สมัครสมาชิก   
| |
ค้นหาข้อมูล
ค้นหาแบบละเอียด
  •   ความเป็นมาและหลักเหตุผล

    เพื่อรวบรวมงานวิจัยทางชาติพันธุ์ที่มีคุณภาพมาสกัดสาระสำคัญในเชิงมานุษยวิทยาและเผยแผ่สาระงานวิจัยแก่นักวิชาการ นักศึกษานักเรียนและผู้สนใจให้เข้าถึงงานวิจัยทางชาติพันธุ์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

  •   ฐานข้อมูลจำแนกกลุ่มชาติพันธุ์ตามชื่อเรียกที่คนในใช้เรียกตนเอง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ

    1. ชื่อเรียกที่ “คนอื่น” ใช้มักเป็นชื่อที่มีนัยในทางเหยียดหยาม ทำให้สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกไม่ดี อยากจะใช้ชื่อที่เรียกตนเองมากกว่า ซึ่งคณะทำงานมองว่าน่าจะเป็น “สิทธิพื้นฐาน” ของการเป็นมนุษย์

    2. ชื่อเรียกชาติพันธุ์ของตนเองมีความชัดเจนว่าหมายถึงใคร มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างไร และตั้งถิ่นฐานอยู่แห่งใดมากกว่าชื่อที่คนอื่นเรียก ซึ่งมักจะมีความหมายเลื่อนลอย ไม่แน่ชัดว่าหมายถึงใคร 

     

    ภาพ-เยาวชนปกาเกอะญอ บ้านมอวาคี จ.เชียงใหม่

  •  

    จากการรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลและหลักการจำแนกชื่อเรียกชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง พบว่า ประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 62 กลุ่ม


    ภาพ-สุภาษิตปกาเกอะญอ
  •   การจำแนกกลุ่มชนมีลักษณะพิเศษกว่าการจำแนกสรรพสิ่งอื่นๆ

    เพราะกลุ่มชนต่างๆ มีความรู้สึกนึกคิดและภาษาที่จะแสดงออกมาได้ว่า “คิดหรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นใคร” ซึ่งการจำแนกตนเองนี้ อาจแตกต่างไปจากที่คนนอกจำแนกให้ ในการศึกษาเรื่องนี้นักมานุษยวิทยาจึงต้องเพิ่มมุมมองเรื่องจิตสำนึกและชื่อเรียกตัวเองของคนในกลุ่มชาติพันธุ์ 

    ภาพ-สลากย้อม งานบุญของยอง จ.ลำพูน
  •   มโนทัศน์ความหมายกลุ่มชาติพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาต่างๆ กัน

    ในช่วงทศวรรษของ 2490-2510 ในสาขาวิชามานุษยวิทยา “กลุ่มชาติพันธุ์” คือ กลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมเฉพาะแตกต่างจากกลุ่มชนอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นการกำหนดในเชิงวัตถุวิสัย โดยนักมานุษยวิทยาซึ่งสนใจในเรื่องมนุษย์และวัฒนธรรม

    แต่ความหมายของ “กลุ่มชาติพันธุ์” ในช่วงหลังทศวรรษ 
    2510 ได้เน้นไปที่จิตสำนึกในการจำแนกชาติพันธุ์บนพื้นฐานของความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยตัวสมาชิกชาติพันธุ์แต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ... (อ่านเพิ่มใน เกี่ยวกับโครงการ/คู่มือการใช้)


    ภาพ-หาดราไวย์ จ.ภูเก็ต บ้านของอูรักลาโว้ย
  •   สนุก

    วิชาคอมพิวเตอร์ของนักเรียน
    ปกาเกอะญอ  อ. แม่ลาน้อย
    จ. แม่ฮ่องสอน


    ภาพโดย อาทิตย์    ทองดุศรี

  •   ข้าวไร่

    ผลิตผลจากไร่หมุนเวียน
    ของชาวโผล่ว (กะเหรี่ยงโปว์)   
    ต. ไล่โว่    อ.สังขละบุรี  
    จ. กาญจนบุรี

