัดเย็บ วิธีการเก็บรักษาผ้าของกะเหรี่ยงในภาคเหนือของประเทศไทย

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

กะเหรี่ยง

Language and Linguistic Affiliations

ภาษากะเหรี่ยงถูกจัดอยู่ในตระกูลภาษาจีน-ธิเบต (หน้า 1) นักภาษาศาสตร์ได้แบ่งกะเหรี่ยงออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กะเหรี่ยงสะกอ กะเหรี่ยงโปว์ กะเหรี่ยงคะยาและกระเหรี่ยงตองสู (หน้า 2-3)

Study Period (Data Collection)

ไม่ระบุ

History of the Group and Community

กะเหรี่ยงในประเทศไทย เป็นกลุ่มชนที่เคยอาศัยอยู่ต้นแม่น้ำสาละวิน ประเทศพม่า อพยพเข้ามาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศไทย ในระยะแรกอพยพในลักษณะธรรมชาติ ต่อมาในราวศตวรรษที่ 24 จนถึงปัจจุบัน ได้อพยพเข้ามาเพราะความขัดแย้งทางการปกครองกับรัฐบาลพม่า มีหลักฐานว่ากะเหรี่ยงได้อาศัยอยู่ในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 250 ปี ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา (หน้า 1)

Settlement Pattern

กะเหรี่ยงตั้งบ้านเรือนอยู่รวมกัน หมู่บ้านละ 5 หลังขึ้นไป ส่วนมากตั้งอยู่บนที่ราบสูงเหนือระดับน้ำทะเลไม่เกิน 500 เมตร (หน้า 2)

Demography

บ้านภูเหม็นบน มีประชากรกะเหรี่ยงจำนวน 167 คน เป็นกะเหรี่ยงโปว์จำนวน 157 คนและเป็นคนไทยที่แต่งงานเข้ามาในหมู่บ้านอีก 10 คน ประชากรส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ชายหญิงที่แต่งงานแล้วและเด็กๆ ไม่ค่อยมีคนหนุ่มคนสาว เพราะส่วนใหญ่จะไปทำงานนอกหมู่บ้าน (หน้า 56)

Economy

สังคมกะเหรี่ยงเป็นสังคมที่ผลิตเพื่อยังชีพ เศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการเกษตรทำไร่เลื่อนลอยแบบหมุนเวียน มีการเพาะปลูกข้าวไร่และนาดำตลอดจนการปลูกพืชประเภทอื่นแซม เช่น พริก ถั่ว งา ยาสูบ นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงหมูและไก่เพื่อใช้ในพิธีกรรม เลี้ยงวัวและควายเพื่อขาย เลี้ยงช้างไว้ใช้งาน (หน้า 3) ทุกครัวเรือนจะปลูกฝ้ายไว้เพื่อใช้ในการทอเครื่องนุ่งห่มสำหรับสมาชิกในครอบครัว (หน้า 16)

Social Organization

กะเหรี่ยงมีลักษณะครอบครัวเดี่ยวนับถือบรรพบุรุษสายมารดา (หน้า 2)

Political Organization

ในแต่ละหมู่บ้านจะมีหมอผี(ฮีโข่) เป็นผู้นำทางสังคมในการประกอบพิธีกรรมและเสมือนเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน บางหมู่บ้านจะพบว่าผู้ใหญ่บ้านกับฮีโข่เป็นคนเดียวกัน (หน้า 2)

Belief System

ความเชื่อของกะเหรี่ยง มี 3 แบบหลักคือ การนับถือผีและวิญญาณ การนับถือศาสนาพุทธและการนับถือศาสนาคริสต์ แต่ส่วนใหญ่ร้อยละ 90 ยังคงนับถือผี วิญญาณบรรพบุรุษหรือผีบ้านผีเรือนซึ่งคอยคุ้มครองและให้ความสุข ประเพณที่สำคัญของกะเหรี่ยงคือประเพณีขึ้นปีใหม่ จัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ต้นฤดูกาลการเพาะปลูก ในพิธีฉลอง จะมีการนำเหล้าและเนื้อไก่ไปบรวงสรวงต่อผีและวิญญาณ จากนั้นจะมีการดื่มเหล้าและผูกข้อมือด้วยด้ายดิบให้คำอวยพรต่อกัน กะเหรี่ยงจะไม่มีการเต้นรำแต่จะมีการซอรอบกองไฟในพิธีศพโดยมีการร้องเพลงชี้ทางให้แก่วิญญาณผู้ตาย (หน้า 2)

