|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
ม้ง,สังคม,เศรษฐกิจ,เชียงใหม่ |
Author |
จิระ ปรังเขียว |
Title |
รายงานผลการสำรวจสภาพทางสังคม-เศรษฐกิจหมู่บ้านป่ากล้วย ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ |
Document Type |
รายงานการวิจัย |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
ม้ง,
|
Language and Linguistic Affiliations |
ม้ง-เมี่ยน |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
52 |
Year |
2527 |
Source |
ศูนย์วิจัยชาวเขาจังหวัดเชียงใหม่ กรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย. |
Abstract |
บรรยายถึงสภาพทางสังคม-เศรษฐกิจ ของม้งในหมู่บ้านป่ากล้วย ต.แม่สอย อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ โดยพบว่า หมู่บ้านแห่งนี้มีการเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ทั้งสภาพชีวิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ รายได้
และการศึกษาที่พัฒนาขึ้นจากแต่ก่อน ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น พร้อมกับการผสมผสานทางเชื้อชาติระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ เช่น ไทย จีน ลีซอ เป็นต้น
ในขณะที่ชุมชนกำลังมีการพัมนาแต่ก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัมนธรรมไปตามยุคสมัย กล่าวคือ มีการรับเอาวัฒนธรรมจากคนไทยพื้นราบมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ภาวะการปลูกและการเสพฝิ่นของคนในชุมชนนี้ ก็มีแนวโน้มที่สูงขึ้นเช่นกัน (จากปี 2523 -2527) โดยพบว่า ระหว่างปี 2526-2527 มีถึง 64 ครัวเรือนที่เพาะปลูกฝิ่น ซึ่งนับได้ว่า ม้งแต่ละครัวเรือนแห่งนี้มีรายได้จากการปลูกฝิ่นมากกว่าการเพาะปลูกพืชชนิดอื่นและอาชีพอื่น ๆ รวมกัน ทำให้ม้งบ้านป่ากล้วยมีความสนใจในเรื่องเทคโนโลยี เพื่อใช้ในการเพิ่มผลผลิตของฝิ่น ด้วยการใช้ปุ๋ยเคมีและยากำจัดศัตรูพืช |
|
Focus |
เป็นการศึกษาเชิงชาติพันธุ์วรรณนา ที่เป็นข้อมูลทางประชากรทั่วไป ทั้งในด้านสังคมวัฒนธรรม และเศรษฐกิจ รวมไปถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนม้ง |
|
Theoretical Issues |
ผู้เขียนไม่ได้กล่าวถึงแนวคิดหรือทฤษฎีที่ใช้ในการศึกษา กล่าวแต่เพียงการเก็บข้อมูลโดยวิธีการสัมภาษณ์ตามหัวข้อในแบบสอบถาม |
|
Ethnic Group in the Focus |
ทำการเก็บข้อมูลจากม้ง (ตามภาษาของผู้เขียน) หมู่บ้านป่ากล้วย ต.แม่สอย อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ |
|
Language and Linguistic Affiliations |
กล่าวถึงแต่เพียงการใช้ภาษาไทยได้เป็นอย่างดีทั้งผู้หญิงและผู้ชายเนื่องจากการติดต่อค้าขายกับคนไทยพื้นราบมาเป็นเวลานาน (หน้า 19) |
|
Study Period (Data Collection) |
ผู้เขียนเริ่มทำการเก็บข้อมูล ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2526 ถึง 5 ธ.ค. 2526 (หน้า คำนำ) |
|
History of the Group and Community |
