|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),การสักลาย,เชียงใหม่ |
Author |
อาดัม อินดี |
Title |
การศึกษาเรื่องการสักลายบนร่างกายของชนเผ่ากะเหรี่ยงในเขตอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ |
Document Type |
อื่นๆ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ปกาเกอะญอ,
|
Language and Linguistic Affiliations |
จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan) |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
181 |
Year |
2544 |
Source |
รายงานประกอบวิชา หลักสูตรศิลปบัณฑิต (ศิลปะไทย) ภาควิชาศิลปไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ |
Abstract |
กะเหรี่ยงในสมัยก่อนมีความนิยมในการสักลายทั้งเพศชายและเพศหญิง วัฒนธรรมการสักลายนี้มีการกระจายอยู่ทั่วไปในอาณาเขตล้านนาทั้งชาวกะเหรี่ยง คนเมือง พม่าและไทใหญ่ ซึ่งมีความเชื่อเกี่ยวกับการสักที่คล้ายกัน สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็น ว่ามีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ ความนิยมสักลายในอดีตนั้นสะท้อนให้เห็นถึงภาพในอดีตที่ผู้ชายต้อง มีความเข้มแข็ง อดทน กล้าหาญ ความดีงามและคาถาอาคมเพื่อป้องกันตนเองเฉกเช่นนักรบ เพราะในอดีตมีการสู้รบระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ และเนื่องจากการพยาบาลในอดีตไม่พัฒนาเท่าปัจจุบันจึงมีการสักข่ามเขี้ยวหรือคาถากันสัตว์มีพิษเพื่อความปลอดภัยในชีวิต นอกจากนี้ผู้ชายกะเหรี่ยงยังเป็นที่หมายตาของผู้หญิงเสมือนหนึ่งเป็นผู้มีวิชาอาคม อดทน กล้าหาญและเป็น ที่ยอมรับของสังคมตามค่านิยมในอดีต |
|
Focus |
ศึกษาความเชื่อ รูปแบบ ลวดลาย วิธีการและตำแหน่งของรอยสักตลอดจนพิธีกรรมในการสักลายอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ |
|
Ethnic Group in the Focus |
|
Language and Linguistic Affiliations |
ภาษาไทย ภาษากะเหรี่ยง (หน้า 16) และมีกล่าวถึงการสักตัวหนังสือกะเหรี่ยงบริเวณต่างๆ ของร่างกาย |
|
Study Period (Data Collection) |
|
History of the Group and Community |
อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ตามตำนานกล่าวว่า พระนางจามเทวีได้เสด็จผ่านหมู่บ้านริมน้ำที่มีผู้คนอาศัยเพื่อไปครองเมือง หริภุญไชย นับจากที่รอนแรมมาได้หนึ่งเดือนเศษ ได้มาถึงสถานที่ที่กว้างขวางแห่งหนึ่ง เห็นว่าประหลาด จึงให้ไพร่พลหยุดพักแรม พระนางจามเทวีได้ให้สร้างนครไว้เป็นที่ระลึกและสร้างวัดวาอารามอุทิศแก่ไพร่พลที่เสียชีวิตระหว่างการเดินทาง จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยในวัน ขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเส็ง พุทธศก 1201 ขนานนามว่า "พิสดารนคร" ปัจจุบันสันนิษฐานว่าอยู่บริเวณบ้านวังลุง หมู่ที่ 3 ตำบลฮอด อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ชาวบ้านเรียกหมู่บ้าน "เมืองหอด ซึ่งหมายถึงหิวหรืออดอยาก จนกระทั่งปี พ.ศ.2460 ได้ยกระดับเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ มีที่ว่าการอำเภออยู่ที่หมู่ 2 ตำบลฮอด ต่อมา ปี พ.ศ.2505 ได้มีการสร้างเขื่อนภูมิพลที่จังหวัดตากทำให้ที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำปิงกลายเป็นเขตน้ำท่วม ต่อมาจึงได้ย้ายที่ทำการอำเภอมาอยู่ที่หมู่ที่ 9 ตำบลหางดง จนถึงปัจจุบัน (หน้า 18-19) |
|
Belief System |
ความเชื่อและค่านิยมในสมัยนั้นเกี่ยวกับการสักลายของกะเหรี่ยง โดยแต่ละคนมีความเชื่อที่แตกต่างกัน เช่น เพื่อความสวยงาม ความเป็นสิริมงคล กินดีอยู่ดี หาเงินคล่อง ป้องกันภัยอันตราย เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ เพื่อให้สาวรัก เพื่อเข้าสังคม มีความกล้ามากขึ้น นอกจากนี้บรรพบุรุษได้สอนไว้ว่าต้องสักลายเพราะเวลาตายจะได้ไม่ต้องไปคุ้ยเขี่ยขี้ผีและจะได้มีเงินค่าสักติดตัวไปตอนตาย (หน้า 24-148) |
|
Education and Socialization |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
กะเหรี่ยงนิยมสักบริเวณส่วนต่างๆ ของร่างกายตามความเชื่อและค่านิยม สีที่ใช้ในการสักมีกรรมวิธีการผลิตที่หลากหลาย แต่ที่นิยมใช้ที่สุดคือหมึกสีดำผสมดีวัวดีควาย รองลงมาคือหมึกสีดำผสมน้ำมันมะพร้าว เขม่าตะเกียงน้ำมันก๊าด โดยมีช่างสักรับจ้างเป็นผู้สัก ลวดลายที่สักมีความหลากหลาย ซึ่งสามารถจำแนกได้เป็น 4 ลายหลักได้แก่ 1) ลวดลายรูปสัตว์ เป็นการสักเพื่อเพิ่มพลังให้แก่ตนเอง ป้องกันอันตราย แสดงความเข้มแข็งเพื่อดึงดูดเพศตรงข้าม สามารถจำแนกประเภทของลวดลายสัตว์ที่พบดังเช่น ลายอีเห็น แมวหรือเสือ ลายหมูป่า ลายสิงโต ลายนกยูงและนก เป็นต้น 2) ลวดลายพรรณพฤกษา นิยมสักเพื่อความสวยงามและเชื่อว่าถ้าสักแล้วจะไม่ตกนรก ไม่ต้องไปเขี่ยขี้ผีในนรก ดังเช่น ลายดอกดาวเรือง ดอกมะเขือพวง ลายใบไม้ เป็นต้น 3) ลวดลายยันต์ นิยมสักเพื่อความเป็นสิริมงคล ป้องกันอันตราย คงกระพันและการกุศลผลบุญ ลวดลายที่สัก ดังเช่น ยันต์สี่เหลี่ยม ยันต์วงกลม ยันต์สามเหลี่ยมและยันต์ตัวหนังสือ เป็นต้น 4) ลวดลายรูปพระหรือเทวดา นิยมสักเพื่อความเป็นสิริมงคล เมตตามหานิยม ลวดลายที่นิยมสัก เช่น ลายพระพุทธเจ้า 9 พระองค์ ลายพระสังฆจาย ลายเทวดา เป็นต้น (หน้า 24-148) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ปัจจุบันกะเหรี่ยงรุ่นใหม่ในเขตอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ไม่นิยมในการสักลายเช่นอดีต เนื่องจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลง การรักษาพยาบาลและการศึกษาจากส่วนกลางทำให้กะเหรี่ยงรุ่นใหม่มีความคิดและค่านิยมที่เปลี่ยนไป (หน้า 181) |
|
Other Issues |
ประวัติการสักลาย จากหลักฐานที่ปรากฏพบรอยสักที่เก่าแก่ที่สุดบนร่างของมัมมี่ผู้หญิงของชาวอียิปต์ 4 ศพ ซึ่งมีอายุ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล อย่างไรก็ตาม นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า การสักได้มีมา 8,000 ปีแล้ว ทั้งนี้ โดยอาศัยหลักฐานที่ขุดค้นได้จากหลุมฝังศพโบราณ ส่วนข้อเขียนชิ้นแรกสุดเกี่ยวกับการสักลาย ปรากฏในคัมภีร์เก่าของคริสต์ศาสนาที่ถือว่าการสักเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะการสักเป็นเรื่องเกี่ยวกับพิธีการของความตาย โดยเฉพาะนักเขียนชาวกรีกโรมันสมัยคลาสสิคบรรยายไว้ว่า การสักเป็นสิ่งที่น่าขยะแขยง เป็นกิจกรรมของอนารยชนโดยเฉพาะ เช่น ภาพสักของชาวดาเซียน ซามาเทียนและเผ่าไซเทียน (หน้า 5) เทคนิคและวิธีการสักลายของยุโรปและอเมริกา ก่อนที่จะใช้เครื่องมือการสักลายโดยเข็มสักไฟฟ้าที่ประดิษฐ์ขึ้นสำเร็จในปีค.ศ. 1891 ได้ใช้วิธีการสักลายแบบญี่ปุ่น ซึ่งใช้เข็มปลายแหลมหลายเล่มหลายขนาด ทำให้ลวดลายมีความละเอียดมากกว่าลายสักชาวโปลินีเซียที่ทำกับแบบเรียบง่าย ในส่วนของประเทศไทย การสักเป็นรูปแบบความเชื่อทางไสยศาสตร์อย่างหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับบริบทของคนไทยมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสักยันต์ โดยเชื่อกันว่าการสักยาข่ามจะให้ผลทางด้านคงกระพันชาตรี (หน้า 12-15) |
|
Map/Illustration |
ตาราง - ความเชื่อเกี่ยวกับการสัก(หน้า 152) - ประเภทของลวดลายสัก(หน้า 153) - อายุของผู้สัก(หน้า 177) ภาพและลายเส้น - หนังมนุษย์ที่มีรอยสักซึ่งมีคนชอบสะสม(หน้า 11) - ภาพสักเจ้าแม่กวนอิมบนแผ่นหลังที่ชาวญี่ปุ่นส่วนมากเคารพนับถือ(หน้า 11) - ภาพผู้หญิงญี่ปุ่นที่นิยมทำการสักบนร่างกาย(หน้า 13) - ภาพขณะทำการสักผู้หญิงญี่ปุ่น(หน้า 13) - ภาพหญิงสาวชาวญี่ปุ่นขณะเลือกแบบที่จะสักบนร่างกาย(หน้า 14) - ภาพคณะสักดูแบบเพื่อต่อเติมลายให้ใหม่(หน้า 14) - ภาพแผนที่อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่(หน้า 20) - ลายสักรูปอีเห็นที่ขาและรูปเกล็ดตัวเงินตัวทองที่ท้อง(หน้า 25) - ลายสักรูปอีเห็นที่ขาและรูปเกล็ดตัวเงินตัวทองที่หลัง(หน้า 26) - ลายสักรูปยักษ์และภาษากะเหรี่ยงที่หน้าอก(หน้า 27) - ลายสักรูปพระและยันต์ภาษากะเหรี่ยงที่หลัง(หน้า 27) - ลายสักรูปดอกไม้และยันต์ภาษากะเหรี่ยงที่น่อง(หน้า 28) - ลายสักรูปอีเห็นที่ขาและรูปเกล็ดตัวเงินตัวทองที่ท้อง(หน้า 30) - ลายสักรูปอีเห็นที่ขาและรูปเกล็ดตัวเงินตัวทองที่ก้น(หน้า 31) - ลายสักรูปยันต์ตัวหนังสือเมืองที่หน้าอก(หน้า 32) - ลายสักรูปดอกไม้ที่หลังฝ่ามือ(หน้า 33) - ลายสักรูปอีเห็นที่หน้าอกและตัวหนังสือกะเหรี่ยงที่แขน(หน้า 34) - ลายสักรูปกรรไกรและตัวหนังสือกะเหรี่ยงที่ขา(หน้า 35) - ลายสักรูปดอกไม้ที่น่อง(หน้า 36) - ลายสักรูปอีเห็นที่ขา รูปดอกไม้ที่น่อง ตัวหนังสือกะเหรี่ยงที่แขนและยันต์ภาษา กะเหรี่ยงที่หลัง(หน้า 38) - ลายสักรูปอีเห็นที่ขาและยันต์ตัวหนังสือกะเหรี่ยงที่แขน(หน้า 39) - ลายสักรูปยันต์ตัวหนังสือกะเหรี่ยงที่แขนและรูปเกล็ดตัวเงินตัวทองที่หน้าท้อง(หน้า 40) - ลายสักรูปยันต์ตัวหนังสือกะเหรี่ยงที่หลัง(หน้า 40) - ลายสักรูปอีเห็นที่ขาและรูปเกล็ดตัวเงินตัวทองที่หลัง(หน้า 42) - ลายสักรูปอีเห็นที่ขา(หน้า 43) - ลายสักรูปยันต์กะเหรี่ยงที่หน้าอกและแขน(หน้า 44) - ลายสักรูปดอกไม้ที่หลังฝ่ามือ(หน้า 45) - ลายสักรูปดาวที่แขน(หน้า 46) - ลายสักรูปดอกไม้ที่หลังผ่ามือและนิ้ว(หน้า 47) - ลายสักรูปอีเห็นที่ขาและกรรไกรที่ขา(หน้า 47) - ลายสักรูปอีเห็นที่ขา รูปดอกไม้ที่น่องและตัวหนังสือกะเหรี่ยงที่แขน(หน้า 49) - ลายสักที่มีลักษณะเป็นจุดที่คอ(หน้า 51) - ลายสักรูปอีเห็นที่ต้นขา รูปพระสัฆจายและนกยูงที่หน้าอก ยันต์ตัวหนังสือพม่า กะเหรี่ยง (หน้า 54) - ลายสักรูปพระที่กลางหลัง(หน้า 60) - ลายสักรูปดอกมะเขือพวงที่หลังฝ่ามือ(หน้า 62) - ลายสักรูปดอกดาวเรืองที่หลังฝ่ามือ(หน้า 63) - ลายสักที่มีลักษณะเป็นจุด(หน้า 69) ลายสักรูปคาถากันงู(หน้า 72) - ลายสักรูปครุฑและตัวหนังสือกะเหรี่ยงที่หน้าอก(หน้า 90) - ลายสักรูปยันต์แบบต่างๆที่หลัง(หน้า 117) - ลายสักรูปอีเห็น รูปหอยสังข์ที่แขนขวาและยันต์ที่หน้าอก(หน้า 136) - ลายเส้นรูปหมูป่า(หน้า 155) - ลายเส้นรูปสิงโต(หน้า 156) - ลายเส้นรูปนกยูงและนก(หน้า 157) - ลายเส้นรูปจิ้งจก(หน้า 158) - ลายเส้นรูปหองสังข์(หน้า 160) - ลายเส้นรูปปลาไหลเผือก(หน้า 162) - ลายเส้นรูปใบโพธิ์(หน้า 166) - ลายเส้นรูปลายพระพุทธรูป(หน้า 173) - ลายเส้นรูปพระพุทธเจ้า 9 พระองค์(หน้า 174) - ลายเส้นรูปเทวดา(หน้า 176) |
|
|