Education and Socialization

กะเหรี่ยงที่เกิดในประเทศไทยจะได้รับการศึกษาทั้งในโรงเรียนประถมศึกษาในหมู่บ้านและการศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จ ประมาณปี พ.ศ.2375 มิชชั่นนารีอเมริกันแบบติสท์ ได้นำอักษรพม่ามาประดิษฐ์เป็นตัวหนังสือของกะเหรี่ยง แต่ปัจจุบันทางราชการได้ห้ามมิให้มีการเผยแพร่ศาสนาโดยใช้ภาษาอื่นนอกจากภาษาไทยเท่านั้น (หน้า 2-3)

Health and Medicine

ไม่มีข้อมูล

Art and Crafts (including Clothing Costume)

การทอผ้า - การทอผ้าของกะเหรี่ยงจะใช้ด้ายซึ่งทำจากใยฝ้ายเท่านั้น การปั่นฝ้ายให้เป็นเส้นด้ายตามวิธีของกะเหรี่ยง มีขั้นตอนดังนี้ นำสมอฝ้ายตากแดด ทำความสะอาด หีบฝ้ายเอาเมล็ดออก การสางเส้นใยและการวางเส้นใยแล้วปั่นและทำให้เป็นไจ (หน้า 16-18) - สีที่ใช้ย้อมจะมี 2 ชนิด ได้แก่สีวิทยาศาสตร์และสีธรรมชาติ ซึ่งได้จากพันธุ์ไม้ต่างๆ เช่น เปลือกไม้สัก ยอดต้นสัก เปลือกปอแดง ขมิ้น ต้นคราม (หน้า 27-28 ) -การย้อมลายผ้าของกะเหรี่ยง จะย้อมให้เป็นลวดลายติดสีเพียงบางส่วน โดยการห่อหุ้มด้ายส่วนที่ไม่ต้องการให้ติดสีด้วยใบไม้หรือพันด้วยเชือกกล้วย ผ้าที่ย้อมด้วยวิธีนี้เมื่อนำไปทอจะใช้เป็นด้ายยืน ซึ่งทำให้ลายไม่เปลี่ยนแปลง ต่างกับการทอผ้าของจังหวัดแพร่และจังหวัดน่านซึ่งใช้ด้ายแบบนี้เป็นด้ายขวาง(หน้า 31) - การทอผ้าของกะเหรี่ยงมี 2 ชนิดคือ การทอธรรมดาและการทอลวดลาย การทอธรรมดาหรือลายขัด คือการสอดด้ายขวางเข้าไประหว่างด้ายยืนซึ่งแยกสลับกัน ขึ้น 1 ลง 1 หรือขึ้น 2 ลง 2 ผ้าที่ได้จะเป็นสีเดียวกันตลอดผืน การทอลวดลาย ความนิยมเกี่ยวกับการประกอบลวดลายเพื่อตัดเย็บเป็นเครื่องนุ่งห่มแต่ละชนิดจะไม่เหมือนกัน เช่น ชุดหญิงสาวสะกอ จะมีลวดลายขวางลำตัวบริเวณเหนือหน้าอกเพียงเล็กน้อย ผ้าถุงของหญิงแต่งงานแล้วจะมีลวดลายสลับสีตลอดทั้งตัว