|
Princess Maha Chakri Sirindhorn Anthropology Centre
Ethnic Groups Research Database |
|
Record |
|
 |
Subject |
คนไทย,ประเพณี,วัฒนธรรม,มาเลเซีย |
Author |
สุธานี เพ็ชรทอง |
Title |
ศึกษาประเพณีทำบุญเดือนสิบของชาวมาเลเซียเชื้อสายไทย ในอำเภอตุมปัต รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย |
Document Type |
วิทยานิพนธ์ |
Original Language of Text |
ภาษาไทย |
Ethnic Identity |
-
|
Language and Linguistic Affiliations |
ไม่ระบุ |
Location of
Documents |
ห้องสมุดศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร |
Total Pages |
96 |
Year |
2547 |
Source |
สาขาวิชาไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณ |
Abstract |
ประเพณีทำบุญเดือนสิบของชาวมาเลเซียเชื้อสายไทย ในอำเภอตุมปัต รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย จัดขึ้นในวันแรม 1 ค่ำ และแรม 15 ค่ำ เดือนสิบทางจันทรคติ เพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ญาติพี่น้อง ที่ล่วงลับไปแล้ว และคนที่มีบาปทั้งหลายที่ตกนรก ที่เรียกว่า เปรต จะถูกปล่อยขึ้นมาจากนรกให้มาพบลูกหลานและญาติพี่น้องในเมืองมนุษย์ในวันแรม 1 ค่ำ เดือนสิบ และจะถูกเรียกกลับไปสู่นรกดังเดิมในวันแรม 15 ค่ำ เดือนสิบ โดยทำพิธีกันในวัด ขั้นตอนการปฏิบัติในพิธีทำบุญเดือนสิบ ได้แก่ พิธีสระเปรต เปรียบเสมือนการชำระล้างร่างกายให้กับบรรพบุรุษ การตั้งเปรต ด้วยการเตรียมหฺมฺรับ (สำรับ) ถวายพระสงฆ์ บรรพบุรุษที่ล่วงลับ และวิญญาณที่ไม่มีญาติ และชิงเปรต ด้วยการแย่งอาหารที่ตั้งเปรต ถือเป็นบุญกุศลและสิริมงคลประเพณีทำบุญเดือนสิบยังสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมด้านอาหาร วัฒนธรรมด้านสังคมสัมพันธ์ วัฒนธรรมด้านความเชื่อ และวัฒนธรรมด้านศิลปกรรม (หน้า 43, 52-62, 90-92) |
|
Focus |
ศึกษาขั้นตอนและการปฏิบัติ รวมทั้งวัฒนธรรมที่ปรากฎในประเพณีทำบุญเดือนสิบของชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยในอำเภอตุมปัต รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย (หน้า 7) |
|
Ethnic Group in the Focus |
ชาวมาเลเซียเชื้อสายไทย ในอำเภอตุมปัต รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ชาวมาเลเซียเชื้อสายไทย หมายถึง คนสัญชาติมาเลเซียที่นับถือศาสนาพุทธและใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวัน (หน้า 8) |
|
Language and Linguistic Affiliations |
|
Study Period (Data Collection) |
พ.ศ.2546 - 2547 (หน้า 102) |
|
History of the Group and Community |
คนไทยในประเทศไทยกับชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยในประเทศมาเลเซียเป็นชนกลุ่มเดียวกันมาแต่อดีต จากหนังสือประวัติแหลมมลายู และหนังสือสะยะระห์มลายู มีข้อความตรงกันว่า ชนชาติไทยได้เข้ามาเป็นเจ้าเมืองปาหังและมาตั้งเมืองปัตตานีขึ้น และยังบันทึกไว้อีกว่ามีเมืองไทยเมืองหนึ่งมีนามว่า สะหะรันนาวี มีพระเจ้าแผ่นดินทรงพระนามว่า พระเจ้าบูบันซา หรือที่ออกนามตามอักษรสาส์นถึงออกญามะละกาว่า พระเจ้าวดี จากหลักฐานดังกล่าวพออนุมานได้ว่า ชนเผ่าไทยได้อพยพมาอยู่ในแผ่นดินมลายูประมาณ 1,000 ปีมาแล้ว (หน้า 1) |
|
Settlement Pattern |
ชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยในอำเภอตุมปัต ส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ในที่ราบบนฝั่งแม่น้ำกลันตัน โดยเฉพาะตามท้องถิ่นใกล้ชายแดนไทย (หน้า 4) |
|
Demography |
จากสำมะโนประชากร ในปี พ.ศ.2541 รัฐกลันตันมีประชากรประมาณ 1,378,100 คน คิดเป็นร้อยละ 6.2 ของประชากรทั้งประเทศ ในจำนวนนี้เป็นชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยประมาณ 24,800 คน คิดเป็นร้อยละ 1.8 ของประชากรในรัฐกลันตัน (หน้า 3) |
|
Economy |
ชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยในอำเภอตุมปัต มีอาชีพส่วนใหญ่ คือ ทำนาและทำสวนยางพารา มีฐานะยากจน ทำการค้าขายบ้างเล็กๆ น้อยๆ ในกลุ่ม อาชีพรับราชการมีน้อยมาก (หน้า 4) |
|
Social Organization |
ชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยในอำเภอตุมปัตยังคงความเป็นไทย รักสงบ ยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย อบรมสั่งสอนบุตรหลานให้รู้จักความเป็นไทยได้อย่างต่อเนื่อง (หน้า 4) การทำบุญเดือนสิบของชาวมาเลเซียเชื้อสายไทย ในอำเภอตุมปัต รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้วิญญาณบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว จึงเป็นสิ่งที่ลืมไม่ได้ ถึงแม้จะทำงานอยู่ต่างถิ่นก็ต้องกลับมาทำบุญที่บ้านเกิดของตนเอง ถ้าไม่ไปทำบุญถือว่าเป็นพวกเนรคุณไม่รู้จักบุญคุณของบุพการี (หน้า 44-45) การทำบุญเดือนสิบยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์กันระหว่างญาติพี่น้อง รวมทั้งเพื่อนบ้านและคนต่างถิ่น (หน้า 79) |
|
Belief System |
ชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยในอำเภอตุมปัต ยึดวัดเป็นสรณะทางใจ ปฏิบัติตนตามหลักธรรมอย่างเคร่งครัด (หน้า 4) งานทำบุญเดือนสิบก็มีการทำพิธีกันที่วัด ประเพณีทำบุญเดือนสิบ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อเกี่ยวกับวิญญาณ ความเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม ความเชื่อเรื่องชาติภพ ความเชื่อเรื่องผลทาน และความเชื่อเรื่องอานิสงส์แห่งความกตัญญูกตเวที (หน้า 84) ประเพณีทำบุญเดือนสิบ เป็นประเพณีเก่าแก่และสำคัญมากประเพณีหนึ่งของชาวมาเลเซียเชื้อสายไทย ในอำเภอตุมปัต รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ประเพณีนี้ คนในท้องถิ่น เรียกว่า ประเพณีชิงเปรต หรือวันชิงเปรต ซึ่งทำกันในวันแรม 1 ค่ำ และแรม 15 ค่ำ เดือนสิบทางจันทรคติ เพราะมีความเชื่อทางพุทธศาสนาว่า ในปลายเดือนสิบของทุกปี พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ญาติพี่น้อง ที่ล่วงลับไปแล้ว และคนที่มีบาปทั้งหลายที่ตกนรก ที่เรียกว่า เปรต จะถูกปล่อยขึ้นมาจากนรกให้มาพบลูกหลานและญาติพี่น้องในเมืองมนุษย์ในวันแรม 1 ค่ำ เดือนสิบ และจะถูกเรียกกลับไปสู่นรกดังเดิมในวันแรม 15 ค่ำ เดือนสิบ ลูกหลานและญาติพี่น้องจะแสดงความกตัญญูโดยแสวงหาอาหารต่าง ๆ ไปทำบุญที่วัดเพื่ออุทิศส่วนบุญให้แก่ผู้ที่ล่วงลับ โดยทำบุญในวันแรม 1 ค่ำ เป็นวันแรกที่เปรตขึ้นมาจากนรก เรียกว่า วันรับเปรต และทำบุญในวันแรม 15 ค่ำ เป็นวันที่เปรตจะต้องกลับไปสู่นรก เรียกว่า วันรับเปรต แต่ในบางชุมชนของชาวมาเลเซียเชื้อสายไทย ในอำเภอตุมปัต รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย มีการทำบุญถึง 3 ครั้ง โดยทำบุญเพิ่มขึ้นในวันแรม 8 ค่ำเดือนสิบ (หน้า 43-44) อาหารที่ใช้ทำบุญมีทั้งอาหารคาว หวาน ผักและผลไม้ตามฤดูกาล และที่ขาดไม่ได้ คือ ขนมเดือนสิบ ได้แก่ ขนมพอง ขนมลา ขนมบ้า ขนมไข่ปลา และขนมเจาะหู (ขนมดีซำ) จัดใส่กระจาด กะละมังหรือกระบุง (หน้า 47) ขั้นตอนการปฏิบัติในพิธีทำบุญเดือนสิบ เริ่มจาก 6 โมงเช้า มีพิธีสระเปรตเพื่อเป็นการชำระร่างกายให้บรรพบุรุษ จะไปทำที่บัวเก็บอัฐิบรรพบุรุษ เริ่มจาก อาบ สระ ทาแป้งและใส่น้ำหอม และทำเช่นเดียวกันนี้ที่เสาร้านเปรตให้กับเปรตที่ไม่มีญาติ จากนั้นจึงเป็นพิธีสงฆ์ รับศีล ฟังเทศน์ ถวายภัตตาหาร และกรวดน้ำ ชาวบ้านจะนำอาหารส่วนหนึ่งที่ห่อหรือใส่กระทงมาจากบ้านนำไปตั้งบนร้านเปรต เรียกว่า การตั้งเปรต จากนั้นพระสงฆ์สวดบังสุกุล และกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ต่อจากนั้นมีการ ชิงเปรต คือ ผู้ที่ล้อมวงตั้งเปรตจะวิ่งเข้าไปแย่งชิงขนม ข้าวปลาอาหารและเงินที่ตั้งเปรตไว้ จะถือว่าได้บุญกุศลและเป็นสิริมงคล นอกจากจะตั้งเปรตไว้ในวัดแล้วยังตั้งไว้นอกวัดข้างกำแพงวัดให้กับเปรตที่ไม่มีญาติหรือพวกที่มีบาปมากไม่กล้าเข้าวัด อาหารนี้จะตั้งทิ้งไว้เป็นอาหารพวกสัตว์ต่าง ๆ จากนั้นจึงแยกย้ายกันตั้งวงร่วมรับประทานอาหารกัน (หน้า 52-62) |
|
Education and Socialization |
ชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยในอำเภอตุมปัต ยังขาดโอกาสในการศึกษาเพราะฐานะยากจนหรืออาจไม่ชอบเรียนหนังสือ เป็นได้ทั้งสองกรณี (หน้า 4) |
|
Art and Crafts (including Clothing Costume) |
การจัดหฺมฺรับ (สำรับ) ในพิธีทำบุญเดือนสิบ จัดได้ว่าเป็นวัฒนธรรมทางศิลปกรรม มีองค์ประกอบ ได้แก่ ฐานหฺมฺรับหรือภาชนะสำหรับบรรจุ เป็นภาชนะที่มีอยู่แล้วตามบ้าน สิ่งที่บรรจุในหฺมฺรับ ที่ขาดไม่ได้ คือ ขนมเดือนสิบ ได้แก่ ขนมพอง ขนมลา ขนมบ้า ขนมไข่ปลา และขนมเจาะหู (ขนมดีซำ) น้ำ อาหารแห้ง พืชผล เครื่องอุปโภคประจำวัน เครื่องเชี่ยน ดอกไม้ ภาชนะหรือเครื่องใช้ในการรับประทานอาหาร และอุปกรณ์เครื่องใช้อื่น ๆ ที่บรรพบุรุษชอบใช้ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ยอดหฺมฺรับ สมัยก่อนจะทำเป็นกระทงใบตองรูปกลมใส่ข้าวสุก แล้วเจียนใบตองให้กลมขนาดเดียวกันปิด บนใบตองที่ปิด ตั้งกระทงเล็กบรรจุกับข้าวและของหวาน แล้วเย็บใบตองเป็นรูปฝาชีทรงสูงครอบ บนยอดสุดปักธูปเทียนและธงผ้าหรือธงกระดาษเล็ก ๆ หลากสี ปัจจุบันธงผ้าหรือ ธงกระดาษเปลี่ยนเป็นธนบัตรติดก้านปักเป็นธง และมีการประดับตกแต่ง ด้วยดอกไม้ ใบตอง เปลือกหรือฝักข้าวโพด ถ้าจัดกันครอบครัวเดียวจะมีขนาดเล็ก ถ้าจัดรวมกันหลายครอบครัวจะต้องมีขนาดใหญ่พอควร แต่สูงไม่เกิน 1 เมตร ส่วนรูปทรงจะเป็นแบบใดก็ได้ (หน้า 86-87) |
|
Folklore |
ประเพณีทำบุญเดือนสิบเกิดขึ้นจากความเชื่อทางพุทธศาสนาที่ว่า ในปลายเดือนสิบของทุกปี พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ญาติพี่น้อง ที่ล่วงลับไปแล้ว และคนที่มีบาปทั้งหลายที่ตกนรก ที่เรียกว่า เปรต จะถูกปล่อยขึ้นมาจากนรกให้มาพบลูกหลานและญาติพี่น้องในเมืองมนุษย์ในวันแรม 1 ค่ำ เดือนสิบ และจะถูกเรียกกลับไปสู่นรกดังเดิมในวันแรม 15 ค่ำ เดือนสิบ ลูกหลานและญาติพี่น้องจะแสดงความกตัญญูโดยแสวงหาอาหารต่าง ๆ ไปทำบุญที่วัดเพื่ออุทิศส่วนบุญให้แก่ผู้ที่ล่วงลับ (หน้า 43) |
|
Ethnicity (Ethnic Identity, Boundaries and Ethnic Relation) |
ประเพณีทำบุญเดือนสิบของชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยในอำเภอตุมปัต ยังเป็นแบบดั้งเดิมที่ดำรงไว้ เพราะชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยในประเทศมาเลเซียนั้น ถือเป็นคนกลุ่มน้อย จำเป็นต้องมีประเพณีที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันสังคมของตนไว้ ขั้นตอนการปฏิบัติมีการสืบทอดอย่างเป็นระบบจากรุ่นสู่รุ่นและมีการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดทุกขั้นตอน(หน้า 4,92) |
|
Social Cultural and Identity Change |
ชาวมาเลเซียเชื้อสายไทยในอำเภอตุมปัตนั้นเป็นคนรักสงบจึงไม่มีความขัดแย้งกับชนเผ่าอื่น ๆ ไม่มีความขัดแย้งทางศาสนา ไม่มีความขัดแย้งทางการเมือง มีความสัมพันธ์กับคนไทยในประเทศไทยทางสายเลือด (หน้า 4) |
|
Map/Illustration |
ภาพประกอบ 17 แผนที่ประเทศมาเลเซีย (หน้า 110) ภาพประกอบ 18 แผนที่แสดงหมู่บ้านคนไทยในรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย (หน้า 111) |
|
|