เริ่มมีการอพยพเข้ามาตั้งแต่ปี 2518 ตั้งชื่อว่าป่ากล้วย หรือ หางเจ๊อ จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าในหมู่บ้าน กลุ่มของเลาพะอพยพเข้ามาประเทศไทย มีประมาณ 100 กว่าหลังคาเรือน มีการอพยพย้ายถิ่นที่อยู่บ่อยครั้งภายในจังหวัดเชียงใหม่ หรือเชียงราย เช่น ที่อ.เชียงดาว, อ.สะเมิง, อ.เวียงป่าเป้า (จ.เชียงราย) อ.แม่แตง อ.สันป่าตอง อ.บ้านหลวง, อ.จอมทอง จนประมาณ พ.ศ. 2482 แซ่ตระกูล 3 แซ่ คือ แซ่วะ แซ่ยะ และแซ่ลี ตั้งหมู่บ้านที่ขุนกลาง ได้ 30 กว่าปีได้อพยพมาตั้งหมู่บ้านที่บ้านห้วยมะนาวเหนือ ต.สบเตี๊ยะ อ.จอมทอง
จนประทั่งปี พ.ศ. 2503 มีการชักชวนม้งทั่วประเทศให้รวมตัวเพื่อตั้งประเทศโดยมีกษัตริย์ม้งอยู่ที่ประเทศลาว กลุ่มม้งจากห้วยมะนาวก็เชื่อตามคำชักชวน จึงพากันอพยพไปตั้งหมู่บ้านใหม่ที่บ้านผักผาย อ.เทิง จ.เชียงราย ได้ประมาณ 9 เดือน ก็หมดความเชื่อถือจึงกลับไปตั้งบ้านเรือนใหม่ที่บ้านห้วยมะนาวใต้ บางครอบครัวอพยพมาสู่บ้านป่ากล้วยในปัจจุบัน เมื่อปี พ.ศ. 2518 ต่อมากลุ่มที่บ้านแม่โก๋นก็กลับมาสมทบอีก เนื่องจากมีความขัดแย้งกับพวกมูเซอ ในปี พ.ศ. 2524 มีการย้ายกลับไปที่บ้านป่ากล้วยอีกครั้ง (หน้า 11-12, ดังแผนที่เส้นทางการอพยพ หน้า 13) |
|
Settlement Pattern |
มีการสร้างบ้านทั้งในลักษณะดั้งเดิมประจำเผ่าและแบบสมัยใหม่แบบคนไทยทั่วไป ลักษณะต่าง ๆ ของแบบบ้านเป็นลักษณะเด่น ดังนี้ (หน้า 9-10)
- พื้นเรือน ได้แก่ เป็นดิน ลาดด้วยซีเมนต์ หรือยกพื้นสูง
- ฝาบ้าน สร้างด้วยวัสดุที่หาได้ใกล้เคียงหมู่บ้าน ซึ่งอาจทำด้วยไม้ไผ่ขัดแตะ, ไม้ถากแบบเก่าของม้ง, ไม้เลื่อย, แบบผสมไม้ถากและไม้เลื่อย
- หลังคา อาจทำขึ้นด้วยวัสดุประจำถิ่นหรือซื้อจากตลาด ได้แก่ หญ้าคา, แผ่นไม้เกล็ด, สังกะสี, กระเบื้องลอน
- หน้าต่าง โดยทั่วไปบ้านที่สร้างแบบประจำเผ่าจะไม่มีหน้าต่าง แต่ที่นี่มีการสร้างหน้าต่างหลายครัวเรือน |
|
Demography |
ในปี พ.ศ. 2526 ประกอบด้วย 64 ครัวเรือน 91 ครอบครัว มีจำนวนประชากร 450 คน โดยแยกเป็นเพศชาย 241 คน เพศหญิง 209 คน ซึ่งมีประชากรในกลุ่มอายุน้อยอยู่เป็นจำนวนมากกว่าประชากรวัยแรงงานและวัยชรา (หน้า 18,20)
การย้ายถิ่น - มีการย้ายออกมากกว่าการย้ายเข้า เนื่องกจากการแต่งงานกับคนต่างหมู่บ้านโดยฝ่ายหญิงบ้านป่ากล้วยแต่งงานกีบผู้ชายหมู่บ้านอื่นก็จะอพยพตามสามีไป อัตราการเกิด - คิดเป็นร้อยละ 3.77 ในปี 2526 ซึ่งเป็นอัตราที่ค่อนข้างสูง อัตราการตาย - คิดเป็นร้อยละ 0.22 ในปี 2526 ซึ่งนับว่าต่ำมาก ดังนั้นการเพิ่มจำนวนประชากรตามธรรมชาติของบ้านป่ากล้วยจึงมาจากจำนวนคนเกิดมากกว่าจำนวนคนตาย (หน้า 23-24) |
|
Economy |
อาชีพเกษตรกรรมถือเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านป่ากล้วย โดยพืชที่เพาะปลูก ได้แก่ การทำนาดำ, ไร่ข้าว, ฝิ่น, ข้าวโพด, ถั่วแดง, กาแฟ, ท้อ, มันฝรั่ง, ผักชี เป็นต้น
ผู้วิจัยพบว่าปริมาณการปลูกฝิ่นเพิ่มขึ้นเรื่อย (ตั้งแต่ปี 2525-2527) จนสูงถึง 95.3 ของครัวเรือนรวม หรือมีพื้นที่ในการปลูก ราว ๆ 584.375 ไร่ จากการสำรวจภาคสนามและภาพถ่ายทางอากาศ โดยมีรายได้จากการขายฝิ่นถือเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าการขายพืชที่ปลูกชนิดอื่น ๆ เช่น ท้อ มันฝรั่ง หอมแดง เป็นต้น
ส่วนข้าวหรือพืชบางชนิดมีไว้บริโภคในครัวเรือนและใช้ในการเลี้ยงสัตว์ นอกจากนี้ อาชีพรองที่ชาวบ้านป่ากล้วยทำกัน ได้แก่ รับจ้าง, ค้าขาย, ขนส่ง อุตสาหกรรมในครัวเรือนซึ่งเป็นงานตีเหล็ก และการเก็บของป่าขาย จากการสัมภาษณ์ของผู้วิจัยกับผู้นำหมู่บ้านคนหนึ่ง ทำให้ทราบว่า มีการใช้ยาปราบศัตรูพืชและปุ๋ยอย่างมากกับการปลูกฝิ่น เพื่อให้ได้ให้ได้ผลผลิตดี โดยอัตราการใช้ปุ๋ย 1 กระสอบ (50 ก.ก.) ต่อพื้นที่ 1 ไร่ (หน้า 24-38) |
|
Political Organization |
หัวหน้าหมู่บ้านคนปัจจุบัน (ปี 2526) ชาวบ้านเลือกขึ้นเอง ไม่ได้รับการแต่งตั้งจากทางราชการแต่ก็ยอมรับในการติดต่อกับทางราชการ การติดต่อกับหน่วยงานราชการ นอกจากนี้ยังมีการดำเนินโครงการปลูกพืชทดแทนและการตลาดพื้นที่สูง ไทย - สหประชาชาติ (HAMP) โดยส่งเสริมให้ปลูก กาแฟ ถั่วแดง กระทียม หอมแดง ผักและผลไม้ (หน้า 8-9) |
|
Belief System |
ชาวบ้านส่วนใหญ่ซึ่งเป็นม้งยังยึดมั่นในความเชื่อแบบดั้งเดิม คือ นับถือผี ส่วนศาสนาพุทธ นั้นได้แก่คนไทยและจีนฮ่อที่อาศัยอยู่ ยังมีบางส่วนที่นับถือคริสตศาสนาซึ่งเป็นกลุ่มที่อพยพไปยังที่อื่น (หน้า 18) |
|
Education and Socialization |
กรมประชาสงเคราะห์เข้ามาจัดตั้งโรงเรียนชั่วคราวในปี 2524 โดยมีครูประจำ 1 คน เจ้าหน้าที่อนามัยปฏิบัติงานประจำอยู่อีก 1 คน เมื่อปี 2525 ทางการประถมศึกษาได้ส่งครูมาช่วยสอนระดับประถมศึกษาและเปิดทำการอย่างเป็นทางการ และในปี 2526 กรมการศึกษานอกโรงเรียน ได้จัดสอนการศึกษาผู้ใหญ่อีกด้วย (หน้า 5) |
|
Health and Medicine |
ผู้วิจัยกล่าวถึงภาวะการเสพฝิ่นติด อันมีสาเหตุจากการเจ็บป่วยและอยากลองหรือตามเพื่อน โดยมีจำนวนผู้เสพย์ติด 19 รายในจำนวนทั้งหมดนี้มีผู้เคนเข้ารับการบำบัดรักษาจากโรงพยาบาลต่าง ๆ มาแล้ว บางรายยังมีความประสงค์จะเข้ารับการบำบัดรักษาอีกด้วย (หน้า 48, 51) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
บ้านป่ากล้วยมีหมู่บ้านใกล้เคียงสามารถติดต่อกันได้โดยทางรถยนต์ คือ บ้านหนองอาบช้าง, บ้านห้วยขนุน 2, บ้านห้วยขนุน1, บ้านส้มป่อย ส่วนการติดต่อซื้อขายสินค้านั้น บ้านป่ากล้วยจะติดต่อโดยตรงกับตลาดอำเภอจอมทอง และตลาดในตัวเมืองเชียงใหม่ (หน้า 8)
จากการตั้งถิ่นฐานอยู่ร่วมกันของเชื้อชาติต่างๆ คือ ม้ง ไทย กะเหรี่ยง ลีซอ จีนฮ่อ และอีก้อ ทำให้มีการแต่งงานผสมผสานกันไป โดยเผ่าม้งเป็นเชื้อชาติหลัก ได้แต่งงานกับคนไทยทั้งชายและหญิง กะเหรี่ยงอาศัยอยู่ในชุมชนเนื่องจากเข้ามาทำงานแล้วแต่งงานกับคนไทย ลีซอแต่งงานกับจีนฮ่อที่อาศัยอยู่ในชุมชนนี้
ส่วนอีก้อนั้นได้เข้าร่วมกับชุมชนม้งขณะที่ตั้งถิ่นฐานที่อำเภอพร้าวก่อนแยกตัวอพยพไปยังบ้านป่ากล้วยเพื่อตั้งครอบครัวอยู่รวมด้วยกัน (หน้า 18) |
|
Social Cultural and Identity Change |
การเปลี่ยนแปลงลักษณะที่อยู่อาศัยของชุมชนม้งจากลักษณะดั้งเดิมที่ใช้วัสดุในพื้นที่เป็นหลักมาเป็นแบบสมัยใหม่ตามแบบคนพื้นราบและใช้วัสดุสมัยใหม่จากตลาดมากขึ้น (หน้า 10) |
|
Map/Illustration |
แผนที่เส้นทางเข้าสู่หมู่บ้านป่ากล้วย (หน้า 6)
แผนที่เส้นทางการอพยพของบ้านป่ากล้วย (หน้า 13)
แผนผังบ้านป่ากล้วย (หน้า17)
ตารางที่ 1 ข้อมูลประชากร (หน้า 21)
ตารางที่ 2 พื้นที่การเกษตรและผลผลิตปี 2525-2526
ตารางที่ 3 การเปรียบเทียบภาวะการผลิตฝิ่นของหมู่บ้านม้ง 3 หมู่บ้าน (หน้า 28)
ตารางที่ 13 การเสพฝิ่นติด (หน้า 49) |
|
|