เสื้อผู้หญิงโปว์จะทอลวดลายบริเวณไหล่อย่างสวยงาม - การประดิษฐ์ลวดลายในผืนผ้าขณะทอมี 5 วิธีคือ ลายเส้นในเนื้อผ้า ลายสลับสี ลายจก ลายขิดและการทอลายโดยการแทรกวัสดุอื่นประกอบ การทอลายจกของกะเหรี่ยงคล้ายกับของคนไทยพื้นราบแถบจังหวัดสุโขทัย อุตรดิตถ์และราชบุรีมาก แต่ความละเอียดในด้านสีสันและลวดลายจะมีน้อยกว่า (หน้า 40-44) เครื่องนุ่งห่ม - ผ้าที่ได้จากการทอแบบกะเหรี่ยงจะเป็นผ้าหน้าแคบ ดังนั้นเครื่องนุ่งห่มจึงมีลักษณะคงที่คือ นำผ้าทั้งผืนเย็บประกอบกันโดยพยายามหลีกเลี่ยงการตัด (หน้า 46) เด็กในหมู่บ้านภูเหม็นบนจะสวมชุดทรงกระสอบยาวสีขาว หญิงสาวจะเปลี่ยนจากการแต่งชุดทรงกระสอบสีขาวมาเป็นชุดเสื้อและซิ่นได้หลายกรณี เช่น เปลี่ยนเพราะแต่งงาน เปลี่ยนเพราะมีประจำเดือนแล้ว เป็นต้น ดังนั้นจึงไม่มีการกำหนดอายุตายตัว สาวที่เปลี่ยนมานุ่งซิ่น-ใส่เสื้อแล้วจะไม่เปลี่ยนกลับไปใส่ชุดทรงกระสอบสีขาวอีก - เสื้อของหญิงในหมู่บ้านภูเหม็นบนที่แต่งงานแล้วจะมี 2 แบบ แบบแรกทอลายทั้งตัวและแบบที่สองทอเป็นผ้าพื้นทั้งผืน มักจะมีพื้นเป็นสีดำหรือสีน้ำเงิน แล้วทอดอกหรือปักลวดลายด้วยด้ายหรือไหมพรมสีชมพูเข้มหรือสีแดงเป็นหลัก - ส่วนซิ่นก็จะมี 2 แบบ คือ ลายขวางตลอดทั้งตัว ส่วนแบบที่สอง เป็นลายขวางและใช้ผ้าที่ทอจากที่ทอเข็มขัดคาดหลังสามชิ้นมาเย็บต่อกันเช่นกันแต่ต่างกันที่ส่วนหัวซิ่นจะทอเป็นผ้าพื้นแดงช่วงกว้างๆ เด็กหญิงและสาวๆ กะเหรี่ยงบ้านห้วยฮ่อมนอก จะสวมชุดทรงกระสอบยาวมีทั้งสีขาวและสีอื่นๆ ปักตกแต่งบริเวณหน้าอกและชายด้านล่างของชุด ที่ชายเสื้อจะปล่อยเป็นชายครุยมีด้ายห้อยอยู่ ซิ่นของหญิงที่แต่งงานแล้ว ตัวซิ่นจะได้จากการเย็บผ้าหน้าแคบสองชิ้นเข้าด้วยกัน ส่วนเด็กชายจะแต่งแบบชาวพื้นราบทั่วไป (หน้า 56 - 64) เครื่องดนตรีของกะเหรี่ยงมี พิณ 5 สายใช้ดีดประกอบเพลงเล่านิทานหรือเพลงเกี้ยวสาว (หน้า 2)