  •   ด้าย

    แม่บ้านปกาเกอะญอ
    เตรียมด้ายทอผ้า
    หินลาดใน  จ. เชียงราย

    ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ถั่วเน่า

    อาหารและเครื่องปรุงหลัก
    ของคนไต(ไทใหญ่)
    จ.แม่ฮ่องสอน

     ภาพโดย เพ็ญรุ่ง สุริยกานต์
  •   ผู้หญิง

    โผล่ว(กะเหรี่ยงโปว์)
    บ้านไล่โว่ 
    อ.สังขละบุรี
    จ. กาญจนบุรี

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   บุญ

    ประเพณีบุญข้าวใหม่
    ชาวโผล่ว    ต. ไล่โว่
    อ.สังขละบุรี  จ.กาญจนบุรี

    ภาพโดยศรยุทธ  เอี่ยมเอื้อยุทธ

  •   ปอยส่างลอง แม่ฮ่องสอน

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ปอยส่างลอง

    บรรพชาสามเณร
    งานบุญยิ่งใหญ่ของคนไต
    จ.แม่ฮ่องสอน

    ภาพโดย เบญจพล  วรรณถนอม
  •   อลอง

    จากพุทธประวัติ เจ้าชายสิทธัตถะ
    ทรงละทิ้งทรัพย์ศฤงคารเข้าสู่
    ร่มกาสาวพัสตร์เพื่อแสวงหา
    มรรคผลนิพพาน


    ภาพโดย  ดอกรัก  พยัคศรี

  •   สามเณร

    จากส่างลองสู่สามเณร
    บวชเรียนพระธรรมภาคฤดูร้อน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   พระพาราละแข่ง วัดหัวเวียง จ. แม่ฮ่องสอน

    หล่อจำลองจาก “พระมหามุนี” 
    ณ เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
    ชาวแม่ฮ่องสอนถือว่าเป็นพระพุทธรูป
    คู่บ้านคู่เมืององค์หนึ่ง

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม

  •   เมตตา

    จิตรกรรมพุทธประวัติศิลปะไต
    วัดจองคำ-จองกลาง
    จ. แม่ฮ่องสอน
  •   วัดจองคำ-จองกลาง จ. แม่ฮ่องสอน


    เสมือนสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม
    เมืองไตแม่ฮ่องสอน

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ใส

    ม้งวัยเยาว์ ณ บ้านกิ่วกาญจน์
    ต. ริมโขง อ. เชียงของ
    จ. เชียงราย
  •   ยิ้ม

    แม้ชาวเลจะประสบปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย
    พื้นที่ทำประมง  แต่ด้วยความหวัง....
    ทำให้วันนี้ยังยิ้มได้

    ภาพโดยเบญจพล วรรณถนอม
  •   ผสมผสาน

    อาภรณ์ผสานผสมระหว่างผ้าทอปกาเกอญอกับเสื้อยืดจากสังคมเมือง
    บ้านแม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน
    ภาพโดย อาทิตย์ ทองดุศรี
  •   เกาะหลีเป๊ะ จ. สตูล

    แผนที่ในเกาะหลีเป๊ะ 
    ถิ่นเดิมของชาวเลที่ ณ วันนี้
    ถูกโอบล้อมด้วยรีสอร์ทการท่องเที่ยว
  •   ตะวันรุ่งที่ไล่โว่ จ. กาญจนบุรี

    ไล่โว่ หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่า ผาหินแดง เป็นชุมชนคนโผล่งที่แวดล้อมด้วยขุนเขาและผืนป่า 
    อาณาเขตของตำบลไล่โว่เป็นส่วนหนึ่งของป่าทุ่งใหญ่นเรศวรแถบอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 

    ภาพโดย ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  •   การแข่งขันยิงหน้าไม้ของอาข่า

    การแข่งขันยิงหน้าไม้ในเทศกาลโล้ชิงช้าของอาข่า ในวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่บ้านสามแยกอีก้อ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
 
  Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database
Sorted by date | title

   Record

 
Subject ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง),โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู (กะเหรี่ยง),เครื่องแต่งกาย,แม่ฮ่องสอน
Author นันทวัน อินทร์จันทร์
Title การศึกษารูปแบบเครื่องแต่งกายกะเหรี่ยงโปและกะเหรี่ยงสะกอในเขต อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
Document Type อื่นๆ Original Language of Text ภาษาไทย
Ethnic Identity โพล่ง โผล่ง โผล่ว ซู กะเหรี่ยง, ปกาเกอะญอ, Language and Linguistic Affiliations จีน-ทิเบต(Sino-Tibetan)
Location of
Documents
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร Total Pages 142 Year 2546
Source รายงานประกอบวิชา ในหลักสูตรศิลปบัณฑิต(ศิลปะไทย) ภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
Abstract

เครื่องแต่งกายกะเหรี่ยงมีความเป็นเอกลักษณ์ของตน สามารถบ่งบอกถึงกลุ่มสายชาติพันธุ์กะเหรี่ยงด้วยกัน โดยเฉพาะการ ใช้ผ้าทอแบบคาดหลัง (Back Strap Loom) ผู้หญิงจะมีบทบาทในการทอผ้ามาก เสื้อผ้าของกะเหรี่ยงไม่ว่ากลุ่มใด จะมีโครง สร้างพื้นฐานเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย การตัดเย็บเสื้อผ้าของกะเหรี่ยงเป็นการตัดเย็บแบบง่ายๆ คือการเย็บเสื้อ และชุดกระโปรงของหญิงกะเหรี่ยง นำผ้าที่ได้จากการทอผ้าแบบคาดหลังซึ่งเป็นผ้าหน้าแคบ จึงต้องนำผ้าที่ได้มาพับครึ่งเย็บต่อกัน โดยเว้นหัวเว้นแขนทั้ง 2 ข้างไว้โดยไม่มีส่วนโค้งส่วนเว้า ส่วนผ้าซิ่นจะนำผ้ามาเย็บ ต่อกันประมาณ 2-3 ชิ้นขึ้นอยู่กับลวดลาย และขนาดตัวของผู้สวมใส่ หญิงสาวกะเหรี่ยงที่แต่งงานแล้วกับหญิงที่ยังไม่แต่งงานจะมีการแต่งกายที่มีลักษณะเฉพาะที่ต่างกัน โดยเฉพาะการประดับตกแต่งลวดลายบนเสื้อผ้า ดังเช่น หญิงกะเหรี่ยงสะกอที่ยังไม่แต่งงานจะสวมชุดกระโปรงสีขาว ส่วนหญิง กะเหรี่ยงโปว์ที่แต่งงานแล้วจะเปลี่ยนมาใส่เสื้อและซิ่น ซึ่งนิยมใส่สีแดงและสีชมพู

Focus

ศึกษารูปแบบเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับของหญิงกะเหรี่ยงโปว์และกะเหรี่ยงสะกอ ลวดลายที่ปรากฏบนเครื่องแต่งกาย ความเชื่อที่มีอิทธิพลต่อรูปแบบของเครื่องแต่งกายและเทคนิคการทำ ในเขตอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

Theoretical Issues

ไม่มี

Ethnic Group in the Focus

กะเหรี่ยงโปว์ กะเหรี่ยงสะกอ กะเหรี่ยงจัดอยู่ในตระกูลธิเบต - พม่า (หน้า 6)

Language and Linguistic Affiliations

กะเหรี่ยงแต่ละเผ่ามีภาษาพูดที่เกี่ยวพันกับภาษาต่างๆ ภาษาของกะเหรี่ยงสะกอ โปว์ และกะเหรี่ยงบเวมีความใกล้เคียงกันแต่ไม่สามารถเข้าใจกันได้ (หน้า 6)

Study Period (Data Collection)

พฤศจิกายน 2545 - กุมภาพันธ์ 2546

History of the Group and Community

กะเหรี่ยงนับว่าเป็นชาวเขาที่มีมากที่สุด นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าเดิมที่กะเหรี่ยงอาศัยในดินแดนด้านตะวันออกของทิเบตแล้วเข้ามาตั้งอาณาจักรอยู่ในประเทศจีน เมื่อ 733 ปีก่อนพุทธกาล ชาวจีนเรียกว่าชนชาติโจว ภายหลังถูกกษัตริย์จีนรุกรานเมื่อ พ.ศ. 207 จึงพากันแตกพ่ายหนีลงมาอยู่บริเวณลุ่มน้ำแยงซี ต่อมาเกิดปะทะกับชนชาติไทย จึงถอยร่นมาอยู่ตามลำน้ำโขงและแม่น้ำสาละวินในเขตพม่า กะเหรี่ยงอาศัยอยู่ในเขตไทย ก่อนที่ชนชาติไทยจะเคลื่อนย้ายลงมาสู่แหลมสุวรรณภูมิ การอพยพครั้งสำคัญของกะเหรี่ยงเข้าสู่ประเทศไทยเกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าอลองพญา กษัตริย์พม่าหลังสงครามกับพวกมอญ การอพยพนอกจากจะหลบหนีอันตรายแล้ว ยังมีสาเหตุมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจอีกด้วย(หน้า 5-6)

Settlement Pattern

หลักสำคัญของการกำหนดความเป็นหมู่บ้านคือ หมู่บ้านต้องเป็นหน่วยอิสระในการประกอบพิธีกรรมของตนเพื่อการเซ่นสรวงผีเจ้าที่ปีละ 2 ครั้ง โดยปกติหมู่บ้านจะตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มก้นกะทะ ล้อมรอบด้วยเนินเขาหรือที่ราบระหว่างหุบเขาที่สามารถไปสู่แหล่งน้ำลำธารได้สะดวก บ้านมักจะปลูกชิดติดกันแต่ไม่เป็นแถวเรียงขนานกัน ทั้งนี้เนื่องจากเหตุผลทางด้านศาสนา โครงสร้างของบ้านสร้างด้วยไม้ไผ่และแฝก ยกพื้นด้วยเสาไม้สูง โดยแต่ละบ้านจะมียุ้งข้าวแยกออกจากตัวบ้าน โดยทั่วไปแล้วขนาดของหมู่บ้านมักจะขึ้นอยู่กับความนับถือของชาวบ้านที่มีต่อเซี่ยเก็งคู เพราะสามารถดึงดูดกะเหรี่ยงจากหมู่บ้านอื่นมาอาศัยอยู่ด้วย (หน้า 7)

Demography

กะเหรี่ยงอาศัยกระจัดกระจายอยู่ในบริเวณจังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือ กะเหรี่ยงอาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่มากที่สุด ซึ่งมีจำนวนระหว่าง 32,694-38,939 คน โดยอาศัยอยู่ที่อำเภออมก๋อยมากที่สุด มีจำนวนถึง 13,046 คน ส่วนอำเภอเมืองจังหวัดเชียงราย มีประมาณ 967 คน ส่วนในจังหวัดลำปางมีประมาณ 1,840 คน ส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีกะเหรี่ยงอาศัยอยู่ทุกอำเภอและมีจำนวนรองลงมาจากจังหวัดเชียงใหม่ (หน้า 6-7)

Economy

ระบบเศรษฐกิจของกะเหรี่ยงขึ้นอยู่กับการเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ โดยทำการปลูกข้าวเป็นพืชหลักและปลูกพืชอื่นๆ ในไร่ของตนอีกด้วย เช่น ข้าวโพด ผัก ฟักทอง พริก นอกจากนี้กะเหรี่ยงยังนิยมเลี้ยงไก่ หมู เพื่อใช้ในพิธี รวมถึงการเลี้ยง วัว ควายและช้างอีกด้วย รายได้ที่เป็นเงินสดของกะเหรี่ยงนอกจากจะขายปศุสัตว์แล้ว บางครั้งก็ได้จากการรับจ้างทำงานกับคนไทยหรือทำงานให้กะเหรี่ยงด้วยกัน (หน้า 9)

Social Organization

ครอบครัวของกะเหรี่ยงโดยมากเป็นครอบครัวเดี่ยว แต่ละครอบครัวจะมีไร่เป็นของตน การแต่งงานแบบผัวเดียวเมียเดียวเป็นกฎเคร่งครัดการหย่าร้างจึงมีน้อย หากเกิดการหย่าร้างขึ้นซึ่งอาจจะเป็นสามีหรือภรรยา ให้จ่ายค่าทดแทนแก่อีกฝ่ายหนึ่ง ส่วนลูกๆ ที่เกิดขึ้นจากการแต่งงานมักจะอยู่ในความดูแลของภรรยา การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานจะถูกรังเกียจ ดังนั้น เด็กที่เกิดนอกสมรสจึงมีน้อย โดยปกติการแต่งงานระหว่างผู้สืบสายจากฝ่ายมารดาเดียวกันถูกห้าม แต่ไม่มีข้อห้ามการแต่งงานในวงศ์วานเดียวกัน เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเสียชีวิต มรดกทรัพย์สินจะถูกนำมาแบ่งกันระหว่างคู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่กับลูกๆ ของผู้ตาย หากเกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับมรดกจะได้รับการชี้ขาดจากเซี่ยเก็งคูหรือหัวหน้าหมู่บ้าน โดยปกติแล้ว กะเหรี่ยงมีวิถีชีวิตสันโดษและสมถะไม่นิยมความรุนแรง การทำความผิด จะต้องมีการประชุมกันก่อน ก่อนที่จะตัดสินลงโทษ ชุมชนหรือสังคมกะเหรี่ยงโปว์ นับถือผีสายฝ่ายมารดาเป็นหลัก (หน้า 9-13) พ่อหม้ายที่ภรรยาเสียชีวิตและมีลูกเล็กอยู่ ก็จะไม่มีภรรยาใหม่หากลูกๆ ของเขาไม่ยินยอม เพราะเกรงว่าผีสกุลฝ่ายมารดาที่ภรรยาใหม่นับถือกับผีสกุลฝ่ายมารดาของลูกๆ จ ะอยู่ด้วยกันไม่ได้ (หน้า 17)

Political Organization

ผู้ที่มีอิทธิพลที่สุดในหมู่บ้านคือหัวหน้าหมู่บ้าน เรียกว่า "เซี่ยเก็งคู" นอกจากจะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว ยังเป็นหัวหน้าในการทำพิธีกรรมฝ่ายชายในหมู่บ้านอีกด้วย นอกจากนี้ทางราชการมักจะแต่งตั้งผู้ใหญ่บ้านที่เป็นกะเหรี่ยงเพื่อทำหน้าที่ติดต่อกับอำเภอ ยกเว้นหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกล (หน้า 8) หัวหน้าหมู่บ้านของกะเหรี่ยงสะกอคือ "ฮี-โข่" ในบางหมู่บ้าน ฮี-โข่ จะเป็นทั้งผู้นำตามประเพณีและผู้นำที่เป็นทางการ (หน้า 20)

Belief System

กะเหรี่ยงทุกหมู่บ้านจะประกอบพิธีกรรมเพื่อเซ่นสรวงผีเจ้าที่ซึ่งถือเป็นพิธีสำคัญที่สุดของหมู่บ้าน จัดขึ้นปีละ 2 ครั้งโดยมีหัวหน้าพิธีกรรมฝ่ายชาย (เซี่ยเก็งคู) หรือหัวหน้าหมู่บ้านผู้เฒ่าซึ่งได้ตำแหน่งโดยการสืบสายจากฝ่ายบิดาเป็นผู้ประกอบพิธี กะเหรี่ยงนอกจากจะนับถือศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์แล้วยังมีการนับถือผีควบคู่อีกด้วย โดยมีความเชื่อว่าแทบทุกหนทุกแห่งจะมีผีสิงสถิตอยู่ การเจ็บไข้ได้ป่วยเกิดจากการกระทำของผีร้ายต่างๆ เมื่อผู้ใดไม่สบายจะต้องจัดพิธีเลี้ยงผีโดยมีหมอผีหมู่บ้านเป็นผู้ประกอบพิธี นอกจากนี้กะเหรี่ยงยังมีความเชื่อว่าทุคนมีขวัญอยู่จำนวน 33 ขวัญ ซึ่งประจำอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ความตายเกิดขึ้นเมื่อขวัญที่สำคัญๆ ของคนละทิ้งบุคคลแล้วท่องเที่ยวไปยังโลกของคนตาย (หน้า 7,11-13)

Education and Socialization

ไม่มีข้อมูล

Health and Medicine

การรักษาพยาบาลของกะเหรี่ยงจะคุ้นเคยกับสภาพดั้งเดิมที่เชื่อในเรื่องของผีควบคู่กับการใช้ยาสมุนไพร หากมีการป่วยก็โทษว่าผีทำ (หน้า 18,24)

Art and Crafts (including Clothing Costume)

กะเหรี่ยงชอบร้องเพลงและเต้นรำในงานรื่นเริงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน งานขึ้นปีใหม่หรือแม้กระทั่งงานศพ กะเหรี่ยงยังร้องเพลงรำพึงรำพันอย่างโหยหวนเพลงพื้นบ้านแบบดั้งเดิมเรียกว่า "ทา" เครื่องดนตรีของกะเหรี่ยงนอกจาก ฆ้อง กลองและซึงแล้วยังมีอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "กอย " ทำจากเขาควาย การเต้นรำของกะเหรี่ยงมีความคล้ายคลึงกับพวกไทยใหญ่ โดยจะก้าวเท้าเป็นจังหวะเร็วๆ และแกว่งมือไปมาด้วยลีลาที่น่าดู(หน้า 12) กะเหรี่ยงสะกอ ไม่มีการรื่นเริงร้องรำทำเพลง เครื่องดนตรีในวัฒนธรรมได้แก่พิณ มี 6-7 สายหรืออาจจะเป็น "ซึง" (หน้า 23) การทอผ้าและเครื่องแต่งกาย - การทอผ้าของกะเหรี่ยงมีรูปแบบการทอคล้ายกับการทอผ้าของพวกเปรูในสมัยโบราณและยังเหมือนการทอผ้าของชนเผ่าหนึ่งในแถบประเทศกัวเตมาลา ฟิลิปปินส์และแมกซิโก ผ้าทอของกะเหรี่ยงส่วนใหญ่มีลวดลายประกอบ ทั้งนี้ขึ้นกับการนำไปใช้ประโยชน์ เครื่องนุ่งแต่ละชนิดจะไม่เหมือนกัน เช่น ชุดหญิงสาวสะกอ จะมีลวดลายขวางลำตัว เหนืออกเล็กน้อย ส่วนผ้าของหญิงที่แต่งงานแล้วจะมีลวดลายสลับสีตลอดตัว หรือทอลวดลายบริเวณไหล่อย่างสวยงาม - การประดิษฐ์ลวดลายในผืนผ้าขณะทอมี 5 วิธี คือ ลายเส้นในเนื้อผ้า ลายสลับสี ลายจก ลายขิดและการทอผ้าโดยการแทรกวัสดุอื่นประกอบ เช่น ลูกเดือย พู่หรือกระจุกด้าย ส่วนเสื้อของหญิงคะยามีลักษณะคล้ายผ้าห่มคือ เป็นผ้าสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งได้จากการนำผ้า 2 ผืนมีความยาวประมาณรอบตัวของผู้สวมใส่ มาเย็บต่อกันตามยาว เมื่อนำมาสวมใส่ก็จะทบครึ่งอ้อมพันตัวและผูกปมไว้เหนือไหล่ข้างใดข้างหนึ่งแล้วจึงคาดทับด้วยผ้าคาดเอวผืนยาว ส่วนผ้าถุงและโสร่งของหญิงกะเหรี่ยงสะกอและโปว์ที่แต่งงานแล้ว และโสร่งของผู้ชายกะเหรี่ยงโปว์ที่อพยพจากพม่าเข้ามาทางตาก จะมีลักษณะการประกอบเป็นผืนเหมือนกันคือ แบบใช้ผ้า 2 ผืนและ 3 ผืน (หน้า 26-28) - หญิงสาวกะเหรี่ยงโปว์ที่ยังไม่ได้แต่งงานจะสวมชุดสีขาว จะมีการประดับลวดลายมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะบริเวณบ่า ส่วนชุดกระโปรงตรงส่วนชายกระโปรงมีการทอแบบพู่หรือกระจุกด้าย แต่หญิงที่แต่งงานแล้วจะเปลี่ยนมาใส่เสื้อและซิ่น ซึ่งนิยมใส่สีแดงและสีชมพู ส่วนการแต่งกายของหญิงกะเหรี่ยงสะกอ หญิงที่ยังไม่แต่งงานจะสวมชุดกระโปรงสีขาว มีการตกแต่งเพียงเล็กน้อยช่วงตรงลายขวางของลำตัวใต้ราวนมหรือตรงช่วงปลาย ชายกระโปรงประดับด้วยพู่ ชุดของกะเหรี่ยงสะกอจะมีลวดลายน้อยกว่ากะเหรี่ยงโปว์ - ส่วนหญิงที่แต่งงานแล้วจะแต่งกายเช่นเดียวกับกะเหรี่ยงโปว์ แต่ลวดลายจะมีเฉพาะช่วงกลางจนถึงช่วงล่างของตัวเสื้อส่วนผ้าซิ่นก็คล้ายๆ กับผ้าซิ่นของกะเหรี่ยงโปว์แต่ไม่มีการทอเทคนิคการขิดทั้งผืนแบบกะเหรี่ยงโปว์ (หน้า 31) ผู้หญิงกะเหรี่ยงสะกอที่แต่งงานแล้วบางคนนิยมใช้ผ้าโพกศีรษะซึ่งเป็นผ้าสี่เหลี่ยมสีขาว ตรงขอบผ้าถักด้วยด้ายสีสันหลากหลาย เพื่อกันแดดในหน้าร้อนและให้ความอบอุ่นในหน้าหนาว(หน้า 109) - กะเหรี่ยงสะกอและกะเหรี่ยงโปว์จะสวมเครื่องประดับเหมือนกันคือ สร้อยลูกปัดเล็กๆ หลากหลายสีสันและใส่จำนวนมากๆ (หน้า 133)

Folklore

ไม่มีข้อมูล

Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation)

ไม่มีข้อมูล

Social Cultural and Identity Change

สังคมกะเหรี่ยงในปัจจุบันนิยมร้องเพลงแบบสมัยใหม่ เรียกว่า ต่า-ซะ-หวิ ซึ่งมีรากฐานมาจากเพลงสวดในคริสต์ศาสนา (หน้า 12) สมัยปัจจุบัน รูปแบบการใช้สีพื้นของผ้าเริ่มเปลี่ยนไป ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้สวมใส่(หน้า 104) ผู้หญิงกะเหรี่ยงสะกอที่แต่งงานแล้วบางคนนิยมใช้ผ้าโพกศีรษะซึ่งเป็นผ้าสี่เหลี่ยมสีขาว ตรงขอบผ้าถักด้วยด้ายสีสันหลากหลาย เพื่อกันแดดในหน้าร้อนและให้ความอบอุ่นในหน้าหนาวแต่สมัยปัจจุบันใช้ผ้าขนหนูโพกแทนเพราะสะดวกและหาซื้อได้ง่าย(หน้า 109)

Critic Issues

ไม่มีข้อมูล

Other Issues

ไม่มี

Map/Illustration

ภาพ - ลักษณะผ้าซิ่นลาย "ทะแมคั่ว" (หน้า 60) - ลวดลายผ้าซิ่นที่คิดค้นขึ้นใหม่ (หน้า 61-64) - ลักษณะผ้าซิ่นกะเหรี่ยงสะกอ (หน้า 65-67) - ผ้าโพกศีรษะ (หน้า 68) - ลักษณะชุดหญิงกะเหรี่ยงโปว์ (หน้า 69) - ลักษณะลวดลายทอแบบพู่ (หน้า 70) - ลักษณะชุดกระโปรงหญิงกะเหรี่ยงโปว์ (หน้า 71-73) - ลักษณะชุดกระโปรงหญิงกะเหรี่ยงโปว์ที่แต่งงานแล้ว (หน้า 74) - ลักษณะเสื้อของหญิงกะเหรี่ยงโปว์ (หน้า 75-82) - ลักษณะผ้าซิ่นกะเหรี่ยงโปว์ (หน้า 83-85) - การทอแบบคาดหลัง (หน้า 85) - การโว๊นผ้า (หน้า 86) - ชุดหญิงสาวกะเหรี่ยงสะกอ (หน้า 87) - การแต่งกายของหญิงสาวกะเหรี่ยงสะกอที่ยังไม่ได้แต่งงาน (หน้า 88) - ชุดกะเหรี่ยงสะกอจะสวมตั้งแต่เด็กจนถึงวันแต่งงานจึงจะเปลี่ยน (หน้า 89) - ลักษณะชุดกระโปรงหญิงกะเหรี่ยงสะกอ (หน้า 90-94) - ชุดกะเหรี่ยงสะกอที่แต่งงานแล้ว (หน้า 95) - แบบเสื้อหญิงกะเหรี่ยงสะกอแบบดั้งเดิม (หน้า 96) - ลักษณะเสื้อหญิงกะเหรี่ยงสะกอ (หน้า 97-100) - ลักษณะผ้าซิ่นลาย "ทิชีมู" (หน้า101) - ลักษณะผ้าซิ่นลาย "ทะแมคั่ว" (หน้า 102) - ลักษณะผ้าซิ่นที่คอดค้นลายขึ้นใหม่ (หน้า 103) - ลักษณะผ้าซิ่นลายยกดอก (หน้า 105) - ผ้าโพกศีรษะ (หน้า 106) - การโพกศีรษะของหญิงกะเหรี่ยงสะกอในปัจจุบัน (หน้า 107) - ลักษณะชุดกระโปรงหญิงกะเหรี่ยงโปว์ (หน้า 108,112) - ชุดหญิงกะเหรี่ยงโปว์ที่แต่งงานแล้ว (หน้า 113) - แบบเสื้อหญิงกะเหรี่ยงโปว์ (หน้า 114-116) - ผ้าซิ่นหญิงกะเหรี่ยงโปว์ (หน้า 117-119) - หญิงกะเหรี่ยงโปว์ที่แต่งงานแล้วจะโพกศีรษะด้วยผ้าสีชมพู (หน้า 120) - แบบสร้อยของกะเหรี่ยง (หน้า 121) - ลักษณะต่างหู (หน้า 122) - ลักษณะต่างหูที่ประดับด้วยไหมพรม (หน้า 123) - รูปแบบการปักลูกเดือยที่เป็นสัญลักษณ์ป้องกันผี (หน้า 124) - รูปแบบชุดที่ทอตกแต่งด้วยกระจุกฝ้าย (หน้า 125) - เสื้อของหญิงกะเหรี่ยงโปว์ที่มีการตกแต่งตรงไหล่ (หน้า 126) - การตกแต่งลวดลายเสื้อของหญิงกะเหรี่ยงสะกอ (หน้า 128) - ลักษณะผ้าซิ่นกะเหรี่ยงโปว์ที่มีการทอลวดลายเต็มผืน (หน้า 128) - ลักษณะผ้าซิ่นกะเหรี่ยงสะกอใช้เทคนิคการขิด (หน้า 129) - ลักษณะผ้าซิ่นของหญิงกะเหรี่ยงสะกอ (หน้า 130)

Text Analyst สุวิทย์ เลิศวิมลศักดิ์ Date of Report 05 ก.ย. 2555
TAG ปกาเกอะญอ จกอ คานยอ (กะเหรี่ยง), โพล่ง โผล่ง โพล่ว ซู (กะเหรี่ยง), เครื่องแต่งกาย, แม่ฮ่องสอน, Translator -
 
 

 

ฐานข้อมูลอื่นๆของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
  ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย
จารึกในประเทศไทย
จดหมายเหตุทางมานุษยวิทยา
แหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย
หนังสือเก่าชาวสยาม
ข่าวมานุษยวิทยา
ICH Learning Resources
ฐานข้อมูลเอกสารโบราณภูมิภาคตะวันตกในประเทศไทย
ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย
ฐานข้อมูลสังคม - วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  หน้าหลัก
งานวิจัยชาติพันธุ์ในประเทศไทย
บทความชาติพันธุ์
ข่าวชาติพันธุ์
เครือข่ายชาติพันธุ์
เกี่ยวกับเรา
เมนูหลักภายในเว็บไซต์
  ข้อมูลโครงการ
ทีมงาน
ติดต่อเรา
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
ช่วยเหลือ
  กฏกติกาและมารยาท
แบบสอบถาม
คำถามที่พบบ่อย


ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) เลขที่ 20 ถนนบรมราชชนนี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170 
Tel. +66 2 8809429 | Fax. +66 2 8809332 | E-mail. webmaster@sac.or.th 
สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549    |   เงื่อนไขและข้อตกลง