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

กะเหรี่ยงพวกที่อพยพมาระยะแรกๆ ได้มีการผสมกลมกลืนทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมกับคนไทยพื้นราบ แต่กะเหรี่ยงที่อพยพมารุ่นหลังระยะ 50 ปียังคงอยู่ในลักษณะสังคมชนเผ่าของตนเอง ปัจจุบันเพลงเกี้ยวสาวและเพลงเล่านิทานกำลังจะเสื่อมหายและเพลงไทยลูกทุ่งกำลังเป็นที่นิยมแทน กะเหรี่ยงมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับคนพื้นเมืองโดยการนำผลิตผลทางการเกษตรที่เหลือจากการบริโภคมาแลกกับเกลือหรือยารักษาโรคและเลี้ยงวัว ควายเพื่อขายให้กับพ่อค้าคนเมือง แต่เดิมกะเหรี่ยงเป็นเผ่าที่ไม่เคยมีการปลูกฝิ่นเพราะถือเป็นการผิดประเพณี แต่ปัจจุบันได้พัฒนามาเป็นแรงงานรับจ้างปลูกฝิ่นให้กับชาวเขาเผ่าม้ง (หน้า 1-3) ปัจจุบันกะเหรี่ยงนิยมสวมกางเกงสำเร็จรูปซื้อจากตลาดพื้นราบ (หน้า 40) เด็กในหมู่บ้านภูเหม็นบน ปัจจุบันส่วนใหญ่นิยมใส่เสื้อและกางเกงที่หาซื้อได้จากพ่อค้าในตลาด (หน้า 56)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

จากหลักฐานการค้นคว้าทางโบราณคดี สันนิษฐานว่ามนุษย์รู้จักการทอผ้าตั้งแต่ 4,500 - 8,000 ปีมาแล้ว การทอผ้าในระยะแรกพบว่ามี 3 ระยะคือ - ระยะแรกการนำเส้นใยพืชมาสานขัดกันโดยไม่มีแบบแผน - ระยะที่ 2 การขึงเส้นใยหรือเส้นด้ายจากคานเรียงขนานกันในแนวตั้ง ถ่วงด้วยน้ำหนักลงด้วยไม้คานอีกอันหนึ่ง ซึ่งเป็นแรงดึงให้ด้ายยืน เมื่อสอดด้ายขวางสลับเข้าไประหว่างด้ายยืนและดึงให้ตึงจะทำให้เนื้อผ้าแน่น - ส่วนระยะที่ 3 คือการนำเส้นด้ายมาขึงระหว่างไม้หลัก 2 อัน ซึ่งจะทำให้เส้นด้ายยืนมีความตึงที่สม่ำเสมอ การขึงลักษณะนี้มี 2 ลักษณะคือขึงในแนวตั้งและขึงในแนวนอน (หน้า 5-6)

Map/Illustration

ภาพ - ลักษณะหนึ่งของการนำเส้นใยพืชมามัดเรียงกันเป็นผืน(หน้า 5) - เครื่องทอผ้า(หน้า 6) - เครื่องทอแบบ Horizontal Type(หน้า 7) - เครื่องทอแบบ Back - Strup ของชาวเปรูสมัยโบราณ(หน้า 8) - การทอผ้าของกะเหรี่ยง(หน้า 11) - เครื่องทอแบบตะกอเดียว(หน้า 11) - เครื่องทอแบบหลายตะกอ(หน้า 12) - แม่บ้านกะเหรี่ยงปั่นเส้นด้ายจากฝ้ายและทอทำเครื่องนุ่งห่ม(หน้า 12) - ที่ทอผ้าแบบเข็มขัดคาดหลังซึ่งใช้เส้นด้ายยืนที่ต่อก้นตลอดเป็นวงกลม(หน้า 13) - แผ่นหนังสำหรับคาดด้านหลัง(หน้า 14) - ไม้พันผ้า(หน้า 14) - ไม้กระทบหรือหน่อทาแพะ(หน้า14) - ไม้ช่วยแยกด้ายหรือกลูโข่(หน้า 15) - ไม้หน่อสะยา(หน้า15) - ไม้ขึ้นเครื่องทอ(หน้า 16) - การตากฝ้าย(หน้า 18) - เครื่องหีบฝ้าย(หน้า19) - เครื่องมือสำหรับยิงฝ้าย - น่อผี(หน้า20) - อุปกรณ์การล่อฝ้ายให้เป็นหลอด(หน้า21) - การล่อฝ้ายให้เป็นหลอด(หน้า22) - เครื่องปั่นผ้าย(หน้า 24) - "ลูควา" ที่พันด้ายให้เป็นใจ(หน้า25) - เครื่องฟันด้ายให้เป็นใจแบบตั้ง(หน้า 25) - การกระตุกใจด้ายขณะตาก(หน้า26) - ลักษณะของเปลือกนมวัวที่ทุบแล้ว เมื่อนำไปย้อมจะให้สีแดง(หน้า 27) - ขั้นตอนการย้อมสี(หน้า 28) - การย้อมสีด้ายของกะเหรี่ยง(หน้า 29) - อุปกรณ์สำหรับย้อมลายน้ำไหล(หน้า 31) - การแยกด้ายก่อนผูกเป็นเปลาะๆ (หน้า 32) - มัดของด้ายที่ย้อมแล้ว(หน้า 32) - แสดงให้เห็นขั้นตอนของด้ายจากด้ายสีขาวมาเป็นลายน้ำไหล การกรอด้ายขวาง(หน้า 33) - ลักษณะการกรอด้ายขวาง(หน้า 33) - การเรียงส่วนประกอบบนไม้ "แทเบรอะ" (หน้า 35) - การเรียงด้ายระยะที่ 1 (หน้า 36) - การเรียงด้านระยะที่ 2 (หน้า 36) - เครื่องทอเมื่อประกอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว(หน้า 38) - ตำแหน่งของผู้ทอเมื่อวางเครื่องทออยู่ในลักษณะตึงพอดี(หน้า 39) - การทอธรรมดา(ลายขัด)(หน้า 40) - ลายเส้นตามแนวตั้ง(หน้า 41) - ลายเส้นตามแนวนอน(หน้า 41) - การทอลายสลับสี(หน้า 42) - ลักษณะผ้าลายจกของกะเหรี่ยงโป(หน้า 42) - ผ้าลายตีนจกของ จ.ราชบุรี(หน้า 43) - ผ้าลายขิดของกะเหรี่ยง(หน้า 44) - ลายขิดของอีสาน(หน้า 44) - วิธีทอลูกเดือยประกอบในเนื้อผ้า(หน้า 45) - การทอผ้าประกอบกระจุกด้ายของกะเหรี่ยงโป(หน้า 45) - การเย็บผ้าถุงแบบใช้ผ้า 2 ผืน(หน้า 47) - การเย็บผ้าถุงแบบใช้ผ้า 3 ผืน(หน้า 48) - ลักษณะการเย็บผ้าถุงกะเหรี่ยงคะยา(หน้า 48) - การเย็บประกอบเป็นชุดยาว(หน้า 49) - ย่ามธรรมดา(หน้า 50) - ย่ามมีลาย(หน้า 50) - การเย็บเป็นกางเกง(หน้า 51) - การตรึงตะเข็บ(หน้า 52) - การเย็บเก็บริมหรือเก็บชายผ้า(หน้า 52) - วิธีเก็บชายย่าม(หน้า 53) - วิธีเก็บชายผ้าห่ม(หน้า 53) - วิธีเก็บชายย่ามและชุดหญิงสาว(หน้า 53) - ลักษณะเครื่องแต่งกายกะเหรี่ยงโป(หน้า 55) - ลักษณะเครื่องแต่งกายกะเหรี่ยงสะกอ(หน้า 55) - เด็กหญิงที่แต่งกายด้วยชุดยาวทรงกระสอบสีขาวและน้องที่ใส่เสื้อที่หาซื้อได้ทั่วไปที่ บ้านภูเหม็นบน(หน้า 57) - เสื้อแบบหนึ่งที่ทอเป็นลายทั้งตัว(หน้า 58) - เสื้อแบบที่สองที่ทอเป็นผ้าพื้นเย็บเป็นตัวเสื้อแล้วนำมาปักลายทั้งตัว(หน้า 58) - ซิ่นแบบแรกทั้งผืนแสดงส่วนตีนและตัวซิ่น(หน้า 59)

Text Analyst สุวิทย์ เลิศวิมลศักดิ์ Date of Report 05 ก.ย. 2555
TAG ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง), การทอผ้า, ภาคเหนือ, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง